เถ้าแก่ใหญ่เองก็ร้อนรนขึ้นมาถ้าหากหออันดับหนึ่งเกิดเรื่องขึ้น พวกเขาเองก็เดือดร้อนยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อล้วนมากินข้าวกันที่หออันดับหนึ่งกันทั้งนั้น เช่นนั้นพวกเขาถ้าปกป้องได้แค่ไหนก็ต้องทำ ทว่าตอนนี้ดูจะปกป้องคนเหล่านี้ไม่ไหวแล้ว"ไม่อย่างนั้น รอท่านโหวกินเห็ดเชียนเสวี่ยเสร็จก่อนค่อยว่ากันดีไหม? ถึงอย่างไรเห็ดเชียนเสวี่ยถ้าแช่น้ำแล้ว ต้องฝานแผ่นลงหม้อภายในหนึ่งเค่อ ตอนนี้ในครัวเองก็เตรียมจะฝานแผ่นแล้วด้วย ถ้าเสียเวลาไปคงไม่ดีนัก"คิดไม่ถึงว่าพอเถ้าแก่ใหญ่พูดถึงเรื่องนี้ ก็หยุดโหวผิงเอินไว้ได้จริงๆ"อย่างนั้นหรือ?""ท่านโหว พวกเราเดิมทีก็มาเพื่อเห็ดเชียนเสวี่ย จะให้พวกแมลงไม่กี่ตัวนี้ทำพวกเราเสียเวลาไม่ได้นะ" ชายอ้วนอีกคนก็เอ่ยตามขึ้นมา"ได้ เช่นนั้นก็เห็นแก่หน้าเห็ดเชียนเสวี่ยแล้วกัน"โหวผิงเอินชี้พวกไป๋หู่ "แต่คนพวกนี้ยังไปไหนไม่ได้ ให้อยู่ที่นี่ไปก่อน ให้พวกเขาเห็นพวกเรากินกันจนอิ่มหมีพีมันก่อน แล้วพวกเราค่อยไปชำระหนี้""ถูกต้องถูกต้อง"คนเหล่านั้นพอโบกมือ ด้านนอกก็มีพวกคนคุ้มครองเรือนล้อมกรอบเข้ามาทันที ขวางทางพวกไป๋หู่เอาไว้นี่คือไม่ให้พวกเขาออกไปจริงๆ"ไปๆๆ ขึ้นชั้น
"ฮ่าๆๆ น่าสนใจ นิสัยดุดันเสียด้วย"เขาเห็นพวกของไป๋หู่ตามเข้ามา ยืนอยู่ข้างๆ ฟู่จาวหนิง ก็อดปรบมือพูดขึ้นมาไม่ได้ "ที่แท้พวกเขาก็เป็นองครักษ์สาวงามนี่เอง? มิน่าอารมณ์ถึงเป็นแบบเดียวกับเจ้า ถ้าเจ้าเงยหน้าขึ้นมาเร็วกว่านี้ ข้าเองคงจะอ่อนโยนขึ้นบ้างแล้ว""โหวผิงเอินสินะ? เจ้ากำเริบเสิบสานต่อไปเถอะ เจ้าแบบนี้ก็ดูลับๆ ล่อๆ ดี""ฮ่าๆ ข้าชอบที่สาวงามมาชมข้าแบบนี้ มาๆๆ มานั่งนี่ จะให้สาวงามยืนแกร่วได้อย่างไร? มานั่งนี่มา เดี๋ยวข้าจะป้อนเห็ดเชียนเสวี่ยให้เจ้าสักคำ!"ฟู่จาวหนิงก็เดินตรงไปทางเขาจริงๆเสี่ยวชิ่นร้อนรน "คุณหนู!"สืออีเองก็หน้าเปลี่ยนสีแล้วแม้จะรู้ว่าฟู่จาวหนิงเองก็มีฝีมือพอตัว บนตัวมีเข็มพิษอยู่ไม่น้อย ไม่ค่อยจะเสียเปรียบใคร แต่ก็ยังกลัวว่านางจะเกิดเรื่องอยู่ดีแต่ฟู่จาวหนิงโบกมือให้พวกเขาจากทางด้านหลัง เป็นสัญญาณว่าไม่ต้องตามมาตอนที่ฟู่จาวหนิงใกล้จะเดินไปอยู่ข้างๆ โหวผิงเอิน เถ้าแก่ใหญ่ก็วิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น"ท่านโหว วันนี้เกรงว่าคงจะไม่ได้กินเห็ดเชียนเสวี่ยแล้ว ข้าน้อยจึงรีบขึ้นมาขอโทษท่านโหวเสียก่อน ท่านโหวกับเหล่าคุณชายโปรดสั่งอาหารอื่นเถิด?""เจ้าว่าอะไรนะ?"โหวผ
ฟู่จาวหนิงรีบวิ่งลงไปชั้นล่างสืออีพวกเขาเองก็รีบตามไป ตอนนี้โหวผิงเอินสนแต่จะเข้าไปคุยกับองค์ชายสอง เตรียมจะไปอาละวาดกับหออันดับหนึ่ง จึงไม่ได้สนใจพวกเขาเลย"พวกเจ้าห้ามเข้าไป"ฟู่จาวหนิงตอนวิ่งมาถึงห้องครัวก็ถูกคนห้ามเอาไว้"ไป๋หู่" นางร้องขึ้นทันทีพวกของไป๋หู่เข้ามา กันผู้ช่วยพ่อครัวไว้ ให้ฟู่จาวหนิงวิ่งเข้าไปได้อย่างสะดวกด้านหลังครัวมีเรือนเล็กอยู่หลังหนึ่ง ใต้ชายคามีเก้าอี้ยาวหลายตัววางไว้ ตอนนี้มีคนนอนอยู่บนเก้าอี้ยาวหลายตัวนั้น ข้างๆ มีคนล้อมเขาอยู่ ล้วนลนลานทำอะไรกันไม่ถูกและพ่อครัวซุนที่นอนอยู่ยังมีอาการชักอยู่ฟู่จาวหนิงพอเห็น สีหน้าก็เปลี่ยนไปรีบวิ่งมาด้วยและกำชับขึ้นด้วย "กันพวกเขาออก"ตัวนางเองพุ่งตรงไปยังพ่อครัวซุน "หลีกไป อย่ามาล้อมดูเขา!""เจ้าเป็นใครน่ะ? เจ้าเข้ามาที่นี่ทำอะไร?"คนเหล่านั้นดูแล้วน่าจะเป็นคนที่คอยช่วยในห้องครัว ตอนนี้ล้อมกันอยู่ข้างๆ พ่อครัวซุนฟู่จาวหนิงไม่สนพวกเขา พอเดินเข้าไป ก็ยกมือหนีบเข็มออกมา แล้วแทงลงไปบนหัวของพ่อครัวซุนทันที"เจ้าทำอะไรน่ะ!"คนข้างๆ ตกตะลึง รีบจะยื่นมือเข้าไปตบนาง แต่พอจะลงมือก็ถูกพวกไป๋หู่กับสืออีแยกออกมาแล้
เถ้าแก่ใหญ่เองก็เหงื่อตกฝ่ามือ"คนอื่นห้ามแทงมั่วซั่ว แต่คุณหนูพวกเราทำได้ ไม่ใช่สิ คุณหนูของพวกเราเองก็ไม่ได้แทงมั่วซั่ว นางกำลังรักษาอาการป่วย" ไป๋หู่เอ่ยขึ้น"พ่อครัวซุนถ้าหากเกิดตายขึ้นมา นั่นจะไม่ใช่ความผิดของนางหรอกหรือ?" โหวผิงเอินหัวเราะเย็นชาขึ้นมาพูดตลกอะไร หญิงสาวที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบคนนี้น่ะหรือเป็นหมอเทวดา?สืออีตอบอย่างไม่ต้องคิด "ถ้าท่านพูดแบบนี้ หลังจากนี้ป่วยจนตายไปก็ไม่มีหมอใหญ่คนไหนกล้ามารักษาให้หรอก""เจ้าพูดว่าใครจะป่วยตาย?!"