"ขอรับ"ชิงอีรีบไปจัดการ เรื่องนี้เขาต้องไปจัดการเอง เช่นนี้จึงจะสามารถแสดงออกถึงความจริงใจของเขาหลานหรงกลับมองแผ่นหลังอ๋องเจวี้ยนที่เดินเข้าห้องไปพลางถอนหายใจพวกเขาก็แค่เป็นห่วงท่านอ๋องเท่านั้น เป็นห่วงว่าเขาจะจมดิ่งเพราะปัญหาเรื่องหน้าตาท่านอ๋องยังไม่รู้จะเผชิญหน้ากับพระชายาอย่างไรเลยเซียวหลันยวนหลังจากเข้าห้องไปก็ยังไม่สงบใจลงมา เขาไม่รู้ว่าเสี่ยวชิ่นจะพูดอะไรกับฟู่จาวหนิงบ้างคิดถึงจุดนี้ ในใจเขาสั่นกึก หมุนตัวออกประตูไปทันทัน ปลดปล่อยวิชาตัวเบาพุ่งแฉลบไปยังฟู่จาวหนิงทางนั้นอย่างเงียบเชียบ"ไม่ต้องตามมา"หลานหรงเดิมทีคิดจะตามไป พอได้ยินประโยคนี้ก็ทำได้แค่หยุดเท้าลงฟู่จาวหนิงพอเสี่ยวชิ่นกลับไปที่ห้อง พวกของสืออีก็ส่งข้าวส่งชาเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วยังมีน้ำร้อนมาให้อีกด้วย"ประคบตาเอาไว้ก่อน ร้องไห้เสียขนาดนี้คงจะเจ็บน่าดูเลย จะเอาแต่ใช้ผ้ามาเช็ดน้ำตาตลอดไม่ได้นะ"ถ้าเช็ดต่อผิวได้ถลอกแน่เสี่ยวชิ่นฟังคำของนาง ดื่มชาไปแก้วหนึ่ง เอนตัวบนแคร่ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคมดวงตา มุมปากเองก็เกร็งเม้ม ดูแล้วยังรู้สึกไม่ปลอดภัยและตึงเครียดอยู่ฟู่จาวหนิงนั่งลงมาข้างนาง"เสี่ยวชิ่น
อ๋องเจวี้ยนเป็นสามีของนางจริงไหม?"ตอนนี้น่ะใช่" ฟู่จาวหนิงตอบ อืม อย่างน้อยก็ยังไม่ได้หย่ากันนี่นะ เขาเองก็ไม่ได้คิดจะเลิกกับนางด้วย"ฮือ..."พอได้ยินคำตอบของฟู่จาวหนิง เสี่ยวชิ่นก็ร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ร้องไห้ทำไมกันล่ะ?""นายท่านรุ้ไหม? นายท่านเคยเจออ๋องเจวี้ยนไหม?""เคยสิ เขารู้อยู่แล้ว""ไม่ นายท่านจะต้องไม่เคยเห็นอ๋องเจวี้ยนในสภาพนี้แน่ ข้าน้อยเมื่อครู่เห็นอ๋องเจวี้ยนใส่หน้ากากอยู่!""อืม เขาก่อนหน้านี้ก็ใส่หน้ากากตลอดจริงๆ""คุณหนู แล้วใครกันที่มาทำร้ายท่านเช่นนี้? ทำไมจึงให้ท่านแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยน? ท่านไม่กลัวใบหน้าของเขาหรือ? ยิ่งไปกว่นั้นเขายังไม่ดีกับท่านด้วย!"เสี่ยวชิ่นครั้งนี้พอเจอเซียวหลันยวนก็เกือบชีวิตจะหาไม่ ดังนั้นภาพจำจึงเป็นความหวาดกลัวจากที่นางเห็น อ๋องเจวี้ยนน่ากลัวมาก หน้าตาน่ากลัว อารมณ์เองก็เย็นชา คนเช่นนี้จะดีกับคุณหนูได้อย่างไร?เสี่ยวชิ่นเป็นห่วงฟู่จาวหนิงจริงๆ"คุณหนูท่านเป็นคนดี เป็นคนอ่อนโยน ดีเสียขนาดนี้ ทำไมจึงยอมรับการแต่งงานนี้กัน?" เสี่ยวชิ่นร้องไห้สะอึกสะอื้น ปวดใจเหลือเกิน "ไท่ไท่อาวุโสล้วคิดอยากจะแนะนำชายหนุ่มดีดีของต้าชื่อใ
"จะว่าไป เจ้าเองก็รู้จักข้ามานานแค่ไหน? เจ้ารู้ว่าข้ากับเขาแต่งงานกันอย่างไรไหม?"เสี่ยวชิ่นส่ายหัวอย่างงงงัน"เจ้ารู้ไหมว่าพวกเราเจอกันอย่างไร?""เจ้าทำไมถึงมั่นใจนักว่าเขาไม่คูควรและปกป้องข้าไม่ได้?""เจ้าไม่ใช่ข้าเสียหน่อย เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะตกใจกับหน้าตาของเขาเหมือนเจ้าหรือไม่? เจ้าทำไมถึงมั่นใจนัก ว่าข้ารู้สึกน่าสงสารขนาดนี้?""เจ้าไม่รู้อะไรเลยถูกไหม? เจ้าก็แค่รู้สึกของเจ้าไปเอง คิดไปเอง แต่เขาเป็นสามีของข้า ไม่ใช่ของเจ้า"ฟู่จาวหนิงยืนขึ้นมา "ต่อให้เป็นพ่อแม่ข้า ก็ไม่มีคุณสมบัติจะใช้ความคิดของตนเองมาส่งผลกระทบกับการเลือกของข้า แล้วเจ้าเป็นใครกัน?"คำพูดนี้พูดถึงจุดหลักๆ เสี่ยวชิ่นก็ตกใจจนคุกเข่าลงกับพื้น"คุณหนู ข้าน้อยไม่ได้มีความหมายเช่นนั้น""ดังนั้นข้าหวังว่าคำพูดเช่นนี้จะไม่มีอีกเป็นครั้งที่สอง" ฟู่จาวหนิงมองสภาพตัวสั่นงันงกของนาง ก็พอจะจินตนาการได้ว่าตอนที่นางเห็นเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ตกใจกลัวมากขนาดไหนสำหรับเซียวหลันยวนแล้ว น่าจะกระทบกระเทือนจิตใจมากแต่ในใจนางก็ยังรู้สึกสงสัยตอนแรกที่นางจาดมา ใบหน้าของเซียวหลันยวนยังไม่ถึงกับน่ากลัวขนาดนี้กระมัง? เ
หลานหรงพอเห็นฟู่จาวหนิงเข้ามา ในใจก็ลิงโลดพระชายายังไม่วางใจท่านอ๋องสินะ? เพราะเขาเห็นฟู่จาวหนิงสะพายกล่องยามาด้วยเช่นนี้ในใจท่านอ๋องก็คงจะดีขึ้นบ้างแล้วเมื่อครู่ท่านอ๋องออกไปพักหนึ่ง หลังจากกลับมาก็เข้าห้องปิดประตู กลิ่นอายทั้งตัวทำเอาคนสันหลังวาบจนไม่กล้าเข้าใกล้ต่อให้ไม่เห็นใบหน้าของท่านอ๋อง ก็ยังรู้ว่าอารมณ์ของเขาดิ่งวูบแค่ไหน"พระชายาท่านมาแล้ว"หลานหรงยกเสียงสูง หวังว่าท่านอ๋องในห้องจะได้ยิน"ท่านอ๋องของพวกเจ้าล่ะ?"ฟู่จาวหนิงมองประตูห้องที่ปิดสนิท"ท่านอ๋องอยู่ในห้องขอรับ..."พอสิ้นเสียงหลานหรง พวกเขาก็เห็นแสงเทียนที่ลอดออกมาจากหน้าต่างกระดาษดับลงทันที ในห้องมืดลงทันควันครึ่งประโยคหลังของหลานหรงจุกอยู่ตรงคอไม่ใช่สิ ท่านอ๋อง ท่านทำอะไรเนี่ย?ฟู่จาวหนิงเองก็ถูกท่าทีของเซียวหลันยวนทำให้โมโหเสียแล้ว"เซียวหลันยวน ข้ายังเป็นหมอของท่านนะ ข้าจะเข้าไปจับชีพจร แล้วรักษาต่อ!"นางพอคิดถึงการทำร้ายต่อตัวเขาของเสี่ยวชิ่น ก็รู้สึกว่าตนเองยอมถอยให้ก้าวหนึ่งได้ ดังนั้นต่อให้จะโกรธ ก็ยังอดระงับไฟโกรธในใจแล้วพูดออกมา"ไม่ต้อง ข้าเหนื่อยแล้ว เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ" ในห้องมีเสี
