"บังอาจนัก!"ชิงอีโมโหขึ้นมานี่มาแตะต้องเกล็ดย้อนของพวกเขาเข้าเสียแล้วระหว่างทาง พวกเขาได้ยินว่าข่าวลือที่ท่านอ๋องหน้าเหมือนผีร้ายติดปีกบินทะยานไปแล้ว กำลังแผ่เป็นวงกว้างด้วยความเร็วสูงถ้าจะบอกว่าไม่ใช่ฝีมือขององค์จักรพรรดิพวกเขาก็ไม่มีทางเชื่อแน่นอนแต่ท่านอ๋องตอนที่ได้ยินการวิพากษ์วิจารณ์นั่นจิตใจก็กดดันอยู่มากแล้ว คิดไม่ถึงเลย ว่าในเมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อ สาวใช้จะถูกใบหน้ของท่านอ๋องพวกเขาทำให้ตกใจจนพับไปกับพื้น!สภาพนางเช่นนี้สำหรับท่านอ๋องแล้วถือเป็นการสร้างผลกระทบมหาศาลครั้งหนึ่งแน่นอนชิงอีชักกระบี่ยาวออกมาทันที พาดไว้บนคอของเสี่ยวชิ่นมันน่านัก มันน่านักจริงๆ! ทำไมต้องมาทำร้ายจิตใจท่านอ๋องของพวกเขาเช่นนี้ด้วย?เสี่ยวชิ่นตกใจจนหน้าขาวซีด เหงื่อไหลอาบนางหมอบอยู้บนพื้นสั่นไปทั้งตัวแต่สถานเช่นนี้จากที่เซียวหลันยวนเห็น ก็เป็นเพราะหวาดกลัวเขานั่นล่ะ ถูกเขาทำให้ตกใจเข้าเสียแล้วเขาน่ากลัวถึงระดับนี้แล้วหรือ?"ข้าน้อย ข้าน้อยมิกล้าแล้ว ข้าน้อยไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น" เสียงของเสี่ยวชิ่นสั่นระริก ร้องห่มร้องไห้ออกมาแล้วนางจู่ๆ ก็เข้าใจขึ้นมา เพราะอะไรคุณหนูจาวหนิงแต่งงาน
ฟู่จาวหนิงเหนื่อยแล้วจริงๆ เดิมทีก็แค่อยากจะหลับตาสงบลงสักครู่ แต่นี่กลับหลับไปเลยจริงๆจนตอนที่นางสะดุ้งตื่น ลุกขึ้นนั่ง ก็พบว่าบนโต๊ะไม่มีน้ำชา เสี่ยวชิ่นเองก็ไม่อยู่เกิดอะไรขึ้น เสี่ยวชิ่นไม่ใช่บอกว่าไปหาน้ำมาต้มชาหรอกหรือ? นางน่าจะหลับไปประมาณหนึ่งชั่วก้านธูปแล้ว แต่เสี่ยวชิ่นกลับยังไม่มกลับมาอีก"คุณหนูจาวหนิง"ด้านนอกมีเสียงไป๋หู่ดังขึ้น"ไป๋หู่หรือ? เข้ามา"นางไม่ได้ให้สืออีกับสือซานจัดการให้กับไป๋หู่แล้วหรอกหรือ?เรือนนี้ในเมื่อหลานหรงเป็นคนจัดหา เช่นนั้นก็เท่ากับเป็นพื้นที่ของพวกสืออีด้วย พวกเขาเป็นเจ้าบ้าน ต้องต้อนรับไป๋หู่ที่มาจากตระกูลเสิ่นให้ดีเหมือนกับตอนที่สืออีกับสือซานไปที่บ้านตระกูลเสิ่น ไป๋หูเองก็จัดแจงให้พวกเขา"คุณหนู ข้างกายท่านไม่มีสาวใช้แล้วเกรงว่าจะไม่สะดวก ที่นี่เป็นเมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อ แตกต่างกับตอนที่พวกเราเร่งเดินทางด้านนอกนั้น"หลายครั้ง ต่อให้ไม่ใช่สาวใช้ แต่ถ้าข้างกายมีหญิงสาวคอยช่วยเหลือก็ถือว่าสะดวกอยู่อย่างเช่นกันแต่งหน้า เขารู้ว่าฟู่จาวหนิงรู้จักแค่การรวบผมง่ายๆ พวกทรงผมซับซ้อนเหล่านั้นของหญิงสาวนางทำไม่เป็นหรอกแล้วถ้าถึงช่วงเทศก
ชิงอีใจแอบร้องขมขื่นแย่แล้ว ดูท่าพระชายาจะชอบสาวใช้ที่ชื่อเสี่ยวชิ่นคนนี้มาก นี่จะไปเรียกร้องความเป็นธรรมแทนเสี่ยวชิ่นแล้วกระมัง?"เช่นนั้นข้าก็อยากจะถามหน่อย ทำไมจึงชักกระบี่ใส่นาง?"ฟู่จาวหนิงโมโหแล้วจริงๆที่นางพาเสี่ยวเชิ่นมาไว้ข้างกายได้ แน่นอนว่าต้องเข้ากับเสี่ยวชิ่นเป็นอย่างดี และยังยอมรับความสามารถนิสัยการทำงานของนางด้วย นางจึงพาสาวใช้เช่นนี้มาคนหนึ่ง"พวกเจ้าส่งนางออกไป มีใครมาถามข้าสักคำไหม?"เสี่ยวชิ่นเป็นสาวใช้ของนาง แต่ไม่มีใครเข้ามาถามนางสักคน ส่งคนออกไปหน้าตาเฉย นั่นมันสาวใช้ของนางนะ เป็นของนาง!"พระชายา ตอนนั้น คือ..."ชิงอีคิดจะอธิบาย แต่พออ้าปากก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรพวกเขาตอนนั้นก็เอาแต่ไม่ควรให้เสี่ยวชิ่นพูดกับท่านอ๋อง ไม่ยอมให้เสี่ยวชิ่นมาเจอพระชายา คิดแต่ว่าท่านอ๋องตอนนั้นได้รับผลกระทบทางจิตใจมากแค่ไหนไม่ได้คิดเลยว่าพระชายาจะโกรธทำเหมือนว่าฟู่จาวหนิงจะให้อภัยพวกเขาได้ตลอด คนนิสัยดี พูดด้วยง่าย แต่ไหนแต่ไรไม่เคยวางท่าทีอะไร?พอเห็นเขาไม่รู้จะพูดอย่างไร ฟู่จาวหนิงก็หัวเราะเย็นชาออกมา"เพราะคิดว่าท่านอ๋องของพวกเจ้ามันยอดเยี่ยมมากใช่ไหม? คนอื่นไม่ได้ม
ฟู่จาวหนิงโกรธจนหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง"รอมาบอกตอนอาหารเย็นแล้วมันจะไปมีความหมายอะไร? คนก็ถูกท่านส่งออกไปแล้ว นี่มันประหารก่อนแล้วรายงานทีหลังชัดๆ!"นางใช้คำพวกนี้จนชินอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่รู้สึกว่ามีอะไร แต่เซียวหลันยวนพอฟังคำว่าประหารก่อนแล้วรายงานทีหลังก็อดพูดขึ้นมาคำหนึ่งไม่ได้ "อย่าพูดเหลวไหล"ฟู่จาวหนิงกระทืบเท้าแล้ว"ข้าพูดเหลวไหลหรือ? ข้าพูดผิดตรงไหน? เช่นนั้นท่านก็บอกว่าว่าเสี่ยวชิ่นประพฤติตัวอะไรไม่ดี? นางไปทำอะไรไว้?"ชิงอีพวกเขารีบตรงเข้ามา แต่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้นักถ้าเผื่อท่านอ๋องไม่ยินดีให้พวกเขาล้อมมุงดูล่ะ?เซียวหลันยวนนิ่งงันไปสาวใช้คนนั้นทำอะไรไปหรือ?"นางไปจาบจ้วงท่านตรงไหน? วิ่งไปชนท่านหรือว่าพูดคำหยาบคายกัน? เพราะนางไม่ตระหนักถึงท่านที่เป็นอ๋องเจวี้ยนผู้สูงส่งจากแคว้นเจา ไม่ได้คารวะให้ท่านอย่างงามแบบนั้นหรือ?""ข้าไม่เคยพูดเรื่องพวกนี้"เซียวหลันยวนกำหน้ากากในมือแน่นเอาแต่ตะโกนข้ามไปมาแบบนี้ เขาทนไม่ค่อยไหวแล้ว"เจ้าเข้ามาในนี้ พวกเรามาคุยกันดีดี""ข้าเข้าไปแบบนี้จะไม่โดนท่านบอกว่าประพฤติตัวไม่ดีหรือ? ท่านอ๋องเจวี้ยนผู้สูงส่ง ถ้าท่านคิดว่าพวกเรามาเช่น
"ได้ เช่นนั้นข้าก็ไม่มีอะไรพูพดกับท่านแล้ว อยู่ที่นี่ต่อไปประเดี๋ยวคงได้จาบจ้วงท่านเอา ข้าไปก่อนล่ะ"ฟู่จาวหนิงสะบัดชายเสื้อร้องขึ้นมาคำหนึ่ง"ไป๋หู่! เก็บของ พวกเราจะออกไปแล้ว!""ขอรับ"ไป่หู่เกือบจะตั้งตัวไม่ทันเขาเองก็คิดไม่ถึง ว่าเวลาแค่นี้ พวกเขาทั้งสองคนจะทะเลาะกันจนหนักข้อแบบนี้"พระชายา!"หลานหรงกับชิงอีล้วนตกตะลึงกันไปหมด คิดจะรั้งฟู่จาวหนิงเพื่ออธิบาย แต่ก็ยังรั้งไว้ไม่อยู่พวกเขามองฟู่จาวหนิงกระฟัดกระเฟียดเดินออกไป"ท่านอ๋อง! ท่านรีบตามพระชายาไปเร็ว!"พอเห็นเซียวหลันยวนรีบออกมา ชิงอีก็ร้อนรนจนแทบจะยื่นมือไปดันเขาแล้ว"นี่ไปอารมณ์ขึ้นมาจากไหนกัน?"เซียวหลันยวนสองมือกำแน่น เย็นเฉียบไปทั้งตัว"นางคงมีความคิดที่จะไปอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะออกไปอย่างเด็ดขาดเช่นนี้หรือ?""ไม่ใช่ ท่านอ๋อง พระชายาไม่ใช่ว่าเข้าใจผิดแล้วหรือไรกัน? แล้วตอนนี้ก็กำลังโกรธจัดอยู่ด้วย ท่านรีบไปตามนางกลับมาเร็ว ตามกลับมาแล้วพวกเราค่อยๆ ขอโทษนางดีดี!"หลานหรงเองก็เตือนขึ้น "ใช่แล้วท่านอ๋อง ไม่อย่างนั้นข้าน้อยจะไปรับสาวใช้คนนั้นกลับมาก่อนดีไหม?"ฟ้าก็มืดแล้ว พระชายาจะไปที่ไหนได้กัน?"ถ้านางอยา
"พระชายา!"ชิงอีรีบตามออกไปชิ่งอวิ๋นเซียวมองออกไป ก็เห็นเซียวหลันยวนที่สวมหน้ากากค่อยๆ เดินออกมาเขาเองก็ตกตะลึง ถามออกมาตรงๆ "อ๋องเจวี้ยน ท่านไปยั่วโมโหพระชายาเข้าหรือ?"ฟู่จาวหนิงพอได้ยินเขาถามเช่นนี้ก็ตัวแข็งทื่อไป ดังนั้นเซียวหลันยวนถึงได้ยอมออกจากประตูบานนั้นหรือ? นางยังคิดว่าเขาตัดสินใจจะขดอยู่แต่ในห้องไม่ยอมออกมาพบนางเสียอีกแต่นางตอนนี้ก็ไม่อยากหันกลับไป มันโกรธจัดจริงๆเซียวหลันยวนมองแผ่นหลังฟู่จาวหนิงตอนนี้ในสายตาเขาก็มีแต่นาง ไม่มีความคิดที่จะหันไปมองชิ่งอวิ๋นเซียวเลยแต่เขาก็ยังกลับมาตอบชิ่งอวิ๋นเซียว"คงจะไปทำให้โกรธเข้าแล้วจริงๆ"ฟู่จาวหนิงงงงันทำไมยอมรับออกมาแล้วล่ะ? ผู้ชายต่ำช้าคนนี้เปลี่ยนมาดีแล้วจริงหรือ"ดูท่าจะโมโหเอามากๆ พระชายาถึงคิดจะออกไปเสียแล้ว เช่นนั้นก็รีบไปปลอบนางสิ" ชิ่งอวิ๋นเซียวเอ่ยขึ้น"ข้าไม่รู้จะปลอบอย่างไร"เซียวหลันยวนทั้งชีวิตนี้ยังไม่เคยปลอบใครมาก่อน ไม่มีประสบการณ์เลยสักนิดกระทั่งว่า เขาไม่เคยมีประสบการณ์อยู่กับหญิงสาวคนใดมาก่อนเสียด้วยซ้ำ แต่ก่อนข้างกายเขามีแต่สาวใช้ ไม่จำเป็นต้องให้เขาไปปลอบเลยดังนั้นอารมณ์ของเขาจึงเป็นอิสร
"ไปรับสาวใช้คนนั้นมาหรือขอรับ?""ไม่งั้นจะเรื่องอะไรล่ะ?"เซียวหลันยวนสายตาประดุจใบคมมีด ฟาดผ่าออกไป"ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้! พระชายาท่านอย่าเพิ่งโกรธเลย ท่านกินข้าวก่อนเถิด"ชิงอีรีบวิ่งออกไปคนของตระกูลเสิ่นจะต้องคิดว่าพวกเขาบ้าแน่ๆ ส่งคนไปแปปเดียว ไม่ทันไรก็กลับมารับแล้วก็นั่นล่ะ พวกเขาบ้าไปแล้วพอเห็นเซียวหลันยวนให้ชิงอีไปรับเสี่ยวชิ่น ไฟโกรธของฟู่จาวหนิงก็เหมือนจะลดลงมาหน่อยแล้วนางมองไปทางเซียวหลันยวน ตอนที่เห็นหน้ากากนั่นก็เกือบจะพูดออกมาอีกแล้ว แต่ก็ยั้งไว้ทันถึงอย่างไรเขากับนางก็ขีดเส้นกั้นแล้วนี่ เมื่อครู่ยังไม่ยอมออกจากห้องทะเลาะกับนางข้ามกำแพงอยู่เลย ถ้านางพูดมากไปจะกลายเป็นยุ่งไม่เข้าเรื่องหรือเปล่า?เซียวหลันยวนตอนที่นางมองเข้ามาก็เอียงหน้าหน่อยหนึ่งแม้จะสวมหน้ากากอยู่ แต่เขาก็ยังคิดจะเบี่ยงครึ่งหน้านั้นออกด้วยสัญชาตญาณ"ท่านอ๋อง ข้ามาขอข้าวกินด้วย" ชิ่งอวิ๋นเซียวนั่งลงมาอย่างเป็นธรรมชาติ เขาเปิดไหสุราที่กอดไว้นั่นออก กลิ่นสุราที่รุนแรงลอยออกมาทันทีกระทั่งเซียวหลันยวนยังอดเอียงมองไม่ได้ "นี่คือสุราที่พวกเจ้าจะใช้ในพิธีหรือ?""ก็แค่สุราที่อยากจะให้องค์หญิงใ
หลังจากเข้าใจเรื่องที่สวนตระกูลเสิ่นชัดเจนแล้ว ในใจเซียวหลันยวนก็สำนึกเสียใจขึ้นมาดังนั้นเขาที่เขาเพิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงไปล่ะ? นั่นมันอะไรกัน?เซียวหลันยวนรู้สึกว่าหน้าของตนเองเจ็บหน่อยๆ ไม่ใช่เพราะแผลเป็นพิษ แต่รู้สึกเหมือนถูกตบจนชา"เรื่องนี้" เขามองไปทางหลานหรงที่อยู่ไม่ห่างออกไปนักหลานหรงใจสั่นวาบ "ท่านอ๋อง ข้าน้อยจะไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น""นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ คิดว่าตระกูลเสิ่นคงถูกเล่นงานจนตั้งตัวแทบไม่ทัน" ชิ่งอวิ๋นเซียวเอ่ยขึ้น อันที่จริงเขาก็ไม่รู้ความสัมพันธ์ของฟู่จาวหนิงกับตระกูลเสิ่น ยังคิดว่าตระกูลเสิ่นเชิญฟู่จาวหนิงให้เดินทางไกลนับพันลี้มาต้าชื่อเสียอีก เพื่อมารักษาไท่ไท่อาวุโสเรื่องนี้ก็ปกติดี ถึงอย่างไรเสิ่นเสวียนก็ไปแคว้นเจามาแล้ว และวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงก็ดีเสียขนาดนั้นแต่ว่าตอนนี้จุดสำคัญของเซียวหลันยวนไม่ได้อยู่ที่ตระกูลเสิ่นเป็นอย่างไร ที่เขาคิดตอนนี้ก็คือ จะขอโทษฟู่จาวหนิงอย่างไรต่างหากหนึ่งคือเขาไม่ใช่แค่ไม่สนใจเรื่องตระกูลเสิ่น สองคือเขายังเข้าใจผิดฟู่จาวหนิงด้วยเรื่องนี้อีก"รีบไป" เขาพูดกับหลานหรง จากนั้นก็เสริม
นางอยากจะให้เซียวหลันยวนไม่พอใจตัวฟู่จาวหนิงเสียเหลือเกินแต่พอสิ้นเสียงนาง เซียวหลันยวนก็หันมามองนาง แม้จะสวมหน้ากากอยู่ แต่เฉินเซียงจู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่านางถูกสายตาที่เย็นเยียบแหลมคนฆ่าตายไปแล้วนางใจสั่นวาบ จู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจกับคำพูดเมื่อครู่ที่พูดไป แต่ก็สายไปแล้วนางได้ยินคำพูดเย็นชาของเซียวหลันยวนว่า"องค์หญิงใหญ่ถ้าหากมีเรื่องจะคุยกับข้า ก็ให้ทาสของเจ้าไปคุกเข่าอยู่ตรงนั้นก่อน"เซียวหลันยวนชี้ไปที่กลางสวนคุกเข่าที่นั่น คนป่วยทั้งหมดในห้องข้างฝั่งตะวันตกจะมองเห็นเฉินเซียงถลึงตาโตใส่อย่างไม่อยากเชื่อ"อ๋องเจวี้ยน" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกตะลึงไป "เฉินเซียงก็แค่ปกป้องข้ามากเกินไปเท่านั้น นางไม่ได้มีความคิดไม่ดี...""ให้นางคุกเข่า ข้าถึงจะฟังเจ้าพูด ถ้านางไม่ทำ ข้าก็จะไปแล้ว" เซียวหลันยวนตัดบทนางเฉินเซียงบอกว่าฟู่จาวหนิงแอบมีชู้กับอันเหนียน เขาจดจำมาโดยตลอด"อ๋องเจวี้ยน เฉินเซียงนางเองก็ป่วย ถ้าไปตากลมหนาวบนพื้น นางจะ...""เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว"เซียวหลันยวนพูดจบก็หมุนตัวกลับทันทีเฉินเซียงลนลานขึ้นมา "อ๋องเจวี้ยน ข้าจะไปคุกเข่าเดี๋ยวนี้! ท่านโปรดรอก่อน!""เฉินเ
สิ่งที่ทำให้ตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นขุ่นเคืองคือ ฟู่จาวหนิงคล้องแขนอ๋องเจวี้ยนเดินเข้ามา"พวกเขาทำไมถึงคล้องแขนกันเดินแบบนั้นล่ะ?"เฉินเซียงถลึงตาโตนางไม่เคยเห็นสามีภรรยาเดินกันแบบนี้เลย ปกติแล้ว ภรรยาจะเดินอยู่ด้านหลังสามีประมาณครึ่งก้าวนี่ หรืออย่างมากก็ไหล่ชนไหล่แต่พออยู่ภายนอกก็ต้องคอยระวังเรื่องมารยาท มีใครเขามาคล้องแขนเดินกันแบบนี้บ้าง?ยิ่งไปกว่านั้นตัวฟู่จาวหนิงเองก็ยังเอนมาเบียดแขนอ๋องเจวี้ยนด้วย"นางเดินแบบนี้มันดูสง่างามตรงไหน บิดๆ เบียดๆ เงอะงะงุ่มง่ามเหมือนอะไรล่ะนั่น?" เฉินเซียงกดเสียงต่ำ พูดแบบไม่พอใจกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น "นี่มันดูเป็นพระชายาตรงไหนกัน?"เหมือนพวกอนุภรรยาที่เอาแต่เบียดเสียดชายหนุ่มมากกว่าพระชายาตัวจริงต้องมีท่าทีสง่างาม มีคุณธรรม บุคลิกภาพโดดเด่นสิทำตัวออดอ้อนแบบนี้ มันเหมือนกับปีศาจสาวที่อยากจะสูบพลังหยางจากชายหนุ่มจนตัวสั่นอย่างไรอย่างนั้น เหมือนพวกอนุภรรยาที่ไร้เกียรติเฉินเซียงถึงอย่างไรก็ไม่ชินตาแต่ไม่รู้เพราะอะไร องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับรู้สึกอิจฉาจนควบคุมไม่อยู่ชายหนุ่มที่เย็นชาขนาดนั้นแบบอ๋องเจวี้ยน ก็ยังตามใจให้ฟู่จาวหนิง แล้วยังปร
"ข้ารู้แล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะออกไป" เซียวหลันยวนพยักหน้าฟู่จิ้นเชินเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า "นางน่าจะมีเรื่องมาขอร้องท่าน แต่ว่า เรื่องที่นางจะขอร้องข้าเองก็พอจะนึกออก"เขาอยากบอกว่า เรื่องแบบนี้ ถ้าหากรับปากไป ไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์สามีภรรยากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหรือไม่ แต่การที่พานางเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยน ถือเป็นการทรยศและทำร้ายจาวหนิงแต่ก็ไม่อยากพูดออกมาตอนนี้เขาอยากจะเห็นว่าเซียวหลันยวนจะเลือกอย่างไร ที่สำคัญที่สุดคือ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเงื่อนไขที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นงัดออกมาได้คืออะไร ถ้าเผื่อมันสำคัญอย่างมากกับเซียวหลันยวนจริงๆ ล่ะ?"ท่านพ่อตาอยากพูดอะไรหรือ?" เซียวหลันยวนย้อนถามเขา"อ๋า?"ฟู่จิ้นเชินถูกคำเรียก 'ท่านพ่อตา' ที่มาอย่างกะทันหันนี้ทำเอางงงันไปหมด ตั้งตัวกลับมาไม่ได้ชั่วขณะหนึ่งเซียวหลันยวนก็พูดต่อมาอีก "วางใจเถิด ข้าไม่ทำเรื่องที่ผิดกับหนิงหนิงแน่นอน"พูดจบเขาก็หมุนตัวเตรียมเข้าห้อง ""หากไม่มีเรื่องอะไร คนป่วยทางนั้นรบกวนท่านดูไว้หน่อย ให้หนิงหนิงได้กินข้าวเช้าก่อนพอเซียวหลันยวนเข้าห้องไป ประตูก็ปิดลงมา ฟู่จิ้นเชินมองไปทางชิงอีที่อยู่ข้างๆ ช้าๆชิงอีเองก็
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกคนเหล่านี้พูดจนตาแทบแดงก่ำนางไม่ยอมให้เป็นแบบนี้!นางเองก็มีเกียรตินะ นางเป็นถึงองค์หญิงใหญ่ เดิมทีควรจะล้ำค่าสูงส่ง สามารถเลือกราชบุตรเขยดีดีได้แต่ตอนนี้นางมีทางเลือกอะไรล่ะ?ถ้าไม่ใช่เพราะนางมีพระเชษฐาแบบนั้น นางคงไม่ต้องทำให้มาถึงจุดนี้หรอกนางแค่อยากจะช่วยตนเองเท่านั้น แล้วมันผิดตรงไหน? ถ้าหากทำได้ นางก็ไม่อยากไปทำร้ายใครทั้งนั้น นางเป็นคนที่มดแค่ตัวเดียวก็ยังทำใจเหยียบไม่ลงด้วยซ้ำ"รบกวนท่านลุงฟู่ด้วย ข้ามีเรื่องสำคัญจริงๆ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง ถอยไปที่ประตูวงกลมทางนั้นเฉินเซียงถลึงตาใส่ห้องนั้น คารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง "รบกวนท่านลุงฟู่ช่วยเหลือด้วย องค์หญิงใหญ่พวกรเาจะไปรออ๋องเจวี้ยนที่นั่น"พูดจบนางก็รีบเดินไปหาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นฟู่จิ้นเชินส่ายหัวเขาก็เหมือนรู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกอยู่ในสภาพไหน มาเจอกับฝ่าบาทต้าชื่อแบบนั้น นางเองอันที่จริงก็น่าสงสารแต่ว่า ท้ายสุดแล้วนางก็ยังไม่ฉลาดพอ เส้นทางที่เดินได้ นางกลับเดินอย่างสะเปะสะปะแต่พูดมาก็ถูก นางเติบโตมาที่สุสานจักรพรรดิ ไม่ค่อยได้พบเจอกับผู้คนสักเท่าไร และย
ก่อนหน้านี้ทรมานหมอฟู่ไว้มาก สาวใช้นั่นยังบอกว่าหมอฟู่กับนายท่านเป็นอะไรอะไรกันอีก ป้าหนิวเห็นแล้วไม่สบอารมณ์องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถูกนางเหลือบมองใส่แบบนี้จนอายไปเฉินเซียงกลับถลึงตามองแผ่นหลังป้าหนิวเจ้าคนชั้นต่ำ นังคนชั้นต่ำ กล้ามามององค์หญิงใหญ่พวกนางแบบนี้เรอะฟู่จิ้นเชินตอนนี้จึงหมุนตัวหันไปมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถามขึ้นว่า "องค์หญิงใหญ่จะพบอ๋องเจวี้ยน เพราะอยากให้อ๋องเจวี้ยนพาท่านไปเมืองหลวงหรือ? ถ้าหากมีเป้าหมายนี้ เช่นนั้นข้าบอกท่านไว้ได้เลย ว่าท่านยังออกจากเมืองเจ้อไม่ได้"ฟู่จาวหนิงกับอันเหนียนผู้บริหารท้องถิ่นโหยวสามฝ่ายตกลงกันแล้ว ตอนนี้ประตูเมืองปิดอยู่ ใครอยากจะออกจากเมือง ต้องยื่นจดหมายออกจากเมืองมา ถ้าบนต้องมีผู้บริหารท้องถิ่นโหยวใต้เท้าอันและหมอฟู่สามคนลงนาม ขาดไปสักคนก็ไม่ได้ถ้าหากไม่มีจดหมายออกจากเมืองที่มีนามทั้งสาม ใครก็ออกไปไม่ได้ทั้งนั้นแล้วอาการป่วยอย่างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ฟู่จาวหนิงไม่มีทางปล่อยนางออกไปแน่ไหนจะเรื่องที่นางจะตามอ๋องเจวี้ยนไปอีกฟู่จิ้นเชินตอนนี้รู้สึกว่าสมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก แค่คิดก็รู้แล้ว ฟู่จาวหนิงจะยอมให้อ๋องเ
ฟู่จาวหนิงถูกจูบจนเคลิ้มหลับไปอีกรอบเซียวหลันยวนได้ยินเสียงหายใจลึกของนางแล้วก็จนใจเขาเลือดพุ่งขึ้นมาแล้ว แต่นางกลับหลับไป ดูท่าในเมืองเจ้อระยะนี้นางคงจะเหนื่อยมากจริงๆเขาเองก็ไม่ได้ทรมานนาง กอดนางแล้วหลับไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดิมทีกำลังรอว่าจะฝันอีกครั้ง ดีที่สุดคือได้ฝันเห็นลุงหวังพูดอะไรกับอ๋องเจวี้ยนว่ากล่องใบนั้นเปิดอย่างไรแต่เมื่อคืนนี้นางก็ฝันจริงๆ น่าเสียดายที่ฝันร้าย ในฝันตนเองอยู่ในตำหนักเพียงคนเดียว จะอย่างไรก็ออกไปไม่ได้ และไม่มีใครด้วย ทุกแห่งมีแต่แสงทึม ในความมือเหมือนมีเสียงอะไรที่น่ากลัว ทำให้นางรู้สึกกลัวมากหลังจากสะดุ้งตื่น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เหงื่อท่วมไปทั้งตัว"องค์หญิงใหญ่ ท่านฝันร้ายหรือ?" เฉินเซียงถูกนางทำสะดุ้งตื่นตาม รีบลุกขึ้นนั่งองค์หญิงใหญ่ไม่ค่อยฝันร้ายเท่าไร แต่บางครั้งก็จะฝันร้ายบ้างสักครั้ง แสดงว่าช่วงเวลานั้นจะผ่านไปได้ไม่ค่อยดีนักเฉินเซียงเครียดขึ้นมาแล้วพวกนางตอนนี้ผ่านความน่าเวทนามากมาแล้ว ไม่น่าแย่กว่านี้แล้ว ไม่เช่นนั้นนางคงทนรับไม่ไหวแล้วนางมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างตึงเครียด หวังว่านางจะปฏิเสธแต่นางก็ยังผิดหวัง องค์หญิงใ
"รุ่นหลังของตระกูลปันมีกี่คนหรือ?""รุ่นหลังของตระกูลปันก็มีอยู่ไม่น้อยเลย พวกเขามีช่างที่มีฝีมือ ในตอนนั้นหลบหนีจากภัยพิบัติได้ เหลือรุ่นหลังเอาไว้ ตอนนี้คนที่มีอำนาจในตระกูลปันชื่อว่าปันมู่ พวกเขาไหว้วานขบวนพ่อค้าให้ส่งจดหมายเข้ามา บอกว่าคนเองก็อยู่ระหว่างทางมาแคว้นเจาแล้ว"ปันมู่เซียวหลันยวนจำชื่อนี้ไว้"แล้วเจ้าเป็นรุ่นหลังจากตระกูลไหนกัน?""ใต้ฝ่าพระบาท ข้าคือรุ่นหลังจากตระกูลเหมิ่ง ตอนนั้นปู่ข้าได้รับมอบหมายงานกะทันหัน ทิ้งสิ่งของเพื่อส่งมอบให้กับจักรพรรดิรุ่นใหม่ องค์หญิงใหญ่จากไปแล้ว แต่ยังทิ้งลูกหลานไว้ ก็คือฝ่าพระบาทนั่นเอง ข้าระลึกเสมอว่าต้องนำสิ่งของส่งให้ถึงมือท่าน"แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่เขาหรือไม่ เขาได้รับสิ่งของที่จักรพรรดินีทิ้งไว้แล้วหรือยัง เขาส่งเครื่องพยากรณ์ออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้"เจ้าหมายถึงเครื่องพยากรณ์หรือเปล่า?""ใต้ฝ่าพระบาทรู้จริงๆ ด้วย ใช่แล้ว ของสิ่งนี้อยู่ในมือข้ามาหลายปีแล้ว ข้าปกป้องเอาไว้ไม่ค่อยปล่อยไปไหน ตอนนี้ก็ส่งให้กับมือใต้ฝ่าพระบาทได้เสียที ในที่สุดข้าก็ได้พักผ่อนเสียที..."ลุงหวังบอกถึงตำแหน่งที่ซ่อนเครื่องพยากรณ์เซียวหลันยวนฟังเ
ฟู่จาวหนิงเก็บเครื่องพยากรณ์กลับเข้าไปในมิติ แล้วก็ถูกเซียวหลันยวนกอดเข้าไปในผ้าห่มเขาคลุมผ้าห่มนางให้ดี จูบไปที่ปากนางเบาๆ เอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า "เจ้าก็นอนให้สบาย ข้าจะทำการอย่างระวัง""ได้"เซียวหลันยวนเป่าเปลวเทียน ออกประตูไปอย่างแผ่วเบา"ท่านอ๋อง?" ชิงอีออกมาจากมุมมืดรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ ที่ท่านอ๋องจะออกไปตอนดึกขนาดนี้ คืนนี้ไม่ใช่ควรอยู่กับพระชายาหรอกหรือ?"ไป" เซียวหลันยวนกลับไม่อธิบายอะไรมากตอนมาถึงทางตาเฒ่าอู๋ ในคืนเงียบสงัดเช่นนี้ กลับได้ยินเสียงไอค่อกแค่กอยู่แค่กๆๆๆมีทั้งที่ดังขึ้นครั้งสองครั้ง และมีที่ดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดมีทั้งที่ดังจนปอดแทบฉีก ทำเอาคนที่ไม่ไอฟังแล้วรู้สึกคันขึ้นมาที่คอเลย แทบจะไอตามไปด้วย"ท่านอ๋อง คนเหล่านี้ป่วยหนักมาก" ชิงอีเอ่ยขึ้นเสียงต่ำเขาเห็นว่าท่านอ๋องยังมาที่ตาเฒ่าอู๋ทางนี้ จึงรู้สึกกังวลขึ้นหน่อยๆ"อืม ดังนั้นหวังว่าจาวหนิงจะค้นคว้ายาที่สามารถสะกดอาการป่วยนี้ออกมาได้ ไม่ให้มันระบาดต่อไปอีก ไม่เช่นนั้นก็ไม่อยากจะคิด"เซียวหลันยวนถึงแม้จะปวดในที่ฟู่จาวหนิงอยู่ที่นี่ แต่เขาก็เข้าใจดี ตอนนี้เมืองเจ้อต้องการนางจริงๆไม่ใช่แค่เมืองเ
"ท่านเองก็ลองดูสิ" นางส่งคืนกลับให้เขาเขายังไม่ทันได้ดูเลยน กลับส่งให้นางดูก่อนเสียแล้วเซียวหลันยวนรับมา หยิบไปวางไว้ตรงหน้าในใจเขาเองก็สั่นสะเทือนเช่นกันนี่มันยอดเยี่ยมมาก"เครื่องพยากรณ์นี้ ในตงฉิงถือได้ว่าเป็นสมบัติเลยกระมัง?" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"อืม" เซียวหลันยวนวางเครื่องพยากรณ์ลง พยักหน้า "ราชครูจะสืบทอดต่อให้เป็นรุ่นๆ ถ้าหากบนมือไม่มีเครื่องมือพยากรณ์ ราชครูก็จะไม่เป็นที่ยอมรับอย่างชอบธรรม ยิ่งไปกว่านั้น คนตงฉิงก็ยังเชื่อว่า ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ออกมาจากการคาดการณ์ของเครื่องมือพยากรณ์ ล้วนไม่แม่นยำทั้งสิ้น""นั่นเท่ากับเป็นสิ่งที่เครื่องพยากรณ์สิบห้าปีใหม่คำนวณออกมาใช่ไหม? แล้วเก่ากว่านั้นล่ะ""ที่เก่ากว่านั้นจะถูกประทับตราเป็นของไม่ใช้งานแล้ว แล้วปิดผนึกไว้ในสุสานจักรพรรดิ"หรือก็คือ ขอแค่ไม่มีชิ้นใหม่ออกมา บนโลกนี้ก็จะมีแค่เครื่องพยากรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น"แล้วลุงหวังคนนั้น คงจะไม่ใช่รุ่นหลังของราชครูตงฉิงหรอกกระมัง?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นเซียวหลันยวนนิ่งงันไปพักหนึ่ง ตอบว่า "อันที่จริงก่อนหน้านี้ข้าก็คาดเดามาตลอด เจ้าอารามต่างหากที่น่าจะเป็น"ฟู่