เซียวหลันยวนมาแล้วหรือ!เขาเดินได้แล้ว?ต้าชื่อไกลขนาดนี้ องค์จักรพรรดิยอมให้เขาออกมาหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นใบหน้าของเขาเดิมทีคิดมาตลอดว่าตอนที่ทั้งคู่แยกกันต่างฝ่ายต่างเย็นชาใส่กัน ฟู่จาวหนิงยังคิดเลย ว่าหลังจากนี้คงอีกนานมากๆ กว่าจะได้เจอเซียวหลันยวนนางกระทั่งรู้สึกว่า หลังจากนี้ระหว่างพวกเขาอาจจะเปลี่ยนเป็นคนไม่รู้จักกันก็ได้แต่คิดไม่ถึงเลยว่าตอนที่นางยังไม่ทันได้เตรียมใจ เขากลับมาที่ต้าชื่อนี้แล้ว!"เขาอยู่ที่ไหน?""ข้าน้อยจะพาพระชายาไป แต่เนื่องจากท่านอ๋องเข้ามาแบบปิดบังองค์จักรพรรดิ ดังนั้นจะเอิกเกริกมิได้""ได้"ตอนนี้เอง ฟู่จาวหนิงก็ไม่ลังเล หมุนตัวให้คนเตรียมออกไปทันทีนางใจเต้นตึกตักขึ้นมา และพบว่าตนเองนั้นคิดถึงเซียวหลันยวนอย่างมาก"คุณชายซือถู ขอบคุณท่านมาก แต่ว่าตอนนี้ข้ามีสถานที่พักแล้ว คงไม่ต้องรบกวนท่านอีก ขอตัว"ซือถูไป๋มองฟู่จาวหนิงออกไป มือค่อยๆ กำหมัดไม่สบอารมณ์จริงๆการใจเต้นครั้งแรกในชีวิตนี้ของเขาอาเพียนตอนนี้จึงเดินออกมาจากเงามืด มองเขาอย่างรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ"คุณชาย ครั้งนี้ข้าหลบเข้ามาแล้ว ไม่พูดอะไรเลยสักคำ แต่พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็ยังจากไป
"อืม ได้"องครักษ์ที่ไปรายกลับเข้ามา คารวะแก่ฟู่จาวหนิง ดูลังเลหน่อยๆ แต่ก็พูดออกมา"พระชายา ท่านอ๋องบอกว่าปวดหัวนิดหน่อย ขอตัวพักผ่อน รอตอนอาหารค่ำแล้วจะออกมาอีกครั้ง ให้ท่านได้พักผ่อนเสียก่อน"ฟู่จาวหนิงพอได้ยินก็เหมือนถูกสาดน้ำเย็นใส่ ทำเอานางเปียกโชกตั้งแต่หัวจรดเท้า"อย่างนั้นหรือ? ปวดหัวสินะ?"นางมองชิงอี ชิงอีเล่นละครไม่เป็น พอเจอกับสายตาของนางก็ดูจะหลบหน่อยๆนางเองก็มองเข้าใจแล้วปวดหัวอะไรกัน หลอกกันทั้งเพขี้เกียจจะออกมารับนางมากกว่า หรือก็คือ ไปเจออะไรเข้าจนรู้สึกว่าต้องขีดเส้นกั้นกับนางแล้วกระมัง?หรืออาจจะไม่ซับซ้อนขนาดนั้น ก็แค่เพราะแยกกันไประยะหนึ่ง ความรู้สึกก็จืดจางลงไปแล้วหรือ?"เขาให้ข้าไปพักผ่อนก่อนใช่ไหม?""ขอรับ ขอรับ" องครักษ์ลนลานขึ้นมา รุ้สึกวา่กลิ่นอายของพระชายาดูเย็นวาบลงมาทันที ทำเอาพวกเขายังรู้สึกเสียวสันหลังวาบท่านอ๋องเล่นอะไรอีกล่ะเนี่ย?"เช่นนั้นก็รบกวนด้วย นำทางเถิด"ฟู่จาวหนิงบอกกับสืออี "พวกเจ้าไปจัดแจงให้กับไป๋หู่ด้วย เสี่ยวชิ่นไปกับข้า""ขอรับ"ห้องที่จัดให้ฟู่จาวหนิงนั้นเงียบและดูสง่างามมาก มองออกว่าทำความสะอาดอย่างละเอียด ไม่มีฝุ่
"ตอนนั้นคุณชายซือถูกำลังพูดกับพระชายาอยู่ในเรือน คุณชายซือถูพบตัวข้าน้อย หลังจากข้าน้อยปรากฏตัวเขาก็เข้าขวางพระชายาไว้ข้างหลังทันที"เซียวหลันยวนพอได้ยินตรงนี้ ก็รุ้สึกใจดิ่งขึ้นมาอีกทีดังนั้น พวกเขาเข้ากันได้ดีอยู่หรือ?"เพราะเรื่องที่ท่านอ๋องมายังเมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อจะเอิกเกริกไม่ได้ ดังนั้นข้าน้อยจึงเชิญให้พระชายาเข้ามาพุดคุยด้วย บอกว่าท่านอ๋องมาที่นี่แล้ว พระชายาก็ตามข้าน้อยออกมาทันที"เขาพยายามบรรยายเรื่องให้เรียบง่ายที่สุดแล้วก็น่าจะประมาณนี้"เรียกสืออีกับสือซานเข้ามา" เซียวหลันยวนหลังจากได้ยินก็รู้สึกว่าเหมือนแช่อยู่ในไหน้ำส้มความรู้สึกนี้รุนแรงเป็นพิเศษ เขาก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงขนาดนี้มาก่อน"คารวะท่านอ๋อง"สืออีกับสือซานเหมือนรู้ว่าเซียวหลันยวนจะถามอะไรพวกเขา จึงเล่าเรื่องของพวกเขาที่เกิดขึ้นในต้าชื่อออกมาจนหมด"พระชายารักษาไท่ไท่อาวุโสตระกูลเสิ่น ตอนนี้ก็รักษาขาของท่านผู้เฒ่าเสิ่นด้วย ผู้อาวุโสทั้งสองชอบนางมาก""พระชายาไม่ได้ปิดบังเรื่องที่ตนเองแต่งงานแล้วในบ้านตระกูลเสิ่นเลย บอกกับคนในบ้านตระกูลเสิ่นตลอดว่าตนเองแต่งงานแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม คนบ้
"บังอาจนัก!"ชิงอีโมโหขึ้นมานี่มาแตะต้องเกล็ดย้อนของพวกเขาเข้าเสียแล้วระหว่างทาง พวกเขาได้ยินว่าข่าวลือที่ท่านอ๋องหน้าเหมือนผีร้ายติดปีกบินทะยานไปแล้ว กำลังแผ่เป็นวงกว้างด้วยความเร็วสูงถ้าจะบอกว่าไม่ใช่ฝีมือขององค์จักรพรรดิพวกเขาก็ไม่มีทางเชื่อแน่นอนแต่ท่านอ๋องตอนที่ได้ยินการวิพากษ์วิจารณ์นั่นจิตใจก็กดดันอยู่มากแล้ว คิดไม่ถึงเลย ว่าในเมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อ สาวใช้จะถูกใบหน้ของท่านอ๋องพวกเขาทำให้ตกใจจนพับไปกับพื้น!สภาพนางเช่นนี้สำหรับท่านอ๋องแล้วถือเป็นการสร้างผลกระทบมหาศาลครั้งหนึ่งแน่นอนชิงอีชักกระบี่ยาวออกมาทันที พาดไว้บนคอของเสี่ยวชิ่นมันน่านัก มันน่านักจริงๆ! ทำไมต้องมาทำร้ายจิตใจท่านอ๋องของพวกเขาเช่นนี้ด้วย?เสี่ยวชิ่นตกใจจนหน้าขาวซีด เหงื่อไหลอาบนางหมอบอยู้บนพื้นสั่นไปทั้งตัวแต่สถานเช่นนี้จากที่เซียวหลันยวนเห็น ก็เป็นเพราะหวาดกลัวเขานั่นล่ะ ถูกเขาทำให้ตกใจเข้าเสียแล้วเขาน่ากลัวถึงระดับนี้แล้วหรือ?"ข้าน้อย ข้าน้อยมิกล้าแล้ว ข้าน้อยไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น" เสียงของเสี่ยวชิ่นสั่นระริก ร้องห่มร้องไห้ออกมาแล้วนางจู่ๆ ก็เข้าใจขึ้นมา เพราะอะไรคุณหนูจาวหนิงแต่งงาน
ฟู่จาวหนิงเหนื่อยแล้วจริงๆ เดิมทีก็แค่อยากจะหลับตาสงบลงสักครู่ แต่นี่กลับหลับไปเลยจริงๆจนตอนที่นางสะดุ้งตื่น ลุกขึ้นนั่ง ก็พบว่าบนโต๊ะไม่มีน้ำชา เสี่ยวชิ่นเองก็ไม่อยู่เกิดอะไรขึ้น เสี่ยวชิ่นไม่ใช่บอกว่าไปหาน้ำมาต้มชาหรอกหรือ? นางน่าจะหลับไปประมาณหนึ่งชั่วก้านธูปแล้ว แต่เสี่ยวชิ่นกลับยังไม่มกลับมาอีก"คุณหนูจาวหนิง"ด้านนอกมีเสียงไป๋หู่ดังขึ้น"ไป๋หู่หรือ? เข้ามา"นางไม่ได้ให้สืออีกับสือซานจัดการให้กับไป๋หู่แล้วหรอกหรือ?เรือนนี้ในเมื่อหลานหรงเป็นคนจัดหา เช่นนั้นก็เท่ากับเป็นพื้นที่ของพวกสืออีด้วย พวกเขาเป็นเจ้าบ้าน ต้องต้อนรับไป๋หู่ที่มาจากตระกูลเสิ่นให้ดีเหมือนกับตอนที่สืออีกับสือซานไปที่บ้านตระกูลเสิ่น ไป๋หูเองก็จัดแจงให้พวกเขา"คุณหนู ข้างกายท่านไม่มีสาวใช้แล้วเกรงว่าจะไม่สะดวก ที่นี่เป็นเมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อ แตกต่างกับตอนที่พวกเราเร่งเดินทางด้านนอกนั้น"หลายครั้ง ต่อให้ไม่ใช่สาวใช้ แต่ถ้าข้างกายมีหญิงสาวคอยช่วยเหลือก็ถือว่าสะดวกอยู่อย่างเช่นกันแต่งหน้า เขารู้ว่าฟู่จาวหนิงรู้จักแค่การรวบผมง่ายๆ พวกทรงผมซับซ้อนเหล่านั้นของหญิงสาวนางทำไม่เป็นหรอกแล้วถ้าถึงช่วงเทศก
ชิงอีใจแอบร้องขมขื่นแย่แล้ว ดูท่าพระชายาจะชอบสาวใช้ที่ชื่อเสี่ยวชิ่นคนนี้มาก นี่จะไปเรียกร้องความเป็นธรรมแทนเสี่ยวชิ่นแล้วกระมัง?"เช่นนั้นข้าก็อยากจะถามหน่อย ทำไมจึงชักกระบี่ใส่นาง?"ฟู่จาวหนิงโมโหแล้วจริงๆที่นางพาเสี่ยวเชิ่นมาไว้ข้างกายได้ แน่นอนว่าต้องเข้ากับเสี่ยวชิ่นเป็นอย่างดี และยังยอมรับความสามารถนิสัยการทำงานของนางด้วย นางจึงพาสาวใช้เช่นนี้มาคนหนึ่ง"พวกเจ้าส่งนางออกไป มีใครมาถามข้าสักคำไหม?"เสี่ยวชิ่นเป็นสาวใช้ของนาง แต่ไม่มีใครเข้ามาถามนางสักคน ส่งคนออกไปหน้าตาเฉย นั่นมันสาวใช้ของนางนะ เป็นของนาง!"พระชายา ตอนนั้น คือ..."ชิงอีคิดจะอธิบาย แต่พออ้าปากก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรพวกเขาตอนนั้นก็เอาแต่ไม่ควรให้เสี่ยวชิ่นพูดกับท่านอ๋อง ไม่ยอมให้เสี่ยวชิ่นมาเจอพระชายา คิดแต่ว่าท่านอ๋องตอนนั้นได้รับผลกระทบทางจิตใจมากแค่ไหนไม่ได้คิดเลยว่าพระชายาจะโกรธทำเหมือนว่าฟู่จาวหนิงจะให้อภัยพวกเขาได้ตลอด คนนิสัยดี พูดด้วยง่าย แต่ไหนแต่ไรไม่เคยวางท่าทีอะไร?พอเห็นเขาไม่รู้จะพูดอย่างไร ฟู่จาวหนิงก็หัวเราะเย็นชาออกมา"เพราะคิดว่าท่านอ๋องของพวกเจ้ามันยอดเยี่ยมมากใช่ไหม? คนอื่นไม่ได้ม
ฟู่จาวหนิงโกรธจนหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง"รอมาบอกตอนอาหารเย็นแล้วมันจะไปมีความหมายอะไร? คนก็ถูกท่านส่งออกไปแล้ว นี่มันประหารก่อนแล้วรายงานทีหลังชัดๆ!"นางใช้คำพวกนี้จนชินอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่รู้สึกว่ามีอะไร แต่เซียวหลันยวนพอฟังคำว่าประหารก่อนแล้วรายงานทีหลังก็อดพูดขึ้นมาคำหนึ่งไม่ได้ "อย่าพูดเหลวไหล"ฟู่จาวหนิงกระทืบเท้าแล้ว"ข้าพูดเหลวไหลหรือ? ข้าพูดผิดตรงไหน? เช่นนั้นท่านก็บอกว่าว่าเสี่ยวชิ่นประพฤติตัวอะไรไม่ดี? นางไปทำอะไรไว้?"ชิงอีพวกเขารีบตรงเข้ามา แต่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้นักถ้าเผื่อท่านอ๋องไม่ยินดีให้พวกเขาล้อมมุงดูล่ะ?เซียวหลันยวนนิ่งงันไปสาวใช้คนนั้นทำอะไรไปหรือ?"นางไปจาบจ้วงท่านตรงไหน? วิ่งไปชนท่านหรือว่าพูดคำหยาบคายกัน? เพราะนางไม่ตระหนักถึงท่านที่เป็นอ๋องเจวี้ยนผู้สูงส่งจากแคว้นเจา ไม่ได้คารวะให้ท่านอย่างงามแบบนั้นหรือ?""ข้าไม่เคยพูดเรื่องพวกนี้"เซียวหลันยวนกำหน้ากากในมือแน่นเอาแต่ตะโกนข้ามไปมาแบบนี้ เขาทนไม่ค่อยไหวแล้ว"เจ้าเข้ามาในนี้ พวกเรามาคุยกันดีดี""ข้าเข้าไปแบบนี้จะไม่โดนท่านบอกว่าประพฤติตัวไม่ดีหรือ? ท่านอ๋องเจวี้ยนผู้สูงส่ง ถ้าท่านคิดว่าพวกเรามาเช่น
"ได้ เช่นนั้นข้าก็ไม่มีอะไรพูพดกับท่านแล้ว อยู่ที่นี่ต่อไปประเดี๋ยวคงได้จาบจ้วงท่านเอา ข้าไปก่อนล่ะ"ฟู่จาวหนิงสะบัดชายเสื้อร้องขึ้นมาคำหนึ่ง"ไป๋หู่! เก็บของ พวกเราจะออกไปแล้ว!""ขอรับ"ไป่หู่เกือบจะตั้งตัวไม่ทันเขาเองก็คิดไม่ถึง ว่าเวลาแค่นี้ พวกเขาทั้งสองคนจะทะเลาะกันจนหนักข้อแบบนี้"พระชายา!"หลานหรงกับชิงอีล้วนตกตะลึงกันไปหมด คิดจะรั้งฟู่จาวหนิงเพื่ออธิบาย แต่ก็ยังรั้งไว้ไม่อยู่พวกเขามองฟู่จาวหนิงกระฟัดกระเฟียดเดินออกไป"ท่านอ๋อง! ท่านรีบตามพระชายาไปเร็ว!"พอเห็นเซียวหลันยวนรีบออกมา ชิงอีก็ร้อนรนจนแทบจะยื่นมือไปดันเขาแล้ว"นี่ไปอารมณ์ขึ้นมาจากไหนกัน?"เซียวหลันยวนสองมือกำแน่น เย็นเฉียบไปทั้งตัว"นางคงมีความคิดที่จะไปอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะออกไปอย่างเด็ดขาดเช่นนี้หรือ?""ไม่ใช่ ท่านอ๋อง พระชายาไม่ใช่ว่าเข้าใจผิดแล้วหรือไรกัน? แล้วตอนนี้ก็กำลังโกรธจัดอยู่ด้วย ท่านรีบไปตามนางกลับมาเร็ว ตามกลับมาแล้วพวกเราค่อยๆ ขอโทษนางดีดี!"หลานหรงเองก็เตือนขึ้น "ใช่แล้วท่านอ๋อง ไม่อย่างนั้นข้าน้อยจะไปรับสาวใช้คนนั้นกลับมาก่อนดีไหม?"ฟ้าก็มืดแล้ว พระชายาจะไปที่ไหนได้กัน?"ถ้านางอยา
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้