หลานหรงพอได้ยินการเคลื่อนไหว ก็ส่งองครักษ์ลับสี่คนแอบตามไปไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้ปกป้องพระชายาให้ปลอดภัยคือเรื่องสำคัญที่สุด"นางออกไปแล้วหรือ?"ฟู่จาวหนิงพอออกไป เซียวหลันยวนก็ได้ข่าวชิงอีพอมองท่านอ๋อง "ออกไปแล้ว หลานหรงส่งคนตามไปเรียบร้อย แต่เป็นการแอบคุ้มครองลับๆ ไม่ได้ให้พระชายารู้ตัว""อืม""ท่านอ๋อง แต่พระชายาโกรธขนาดนี้ไม่เป็นไรหรือ?""มากไป"เซียวหลันยวนไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ต่ออย่างเห็นได้ชัดเมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อตอนนี้คึกคักเอามากๆ จริงๆ คนบนถนนมากมายเต็มไปหมด ไหล่เบียดชนขวักไขว่ไปมาไม่หยุดถนนตรอกซอกซอยล้วนมีคนมาวางแผงขายของ ร้านรวงสองฝั่งก็ล้วนธงราวโบกสะบัด เถ้าแก่บริการเข้าออกคอยรับแขกเหรื่อสินค้ามากมายหลายประเภท ละลานตาไปหมด ทำเอาดูกันไม่หวาดไหวเลยทีเดียวร้านบางส่วนที่ขายดีหน่อย ด้านหน้าก็มีผู้คนล้อมกันจนเดินไม่ได้เสื้อผ้าที่คนบนถนนสวมก็มีมากมายหลากสีผู้คนที่เดินผ่านข้างกายฟู่จาวหนิง มักจะได้ยินภาษาที่แตกต่างกัน นางยังได้ยินภาษาหนานฉือด้วย ดูท่าคนจากแคว้นหนานฉือกู่ก็ยังมากันที่ต้าชื่อด้วยในอากาศมีกลิ่นต่างๆ ปนเปกันอยู่ส่วนมากล้วนเป็นกลิ่นหอม กลิ่นห
ฟู่จาวหนิงไม่ค่อยแน่ใจเสียแล้ว"การค้าของหออันดับหนึ่งดีเสียขนาดนี้ จะมีห้องชั้นสูงไว้ให้ตระกูลเสิ่นด้วยหรือ?""งานเทศกาลอวยพรสารทฤดูที่ผ่านๆ มาแม้จะไม่ได้คึกคักแบบปี้นี้ แต่ที่นี่ปลักๆ ก็มีแขกเต็มอยู่แล้ว แต่หออันดับหนึ่งก็จะเหลือห้องชั้นสูงเอาไว้ เพราะตระกูลฮั่วจะเหลือไว้สองห้องเตรียมไว้ตลอดเวลา อย่างมากพวกเขาก็เอาห้องของตนเองนั้นออกมาให้นั่นล่ะขอรับ""ปีนี้คึกคักขนาดนี้ น่าจะเพราะองค์หญิงใหญ่กลับเมืองหลวง"คนเยอะเหลือเกิน...วันนี้พวกเขาเบียดกันมาครึ่งเช้าจนรู้สึกเหนื่อยหน่อยๆ แล้วฟู่จาวหนิงที่เพิ่งเตรียมจะเข้าไป ด้านหลังก็มีคนเบียดเข้ามา"หลีกหน่อยๆ อย่ามาขวางข้าที่จะกินเห็ดเชียนเสวี่ย!""คุณหนูระวัง"สืออีรีบคุ้มครองฟู่จาวหนิงทันที สือซษนพลิกมือแหวกทางอีกฝ่ายเพราะคนกลุ่มนั้นเบียนดเข้ามาค่อนข้างรุนแรง ฟู่จาวหนิงเกือบถูกพวกเขาเบียดไปชนกับโครงประตู เสี่ยวชิ่นเซไปข้างๆ ยังดีที่ไป๋หู่ประคองตัวนางไว้ ไม่เช่นนั้นคงได้ล้มลงไปแล้วสือซานตอนนี้จึงพลิกมือ ผลักอีกฝ่ายโซเซจนไปชนพวกเดียวกันพวกเขาโมโหขึ้นทันที เดิมทีที่คิดจะรีบพุ่งเข้าไป ตอนนี้ทั้งหมดก็หยุดลงหันตัวกลับมา ถลึงตามอง
"คุณหนู" สีหน้าเสี่ยวชิ่นไม่ค่อยดีนัก "โหวผิงเอินเป็นพวกสืบทอดบรรดาศักดิ์ โหวผิงเอินคนแรกเป็นลูกพี่ลูกน้องกับจักรพรรดิองค์ที่แล้ว นับเป็นสมาชิกอาวุโสของราชวงศ์ น้องสาวของโหวผิงเอินเป็นพระชายาหมิ่นในวังอยู่ตอนนี้""ได้รับการโปรดปรานหรือ?""โปรดปรานเอามากๆ"เดิมทีบรรพบุรุษก็เป็นเชื้อพระญาติในราชวงศ์ เป็นขุนนาง ตอนนี้ในบ้านยังมีพระชายาคนโปรดอีกคนหนึ่ง ไม่แปลกที่โหวผิงเอินนี่จะกำเริบเสิบสานได้ขนาดนี้ด้านหลังพวกเขามีคนกระซิบกระซาบ เถ้าแก่ของหออันดับหนึ่งมีบริกรไปอ้อนวอน จึงรีบวิ่งตรงเข้ามาสมกับที่เป็นเถ้าแก่ใหญ่ของหออันดับหนึ่ง สวมเสื้อผ้าไหมหรูหราสีน้ำตาล ดูแล้วยังทรงสง่ายิ่งกว่าพวกนายท่านผู้ดีมีเงินทั่วไปเสียอีกเขาพอมาถึงก็รีบคารวะให้กับโหวผิงเอิน"ท่านโหวมาหรือ? แล้วยังมีเหล่ารัฐทายาทกับคุณชายอีก มากันหมดเลยหรือ? เห็ดเชียนเสวี่ยอีกครู่หนึ่งก็ทำเสร็จแล้ว ทุกท่านรีบขึ้นไปด้านบนเถิด อย่าเพิ่งยุ่งกับคนเหล่านี้เลย อารมณ์ดีเข้าไว้ อีกเดี๋ยวร่ำสุรากินอาหารจะได้ยิ่งเบิกบาน"เขาเข้าง้อพวกของโหวผิงเอินทันทีพี่ชายบริการอีกคนก็รีบส่งสัญญาณมือพูดกับพวกไป๋หู่"พวกท่านก็รีบเลี่ยงออกไปเถิด
เถ้าแก่ใหญ่เองก็ร้อนรนขึ้นมาถ้าหากหออันดับหนึ่งเกิดเรื่องขึ้น พวกเขาเองก็เดือดร้อนยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อล้วนมากินข้าวกันที่หออันดับหนึ่งกันทั้งนั้น เช่นนั้นพวกเขาถ้าปกป้องได้แค่ไหนก็ต้องทำ ทว่าตอนนี้ดูจะปกป้องคนเหล่านี้ไม่ไหวแล้ว"ไม่อย่างนั้น รอท่านโหวกินเห็ดเชียนเสวี่ยเสร็จก่อนค่อยว่ากันดีไหม? ถึงอย่างไรเห็ดเชียนเสวี่ยถ้าแช่น้ำแล้ว ต้องฝานแผ่นลงหม้อภายในหนึ่งเค่อ ตอนนี้ในครัวเองก็เตรียมจะฝานแผ่นแล้วด้วย ถ้าเสียเวลาไปคงไม่ดีนัก"คิดไม่ถึงว่าพอเถ้าแก่ใหญ่พูดถึงเรื่องนี้ ก็หยุดโหวผิงเอินไว้ได้จริงๆ"อย่างนั้นหรือ?""ท่านโหว พวกเราเดิมทีก็มาเพื่อเห็ดเชียนเสวี่ย จะให้พวกแมลงไม่กี่ตัวนี้ทำพวกเราเสียเวลาไม่ได้นะ" ชายอ้วนอีกคนก็เอ่ยตามขึ้นมา"ได้ เช่นนั้นก็เห็นแก่หน้าเห็ดเชียนเสวี่ยแล้วกัน"โหวผิงเอินชี้พวกไป๋หู่ "แต่คนพวกนี้ยังไปไหนไม่ได้ ให้อยู่ที่นี่ไปก่อน ให้พวกเขาเห็นพวกเรากินกันจนอิ่มหมีพีมันก่อน แล้วพวกเราค่อยไปชำระหนี้""ถูกต้องถูกต้อง"คนเหล่านั้นพอโบกมือ ด้านนอกก็มีพวกคนคุ้มครองเรือนล้อมกรอบเข้ามาทันที ขวางทางพวกไป๋หู่เอาไว้นี่คือไม่ให้พวกเขาออกไปจริงๆ"ไปๆๆ ขึ้นชั้น
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้