"ขอรับ"ชิงอีรีบไปจัดการ เรื่องนี้เขาต้องไปจัดการเอง เช่นนี้จึงจะสามารถแสดงออกถึงความจริงใจของเขาหลานหรงกลับมองแผ่นหลังอ๋องเจวี้ยนที่เดินเข้าห้องไปพลางถอนหายใจพวกเขาก็แค่เป็นห่วงท่านอ๋องเท่านั้น เป็นห่วงว่าเขาจะจมดิ่งเพราะปัญหาเรื่องหน้าตาท่านอ๋องยังไม่รู้จะเผชิญหน้ากับพระชายาอย่างไรเลยเซียวหลันยวนหลังจากเข้าห้องไปก็ยังไม่สงบใจลงมา เขาไม่รู้ว่าเสี่ยวชิ่นจะพูดอะไรกับฟู่จาวหนิงบ้างคิดถึงจุดนี้ ในใจเขาสั่นกึก หมุนตัวออกประตูไปทันทัน ปลดปล่อยวิชาตัวเบาพุ่งแฉลบไปยังฟู่จาวหนิงทางนั้นอย่างเงียบเชียบ"ไม่ต้องตามมา"หลานหรงเดิมทีคิดจะตามไป พอได้ยินประโยคนี้ก็ทำได้แค่หยุดเท้าลงฟู่จาวหนิงพอเสี่ยวชิ่นกลับไปที่ห้อง พวกของสืออีก็ส่งข้าวส่งชาเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วยังมีน้ำร้อนมาให้อีกด้วย"ประคบตาเอาไว้ก่อน ร้องไห้เสียขนาดนี้คงจะเจ็บน่าดูเลย จะเอาแต่ใช้ผ้ามาเช็ดน้ำตาตลอดไม่ได้นะ"ถ้าเช็ดต่อผิวได้ถลอกแน่เสี่ยวชิ่นฟังคำของนาง ดื่มชาไปแก้วหนึ่ง เอนตัวบนแคร่ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคมดวงตา มุมปากเองก็เกร็งเม้ม ดูแล้วยังรู้สึกไม่ปลอดภัยและตึงเครียดอยู่ฟู่จาวหนิงนั่งลงมาข้างนาง"เสี่ยวชิ่น
อ๋องเจวี้ยนเป็นสามีของนางจริงไหม?"ตอนนี้น่ะใช่" ฟู่จาวหนิงตอบ อืม อย่างน้อยก็ยังไม่ได้หย่ากันนี่นะ เขาเองก็ไม่ได้คิดจะเลิกกับนางด้วย"ฮือ..."พอได้ยินคำตอบของฟู่จาวหนิง เสี่ยวชิ่นก็ร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ร้องไห้ทำไมกันล่ะ?""นายท่านรุ้ไหม? นายท่านเคยเจออ๋องเจวี้ยนไหม?""เคยสิ เขารู้อยู่แล้ว""ไม่ นายท่านจะต้องไม่เคยเห็นอ๋องเจวี้ยนในสภาพนี้แน่ ข้าน้อยเมื่อครู่เห็นอ๋องเจวี้ยนใส่หน้ากากอยู่!""อืม เขาก่อนหน้านี้ก็ใส่หน้ากากตลอดจริงๆ""คุณหนู แล้วใครกันที่มาทำร้ายท่านเช่นนี้? ทำไมจึงให้ท่านแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยน? ท่านไม่กลัวใบหน้าของเขาหรือ? ยิ่งไปกว่นั้นเขายังไม่ดีกับท่านด้วย!"เสี่ยวชิ่นครั้งนี้พอเจอเซียวหลันยวนก็เกือบชีวิตจะหาไม่ ดังนั้นภาพจำจึงเป็นความหวาดกลัวจากที่นางเห็น อ๋องเจวี้ยนน่ากลัวมาก หน้าตาน่ากลัว อารมณ์เองก็เย็นชา คนเช่นนี้จะดีกับคุณหนูได้อย่างไร?เสี่ยวชิ่นเป็นห่วงฟู่จาวหนิงจริงๆ"คุณหนูท่านเป็นคนดี เป็นคนอ่อนโยน ดีเสียขนาดนี้ ทำไมจึงยอมรับการแต่งงานนี้กัน?" เสี่ยวชิ่นร้องไห้สะอึกสะอื้น ปวดใจเหลือเกิน "ไท่ไท่อาวุโสล้วคิดอยากจะแนะนำชายหนุ่มดีดีของต้าชื่อใ
"จะว่าไป เจ้าเองก็รู้จักข้ามานานแค่ไหน? เจ้ารู้ว่าข้ากับเขาแต่งงานกันอย่างไรไหม?"เสี่ยวชิ่นส่ายหัวอย่างงงงัน"เจ้ารู้ไหมว่าพวกเราเจอกันอย่างไร?""เจ้าทำไมถึงมั่นใจนักว่าเขาไม่คูควรและปกป้องข้าไม่ได้?""เจ้าไม่ใช่ข้าเสียหน่อย เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะตกใจกับหน้าตาของเขาเหมือนเจ้าหรือไม่? เจ้าทำไมถึงมั่นใจนัก ว่าข้ารู้สึกน่าสงสารขนาดนี้?""เจ้าไม่รู้อะไรเลยถูกไหม? เจ้าก็แค่รู้สึกของเจ้าไปเอง คิดไปเอง แต่เขาเป็นสามีของข้า ไม่ใช่ของเจ้า"ฟู่จาวหนิงยืนขึ้นมา "ต่อให้เป็นพ่อแม่ข้า ก็ไม่มีคุณสมบัติจะใช้ความคิดของตนเองมาส่งผลกระทบกับการเลือกของข้า แล้วเจ้าเป็นใครกัน?"คำพูดนี้พูดถึงจุดหลักๆ เสี่ยวชิ่นก็ตกใจจนคุกเข่าลงกับพื้น"คุณหนู ข้าน้อยไม่ได้มีความหมายเช่นนั้น""ดังนั้นข้าหวังว่าคำพูดเช่นนี้จะไม่มีอีกเป็นครั้งที่สอง" ฟู่จาวหนิงมองสภาพตัวสั่นงันงกของนาง ก็พอจะจินตนาการได้ว่าตอนที่นางเห็นเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ตกใจกลัวมากขนาดไหนสำหรับเซียวหลันยวนแล้ว น่าจะกระทบกระเทือนจิตใจมากแต่ในใจนางก็ยังรู้สึกสงสัยตอนแรกที่นางจาดมา ใบหน้าของเซียวหลันยวนยังไม่ถึงกับน่ากลัวขนาดนี้กระมัง? เ
หลานหรงพอเห็นฟู่จาวหนิงเข้ามา ในใจก็ลิงโลดพระชายายังไม่วางใจท่านอ๋องสินะ? เพราะเขาเห็นฟู่จาวหนิงสะพายกล่องยามาด้วยเช่นนี้ในใจท่านอ๋องก็คงจะดีขึ้นบ้างแล้วเมื่อครู่ท่านอ๋องออกไปพักหนึ่ง หลังจากกลับมาก็เข้าห้องปิดประตู กลิ่นอายทั้งตัวทำเอาคนสันหลังวาบจนไม่กล้าเข้าใกล้ต่อให้ไม่เห็นใบหน้าของท่านอ๋อง ก็ยังรู้ว่าอารมณ์ของเขาดิ่งวูบแค่ไหน"พระชายาท่านมาแล้ว"หลานหรงยกเสียงสูง หวังว่าท่านอ๋องในห้องจะได้ยิน"ท่านอ๋องของพวกเจ้าล่ะ?"ฟู่จาวหนิงมองประตูห้องที่ปิดสนิท"ท่านอ๋องอยู่ในห้องขอรับ..."พอสิ้นเสียงหลานหรง พวกเขาก็เห็นแสงเทียนที่ลอดออกมาจากหน้าต่างกระดาษดับลงทันที ในห้องมืดลงทันควันครึ่งประโยคหลังของหลานหรงจุกอยู่ตรงคอไม่ใช่สิ ท่านอ๋อง ท่านทำอะไรเนี่ย?ฟู่จาวหนิงเองก็ถูกท่าทีของเซียวหลันยวนทำให้โมโหเสียแล้ว"เซียวหลันยวน ข้ายังเป็นหมอของท่านนะ ข้าจะเข้าไปจับชีพจร แล้วรักษาต่อ!"นางพอคิดถึงการทำร้ายต่อตัวเขาของเสี่ยวชิ่น ก็รู้สึกว่าตนเองยอมถอยให้ก้าวหนึ่งได้ ดังนั้นต่อให้จะโกรธ ก็ยังอดระงับไฟโกรธในใจแล้วพูดออกมา"ไม่ต้อง ข้าเหนื่อยแล้ว เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ" ในห้องมีเสี
หลานหรงพอได้ยินการเคลื่อนไหว ก็ส่งองครักษ์ลับสี่คนแอบตามไปไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้ปกป้องพระชายาให้ปลอดภัยคือเรื่องสำคัญที่สุด"นางออกไปแล้วหรือ?"ฟู่จาวหนิงพอออกไป เซียวหลันยวนก็ได้ข่าวชิงอีพอมองท่านอ๋อง "ออกไปแล้ว หลานหรงส่งคนตามไปเรียบร้อย แต่เป็นการแอบคุ้มครองลับๆ ไม่ได้ให้พระชายารู้ตัว""อืม""ท่านอ๋อง แต่พระชายาโกรธขนาดนี้ไม่เป็นไรหรือ?""มากไป"เซียวหลันยวนไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ต่ออย่างเห็นได้ชัดเมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อตอนนี้คึกคักเอามากๆ จริงๆ คนบนถนนมากมายเต็มไปหมด ไหล่เบียดชนขวักไขว่ไปมาไม่หยุดถนนตรอกซอกซอยล้วนมีคนมาวางแผงขายของ ร้านรวงสองฝั่งก็ล้วนธงราวโบกสะบัด เถ้าแก่บริการเข้าออกคอยรับแขกเหรื่อสินค้ามากมายหลายประเภท ละลานตาไปหมด ทำเอาดูกันไม่หวาดไหวเลยทีเดียวร้านบางส่วนที่ขายดีหน่อย ด้านหน้าก็มีผู้คนล้อมกันจนเดินไม่ได้เสื้อผ้าที่คนบนถนนสวมก็มีมากมายหลากสีผู้คนที่เดินผ่านข้างกายฟู่จาวหนิง มักจะได้ยินภาษาที่แตกต่างกัน นางยังได้ยินภาษาหนานฉือด้วย ดูท่าคนจากแคว้นหนานฉือกู่ก็ยังมากันที่ต้าชื่อด้วยในอากาศมีกลิ่นต่างๆ ปนเปกันอยู่ส่วนมากล้วนเป็นกลิ่นหอม กลิ่นห
ฟู่จาวหนิงไม่ค่อยแน่ใจเสียแล้ว"การค้าของหออันดับหนึ่งดีเสียขนาดนี้ จะมีห้องชั้นสูงไว้ให้ตระกูลเสิ่นด้วยหรือ?""งานเทศกาลอวยพรสารทฤดูที่ผ่านๆ มาแม้จะไม่ได้คึกคักแบบปี้นี้ แต่ที่นี่ปลักๆ ก็มีแขกเต็มอยู่แล้ว แต่หออันดับหนึ่งก็จะเหลือห้องชั้นสูงเอาไว้ เพราะตระกูลฮั่วจะเหลือไว้สองห้องเตรียมไว้ตลอดเวลา อย่างมากพวกเขาก็เอาห้องของตนเองนั้นออกมาให้นั่นล่ะขอรับ""ปีนี้คึกคักขนาดนี้ น่าจะเพราะองค์หญิงใหญ่กลับเมืองหลวง"คนเยอะเหลือเกิน...วันนี้พวกเขาเบียดกันมาครึ่งเช้าจนรู้สึกเหนื่อยหน่อยๆ แล้วฟู่จาวหนิงที่เพิ่งเตรียมจะเข้าไป ด้านหลังก็มีคนเบียดเข้ามา"หลีกหน่อยๆ อย่ามาขวางข้าที่จะกินเห็ดเชียนเสวี่ย!""คุณหนูระวัง"สืออีรีบคุ้มครองฟู่จาวหนิงทันที สือซษนพลิกมือแหวกทางอีกฝ่ายเพราะคนกลุ่มนั้นเบียนดเข้ามาค่อนข้างรุนแรง ฟู่จาวหนิงเกือบถูกพวกเขาเบียดไปชนกับโครงประตู เสี่ยวชิ่นเซไปข้างๆ ยังดีที่ไป๋หู่ประคองตัวนางไว้ ไม่เช่นนั้นคงได้ล้มลงไปแล้วสือซานตอนนี้จึงพลิกมือ ผลักอีกฝ่ายโซเซจนไปชนพวกเดียวกันพวกเขาโมโหขึ้นทันที เดิมทีที่คิดจะรีบพุ่งเข้าไป ตอนนี้ทั้งหมดก็หยุดลงหันตัวกลับมา ถลึงตามอง
"คุณหนู" สีหน้าเสี่ยวชิ่นไม่ค่อยดีนัก "โหวผิงเอินเป็นพวกสืบทอดบรรดาศักดิ์ โหวผิงเอินคนแรกเป็นลูกพี่ลูกน้องกับจักรพรรดิองค์ที่แล้ว นับเป็นสมาชิกอาวุโสของราชวงศ์ น้องสาวของโหวผิงเอินเป็นพระชายาหมิ่นในวังอยู่ตอนนี้""ได้รับการโปรดปรานหรือ?""โปรดปรานเอามากๆ"เดิมทีบรรพบุรุษก็เป็นเชื้อพระญาติในราชวงศ์ เป็นขุนนาง ตอนนี้ในบ้านยังมีพระชายาคนโปรดอีกคนหนึ่ง ไม่แปลกที่โหวผิงเอินนี่จะกำเริบเสิบสานได้ขนาดนี้ด้านหลังพวกเขามีคนกระซิบกระซาบ เถ้าแก่ของหออันดับหนึ่งมีบริกรไปอ้อนวอน จึงรีบวิ่งตรงเข้ามาสมกับที่เป็นเถ้าแก่ใหญ่ของหออันดับหนึ่ง สวมเสื้อผ้าไหมหรูหราสีน้ำตาล ดูแล้วยังทรงสง่ายิ่งกว่าพวกนายท่านผู้ดีมีเงินทั่วไปเสียอีกเขาพอมาถึงก็รีบคารวะให้กับโหวผิงเอิน"ท่านโหวมาหรือ? แล้วยังมีเหล่ารัฐทายาทกับคุณชายอีก มากันหมดเลยหรือ? เห็ดเชียนเสวี่ยอีกครู่หนึ่งก็ทำเสร็จแล้ว ทุกท่านรีบขึ้นไปด้านบนเถิด อย่าเพิ่งยุ่งกับคนเหล่านี้เลย อารมณ์ดีเข้าไว้ อีกเดี๋ยวร่ำสุรากินอาหารจะได้ยิ่งเบิกบาน"เขาเข้าง้อพวกของโหวผิงเอินทันทีพี่ชายบริการอีกคนก็รีบส่งสัญญาณมือพูดกับพวกไป๋หู่"พวกท่านก็รีบเลี่ยงออกไปเถิด
เถ้าแก่ใหญ่เองก็ร้อนรนขึ้นมาถ้าหากหออันดับหนึ่งเกิดเรื่องขึ้น พวกเขาเองก็เดือดร้อนยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อล้วนมากินข้าวกันที่หออันดับหนึ่งกันทั้งนั้น เช่นนั้นพวกเขาถ้าปกป้องได้แค่ไหนก็ต้องทำ ทว่าตอนนี้ดูจะปกป้องคนเหล่านี้ไม่ไหวแล้ว"ไม่อย่างนั้น รอท่านโหวกินเห็ดเชียนเสวี่ยเสร็จก่อนค่อยว่ากันดีไหม? ถึงอย่างไรเห็ดเชียนเสวี่ยถ้าแช่น้ำแล้ว ต้องฝานแผ่นลงหม้อภายในหนึ่งเค่อ ตอนนี้ในครัวเองก็เตรียมจะฝานแผ่นแล้วด้วย ถ้าเสียเวลาไปคงไม่ดีนัก"คิดไม่ถึงว่าพอเถ้าแก่ใหญ่พูดถึงเรื่องนี้ ก็หยุดโหวผิงเอินไว้ได้จริงๆ"อย่างนั้นหรือ?""ท่านโหว พวกเราเดิมทีก็มาเพื่อเห็ดเชียนเสวี่ย จะให้พวกแมลงไม่กี่ตัวนี้ทำพวกเราเสียเวลาไม่ได้นะ" ชายอ้วนอีกคนก็เอ่ยตามขึ้นมา"ได้ เช่นนั้นก็เห็นแก่หน้าเห็ดเชียนเสวี่ยแล้วกัน"โหวผิงเอินชี้พวกไป๋หู่ "แต่คนพวกนี้ยังไปไหนไม่ได้ ให้อยู่ที่นี่ไปก่อน ให้พวกเขาเห็นพวกเรากินกันจนอิ่มหมีพีมันก่อน แล้วพวกเราค่อยไปชำระหนี้""ถูกต้องถูกต้อง"คนเหล่านั้นพอโบกมือ ด้านนอกก็มีพวกคนคุ้มครองเรือนล้อมกรอบเข้ามาทันที ขวางทางพวกไป๋หู่เอาไว้นี่คือไม่ให้พวกเขาออกไปจริงๆ"ไปๆๆ ขึ้นชั้น
"เช่นนั้นก็ใสหัวไป"เซียวหลันยวนพาคนออกจากคุกใหญ่เหล่าผู้คอมมองพวกเขา "หัวหน้า ตอนนี้ทำอย่างไรดี? นายพันเก๋อบอกไว้แล้ว ถ้าเฮ่อเหลียนเฟยมีความน่าสงสัยที่จะเป็นศัตรู ต้องคุมตัวเขาไว้ก่อนนี่นา"ก่อนหน้านี้ใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้าก็ดึงคนไว้แล้ว ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนพาเขาเดินวนในคุกไปรอบหนึ่ง จากนั้นกลับเดินกลับไปอย่างองอาจเสียอย่างนั้นพรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อถามขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?เรื่องนี้ จะต้องนำไปให้ฝ่าบาททรงทราบแน่ องค์จักรพรรดิถ้าหากถามหาความรับผิดชอบขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?แต่หัวหน้าคุกก็ไม่กล้าทำอะไรนี่นา"ช่างมัน ผลักไปบนหัวอ๋องเจวี้ยนให้หมดแล้วกัน พรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อซักไซ้ขึ้นมา พวกเราก็บอกไปว่าพวกเราขวางอ๋องเจวี้ยนไม่อยู่"นี่โทษพวกเขาได้ที่ไหน?ฟู่จาวหนิงพอเห็นพวกเขาออกมาแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ"เสี่ยวเฟยไม่ต้องอยู่หรือ?" นางถามเซียวหลันยวน"ไม่ต้องให้อยู่แล้ว ให้พวกเขาไปที่จวนอ๋องเองแล้วกัน" เซียวหลันยวนตอบฟู่จิ้นเชินมองเขา "ขอบคุณมาก"นี่คือความหมายที่จะปกป้องพวกเขาแล้วถ้าหากพวกเขาไม่อยู่ในจวนอ๋อง พรุ่งนี้นายพันเก๋อพาคนไปที่บ้านตระกูลฟู่ พวกเขาคงไม่มีทางต่
โป๋จีเอาเรื่องที่เผ่าเฮ่อเหลียนยึดครองเมืองพูดจนกลายเป็นตัวเลือกที่จำใจของพวกเขาเสียอย่างนั้นฟู่จาวเฟยถามยังถามสถานการณ์ในเมืองตอนนี้อีกหน่อย แล้วยังถามเขาว่าทำไมถึงถูกเก๋อมู่กวงจัง รอจนเขา...ตอบมาทีละข้อ ถามขึ้นมาทันที "แล้วจดหมายที่นำมาให้ข้าล่ะ? ข้าอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ส่งจดหมายให้กับข้าหรือ?"โป๋จีมองไปทางเซียวหลันยวน"นี่คืออ๋องเจวี้ยนสินะ? พวกข้าได้ยินว่า อ๋องเจวี้ยนตอนนี้เป็นพี่เขยของเจ้า""ใช่แล้ว แต่เขากับองค์จักรพรรดิมีความสัมพันธ์ไม่ค่อยดี"สายตาโป๋จีหม่นลงเล็กน้อย พวกเขารู้เรื่องนี้"แล้วพ่อแท้ๆ ของเจ้าล่ะ?""เขาฟังพี่สาวข้า""หมอเทวดาฟู่ใช่ไหม?""ใช่ ชื่อเสียงของพี่สาวข้ามากขนาดนี้เลยหรือ? ลือกันไปถึงทางเผ่าแล้วหรือ?" ฟู่จาวเฟยถาม"แน่นอน นางเป็นถึงหมอที่อายุน้อยสุดในสมาคมหมอใหญ่เลยนะ" แล้วยังเป็นหมอหญิงอีก"แล้วจดหมายอยู่ที่ไหนล่ะ?""จะส่งให้เจ้าเลยก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้หรอก แต่ว่าเจ้าต้องทำเรื่องหนึ่งก่อน จดหมายสำหรับพวกเราแล้วสำคัญมาก ไม่ใช่เรื่องที่จะทำร้ายหรอก""เขียนอะไรไว้หรือ?""เจ้าอ่านจดหมายก็จะเข้าใจเอง""ท่านจะให้ข้าช่วยทำอะไรหรือ?" ฟู่จาวเฟยเริ่มจะเกิด
ขอแค่พวกเขาสงสัยในตัวฟู่จาวเฟยก็พอแล้วหัวหน้าคุกกับมือปราบเจียงพวกเขาก็เริ่มสงสัยเช่นนี้แล้วพวกเขามองฟู่จาวเฟย และมองไปยังโป๋จี สีหน้าเองก็กังวลขึ้นมา"คุณชายฟู่ นี่มัน..." มือปราบเจียงเข้าประชิดฟู่จิ้นเชิน กดเสียงต่ำคิดจะเตือนเขาคุณชายฟู่จะฟังไม่ออกได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าอยู่ต่อหน้านายพันเก๋อ แล้วเห็นว่าโป๋จีกับคุณชายน้อยฟู่มีความสัมพันธ์อันดีกันล่ะก็ คุณชายน้อยฟู่ก็จะยิ่งน่าสงสัยมากขึ้นไปอีกนายพันเก๋อคงไม่มีทางเชื่อคุณชายน้อยฟู่แน่นอนแล้วถ้าคุณชายน้อยฟู่ถูกกำหนดให้เป็นพวกของราชาเฮ่อเหลียน เช่นนั้นก็ถือว่ามีโทษกบฏ อาจจะลากตระกูลฟู่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยได้กระทั่งว่า อ๋องเจวี้ยนเองก็จะโดนหางเลขไปด้วยแต่ว่า องค์จักรพรรดิก็คิดจะรับมืออ๋องเจวี้ยนชัดเจนขนาดนี้ เช่นนั้นถ้ามีโอกาสจับกุมขึ้นมาจะปล่อยไปได้อย่างไรกัน?มือปราบเจียงรู้ว่าลูกสาวตนเองชอบพระชายาอ๋องเจวี้ยนมาก ดังนั้นเขาจึงกังวลแทนพระชายาอ๋องเจวี้ยนขึ้นมา"่ท่านลุงโป๋จี ท่านกำลังพูดอะไรน่ะ? ท่านพ่อกับท่านแม่ข้าตอนนั้นไม่ได้จงใจทิ้งข้า แล้วก็..."ฟู่จาวเฟยชะงักไป เปลี่ยนคำใหม่ "ราชาเฮ่อเหลียนยังสังหารแม่เลี้ยงข
"ท่านลุงโป๋จี ได้ยินว่าท่านมาส่งจดหมายให้ข้าหรือ?"ฟู่จาวเฟยถามออกมาทันทีโป๋จีก่อนหน้านี้ก็ดีกับเขาพอควร แต่ตอนนี้พอมาคิด ก็น่าจะแค่คิดว่าเขาเป็นลูกชายของราชาเฮ่อเหลียน เมื่อครู่ตอนที่เขาเห็นสายตาของตนเอง ก็แตกต่างกับแต่ก่อนไปแล้วฟู่จาวเฟยตอนนี้ยังพิจารณาออกได้ว่า เมื่อครู่ตอนที่โป๋จีมองเห็นสายตาของเขา นั่นเป็นความตื่นเต้นดีใจที่ได้เห็นเป้าหมายยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ที่เขาถามออกมาโป๋จีก็ยังพิจารณามองเขาอยู่"ใช่แล้ว องค์ชาย" โป๋จีใช้ภาษาเมืองหลวงที่ฟังแล้วแปลกๆ เรียกเขาว่าองค์ชาย จากนั้นก็มองไปทางอ๋องเจวี้ยนด้วยสัญชาตญาณ เปลี่ยนเป็นภาษาเฮ่อเหลียนว่า "ราชาได้รับจดหมายของเจ้า บอกว่าเจ้าหาพ่อแม่ที่แท้จริงพบแล้ว มีตัวตนฐานะใหม่ ดูพึงพอใจมาก"โป๋จีไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนฟังภาษาเฮ่อเหลียนออกฟู่จิ้นเชินอันที่จริงก็ไม่รู้พอเขาฟังประโยคนี้ออกจึงมองไปทางเซียวหลันยวน ตอนนี้จะแปลให้เขาคงไม่สะดวกนัก ถ้าเขาพูดออกมาตอนนี้ เกรงว่าโป๋จีคงไม่พูดความจริงแล้วรอให้เขาพูดสิ่งที่ควรพูดให้จบก่อนแล้วกันคำนี้ของโป๋จี น่าจะพูดให้เขาฟังความหมายของคำพูดนี้ แสดงออกว่าราชาเฮ่อเหลียนรู้แล้วว่าฟู่จาวเฟยเ
ถ้าประตูวังปิดแล้ว คืนนี้น่าจะยังไม่ได้พบองค์จักรพรรดิเช่นนั้นพรุ่งนี้ช่วงประชุมเช้าก็น่าจะได้พบ ห่างจากตอนนี้ไม่ถึงสามชั่วยามเซียวหลันยวนไม่พูดอะไรอีกหลังจากเขาได้ข่าวไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องส่งคนไปคุ้มครองนอกวังแน่ เก๋อมู่กวงคืนนี้เข้าวังไม่ได้ ไม่ได้พบองค์จักรพรรดิ ดังนั้นจะต้องรอจนถึงประชุมเช้าแน่นอนช่วงหลายชั่วยามนี้เพียงพอแล้วพวกเขาได้ยินเสียงของฟู่จิ้นเชินแล้วฟู่จิ้นเชินกำลังพูดภาษาเฮ่อเหลียนอยู่"พี่เขย ท่านพ่อกำลังพูดว่า..." ฟู่จาวเฟยคิดจะแปลให้เซียวหลันยวนก่อนอย่างฉลาดเฉลียวรู้ความ แต่คิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจะโบกไม้โบกมือ"ข้าฟังออกน่ะ""อ๋า?"ฟู่จาวเฟยตกตะลึง"ลืมบอกไป ว่าข้าเป็นภาษาเฮ่อเหลียน" เซียวหลันยวนน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับกำลังพูดเรื่องเล็กจ้อยที่ธรรมดามากๆ เรื่องหนึ่งหัวหน้าคุกเองก็เหลือบมองเขาอย่างตกตะลึง"ถ้าข้าน้อยจำไม่ผิดล่ะก็ ท่านอ๋องยังพูดภาษาหนานฉือได้ด้วย?""ใช่"หัวหน้าคุกกับฟู่จาวเฟยสบตากันผาดหนึ่ง ทั้งสองคนล้วนเห็นความตกตลึงในดวงตาของอีกฝ่ายอ๋องเจวี้ยนทำไมถึงพูดได้หลายภาษานัก?เขาไม่ใช่ว่าพักฟื้นอยู่ในยอดเขาโยวชิงตลอดหรือไรกัน? คนทั้ง
เซียวหลันยวนรู้สึกนับถือฟู่จิ้นเชินจริงๆเขาเองก็ไม่ได้มีตัวตนฐานะพิเศษอะไร แต่กลับใช้ความสามารถตนเองเข้าไปในคุกใหญ่ได้ เข้าคุกใหญ่ไปยังพอทำเนา แต่นี่ยังได้พบกับโป๋จีด้วยนี่ร้ายกาจมากจริงๆ"พวกเจ้าให้เขาเข้าไปแบบนี้เลยหรือ?" เซียวหลันยวนรู้สึกแปลกใจจริงๆ"เรื่องนี้ เพราะโป๋จีพูดภาษาเราได้แค่นิดหน่อย คุณชายฟู่เขาพูดภาษาเฮ่อเหลียนได้"หัวหน้าคุกกังวลนิดหน่อย เขาเองก็ไม่รู้ว่าอ๋องเจวี้ยนยกโทษให้กับสามีภรรยาตระกูลฟู่แล้วหรือยังคนไม่น้อยในเมืองหลวงก็ยังมองความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่ออกถ้าหากอ๋องเจวี้ยนโกรธ แล้วหันมาระบายบนตัวเขาจะทำอย่างไรกัน"ท่านอ๋อง ท่านเองก็จะเข้าไปพบโป๋จีคนนั้นหรือ?" เขาถามขึ้นอย่างระมัดระวังอ๋องเจวี้ยนออกมาได้อีกครั้ง แสดงว่าไม่ได้ติดโรคระบาดนั้นมาพวกผู้คุมในคุกใหญ่หลายวันนี้ยังไม่ได้ดื่มยาน้ำของพระชายาอ๋องเจวี้ยน ทุกคนกินอาหารกันวันละสามมื้อ แต่ก็ยังไม่มีใครติดโรคชนิดนั้นเลยดังนั้นพวกเขาเชื่อมั่นในยาขอพระชายาอ๋องเจวี้ยน แน่นอนว่าเชื่อมั่นว่าอ๋องเจวี้ยนไม่ได้เป็นโรคระบาดด้วย"ข้าเข้าไปไม่ได้หรือ?""ไม่ใช่เช่นนั้น ไม่ใช่แน่นอน ท่านอ๋องเข้าไปได้" หัว
เซียวหลันยวนมองเสิ่นเชี่ยวผาดหนึ่ง"ก็แค่ไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมาเท่านั้น"มีแผนอะไรเสียที่ไหน?เรื่องเช่นนี้ ต่อให้พวกเขาลงมือตรวจสอบชัดเจน ก็ไม่ใช่อะไรที่จำทำเสร็จในชั่วครู่องค์จักรพรรดิจะต้องหยิบยืมเรื่องนี้แน่นอนใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้าทางนี้คงทานได้อีกไม่นานแล้ว อีกเดี๋ยวก็จะมีคนมาพาฟู่จาวเฟยไปคุกใหญ่ฟู่จาวหนิงกลับเข้าใจความหมายของเซียวหลันยวนขึ้นมา"พวกเราตอนนี้ส่งไปเอง ยังพอจะเลือกห้องขังได้อยู่""ข้าฟังพวกเจ้านั่นล่ะ" เสิ่นเชี่ยวเอ่ยขึ้นทันทีนางต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อลูกสาว ไม่ต้องถามให้ชัดเจนนัก ลูกสาวจะต้องไม่ทำร้ายน้องชายแน่ๆ แค่ฟังนางไว้ก็พอเรื่องในเมืองหลวง พวกเขาจะต้องเข้าใจชัดเจนกว่านางแน่นอน"เรื่องนั้นไม่ควรชักช้าไปกันตอนนี้เลย" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นหมุนตัวออกไปก่อนฟู่จาวหนิงกวักมือให้เสี่ยวเฟย "ไปกัน"ฟู่จาวเฟยเองก็เดิมตามนางไปอย่างเชื่อมั่นทันทีเสิ่นเชี่ยวเดินมาถึงด้านหลัง คารวะให้กับใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้า "ขอบคุณใต้เท้าที่ดูแล""เกรงใจเกินไปแล้ว..."ใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้าตอบกลับด้วยสัญชาตญาณ จากนั้นก็รู้สึกว่าตนเองในตอนนี้ก็เหมือนจะเกรงใจมากเกินไปเขายังกลายเป
ท่านพี่ในที่สุดก็กลับมาแล้ว ใจของเขาสงบลงมาได้ไม่น้อยเลย"จาวหนิง นี่มาจากในภูเขาหรือ? เหนื่อยแย่เลยสิ?" เสิ่นเชี่ยวยกถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นทันที "เจ้าดื่มชาร้อนนี่ก่อนเถอะ เพิ่งต้มใหม่เลย ยังไม่ได้ดื่ม"นางเห็นฟู่จาวหนิงมีรอยคล้ำใต้ตาจางๆ ในภูเขาคงต้องเหนื่อยมากแน่ๆ และคงไม่ได้พักผ่อนดีนักแต่พอยกถ้วยชาขึ้นมา เสิ่นเชี่ยวก็ยังรู้สึกกระวนกระวายอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงจะรับน้ำใจของนางไหมฟู่จาวหนิงรับมา ดื่มไปอึกหนึ่ง ผ่อนคลายลงมาได้"เรื่องจดหมายนี่อย่างไรกัน? ก่อนหน้านี้มีอะไรผิดปกติบ้างไหม หรือมีคนมาหาเจ้าบ้างหรือเปล่า?"เสิ่นเชี่ยวถอนใจโล่ง ในใจก็ลิงโลดขึ้นมาแม้ว่าฟู่จาวหนิงตอนนี้อยู่กับพวกเขาจะไม่ค่อยคล้ายกับพ่อแม่ลูกเท่าไรนัก แต่นางเชื่อว่าในด้านความรู้สึกก็ยังพอเห็นได้บ้าง เดิมทีก็ยังมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันอยู่ฟู่จาวเฟยส่ายหัว รีบร้อนรับประกันอย่างขันแข็งขึ้นมา "ท่านพี่ ไม่มีอะไรผิดปกติเลย ไม่มีคนมาหาข้าด้วย แล้วก็ไม่ได้รับจดหมายอะไรอีก ข้าเองก็ไม่ได้เขียนจดหมายไปด้านนอก""ช่วยนี้มีใครมาที่บ้านไหม?""ไม่มี มีแต่ท่านพ่อที่ออกไปบ่อยๆ ข้าอยู่ในแต่บ้านฝึกยุทธ์" ฟู่จาวเฟ
"อ๋องเจวี้ยนมาถึงแล้ว"ข้าราชการชั้นผู้น้อยคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา รู้ว่าใต้เท้าร้อนรนมาก จึงรีบ เข้ามารายงาน"เร็ว"เขาทางนี้แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว คุกใหญ่ทางนั้นถ้าถามออกมาได้ว่าจดหมายอยู่ที่ไหน ก็คงจะให้เขาเอาฟู่จาวเฟยส่งเข้าคุกใหญ่แน่แต่อ๋องเจวี้ยนก่อนหน้านี้กำชับว่า ก่อนหน้าที่เขาจะกลับมา ฟู่จาวเฟยต้องอยู่ที่นี่ก่อน ห้ามส่งไปคุกใหญ่เขาเองก็ทานไม่ไหวแล้ว เดิมทีฟู่จาวเฟยไม่ได้จะส่งมาที่เขาทางนี้ แต่เป็นจดหมายด่วนของอ๋องเจวี้ยนที่ให้เข้าเข้ามารับช่วงไว้ก่อนแต่เขาเองก็ร้อนรนด้วย เขาเองก็กลัวนี่ ถึงตอนนั้นถ้าค้นเจอจดหมายอะไรเข้า แล้วเกี่ยวข้องกับฟู่จาวเฟยจริง เขาก็จัดการลำบากแล้วถึงอย่างไรฟู่จาวเฟยก็อยู่กับเขาทางนี้ ไม่ได้ลงตรวน ไม่ได้ตี ไม่ได้ขังอีกต่างหาก ยังคงนั่งรออยู่ที่โถงข้างๆแล้วยังมีฮูหยินฟู่ด้วย นั่งอยู่กับลูกชายด้วยกันเขาทำเช่นนี้ ถ้าหากถูกองค์จักรพรรดิรู้เข้า องค์จักรพรรดิคงไม่ละเว้นเขาแน่พอเขาออกไป เสิ่นเชี่ยวกับฟู่จาวเฟยก็ลุกขึ้นยืนทันที ขณะเดียวกันก็มองมาทางเขา"ใต้เท้า?""คุณชายฟู่ไปที่ไหนแล้วกันแน่?"ใต้เท้าหยินจิงเจ้ามองพวกเขา และคิดถึงเรื่องที่เมื่อคร