โหวผิงเอินโมโหขึ้นมา นี่ไม่ใช่กำลังแช่งเขาหรือ?ตอนที่เขากำลังจะถลกแขนเสื้อ องค์ชายสองก็กดบ่าเขาไว้ "โหวผิงเอิน ใจเย็นๆ อย่าบุ่มบ่าม"โหวผิงเอินหงุดหงิด แต่ก็ไม่กล้าคัดค้านองค์ชายสองน้องสาวเขาแม้จะเป็นพระชายาคนโปรด แต่เสด็จแม่ขององค์ชายสองเองก็เป็นพระชายาคนโปรดเช่นกัน ยิ่่งไปกว่านั้นมีความรักกับองค์จักรพรรดิมาตั้งแต่เยาว์วัยด้วยองค์จักรพรรดิโปรดปรานพระชายาหมิ่น แต่ก็ยังเคาระต่อเสด็จแม่ขององค์ชายสองอยู่พอสมควรองค์ชายสองพูดออกมาแล้ว คนทั้งหมดจึงไม่กล้าขยับ ล้วนยืนอยู่ที่นี่มองดูฟู่จาวหนิงช่วยชีวิตคน"เจ้าว่า นางถูกพวกเราจ้องมองเ
ฟู่จาวหนิงตอนค่ำยังต้องเข้ามาให้ยาน้ำกับพ่อครัวซุนอีกยิ่งไปกว่านั้นยังต้องตรวจสอบส่วนสมองของเขาให้ละเอียดอีกด้วย"ท่านตอนนี้นอนให้สบายเถอะ ไม่ต้องคิดอะไรมาก"ฟู่จาวหนิงพูดพลางเดินเข้ามา มองไปทางเถ้าแก่ใหญ่เถ้าแก่ใหญ่ตอนนี้พอมองนางก็รู้สึกเหมือนกำลังมองเห็นผู้วิเศษนอกโลก อ่อไม่สิ เหมือนกับเซียนมากกว่า"มีคนที่ละเอียดรอบคอบไหนไหม ต้องมาคอยดูแลอยู่ข้างๆ เขา คอยจับตาดูสถานการณ์เขาตลอดเวลา""มีมีมี ภรรยาของพ่อครัวซุนเป็นคนละเอียดอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังเหมาะที่สุดด้วย ข้าให้คนไปตาสะใภ้ซุนเข้ามาแล้ว""ดี รอนางมาถึงแล้วบอกข้าหน่อย ข้ามีเรื่องที่ต้องระวังกำชับกับนาง""ใช่ๆๆ"เถ้าแก่ใหญ่ฟังคำนางโดยสัญชาตญาณ ในตอนนี้สิทธิ์อำนาจและแรงกล่อมที่ฟู่จาวหนิงแสดงออกมานั้นแกร่งมาก"เถ้าแก่ใหญ่ เถ้าแก่ใหญ่ แล้วเห็ดวิญญาณพวกนั้นจะทำอย่างไรดี?"มีพ่อครัวอีกคนถามขึ้นอย่างร้อนรนเห็ดวิญญาณ คือเห็ดที่มีเฉพาะในภูเขาบางลูกของต้าชื่อเท่านั้น เห็นชนิดนี้หายากมาก เติบโตก็ช้า ยิ่งไปกว่านั้นยังมีแค่ในช่วงเวลาสนี้ ผลผลิตน้อยถึงน้อยมาก หายากเอามากๆ ด้วยตอนนั้น นายท่านฮั่วของหออันดับหนึ่งใช้เห็ดชนิดนี้มาทำ
"เขาตอนนี้ต้องนอนบนเตียงเพื่อพักผ่อน ลุกขึ้นมาไม่ได้ ต่อให้ลุกมาได้ก็ยังทำงานไม่ได้""ใครให้หน้าเจ้ามากันเนี่ย? เห็นว่าตัวเองหน้าตาดูดีหน่อย เจ้าก็คิดว่าตัวเองมาขวางข้าได้แล้วหรือ? แค่แทงคนไปไม่กี่ที ก็คิดว่าตนเองเป็นหมอเทวดาแล้วหรือ?"โหวผิงเอินกำหมัดตั้งท่าจะฟาดไปทางนาง"โหวผิงเอิน!"องค์ชายสองก็ตาไวคว้าข้อมือเขาไว้พวกไป๋หู่ก็ตั้งท่าจะลงมือแล้ว"จะลงมือกับหญิงสาวคนหนึ่งได้อย่างไรกัน? จะว่าไป นางเองก็เป็นหมอใหญ่จริงๆ เจ้าไม่เห็นหรือว่าพ่อครัวซุนพูดออกมาได้แล้วเมื่อครู่?"องค์ชายสองขวางเตือนโหวผิงเอินไปด้วย มองฟู่จาวหนิงไปด้วยเขารู้สึกสนใจตัวฟู่จาวหนิงเสียแล้วทั้งๆ ที่รู้จักตัวตนฐานะของพวกเขาทางนี้ แต่ก็ยังเยือกเย็นอยู่ได้นางไม่ใช่คนต้าชื่อ แต่น่าจะไม่ใช่พวกองค์หญิงท่านหญิงอะไรด้วย เพราะตัวตนฐานะเช่นนี้ไม่น่าจะแอบหนีมาต้าชื่อเงียบๆ แล้วยังไม่เผยตัวตนฐานะของตัวเองออกมาอีกยิ่งไปกว่านั้น องค์ชายสองเองก็เชื่อมั่นว่าสายตาตนเองไม่พลาดคุณหนูราชวงศ์ บนตัวเองจะมีความหยิ่งทะนงอยู่บ้าง เป็นสิ่งที่เพาะบ่มมาตั้งแต่ยังเล็กแต่ฟู่จาวหนิงบนตัวไม่มีสิ่งเหล่านี้ แต่กลับมีความเชื่อมั่น
กระทั่งเถ้าแก่หออันดับหนึ่งก็ยังลิงโลดขึ้นมา"ผู้อาวุโสตู้ ได้โปรดช่วยด้วย..."เขายังพูดไม่จบ ผู้อาวุโสตู้ก็ยกมือขวาขึ้นทุกคนมองเห็นว่ามือขวาของเขามีสามนิ้วพันผ้าอยู่ ตกตะลึงไปทันที"ขอโทษด้วย ข้าหลายวันก่อนไม่ทันระวังทำมือโดนลวก จับมีดไม่ไหว" ผู้อาวุโสตู้บอกราวกับน้ำเย็นถังหนึ่ง ราดลงไปบนหัวเถ้าแก่ใหญ่เขาจะร้องไห้ออกมาแล้วจริงๆ"แต่ว่า ถ้าหากข้าฝานเห็ดวิญญาณให้พวกเจ้า แล้วมีประโยชน์อะไรกัน?" ผู้อาวุโสตู้กลอกตา"ไม่ใช่ว่าฝานไม่ได้หรอกหรือ?"เสิ่นเสวียนพูดต่อ "ถ้าหากฝานได้ ผู้อาวุโสตู้ยังช่วยปรุงได้ด้วย เห็ดเชียนเสวี่ยที่ทำออกมาไม่มีทางด้อยกว่าพ่อครัวซุนแน่ ถึงตอนนั้น คนที่ฝานเห็ดได้ครึ่งชั่ง ผู้อาวุโสที่ปรุงได้อีกครึ่งชั่ง อย่างนี้เป็นอย่างไร?"พวกเขาก่อนหน้านี้ไม่ได้จองเห็ดเชียนเสวี่ยไว้ แต่เสิ่นเสวียนเห็นฟู่จาวหนิงมาที่นี่ เช่นนั้นก็ต้องลองชิมเสียหน่อย โอกาสหาได้ยากมาก"ได้!"เถ้าแก่ใหญ่ตบลงโต๊ะ จากนั้นก็บอกกับคนอื่นว่า "แขกทุกท่าน ถึงตอนนั้นก็จะเหลือให้เจ้านายของพวกเราแค่ครึ่งชั่ง และเฉลี่ยให้กับทุกท่นาที่จองไว้อีกประมาณครึ่งชั่ง ปริมาณลดลงประมาณคำหนึ่ง เช่นนี้ได้ไหม?
ฟู่จาวหนิงมองเสิ่นเสวียน จากนั้นก็มองผู้อาวุโสตู้ พวกเขาล้วนพยักหน้าให้กำลังใจนาง"เช่นนั้นข้าจะลองดู""สนใจแค่นั้นพอ" ผู้อาวุโสตู้เอ่ยขึ้นคนตระกูลฮั่วยังกล้ามาหาเรื่องนางอีกที่ไหน? เขาในอดีตสามารถมอบอาหารจานนี้ให้คนตระกูลฮั่วไปเปิดหออันดับหนึ่ง จึงสามารถสนับสนุนให้อีกฝ่ายใช้คำว่าอันดับหนึ่งได้ถึงได้กำเริบเสิบสานได้ขนาดนี้ฟู่จาวหนิงพยักหน้า และไม่มีการอิดออดอีก ล้างมือหยิบมีด มือหนึ่งก็ล้วงเห็ดวิญญาณออกมาฝานทีละดอกคนข้างๆ หลายคนยังเห็นว่านางดูไม่ค่อยคุ้นมือหน่อยๆ ด้วยแต่ไม่รอให้คนอื่นต้องมาสงสัย การเคลื่อนไหวของนางก็เร็วขึ้นแล้วมีดเล็กเล่มนั้นรวดเร็วจนทำให้คนมองไม่ออกว่าฝานลงไปแล้วหรือไม่!เห็ดนี้ต้องฝานหลายต่อหลายครั้ง กระทั่งว่ามองแล้วก็เหมือนยังครบถ้วนสมบูรณ์ดี แต่พอแช่ลงไปในน้ำจะบานแผ่ออกมา ลอยเป็นกลีบใสๆ หลายกลีบ มองแล้วเหมือนดอกไม้บนหิมะดอกหนึ่ง เบาบาง ขาวสะอาด ให้ความรู้สึกอ่อนนุ่มฟู่จาวหนิงฝานไปหนึ่งดอก วางใส่ในอ่างหยกขาวอีกอ่าง เห็ดนั้นก็บานออกมาช้าๆ แผ่เป็นกลีบๆ สวยงามไร้ที่ติในของเถ้าแก่ใหญ่แทบจะกระโจนหลุดออกมา เขาเกือบจะอุทานส่งเสียง แต่ก็กลัวไปรบกวนฟู่จา
ฟู่จิ้นเชินอันที่จริงก็เตรียมใจไว้แล้วตอนนั้นพวกเขาออกจากเมืองไปแบบนั้น หลายๆ เรื่องยังคงอยู่ ทั้งที่เกี่ยวกับราชวงศ์ท่านอ๋อง ทั้งที่เกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิ และไม่มีทางที่จะลืมเลือนจากเวลาที่ไหลผ่านไปกระทั่งองค์จักรพรรดิก็ไม่แน่ว่าจะลืมพวกเขาถ้าหากไม่ใช่เพราะลูสาวของพวกเขาจับพลัดจับผลู พบบุพเพมหัศจรรย์จนไปแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยน ตอนนี้พวกเขายังไม่ทันเข้าเมืองหลวงก็คงถูกคนของอ๋องเจวี้ยนจับไปแล้วสิ่งที่รอพวกเขาก็คือการจำคุกและการไต่สวนหรือบางที คนที่รู้เรื่องเบื้องหลังในตอนนั้น หรือคนที่สงสัยว่าพวกเขาไปรู้ความลับอะไรเข้า ตอนนี้อาจจะเปิดเผยตัวกันออกมาถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางเป็นแบบตอนนี้ ที่ยังเข้าเมืองมาได้อย่างปลอดภัย กลับมาที่บ้านกระทั่งว่า บ้านตระกูลฟู่เองก็อาจจะไม่อยู่แล้วด้วย บ้านหลังนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะยังอยู่ที่นี่เพื่อรอพวกเขากลับบ้านกลับบ้าน ใช่แล้ว พวกเขาในที่สุดก็กลับมาบ้านแล้วและทั้งหมดนี้ เป็นเพราะจาวหนิงเป็นจาวหนิงที่ให้พวกเขากลับมาบ้านได้ฟู่จิ้นเชินเข้าใจจุดนี้ได้ดียิ่งกว่าใครรอจนอารมณ์ของทุกคนนิ่งลงมาแล้ว เขาจึงถามถึงผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวหนิ
ฟู่จาวหนิง! พระชายาอ๋องเจวี้ยน! พวกเขาล้วนได้ยินเรื่องของนางมาไม่น้อย นั่นไม่ใช่คนที่ไปยั่วยุได้เลยนะ นางกระทั่งองค์จักรพรรดิก็ยังกล้าไปต่อปากต่อคำด้วย พวกเขาในสายตาฟู่จาวหนิงไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น!ถ้าถูกจับจ้องไว้ล่ะก็ พวกเขาหลังจากนี้ได้เดือดร้อนแน่!คนเหล่านี้ล้วนขวัญเสียกันหมดแล้วคนที่ให้พวกเขาเข้ามาเอะอะบอกไว้ว่า ถ้าเอาคนมาเยอะๆ แล้วบวกกับเรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเข้าไป ฟู่จิ้นเชินจะต้องนึกพวกเจ้าไม่ออก จำพวกเจ้าไม่ได้แน่ขอแค่เอาคนมามากพอ สถานการณ์วุ่นวายพอ แค่พวกเขาสร้างความวุ่นวายแล้วหนีไป ตระกูลฟู่ก็จับมือใครดมไม่ได้หรอกแต่ใครจะคิดว่าฟู่จิ้นเชินจะมาไม้นี้?"ฟู่ สหายฟู่ ไม่ต้องจดหรอก พวกเราก็แค่เจอพวกเจ้าบนถนนเท่านั้น...""ใช่ๆๆ ไม่มีใครมาแจ้งพวกเรา""พวกเรามีที่มาแหล่งข่าวเสียที่ไหน เข้าใจผิดแล้ว..."พวกเขาคิดจะถอย ถ้าหากไปถึงฟู่จาวหนิงคงวุ่นวายไม่จบไม่สิ้นแน่"ในเมื่อมากันแล้ว เช่นนั้นก็มาคุยเรื่องเก่ากันก่อนเถิด อย่าเพิ่งรีบไปกัน" ฟู่จิ้นเชินเอ่ยขึ้นอย่างสงบ "พวกเจ้าไม่ใช่มาหาสหายเก่าอย่างข้าหรอกหรือ?""เจ้ากับฮูหยินเพิ่งกลับมา น่าจะเหนื่อยกันแล้ว พวกเราเอาไว้ค่อ
พวกของเซี่ยซื่อยังไม่ทันได้พูดเรื่องอ๋องเจวี้ยน ด้านนอกก็มีคนออกแรงตบประตูบ้านตระกูลฟู่ขึ้นเสียงดังเฉินซานออกไปเปิดประตู คนกลุ่มหนึ่งก็ทะลักเข้ามาคนเหล่านี้ เฉินซานคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ ก่อนหน้านี้ตอนที่เขายังเป็นนักเลงหัวไม้อยู่ในเมืองหลวง จริงๆ ก็ให้ความสนใจกับพวกพ่อค้าขุนนางระดับล่างเหล่านี้อยู่คนเหล่านี้ล้วนอายุราวสามสี่สิบปี อายุประมาณฟู่จิ้นเชิน"คุณชายใหญ่ฟู่!""เร็ว ได้ยินว่าอัจฉริยะใหญ่ฟู่กลับมาแล้วหรือ?""คุณชายฟู่กลับมาแล้วจริงหรือ?"คนกลุ่มหนึ่งทะลักเข้ามา ล้วนมองอย่างตื่นเต้นมาที่ฟู่จิ้นเชินขณะที่ยังตกใจกับความหล่อเหลาราววัยหนุ่มของฟู่จิ้นเชิน กับความสวยสะพรั่งของเสิ่นเชี่ยว พวกเขาลืมเป้าหมายที่มายังบ้านตระกูลฟู่นี้แล้วพวกเขาแย่งกันพูดขึ้นมา"สหายฟู่ ให้ตายเถอะ เจ้ายังไม่ตายจริงๆ!""คุณชายฟุ่ ยังจำข้าได้ไหม? ข้าต่งฮั่น ตอนนั้นที่เคยสนุกด้วยกันกับเจ้าที่โรงน้ำชา!""จิ้นเชิน ข้าเหอจาวหลิน พวกเราตอนนั้นเกือบจะได้เป็นศิษย์ของอาจารย์คนเดียวกันแล้ว!""อัจฉริยะใหญ่ฟู่ ตอนนั้นพวกเราเดิมพันงานเขียนกันหลายครั้ง พอเจ้าหายตัวไปสิบแปดปีข้าก็คิดถึงเจ้าตลอดเลย เจ้ากลับมาได
ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายยังดูยังสับสนอยู่ ยังไม่มีใจจะไปคิดเล็กคิดน้อยนัก"นี่คือลูกสาวของข้าอันห่าว นางตอนนี้ใช้สกุลเซี่ยเหมือนข้า" เซี่ยซื่อปาดน้ำตาเอ่ยขึ้นเสิ่นเชี่ยวประคองเซี่ยอันห่าวลุกขึ้นดูแล้วเซี่ยซื่อน่าจะมีเรื่องบางอย่างกับตระกูลหลิน ยิ่งไปกว่านั้นในนี้จะต้องเป็นฝีมือของจาวหนิงแน่"ต้องขอบคุณจาวหนิง นางเก็บแม่ลูกอย่างพวกเรามา ไม่เช่นนั้นพวกเราคงไม่รอดกันแล้ว" เซี่ยซื่อเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตา ได้สติขึ้นอีกครั้ง "รีบเข้าห้องเร็ว หิมะตกแล้ว ด้านนอกหนาวมาก"คนที่เหมือนแมลงกาฝากในตระกูลฟู่พวกนั้นก็ถูกฟู่จาวหนิงกวาดออกไปแล้ว เรื่องนี้สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินรู้แล้วพวกเขาเข้ามาในโถงใหญ่ ลุงจงป้าจงกับหู่จือล้วนได้ยินการเคลื่อนไหว ทั้งหมดจึงวิ่งเข้ามา"คุณชาย คุณชายใหญ่กับฮูหยินน้อยกลับมาแล้วหรือ?""คุณชาย!"ป้าจงกับลุงจงวิ่งเข้ามาก่อน พอเห็นฟู่จิ้นเชินชัดๆ พวกเขาก็น้ำตาไหลอาบทันที ทิ้งตัวลงคุกเข่า"คุณชาย ฮูหยินน้อย พวกท่านกลับมาได้เสียที พวกท่านยังมีชีวิตอยู่ ข้าน้อยรู้อยู่แล้ว ว่าพวกท่านจะต้องมีโชคที่ดีแน่นอน..."พวกเขาล้วนร้องไห้กันออกมาตอนนั้นที่พวกเขาออกไป หู่จือยังเป็นเด็กน้อยอย
แม้จะผ่านไปเกือบสิบแปดปีแล้ว แต่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวก็ยังเป็นคนที่กาลเวลารักใคร่อยู่พวกเขาแม้จะอายุมากแล้ว หน้าตาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง แต่พอเทียบกับสมัยก่อนแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เยอะมากมองหลายๆ ครั้งก็มองออกได้คนที่เซียวเหยียนจิ่งเตรียมไว้ยังมองออก ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยซื่อเลยเซี่ยซื่อเคยเป็นครอบครัวของพวกเขาด้วยนะหลังจากนางจำได้แล้วยังสงสัยว่าตาตนเองฝาดไปหรือไม่ ยังสงสัยว่าตนเองคงตาลาย ดังนั้นเลยนวดตาทันที จากนั้นจึงมองพวกเขาอย่างละเอียดอีกครั้งไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นสองคนนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็จำเซี่ยซื่อได้ แม้ว่านางจะรู้ตัวตนฐานะของตนเองแล้ว แต่ยังคงโพล่งออกมาว่า "พี่สะใภ้รอง!"เซี่ยซื่อคือภรรยาของผู้เฒ่ารองตระกูลหลินและเป็นคนเดียวในตระกูลหลินที่อ่อนโยนเป็นห่วงเสิ่นเชี่ยว ดังนั้นเสิ่นเชี่ยวพอเห็นนาง ดวงตาจึงแดงรื้นขึ้นมาคำว่าพี่สะใภ้รอง ก็ทำเอาเซี่ยซื่อใจสั่นระริกเช่นกันรีบวางตะกร้าที่หิ้วไว้ลงมา เดินตรงไปหานาง"ให้ตายเถอะ อา อาเล็กหรือ?"ไม่ ไม่ใช่อาเล็กชองนางแล้วสิ เซี่ยซื่อยืนอยู่หน้าเสิ่นเชี่ยว ถลึงตาโตอ้าปากค้าง"พี่สะใภ้รอง ข้าข้าเจอครอบครัวของข้าแ
ฟู่จาวหนิงสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย "ดูท่า น่าจะมีคนไม่น้อยที่ยังไม่ลืมพวกเขา คอยจับตาดูจนถึงทุกวันนี้""ข้าเตรียมการเสร็จแล้ว รอบบ้านตระกูลฟู่วางองครักษ์ลับเอาไว้แล้ว วางใจเถอะ" เซียวหลันยวนพานางเข้ามา สองมือโอบข้างเอวนาง จ้องมองนาง "องค์จักรพรรดิน่าจะลงมือกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพ่อลูกชินอ๋องเซียวยังคอยจับตาดูพวกเขาขนาดนี้ มันดูแปลกไปหน่อย""ตรวจสอบดูก็รู้ พวกเขาถ้าหากมีความคิดอะไร มีแผนอะไร มีเป้าหมายอะไร เดี๋ยวก็ได้รู้เอง"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ใส่ใจนักเซียวหลันยวนพยักหน้าสายตาเขามองออกไปไกลๆ ถัดจากนี้ต้องดูว่าสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินจะรับมืออย่างไร เมืองหลวงยังมีคนที่มีเป้าหมายต่างๆ อยู่ และยังมีขั้วอำนาจที่ใช้วิธีการต่างๆ อยู่อีกด้วยเขาถึงแม้จะเชื่อว่าครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่วางยาพิษ แต่ว่าพวกเขาตอนนั้นถูกใครบางคนหรือเรื่องบางอย่างหนีบเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีทางดึงตัวออกมาอย่างหมดจดได้ พวกเขาเองก็เป็นคนในเหตุการณ์ตอนนี้พอมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับเขา เซียวหลันยวนก็ยังพิจารณานาว่าพวกเขาจะแบกรับไหวไหม หลังจากนี้จะไม่ถ่วงแข้งขาฟู่จาวหนิงได้จริงไหม จะไม่ทำร้ายนางจริงไหมเซียวหลันยวนไม่ได้
"หนิงหนิง มีเรื่องอะไรถึงคุยกันนานสองนาน?"ในห้องขังมีเสียงเซียวหลันยวนดังออกมา"มาแล้ว"ฟู่จาวหนิงขานรับคำหนึ่ง เตรียมจะกลับห้องขังเซียวเหยียนจิ่งไม่อยากเชื่อ "เจ้าไม่ไปกับข้าจริงหรือ? เจ้าไม่สนใจพ่อแม่เจ้าหรือไรกัน?"ปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงเกินจากที่เขาคาดไว้เขาเดิมทีคิดว่าพอได้ยินว่าพ่อแม่ไม่เป็นไร แล้วยังกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงอย่างน้อยต้องตาแดงรื้นบ้าง ไม่ก็ร้องไห้ออกมา รีบร้อนตามเขาออกไปอย่างตื่นเต้น เพื่อรีบไปพบพ่อแม่ของนาง"อ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็ยังต้องอยู่ในห้องขัง ไม่มีอะไรหรอก เจ้าจัดที่นี่จนดูอยู่สบายไปแล้ว แล้วเขาทำไมยังต้องให้เจ้ามาอยู่ด้วยกันอีก?""ข้ามาอยู่เอง เขาเป็นสามีข้า ข้าไม่อยู่กับเขาแล้วใครจะอยู่กัน?"ฟู่จาวหนิงหลังจากที่รู้เจตนาการมาของเขาก็ขี้เกียจจะคุยกับเขาแล้ว ผลักเขาออก แล้วเดินไปทางห้องขังเซียวเหยียนจิ่งนี่ก็จุ้นจ้านเสียจริง"เจ้าทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้" เซียวเหยียนจิ่งตะโกนใส่หลังนาง "เจ้าเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว ถ้าเจ้ายินยอม มีคนตั้งมากมายที่ยินดีจะรักและเอ็นดูเจ้า ทำไมต้องมาอยู่ในคุกกับเขาแบบนี้ด้วย"เดิมทีหญิงสาวคนนี้ควรจะควรจะม
"ใช่ พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว" เซียวเหยียนจิ่งจ้องมองฟู่จาวหนิง "เป็นอย่างไร เจ้าอยากรีบกลับบ้านไหม? ได้ยินว่าปู่ของเจ้ากับเด็กที่ชื่อเสี่ยวเฟยก็อยู่กันที่จวนอ๋องเจวี้ยนนี่? ถ้าเจ้าไม่กลับไป พ่อแม่ของเจ้าคงจะหาคนไม่เจอแน่"ฟู่จาวหนิงทำท่าทางตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม? พวกเขากลับมาแล้วจริงหรือ?""ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน? ไม่เชื่อข้าตอนนี้เจ้าก็ไปกับข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขา"เซียวเหยียนจิ่งพูด มือเองก็คันยุบยิบ เขาอยากจะยื่นมือไปจูงนางเหลือเกิน จูงนางออกจากคุกใหญ่ถ้าเขาสามารถจูงมือนางออกไปได้ เซียวหลันยวนคงได้กระอักเลือดตายกระมัง?แต่เขาเพิ่งจะขยับ ฟู่จาวหนิงก็ถอยออกไปแล้วสองก้าว"พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง เช่นนั้นก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ที่บ้านตระกูลฟู่มีคนอยู่ พวกเขาจะหาคนไม่เจอได้อย่างไรกัน?""เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?""เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าวิ่งแจ้นเข้ามาบอกข้าหรอกกระมัง? พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง คนใช้บ้านตระกูลฟู่อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาบอกข้าเอง""เจ้าลืมอ๋องเจวี้ยนไปแล้วหรือ?""เขาก็อยู่ที่นี่ ลืมอะไรกัน?""ความ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม