"ไม่มีนะ นางไม่ได้ห้ามข้าเลย แล้วก็ไม่พูดว่าไม่ดีเลยสักคำด้วย หลังจากออกมายังชมข้าอยู่เลย เหอะๆ ท่านอ๋อง ท่านต้องเรียนรู้อย่างข้าบ้าง ข้ารู้สึกว่าข้ายังปลอบพระชายาได้อยู่นะ""ให้เจ้าไปปลอบหรือ? นั่นเป็นพระชายาของเจ้าไหม?" เซียวหลันยวนตอบกลับโดยไม่ต้องคิดชิ่งอวิ๋นเซียวก็หุบปากลงทันทีนี่ปากเร็วไปเสียแล้ว"กินเสร็จก็กลับไปเถอะ อย่ามาเอาแต่พึ่งข้า"ชิ่งอวิ๋นเซียวเบ้ปากอ๋องเจวี้ยนนี่ถือว่าข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพานหรือเปล่า? ทำไมมาไล่เขาไปเสียแล้วล่ะ?"เอาเถอะ เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนแล้วกัน"ชิ่งอวิ๋นเซียวออกประตูไป ก็เห็นฟู่จาวหนิงยืนอยู่ใต้ชายคา แหงนหน้ามองพระจันทร์พระจันทร์คืนนี้ดูสว่างเป็นพิเศษ แสงจันทร์สาดลงมา พร่างพราวอยู่บนใบหน้าฟู่จาวหนิง ส่องจนใบหน้านางราวกับเป็นหยกขาวอย่างไรอย่างนั้น แล้วยังดูมีแสงประกายเย็นอยู่อีกชั้นหนึ่งด้วยพริบตานี้ หัวใจของชิ่งอวิ๋นเซียวก็ถูกกระแทกมาทันทีพระชายาอ๋องเจวี้ยนนี่งดงามจริงๆเขาเข้าใจบ้างแล้วเหมือนกันว่าทำไมซือถูไป๋ที่รู้ว่านางเป็นหญิงที่แต่งงานแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยวางถึงอย่างไรซือถูไป๋ก็รู้ ว่าการแต่งงานของสามีภรรยาอ๋องเจวี้ยน
กอดความคาดเดาต่างๆ นานาไว้ เสี่ยวชิ่นทั้งตกตะลึงทั้งหวาดกลัวไร้ที่พึ่ง ร้องไห้ไปหนึ่งชั่วยามจนตอนนี้ปวดตาไปหมดแล้วจนกระทั่งฟู่จาวหนิงกุมมือนางมั่น บอกกับนางว่าไม่ต้องกลัว นางจึงรู้สึกว่าใจของตนเองสงบลงมาแล้วฟู่จาวหนิงเหลือบมองชิงอีที่ก้มหน้าม่อย จากนั้นก็หันไปมองเซียวหลันยวน "แล้วข้าจะยังอยู่ที่นี่ต่อได้ไหม?"ไม่สนแล้ว ถึงอย่างไรนางในตอนนี้ก็คือพระชายาอ๋องเจวี้ยน"แน่นอน""เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านอ๋องมาก"ฟู่จาวหนิงดึงเสี่ยวชิ่นออกไป "ไปเถอะ กลับไปจะจัดการดวงตาเจ้าให้"เสี่ยวชิ่นถูกนางดึงจึงรีบเดินตามไปตัวตนอ๋องเจวี้ยนอยู่ตรงนั้นอย่างแรงกล้า ยืนอยู่ที่นั่นแม้จะไม่พูดจา แต่นางก็มองข้ามไม่ได้เลยทว่าตอนนี้นางหวาดกลัวอ๋องเจวี้ยนอยู่หน่อยๆ กระทั่งจะเหลือบมองเขาก็ยังไม่กล้า ทำได้แค่ก้มหน้าเดินอยู่ข้างๆ ฟู่จาวหนิงพอเห็นว่านางตกใจเสียขนาดนี้ ตาก็ยังร้องไห้จนดูไม่ได้ ฟู่จาวหนิงก็ยิ่งรู้สึกว่าเซียวหลันยวนนี่แย่จริงๆกระทั่งชิงอี นางเองก็ไม่สบอารมณ์ไปด้วย"เสี่ยวชิ่น เจ้ากินอะไรมาหรือยัง?"เสี่ยวชิ่นส่ายหัว นางจะกินลงได้อย่างไรกัน?ไม่ใช่แค่กินไม่ลง ตกใจอยู่นานสองนาน ขนาดน้ำก็ยังไม
"ขอรับ"ชิงอีรีบไปจัดการ เรื่องนี้เขาต้องไปจัดการเอง เช่นนี้จึงจะสามารถแสดงออกถึงความจริงใจของเขาหลานหรงกลับมองแผ่นหลังอ๋องเจวี้ยนที่เดินเข้าห้องไปพลางถอนหายใจพวกเขาก็แค่เป็นห่วงท่านอ๋องเท่านั้น เป็นห่วงว่าเขาจะจมดิ่งเพราะปัญหาเรื่องหน้าตาท่านอ๋องยังไม่รู้จะเผชิญหน้ากับพระชายาอย่างไรเลยเซียวหลันยวนหลังจากเข้าห้องไปก็ยังไม่สงบใจลงมา เขาไม่รู้ว่าเสี่ยวชิ่นจะพูดอะไรกับฟู่จาวหนิงบ้างคิดถึงจุดนี้ ในใจเขาสั่นกึก หมุนตัวออกประตูไปทันทัน ปลดปล่อยวิชาตัวเบาพุ่งแฉลบไปยังฟู่จาวหนิงทางนั้นอย่างเงียบเชียบ"ไม่ต้องตามมา"หลานหรงเดิมทีคิดจะตามไป พอได้ยินประโยคนี้ก็ทำได้แค่หยุดเท้าลงฟู่จาวหนิงพอเสี่ยวชิ่นกลับไปที่ห้อง พวกของสืออีก็ส่งข้าวส่งชาเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วยังมีน้ำร้อนมาให้อีกด้วย"ประคบตาเอาไว้ก่อน ร้องไห้เสียขนาดนี้คงจะเจ็บน่าดูเลย จะเอาแต่ใช้ผ้ามาเช็ดน้ำตาตลอดไม่ได้นะ"ถ้าเช็ดต่อผิวได้ถลอกแน่เสี่ยวชิ่นฟังคำของนาง ดื่มชาไปแก้วหนึ่ง เอนตัวบนแคร่ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคมดวงตา มุมปากเองก็เกร็งเม้ม ดูแล้วยังรู้สึกไม่ปลอดภัยและตึงเครียดอยู่ฟู่จาวหนิงนั่งลงมาข้างนาง"เสี่ยวชิ่น
อ๋องเจวี้ยนเป็นสามีของนางจริงไหม?"ตอนนี้น่ะใช่" ฟู่จาวหนิงตอบ อืม อย่างน้อยก็ยังไม่ได้หย่ากันนี่นะ เขาเองก็ไม่ได้คิดจะเลิกกับนางด้วย"ฮือ..."พอได้ยินคำตอบของฟู่จาวหนิง เสี่ยวชิ่นก็ร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ร้องไห้ทำไมกันล่ะ?""นายท่านรุ้ไหม? นายท่านเคยเจออ๋องเจวี้ยนไหม?""เคยสิ เขารู้อยู่แล้ว""ไม่ นายท่านจะต้องไม่เคยเห็นอ๋องเจวี้ยนในสภาพนี้แน่ ข้าน้อยเมื่อครู่เห็นอ๋องเจวี้ยนใส่หน้ากากอยู่!""อืม เขาก่อนหน้านี้ก็ใส่หน้ากากตลอดจริงๆ""คุณหนู แล้วใครกันที่มาทำร้ายท่านเช่นนี้? ทำไมจึงให้ท่านแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยน? ท่านไม่กลัวใบหน้าของเขาหรือ? ยิ่งไปกว่นั้นเขายังไม่ดีกับท่านด้วย!"เสี่ยวชิ่นครั้งนี้พอเจอเซียวหลันยวนก็เกือบชีวิตจะหาไม่ ดังนั้นภาพจำจึงเป็นความหวาดกลัวจากที่นางเห็น อ๋องเจวี้ยนน่ากลัวมาก หน้าตาน่ากลัว อารมณ์เองก็เย็นชา คนเช่นนี้จะดีกับคุณหนูได้อย่างไร?เสี่ยวชิ่นเป็นห่วงฟู่จาวหนิงจริงๆ"คุณหนูท่านเป็นคนดี เป็นคนอ่อนโยน ดีเสียขนาดนี้ ทำไมจึงยอมรับการแต่งงานนี้กัน?" เสี่ยวชิ่นร้องไห้สะอึกสะอื้น ปวดใจเหลือเกิน "ไท่ไท่อาวุโสล้วคิดอยากจะแนะนำชายหนุ่มดีดีของต้าชื่อใ
"จะว่าไป เจ้าเองก็รู้จักข้ามานานแค่ไหน? เจ้ารู้ว่าข้ากับเขาแต่งงานกันอย่างไรไหม?"เสี่ยวชิ่นส่ายหัวอย่างงงงัน"เจ้ารู้ไหมว่าพวกเราเจอกันอย่างไร?""เจ้าทำไมถึงมั่นใจนักว่าเขาไม่คูควรและปกป้องข้าไม่ได้?""เจ้าไม่ใช่ข้าเสียหน่อย เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะตกใจกับหน้าตาของเขาเหมือนเจ้าหรือไม่? เจ้าทำไมถึงมั่นใจนัก ว่าข้ารู้สึกน่าสงสารขนาดนี้?""เจ้าไม่รู้อะไรเลยถูกไหม? เจ้าก็แค่รู้สึกของเจ้าไปเอง คิดไปเอง แต่เขาเป็นสามีของข้า ไม่ใช่ของเจ้า"ฟู่จาวหนิงยืนขึ้นมา "ต่อให้เป็นพ่อแม่ข้า ก็ไม่มีคุณสมบัติจะใช้ความคิดของตนเองมาส่งผลกระทบกับการเลือกของข้า แล้วเจ้าเป็นใครกัน?"คำพูดนี้พูดถึงจุดหลักๆ เสี่ยวชิ่นก็ตกใจจนคุกเข่าลงกับพื้น"คุณหนู ข้าน้อยไม่ได้มีความหมายเช่นนั้น""ดังนั้นข้าหวังว่าคำพูดเช่นนี้จะไม่มีอีกเป็นครั้งที่สอง" ฟู่จาวหนิงมองสภาพตัวสั่นงันงกของนาง ก็พอจะจินตนาการได้ว่าตอนที่นางเห็นเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ตกใจกลัวมากขนาดไหนสำหรับเซียวหลันยวนแล้ว น่าจะกระทบกระเทือนจิตใจมากแต่ในใจนางก็ยังรู้สึกสงสัยตอนแรกที่นางจาดมา ใบหน้าของเซียวหลันยวนยังไม่ถึงกับน่ากลัวขนาดนี้กระมัง? เ
หลานหรงพอเห็นฟู่จาวหนิงเข้ามา ในใจก็ลิงโลดพระชายายังไม่วางใจท่านอ๋องสินะ? เพราะเขาเห็นฟู่จาวหนิงสะพายกล่องยามาด้วยเช่นนี้ในใจท่านอ๋องก็คงจะดีขึ้นบ้างแล้วเมื่อครู่ท่านอ๋องออกไปพักหนึ่ง หลังจากกลับมาก็เข้าห้องปิดประตู กลิ่นอายทั้งตัวทำเอาคนสันหลังวาบจนไม่กล้าเข้าใกล้ต่อให้ไม่เห็นใบหน้าของท่านอ๋อง ก็ยังรู้ว่าอารมณ์ของเขาดิ่งวูบแค่ไหน"พระชายาท่านมาแล้ว"หลานหรงยกเสียงสูง หวังว่าท่านอ๋องในห้องจะได้ยิน"ท่านอ๋องของพวกเจ้าล่ะ?"ฟู่จาวหนิงมองประตูห้องที่ปิดสนิท"ท่านอ๋องอยู่ในห้องขอรับ..."พอสิ้นเสียงหลานหรง พวกเขาก็เห็นแสงเทียนที่ลอดออกมาจากหน้าต่างกระดาษดับลงทันที ในห้องมืดลงทันควันครึ่งประโยคหลังของหลานหรงจุกอยู่ตรงคอไม่ใช่สิ ท่านอ๋อง ท่านทำอะไรเนี่ย?ฟู่จาวหนิงเองก็ถูกท่าทีของเซียวหลันยวนทำให้โมโหเสียแล้ว"เซียวหลันยวน ข้ายังเป็นหมอของท่านนะ ข้าจะเข้าไปจับชีพจร แล้วรักษาต่อ!"นางพอคิดถึงการทำร้ายต่อตัวเขาของเสี่ยวชิ่น ก็รู้สึกว่าตนเองยอมถอยให้ก้าวหนึ่งได้ ดังนั้นต่อให้จะโกรธ ก็ยังอดระงับไฟโกรธในใจแล้วพูดออกมา"ไม่ต้อง ข้าเหนื่อยแล้ว เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ" ในห้องมีเสี
หลานหรงพอได้ยินการเคลื่อนไหว ก็ส่งองครักษ์ลับสี่คนแอบตามไปไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้ปกป้องพระชายาให้ปลอดภัยคือเรื่องสำคัญที่สุด"นางออกไปแล้วหรือ?"ฟู่จาวหนิงพอออกไป เซียวหลันยวนก็ได้ข่าวชิงอีพอมองท่านอ๋อง "ออกไปแล้ว หลานหรงส่งคนตามไปเรียบร้อย แต่เป็นการแอบคุ้มครองลับๆ ไม่ได้ให้พระชายารู้ตัว""อืม""ท่านอ๋อง แต่พระชายาโกรธขนาดนี้ไม่เป็นไรหรือ?""มากไป"เซียวหลันยวนไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ต่ออย่างเห็นได้ชัดเมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อตอนนี้คึกคักเอามากๆ จริงๆ คนบนถนนมากมายเต็มไปหมด ไหล่เบียดชนขวักไขว่ไปมาไม่หยุดถนนตรอกซอกซอยล้วนมีคนมาวางแผงขายของ ร้านรวงสองฝั่งก็ล้วนธงราวโบกสะบัด เถ้าแก่บริการเข้าออกคอยรับแขกเหรื่อสินค้ามากมายหลายประเภท ละลานตาไปหมด ทำเอาดูกันไม่หวาดไหวเลยทีเดียวร้านบางส่วนที่ขายดีหน่อย ด้านหน้าก็มีผู้คนล้อมกันจนเดินไม่ได้เสื้อผ้าที่คนบนถนนสวมก็มีมากมายหลากสีผู้คนที่เดินผ่านข้างกายฟู่จาวหนิง มักจะได้ยินภาษาที่แตกต่างกัน นางยังได้ยินภาษาหนานฉือด้วย ดูท่าคนจากแคว้นหนานฉือกู่ก็ยังมากันที่ต้าชื่อด้วยในอากาศมีกลิ่นต่างๆ ปนเปกันอยู่ส่วนมากล้วนเป็นกลิ่นหอม กลิ่นห
ฟู่จาวหนิงไม่ค่อยแน่ใจเสียแล้ว"การค้าของหออันดับหนึ่งดีเสียขนาดนี้ จะมีห้องชั้นสูงไว้ให้ตระกูลเสิ่นด้วยหรือ?""งานเทศกาลอวยพรสารทฤดูที่ผ่านๆ มาแม้จะไม่ได้คึกคักแบบปี้นี้ แต่ที่นี่ปลักๆ ก็มีแขกเต็มอยู่แล้ว แต่หออันดับหนึ่งก็จะเหลือห้องชั้นสูงเอาไว้ เพราะตระกูลฮั่วจะเหลือไว้สองห้องเตรียมไว้ตลอดเวลา อย่างมากพวกเขาก็เอาห้องของตนเองนั้นออกมาให้นั่นล่ะขอรับ""ปีนี้คึกคักขนาดนี้ น่าจะเพราะองค์หญิงใหญ่กลับเมืองหลวง"คนเยอะเหลือเกิน...วันนี้พวกเขาเบียดกันมาครึ่งเช้าจนรู้สึกเหนื่อยหน่อยๆ แล้วฟู่จาวหนิงที่เพิ่งเตรียมจะเข้าไป ด้านหลังก็มีคนเบียดเข้ามา"หลีกหน่อยๆ อย่ามาขวางข้าที่จะกินเห็ดเชียนเสวี่ย!""คุณหนูระวัง"สืออีรีบคุ้มครองฟู่จาวหนิงทันที สือซษนพลิกมือแหวกทางอีกฝ่ายเพราะคนกลุ่มนั้นเบียนดเข้ามาค่อนข้างรุนแรง ฟู่จาวหนิงเกือบถูกพวกเขาเบียดไปชนกับโครงประตู เสี่ยวชิ่นเซไปข้างๆ ยังดีที่ไป๋หู่ประคองตัวนางไว้ ไม่เช่นนั้นคงได้ล้มลงไปแล้วสือซานตอนนี้จึงพลิกมือ ผลักอีกฝ่ายโซเซจนไปชนพวกเดียวกันพวกเขาโมโหขึ้นทันที เดิมทีที่คิดจะรีบพุ่งเข้าไป ตอนนี้ทั้งหมดก็หยุดลงหันตัวกลับมา ถลึงตามอง
ฟู่จิ้นเชินอันที่จริงก็เตรียมใจไว้แล้วตอนนั้นพวกเขาออกจากเมืองไปแบบนั้น หลายๆ เรื่องยังคงอยู่ ทั้งที่เกี่ยวกับราชวงศ์ท่านอ๋อง ทั้งที่เกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิ และไม่มีทางที่จะลืมเลือนจากเวลาที่ไหลผ่านไปกระทั่งองค์จักรพรรดิก็ไม่แน่ว่าจะลืมพวกเขาถ้าหากไม่ใช่เพราะลูสาวของพวกเขาจับพลัดจับผลู พบบุพเพมหัศจรรย์จนไปแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยน ตอนนี้พวกเขายังไม่ทันเข้าเมืองหลวงก็คงถูกคนของอ๋องเจวี้ยนจับไปแล้วสิ่งที่รอพวกเขาก็คือการจำคุกและการไต่สวนหรือบางที คนที่รู้เรื่องเบื้องหลังในตอนนั้น หรือคนที่สงสัยว่าพวกเขาไปรู้ความลับอะไรเข้า ตอนนี้อาจจะเปิดเผยตัวกันออกมาถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางเป็นแบบตอนนี้ ที่ยังเข้าเมืองมาได้อย่างปลอดภัย กลับมาที่บ้านกระทั่งว่า บ้านตระกูลฟู่เองก็อาจจะไม่อยู่แล้วด้วย บ้านหลังนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะยังอยู่ที่นี่เพื่อรอพวกเขากลับบ้านกลับบ้าน ใช่แล้ว พวกเขาในที่สุดก็กลับมาบ้านแล้วและทั้งหมดนี้ เป็นเพราะจาวหนิงเป็นจาวหนิงที่ให้พวกเขากลับมาบ้านได้ฟู่จิ้นเชินเข้าใจจุดนี้ได้ดียิ่งกว่าใครรอจนอารมณ์ของทุกคนนิ่งลงมาแล้ว เขาจึงถามถึงผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวหนิ
ฟู่จาวหนิง! พระชายาอ๋องเจวี้ยน! พวกเขาล้วนได้ยินเรื่องของนางมาไม่น้อย นั่นไม่ใช่คนที่ไปยั่วยุได้เลยนะ นางกระทั่งองค์จักรพรรดิก็ยังกล้าไปต่อปากต่อคำด้วย พวกเขาในสายตาฟู่จาวหนิงไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น!ถ้าถูกจับจ้องไว้ล่ะก็ พวกเขาหลังจากนี้ได้เดือดร้อนแน่!คนเหล่านี้ล้วนขวัญเสียกันหมดแล้วคนที่ให้พวกเขาเข้ามาเอะอะบอกไว้ว่า ถ้าเอาคนมาเยอะๆ แล้วบวกกับเรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเข้าไป ฟู่จิ้นเชินจะต้องนึกพวกเจ้าไม่ออก จำพวกเจ้าไม่ได้แน่ขอแค่เอาคนมามากพอ สถานการณ์วุ่นวายพอ แค่พวกเขาสร้างความวุ่นวายแล้วหนีไป ตระกูลฟู่ก็จับมือใครดมไม่ได้หรอกแต่ใครจะคิดว่าฟู่จิ้นเชินจะมาไม้นี้?"ฟู่ สหายฟู่ ไม่ต้องจดหรอก พวกเราก็แค่เจอพวกเจ้าบนถนนเท่านั้น...""ใช่ๆๆ ไม่มีใครมาแจ้งพวกเรา""พวกเรามีที่มาแหล่งข่าวเสียที่ไหน เข้าใจผิดแล้ว..."พวกเขาคิดจะถอย ถ้าหากไปถึงฟู่จาวหนิงคงวุ่นวายไม่จบไม่สิ้นแน่"ในเมื่อมากันแล้ว เช่นนั้นก็มาคุยเรื่องเก่ากันก่อนเถิด อย่าเพิ่งรีบไปกัน" ฟู่จิ้นเชินเอ่ยขึ้นอย่างสงบ "พวกเจ้าไม่ใช่มาหาสหายเก่าอย่างข้าหรอกหรือ?""เจ้ากับฮูหยินเพิ่งกลับมา น่าจะเหนื่อยกันแล้ว พวกเราเอาไว้ค่อ
พวกของเซี่ยซื่อยังไม่ทันได้พูดเรื่องอ๋องเจวี้ยน ด้านนอกก็มีคนออกแรงตบประตูบ้านตระกูลฟู่ขึ้นเสียงดังเฉินซานออกไปเปิดประตู คนกลุ่มหนึ่งก็ทะลักเข้ามาคนเหล่านี้ เฉินซานคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ ก่อนหน้านี้ตอนที่เขายังเป็นนักเลงหัวไม้อยู่ในเมืองหลวง จริงๆ ก็ให้ความสนใจกับพวกพ่อค้าขุนนางระดับล่างเหล่านี้อยู่คนเหล่านี้ล้วนอายุราวสามสี่สิบปี อายุประมาณฟู่จิ้นเชิน"คุณชายใหญ่ฟู่!""เร็ว ได้ยินว่าอัจฉริยะใหญ่ฟู่กลับมาแล้วหรือ?""คุณชายฟู่กลับมาแล้วจริงหรือ?"คนกลุ่มหนึ่งทะลักเข้ามา ล้วนมองอย่างตื่นเต้นมาที่ฟู่จิ้นเชินขณะที่ยังตกใจกับความหล่อเหลาราววัยหนุ่มของฟู่จิ้นเชิน กับความสวยสะพรั่งของเสิ่นเชี่ยว พวกเขาลืมเป้าหมายที่มายังบ้านตระกูลฟู่นี้แล้วพวกเขาแย่งกันพูดขึ้นมา"สหายฟู่ ให้ตายเถอะ เจ้ายังไม่ตายจริงๆ!""คุณชายฟุ่ ยังจำข้าได้ไหม? ข้าต่งฮั่น ตอนนั้นที่เคยสนุกด้วยกันกับเจ้าที่โรงน้ำชา!""จิ้นเชิน ข้าเหอจาวหลิน พวกเราตอนนั้นเกือบจะได้เป็นศิษย์ของอาจารย์คนเดียวกันแล้ว!""อัจฉริยะใหญ่ฟู่ ตอนนั้นพวกเราเดิมพันงานเขียนกันหลายครั้ง พอเจ้าหายตัวไปสิบแปดปีข้าก็คิดถึงเจ้าตลอดเลย เจ้ากลับมาได
ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายยังดูยังสับสนอยู่ ยังไม่มีใจจะไปคิดเล็กคิดน้อยนัก"นี่คือลูกสาวของข้าอันห่าว นางตอนนี้ใช้สกุลเซี่ยเหมือนข้า" เซี่ยซื่อปาดน้ำตาเอ่ยขึ้นเสิ่นเชี่ยวประคองเซี่ยอันห่าวลุกขึ้นดูแล้วเซี่ยซื่อน่าจะมีเรื่องบางอย่างกับตระกูลหลิน ยิ่งไปกว่านั้นในนี้จะต้องเป็นฝีมือของจาวหนิงแน่"ต้องขอบคุณจาวหนิง นางเก็บแม่ลูกอย่างพวกเรามา ไม่เช่นนั้นพวกเราคงไม่รอดกันแล้ว" เซี่ยซื่อเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตา ได้สติขึ้นอีกครั้ง "รีบเข้าห้องเร็ว หิมะตกแล้ว ด้านนอกหนาวมาก"คนที่เหมือนแมลงกาฝากในตระกูลฟู่พวกนั้นก็ถูกฟู่จาวหนิงกวาดออกไปแล้ว เรื่องนี้สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินรู้แล้วพวกเขาเข้ามาในโถงใหญ่ ลุงจงป้าจงกับหู่จือล้วนได้ยินการเคลื่อนไหว ทั้งหมดจึงวิ่งเข้ามา"คุณชาย คุณชายใหญ่กับฮูหยินน้อยกลับมาแล้วหรือ?""คุณชาย!"ป้าจงกับลุงจงวิ่งเข้ามาก่อน พอเห็นฟู่จิ้นเชินชัดๆ พวกเขาก็น้ำตาไหลอาบทันที ทิ้งตัวลงคุกเข่า"คุณชาย ฮูหยินน้อย พวกท่านกลับมาได้เสียที พวกท่านยังมีชีวิตอยู่ ข้าน้อยรู้อยู่แล้ว ว่าพวกท่านจะต้องมีโชคที่ดีแน่นอน..."พวกเขาล้วนร้องไห้กันออกมาตอนนั้นที่พวกเขาออกไป หู่จือยังเป็นเด็กน้อยอย
แม้จะผ่านไปเกือบสิบแปดปีแล้ว แต่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวก็ยังเป็นคนที่กาลเวลารักใคร่อยู่พวกเขาแม้จะอายุมากแล้ว หน้าตาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง แต่พอเทียบกับสมัยก่อนแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เยอะมากมองหลายๆ ครั้งก็มองออกได้คนที่เซียวเหยียนจิ่งเตรียมไว้ยังมองออก ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยซื่อเลยเซี่ยซื่อเคยเป็นครอบครัวของพวกเขาด้วยนะหลังจากนางจำได้แล้วยังสงสัยว่าตาตนเองฝาดไปหรือไม่ ยังสงสัยว่าตนเองคงตาลาย ดังนั้นเลยนวดตาทันที จากนั้นจึงมองพวกเขาอย่างละเอียดอีกครั้งไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นสองคนนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็จำเซี่ยซื่อได้ แม้ว่านางจะรู้ตัวตนฐานะของตนเองแล้ว แต่ยังคงโพล่งออกมาว่า "พี่สะใภ้รอง!"เซี่ยซื่อคือภรรยาของผู้เฒ่ารองตระกูลหลินและเป็นคนเดียวในตระกูลหลินที่อ่อนโยนเป็นห่วงเสิ่นเชี่ยว ดังนั้นเสิ่นเชี่ยวพอเห็นนาง ดวงตาจึงแดงรื้นขึ้นมาคำว่าพี่สะใภ้รอง ก็ทำเอาเซี่ยซื่อใจสั่นระริกเช่นกันรีบวางตะกร้าที่หิ้วไว้ลงมา เดินตรงไปหานาง"ให้ตายเถอะ อา อาเล็กหรือ?"ไม่ ไม่ใช่อาเล็กชองนางแล้วสิ เซี่ยซื่อยืนอยู่หน้าเสิ่นเชี่ยว ถลึงตาโตอ้าปากค้าง"พี่สะใภ้รอง ข้าข้าเจอครอบครัวของข้าแ
ฟู่จาวหนิงสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย "ดูท่า น่าจะมีคนไม่น้อยที่ยังไม่ลืมพวกเขา คอยจับตาดูจนถึงทุกวันนี้""ข้าเตรียมการเสร็จแล้ว รอบบ้านตระกูลฟู่วางองครักษ์ลับเอาไว้แล้ว วางใจเถอะ" เซียวหลันยวนพานางเข้ามา สองมือโอบข้างเอวนาง จ้องมองนาง "องค์จักรพรรดิน่าจะลงมือกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพ่อลูกชินอ๋องเซียวยังคอยจับตาดูพวกเขาขนาดนี้ มันดูแปลกไปหน่อย""ตรวจสอบดูก็รู้ พวกเขาถ้าหากมีความคิดอะไร มีแผนอะไร มีเป้าหมายอะไร เดี๋ยวก็ได้รู้เอง"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ใส่ใจนักเซียวหลันยวนพยักหน้าสายตาเขามองออกไปไกลๆ ถัดจากนี้ต้องดูว่าสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินจะรับมืออย่างไร เมืองหลวงยังมีคนที่มีเป้าหมายต่างๆ อยู่ และยังมีขั้วอำนาจที่ใช้วิธีการต่างๆ อยู่อีกด้วยเขาถึงแม้จะเชื่อว่าครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่วางยาพิษ แต่ว่าพวกเขาตอนนั้นถูกใครบางคนหรือเรื่องบางอย่างหนีบเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีทางดึงตัวออกมาอย่างหมดจดได้ พวกเขาเองก็เป็นคนในเหตุการณ์ตอนนี้พอมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับเขา เซียวหลันยวนก็ยังพิจารณานาว่าพวกเขาจะแบกรับไหวไหม หลังจากนี้จะไม่ถ่วงแข้งขาฟู่จาวหนิงได้จริงไหม จะไม่ทำร้ายนางจริงไหมเซียวหลันยวนไม่ได้
"หนิงหนิง มีเรื่องอะไรถึงคุยกันนานสองนาน?"ในห้องขังมีเสียงเซียวหลันยวนดังออกมา"มาแล้ว"ฟู่จาวหนิงขานรับคำหนึ่ง เตรียมจะกลับห้องขังเซียวเหยียนจิ่งไม่อยากเชื่อ "เจ้าไม่ไปกับข้าจริงหรือ? เจ้าไม่สนใจพ่อแม่เจ้าหรือไรกัน?"ปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงเกินจากที่เขาคาดไว้เขาเดิมทีคิดว่าพอได้ยินว่าพ่อแม่ไม่เป็นไร แล้วยังกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงอย่างน้อยต้องตาแดงรื้นบ้าง ไม่ก็ร้องไห้ออกมา รีบร้อนตามเขาออกไปอย่างตื่นเต้น เพื่อรีบไปพบพ่อแม่ของนาง"อ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็ยังต้องอยู่ในห้องขัง ไม่มีอะไรหรอก เจ้าจัดที่นี่จนดูอยู่สบายไปแล้ว แล้วเขาทำไมยังต้องให้เจ้ามาอยู่ด้วยกันอีก?""ข้ามาอยู่เอง เขาเป็นสามีข้า ข้าไม่อยู่กับเขาแล้วใครจะอยู่กัน?"ฟู่จาวหนิงหลังจากที่รู้เจตนาการมาของเขาก็ขี้เกียจจะคุยกับเขาแล้ว ผลักเขาออก แล้วเดินไปทางห้องขังเซียวเหยียนจิ่งนี่ก็จุ้นจ้านเสียจริง"เจ้าทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้" เซียวเหยียนจิ่งตะโกนใส่หลังนาง "เจ้าเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว ถ้าเจ้ายินยอม มีคนตั้งมากมายที่ยินดีจะรักและเอ็นดูเจ้า ทำไมต้องมาอยู่ในคุกกับเขาแบบนี้ด้วย"เดิมทีหญิงสาวคนนี้ควรจะควรจะม
"ใช่ พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว" เซียวเหยียนจิ่งจ้องมองฟู่จาวหนิง "เป็นอย่างไร เจ้าอยากรีบกลับบ้านไหม? ได้ยินว่าปู่ของเจ้ากับเด็กที่ชื่อเสี่ยวเฟยก็อยู่กันที่จวนอ๋องเจวี้ยนนี่? ถ้าเจ้าไม่กลับไป พ่อแม่ของเจ้าคงจะหาคนไม่เจอแน่"ฟู่จาวหนิงทำท่าทางตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม? พวกเขากลับมาแล้วจริงหรือ?""ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน? ไม่เชื่อข้าตอนนี้เจ้าก็ไปกับข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขา"เซียวเหยียนจิ่งพูด มือเองก็คันยุบยิบ เขาอยากจะยื่นมือไปจูงนางเหลือเกิน จูงนางออกจากคุกใหญ่ถ้าเขาสามารถจูงมือนางออกไปได้ เซียวหลันยวนคงได้กระอักเลือดตายกระมัง?แต่เขาเพิ่งจะขยับ ฟู่จาวหนิงก็ถอยออกไปแล้วสองก้าว"พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง เช่นนั้นก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ที่บ้านตระกูลฟู่มีคนอยู่ พวกเขาจะหาคนไม่เจอได้อย่างไรกัน?""เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?""เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าวิ่งแจ้นเข้ามาบอกข้าหรอกกระมัง? พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง คนใช้บ้านตระกูลฟู่อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาบอกข้าเอง""เจ้าลืมอ๋องเจวี้ยนไปแล้วหรือ?""เขาก็อยู่ที่นี่ ลืมอะไรกัน?""ความ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม