โดยเฉพาะเรื่องที่นางพูดถึงอวี๋อวี่เวย กลับสามารถใจกว้างได้ขนาดนี้ ไม่ได้มองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าตกใจเลย และไม่ได้รู้สึกว่าบ้านตระกูลเสิ่นมีแต่คนแย่ๆ ด้วยเรื่องนี้สำหรับเขาแล้วสำคัญมาก"ท่านผู้เฒ่าฟู่สอนเจ้ามาดีมาก"ตอนนี้เอง เสิ่นเสวียนจู่ๆ ก็รู้สึกซาบซึ้งกับท่านผู้เฒ่าฟู่ขึ้นอย่างมากแค่เลี้ยงฟู่จาวหนิงให้เติบโตมาขนาดนี้ก็ไม่ง่ายแล้ว ยังสอนนางมาได้ดีขนาดนี้อีกฟู่จาวหนิงคิดถึงปู่ของตัวเองขึ้นเสียแล้วท่านปู่เองก็หน้าตาคล้ายกับท่านตาด้วย ในบางแนวคิดพวกเขาเองก็เหมือนกัน ความรักที่มีต่อนางก็เช่นกัน ดังนั้นการที่เสิ่นเสวียนพูดถึง"ท่านผู้เฒ่าฟู่"คนนี้ก็ถือว่าเป็นร่างรวมของท่านผู้เฒ่าทั้งสองคนเลยก็แล้วกัน"อืม ท่านปู่ดีมากจริงๆ" ฟู่จาวหนิงยิ้มขึ้นมา "แน่นอน ตัวข้าเดิมทีก็ดีอยู่แล้วด้วย"พอได้ยินนางพูดเช่นนี้ ในใจเสิ่นเสวียนก็ดีขึ้นมาบ้างแล้ว"ท่านลุงคืนนี้ไปพักผ่อนเถิด ไท่ไท่อาวุโสทางนั้นข้าจะไปดูแลเอง คืนนี้ควรให้ข้าไปดูแล เพราะคืนนี้สำคัญมากเรื่องที่ว่านางจะตื่นหรือไม่ตื่นขึ้นมา"ฟู่จาวหนิงเตรียมว่าคืนนี้จะไปให้น้ำตากลูโคสกับไท่ไท่อาวุโสเสียหน่อย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีพวกยาลดอ
"ข้าเองก็ประมาทเกินไป"เสิ่นเสวียนถอนหายใจ อย่าว่าแต่หลิวหั่วเลยที่คิดไม่ถึง กระทั่งตัวเขาเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ไม่ใช่นั้นจะกินน้ำแกงฟักหยกขาวสองคำนั้นลงไปหรือแต่ถึงอย่างไรก็ยังดีที่ฟู่จาวหนิงอยู่เสิ่นเสวียนคิดถึงสภาพของเสินหว่าน ก็อดเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้และไม่รู้ว่าเสิ่นเชี่ยวตอนนี้มีนิสัยเป็นอย่างไรหาตัวฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวกลับมา สำหรับฟู่จาวหนิงแล้วเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันนะ?ถ้าหากพวกเขาตอนนี้ไม่อยู่ในความถูกต้อง หรือว่าบนมือเปื้อนเรื่องชั่วร้ายอะไรอยู่ล่ะ เช่นนั้นหาตัวพวกเขากลับมาจะไม่ใช่ยิ่งตกพันธนาการลงไปบนตัวฟู่จาวหนิงหรือ?เสิ่นเสวียนคิดๆ เอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น "หลังจากหาตัวฟู่หลินซื่อเจอ ให้คนของพวกเราอย่างเพิ่งเปิดเผยตัวตน ลองสังเกตดูสักสองสามวัน ดูพฤติกรรมของพวกเขา กลับมารายงานก่อนค่อยว่ากัน""ขอรับ"ฟู่จาวหนิงไปที่เรือนจิ้งชิวและคนอื่นๆ ในบ้านตระกูลเสิ่นพอได้รู้ได้ยินการเคลื่อนไหวของคืนนี้ พวกเขาจะเข้ามาสำรวจไหม แล้วจะจัดการอย่างไร นั่นเป็นเรื่องของเสิ่นเสวียนแล้วฟู่จาวหนิงแค่กำชับกับพวกไป๋หู่ ว่านางจะครองห้องไท่ไท่อาวุโสคืนนี้ ใครก็ห้ามเข้าใกล้เ
"องค์จักรพรรดิ ข้าน้อยเป็นคนจริงใจนะ"อันเหนียนคัดค้านอย่างตั้งใจมาคำหนึ่งเขาเป็นแผนการเยอะเสียที่ไหนกัน? แล้วข้ามีลิ้นเทพที่ว่านั่นที่ไหน?"ข้าน้อยเป็นขุนนางบุ๋น ไม่ใช่พวกคนวางแผน จะมากล่อมเรื่องแต่งงานได้อย่างไรกัน" อันเหนียนผายมือออกนี่เป็นสีหน้าที่แทบจะเป็นหมูตายไม่กลัวน้ำร้อนลวกอยู่แล้ว!องค์จักรพรรดิพอเห็นท่าทีนี้ก็ของขึ้น"เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อไหม? มีคนบอกกับข้ามา ว่าเจ้าน่ะ" องค์จักรพรรดิยื่นมมือมาชี้ๆ อันเหนียน เอ่ยต่อว่า "เจ้าน่ะในใจมีลูกคิดของตนเองอยู่ เจ้าอยากจะให้องค์หญิงหนานฉือหันมองเจ้า แล้วมาออกเรือนกับผู้ตรวจการอันอย่างเจ้าใช่ไหม?"อันเหนียนอยู่กับองค์หญิงหนานฉือตั้งนานสองนาน การคาดเดาเช่นนี้แน่นอนว่าต้องมีอยู่ไม่น้อยพวกเขาล้วนพูดกันว่าองค์หญิงหนานฉืออันที่จริงชอบคุณชายอยู่หลายคน แต่ทุกคนที่ชอบก็ถูกอันเหนียนปัดตกตลอด เขาจะต้องแอบพูดข้อแย่ๆ ของคนๆ นั้นกับองค์หญิงหนานฉือแน่ๆ ทำลายความคิดขององค์หญิงหนานฉือทิ้งดังนั้นตั้งนานขนาดนี้ องค์หญิงจึงยังไม่เลือกใครที่ถูกใจเสียทีความคิดของอันเหนียน ก็คือจะยกตนเองให้เจ้าหญิงพอเห็นทรัพย์สินขององค์หญิงหนานฉือ อันเหนียน
สำหรับแคว้นหนานฉือกู่ที่ส่งยาบดมาครั้งนี้ ถ้าเซียวหลันยวนบอกว่าไม่หวั่นไหวนั่นคือเรื่องโกหกขาของเขาดีขึ้นแล้ว เพียงแต่ยังแกล้งทำเพื่อตบตาคนภายนอกอยู่แต่ใบหน้าของเขายังไม่ดีมาตลอดแผลเป็นบนหน้านี้กลายเป็นอาการป่วยในจิตใจเขาแล้วช่วงนี้กลางดึกเขาชอบฝึนถึงแต่เงาของฟู่จาวหนิง เซียวหลันยวนด้านหนึ่งค่อยๆ เข้าใจจิตใจตนเองขึ้นมาแล้ว ส่วนอีกด้านก็สนใจเรื่องที่หน้าตาของพังยับของตนเองเขาไม่ออกจากบ้านมาตลอด วันวันอยู่แต่ในจวนอ๋องเจวี้ยน คนทั้งเมืองหลวงล้วนกำลังคาดเดาว่าใบหน้าของเขาพังย่อยยับไปหมดแล้วจริงไหมใบหน้าของอ๋องเจวี้ยน มาถึงระดับที่ไม่สามารถไปพบผู้คนได้แล้ว คนส่วนใหญ่ล้วนพูดกันเช่นนี้"ตรวจสอบต่อไป" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นชิงอีกังวลเล็กน้อย"ท่านอ๋อง ตรวจสอบคุณสมบัติหลักๆ ของยาบดนั่นหรือ?""ใช่""องค์หญิงหนานฉือยื้อเวลามาตั้งนานโดยไม่ยอมเลือกสามี นางคงไม่ได้อยากจะแต่งเข้าจวนอ๋องเจวี้ยนจริงๆ หรือกระมัง?"อันที่จริงพวกเขาเองก็คาดเดาไว้เช่นนี้เพราะองค์หญิงหนานฉือแอบส่งคนมานัดแล้วถึงสองรอบ แม้ว่าจะเป็นงานเลี้ยงส่วนรวมที่มีคนอื่นมาร่วมด้วย แต่องค์หญิงหนานฉือก็รู้ว่าอ๋องเจวี้ยนไม
มีใครกล้ารับองค์หญิงใหญ่เป็นภรรยาบ้าง?หรือก็คือ ต้าชื่อน่าจะมีคนไม่น้อยที่อยากจะรับ?"เรื่องนี้สำหรับต้าชื่อแล้ว ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก"เซียวหลันยวนกลอกตา "ในเมื่อเป็นเรื่องใหญ่ องค์จักรพรรดิต้าชื่อก็น่าจะแสดงท่าทีบ้างสิ?""ข้อมูลที่ต้าชื่อทางนั้นส่งเข้ามา บอกว่าตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงฤดูสารท องค์จักรพรรดิเตรียมจะเชิญทูตจากแคว้นต่างๆ มาร่วมงานเลี้ยงเทศกาลอวยพรสารทฤดู ขณะเดียวกันทุกคนก็จะได้พบกับองค์หญิงใหญ่ด้วย"เทศกาลอวยพรสารทฤดู เทศกาลสารทฤดูของต้าชื่อปกติแล้วจะจัดประมาณครึ่งเดือนเป็นเทศกาลที่ไว้อวยพรความอุดมสมบูรณ์ตลอดปี สถานที่ต่างๆ ก็มีประเพณีที่ต่างกัน แต่ในเมืองหลวงทางนั้นจะมีรายการเหมือนการชุมนุม ประชาชนกับพ่อค้าจากพื้นที่ต่างๆ สามารถนำสินค้ามาขายในเมืองหลวงได้ช่วงนี้ ดังนั้นช่วงเวลานี้เมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อจึงคึกคักเป็นพิเศษอาหารเลิศรสนานาชนิด ของใช้ของเล่นของงามตา ของแปลกของสดใหม่ต่างๆ ทำเอาคนละลานตากันเลยทีเดียวช่วงสองปีนี้ เผ่าเล็กบางส่วนรอบๆ กับคนของแคว้นเองก็จะมาสนุกกัน"ปีนี้แคว้นเจาจะส่งใครไป?"เซียวหลันยวนเพิ่งจะถามไปคำหนึ่ง ตนเองก็ส่ายหัวขึ้นมาอีก "ไม่วา
องค์จักรพรรดิพอได้ยินปัญหานี้ ในสมองก็คิดถึงองค์หญิงหนานฉือขึ้นมาทันที"ตอนนี้วิธีที่เหมาะที่สุดไวที่สุด ก็คือให้องค์หญิงหนานฉือรั้งอ๋องเจวี้ยนไว้""องค์หญิงหนานฉือไม่ได้แสดงควาคิดที่อยากจะแต่งเข้าจวนอ๋องเจวี้ยนเลยนี่นา"นี่ทำให้พวกเขาคลั่งขึ้นมา และไม่รู้ว่าองค์หญิงหนานฉือคนนี้จะวุ่นวายไปถึงตอนไหน จะเลือกสามีเป็นคนแบบไหนกันแน่"องค์จักรพรรดิ ไม่เช่นนั้นเอาอย่างนี้" มีคนเสนอความคิดกับองค์จักรพรรดิ "ลองถามองค์หญิงหนานฉือดูว่าอยากไปเที่ยวที่ต้าชื่อไหม? ถ้าหากนางอยากจะไป ก็ให้อ๋องเจวี้ยนพานางไปสิ"องค์จักรพรรดิตกตะลึงใช้ความคิดนี้ได้ด้วยหรือ?"องค์จักรพรรดิท่านลองคิดดู แคว้นเจาจนถึงต้าชื่อระยะทางห่างไกลมาก อ๋องเจวี้ยนกับองค์หญิงหนานฉืออยู่ด้วยกันตลอดทาง ไม่ใช่ว่าจะเกิดความผูกพันขึ้นมาได้ง่ายหรอกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนเองก็ไม่ใช่ว่าไปต้าชื่อหรือ? ถ้าเห็นอ๋องเจวี้ยนกับองค์หญิงหนานฉือไปด้วยกัน เช่นนั่นมันจะไม่..."ขุนนางแอบหัวเราะอย่างชั่วร้าย นิ้วมือก็ทำท่าทางแยกออกจากกันคนข้างๆ เองก็เข้าใจขึ้นมาแล้ว ทยอยกันหัวเราะพวกเขาพูดถึงภาพฉากออกงานของอ๋องเจวี้ยนกับพระชายา
องค์จักรพรรดิโพล่งออกมา แต่ก็สังเกตได้ทันทีว่าตนเองไม่ควรพูดประโยคนี้ คำพูดนี้ตรงเกินไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขากำลังเดาว่าอ๋องเจวี้ยนจะมาแย่งชิงบัลลังก์อยู่ตลอดเวลาอย่างนั้นถ้าลือกันออกไป เขาคงได้ถูกประณามแน่ยังดีว่าตอนนี้ทั้งหมดเป็นคนสนิทของเขา พวกเขาเองก็รู้ว่าคำพูดเหล่านี้ห้ามลือออกไปเด็ดขาด กระทั่งแต่ละคนยังทำเป็นเหมือนองค์จักรพรรดิไม่ได้พูดเสียด้วยซ้ำ"อันที่จริงพวกเราเองก็ทำเพื่อช่วยอ๋องเจวี้ยน ถ้าเขาเอาแต่ซ่อน แล้วจะดึงหมอเทวดาที่เร้นตัวจากโลกได้อย่างไรกัน? ถ้ามีคนเห็นหน้าเขา แล้วลือกันออกไป ก็จะมีโอกาสให้หมอเทวดาที่จะมารักษาเขาได้ยิน ไม่แน่หมอเทวดาอาจจะเข้ามาก็ได้"นี่ต้องหน้าด้านไร้ยางอายแค่ไหน ถึงจะพูดคำพูดแบบนี้ออกมาได้แต่องค์จักรพรรดิพอได้ยินก็พยักหน้า "อ้ายชิงพูดถูก เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ส่งให้พวกเจ้าแล้ว ไปคิดหาวิธีมา ลองดูว่าจะทำอย่างไรให้อ๋องเจวี้ยนเปิดเผยใบหน้าแท้จริงของตนเองต่อสาธารณชน!"องค์หญิงหนานฉือเองก็อยากเห็นใบหน้าแท้จริงของอ๋องเจวี้ยนเหมือนกัน"ส่งคนไปหาข่าวเรื่องของหมอผีแล้วหรือยัง?" องค์หญิงหนานฉืออยู่ในวัง มองอันเหนียนที่กำลังเสวนากับเหล่าคุณชายในสวนดอก
"ข้าครั้งนี้จะพาอายวนไปด้วยกัน ข้ากลัว ขอให้องครักษ์เงามังกรคุ้มกันไปส่งหน่อย ไม่น่ามีปัญหาไหม?"ไทเฮาตอนที่บอกกับองค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดิแม้จะรู้สึกไม่เหมาะสม แต่ก็ไม่มีคำพูดจะไปค้านนี่เป็นเสด็จแม่ของเขาเลยนะนี่ก็ตกอกตกใจจนหวาดกลัวขึ้นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังคิดจะไปไหวพระกินมังสวิรัติให้สงบสุขสักระยะหนึ่ง ถ้าเขาไม่เห็นด้วย ความอกตัญญูคงได้ทับเขาจนตายแน่ไทเฮาจะใช้องครักษ์เงามังกร จะบอกห้ามใช้ก็ไม่ได้"เสด็จแม่ ถ้าท่านอยากจะไปก็ไม่มีปัญหา แต่ทำไมต้องไปวัดพันพุทธที่ไกลขนาดนั้นด้วย? วัดคุ้มครองแคว้นที่อยู่ใกล้ๆ เมืองหลวงไม่ดีหรือ?"องค์จักรพรรดิยังคิดจะเตือนไทเฮาว่าอย่าไปไกลนักเลยวัดพันพุทธอยู่ค่อนข้างไกล ไปกลับรอบหนึ่งก็กว่าครึ่งเดือนแล้ว นี่ถ้ามีเรื่องอะไรก็คงจะไม่ทันการเอา"ข้าไม่เหมาะกับวัดคุ้มครองแคว้นมาโดยตลอด เรื่องนี้เจ้าเองก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้"สีหน้าของไทเฮาขรึมลงมาแล้วองค์จักรพรรดิก็เพิ่งคิดออก ตอนนั้นเสื้อผ้าของเสด็จแม่เซียวหลันยวนก็ถูกส่งมาที่วัดคุ้มครองแคว้น ดังนั้นไทเฮาจึงไม่ค่อยชอบไปที่วัดคุ้มครองแคว้น นี่ก็ดูสอดคล้องกับนิสัยไทเฮาอยู่"แล้วก็ บทสวดที่เจ้าอาวา
ถ้าประตูวังปิดแล้ว คืนนี้น่าจะยังไม่ได้พบองค์จักรพรรดิเช่นนั้นพรุ่งนี้ช่วงประชุมเช้าก็น่าจะได้พบ ห่างจากตอนนี้ไม่ถึงสามชั่วยามเซียวหลันยวนไม่พูดอะไรอีกหลังจากเขาได้ข่าวไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องส่งคนไปคุ้มครองนอกวังแน่ เก๋อมู่กวงคืนนี้เข้าวังไม่ได้ ไม่ได้พบองค์จักรพรรดิ ดังนั้นจะต้องรอจนถึงประชุมเช้าแน่นอนช่วงหลายชั่วยามนี้เพียงพอแล้วพวกเขาได้ยินเสียงของฟู่จิ้นเชินแล้วฟู่จิ้นเชินกำลังพูดภาษาเฮ่อเหลียนอยู่"พี่เขย ท่านพ่อกำลังพูดว่า..." ฟู่จาวเฟยคิดจะแปลให้เซียวหลันยวนก่อนอย่างฉลาดเฉลียวรู้ความ แต่คิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจะโบกไม้โบกมือ"ข้าฟังออกน่ะ""อ๋า?"ฟู่จาวเฟยตกตะลึง"ลืมบอกไป ว่าข้าเป็นภาษาเฮ่อเหลียน" เซียวหลันยวนน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับกำลังพูดเรื่องเล็กจ้อยที่ธรรมดามากๆ เรื่องหนึ่งหัวหน้าคุกเองก็เหลือบมองเขาอย่างตกตะลึง"ถ้าข้าน้อยจำไม่ผิดล่ะก็ ท่านอ๋องยังพูดภาษาหนานฉือได้ด้วย?""ใช่"หัวหน้าคุกกับฟู่จาวเฟยสบตากันผาดหนึ่ง ทั้งสองคนล้วนเห็นความตกตลึงในดวงตาของอีกฝ่ายอ๋องเจวี้ยนทำไมถึงพูดได้หลายภาษานัก?เขาไม่ใช่ว่าพักฟื้นอยู่ในยอดเขาโยวชิงตลอดหรือไรกัน? คนทั้ง
เซียวหลันยวนรู้สึกนับถือฟู่จิ้นเชินจริงๆเขาเองก็ไม่ได้มีตัวตนฐานะพิเศษอะไร แต่กลับใช้ความสามารถตนเองเข้าไปในคุกใหญ่ได้ เข้าคุกใหญ่ไปยังพอทำเนา แต่นี่ยังได้พบกับโป๋จีด้วยนี่ร้ายกาจมากจริงๆ"พวกเจ้าให้เขาเข้าไปแบบนี้เลยหรือ?" เซียวหลันยวนรู้สึกแปลกใจจริงๆ"เรื่องนี้ เพราะโป๋จีพูดภาษาเราได้แค่นิดหน่อย คุณชายฟู่เขาพูดภาษาเฮ่อเหลียนได้"หัวหน้าคุกกังวลนิดหน่อย เขาเองก็ไม่รู้ว่าอ๋องเจวี้ยนยกโทษให้กับสามีภรรยาตระกูลฟู่แล้วหรือยังคนไม่น้อยในเมืองหลวงก็ยังมองความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่ออกถ้าหากอ๋องเจวี้ยนโกรธ แล้วหันมาระบายบนตัวเขาจะทำอย่างไรกัน"ท่านอ๋อง ท่านเองก็จะเข้าไปพบโป๋จีคนนั้นหรือ?" เขาถามขึ้นอย่างระมัดระวังอ๋องเจวี้ยนออกมาได้อีกครั้ง แสดงว่าไม่ได้ติดโรคระบาดนั้นมาพวกผู้คุมในคุกใหญ่หลายวันนี้ยังไม่ได้ดื่มยาน้ำของพระชายาอ๋องเจวี้ยน ทุกคนกินอาหารกันวันละสามมื้อ แต่ก็ยังไม่มีใครติดโรคชนิดนั้นเลยดังนั้นพวกเขาเชื่อมั่นในยาขอพระชายาอ๋องเจวี้ยน แน่นอนว่าเชื่อมั่นว่าอ๋องเจวี้ยนไม่ได้เป็นโรคระบาดด้วย"ข้าเข้าไปไม่ได้หรือ?""ไม่ใช่เช่นนั้น ไม่ใช่แน่นอน ท่านอ๋องเข้าไปได้" หัว
เซียวหลันยวนมองเสิ่นเชี่ยวผาดหนึ่ง"ก็แค่ไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมาเท่านั้น"มีแผนอะไรเสียที่ไหน?เรื่องเช่นนี้ ต่อให้พวกเขาลงมือตรวจสอบชัดเจน ก็ไม่ใช่อะไรที่จำทำเสร็จในชั่วครู่องค์จักรพรรดิจะต้องหยิบยืมเรื่องนี้แน่นอนใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้าทางนี้คงทานได้อีกไม่นานแล้ว อีกเดี๋ยวก็จะมีคนมาพาฟู่จาวเฟยไปคุกใหญ่ฟู่จาวหนิงกลับเข้าใจความหมายของเซียวหลันยวนขึ้นมา"พวกเราตอนนี้ส่งไปเอง ยังพอจะเลือกห้องขังได้อยู่""ข้าฟังพวกเจ้านั่นล่ะ" เสิ่นเชี่ยวเอ่ยขึ้นทันทีนางต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อลูกสาว ไม่ต้องถามให้ชัดเจนนัก ลูกสาวจะต้องไม่ทำร้ายน้องชายแน่ๆ แค่ฟังนางไว้ก็พอเรื่องในเมืองหลวง พวกเขาจะต้องเข้าใจชัดเจนกว่านางแน่นอน"เรื่องนั้นไม่ควรชักช้าไปกันตอนนี้เลย" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นหมุนตัวออกไปก่อนฟู่จาวหนิงกวักมือให้เสี่ยวเฟย "ไปกัน"ฟู่จาวเฟยเองก็เดิมตามนางไปอย่างเชื่อมั่นทันทีเสิ่นเชี่ยวเดินมาถึงด้านหลัง คารวะให้กับใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้า "ขอบคุณใต้เท้าที่ดูแล""เกรงใจเกินไปแล้ว..."ใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้าตอบกลับด้วยสัญชาตญาณ จากนั้นก็รู้สึกว่าตนเองในตอนนี้ก็เหมือนจะเกรงใจมากเกินไปเขายังกลายเป
ท่านพี่ในที่สุดก็กลับมาแล้ว ใจของเขาสงบลงมาได้ไม่น้อยเลย"จาวหนิง นี่มาจากในภูเขาหรือ? เหนื่อยแย่เลยสิ?" เสิ่นเชี่ยวยกถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นทันที "เจ้าดื่มชาร้อนนี่ก่อนเถอะ เพิ่งต้มใหม่เลย ยังไม่ได้ดื่ม"นางเห็นฟู่จาวหนิงมีรอยคล้ำใต้ตาจางๆ ในภูเขาคงต้องเหนื่อยมากแน่ๆ และคงไม่ได้พักผ่อนดีนักแต่พอยกถ้วยชาขึ้นมา เสิ่นเชี่ยวก็ยังรู้สึกกระวนกระวายอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงจะรับน้ำใจของนางไหมฟู่จาวหนิงรับมา ดื่มไปอึกหนึ่ง ผ่อนคลายลงมาได้"เรื่องจดหมายนี่อย่างไรกัน? ก่อนหน้านี้มีอะไรผิดปกติบ้างไหม หรือมีคนมาหาเจ้าบ้างหรือเปล่า?"เสิ่นเชี่ยวถอนใจโล่ง ในใจก็ลิงโลดขึ้นมาแม้ว่าฟู่จาวหนิงตอนนี้อยู่กับพวกเขาจะไม่ค่อยคล้ายกับพ่อแม่ลูกเท่าไรนัก แต่นางเชื่อว่าในด้านความรู้สึกก็ยังพอเห็นได้บ้าง เดิมทีก็ยังมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันอยู่ฟู่จาวเฟยส่ายหัว รีบร้อนรับประกันอย่างขันแข็งขึ้นมา "ท่านพี่ ไม่มีอะไรผิดปกติเลย ไม่มีคนมาหาข้าด้วย แล้วก็ไม่ได้รับจดหมายอะไรอีก ข้าเองก็ไม่ได้เขียนจดหมายไปด้านนอก""ช่วยนี้มีใครมาที่บ้านไหม?""ไม่มี มีแต่ท่านพ่อที่ออกไปบ่อยๆ ข้าอยู่ในแต่บ้านฝึกยุทธ์" ฟู่จาวเฟ
"อ๋องเจวี้ยนมาถึงแล้ว"ข้าราชการชั้นผู้น้อยคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา รู้ว่าใต้เท้าร้อนรนมาก จึงรีบ เข้ามารายงาน"เร็ว"เขาทางนี้แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว คุกใหญ่ทางนั้นถ้าถามออกมาได้ว่าจดหมายอยู่ที่ไหน ก็คงจะให้เขาเอาฟู่จาวเฟยส่งเข้าคุกใหญ่แน่แต่อ๋องเจวี้ยนก่อนหน้านี้กำชับว่า ก่อนหน้าที่เขาจะกลับมา ฟู่จาวเฟยต้องอยู่ที่นี่ก่อน ห้ามส่งไปคุกใหญ่เขาเองก็ทานไม่ไหวแล้ว เดิมทีฟู่จาวเฟยไม่ได้จะส่งมาที่เขาทางนี้ แต่เป็นจดหมายด่วนของอ๋องเจวี้ยนที่ให้เข้าเข้ามารับช่วงไว้ก่อนแต่เขาเองก็ร้อนรนด้วย เขาเองก็กลัวนี่ ถึงตอนนั้นถ้าค้นเจอจดหมายอะไรเข้า แล้วเกี่ยวข้องกับฟู่จาวเฟยจริง เขาก็จัดการลำบากแล้วถึงอย่างไรฟู่จาวเฟยก็อยู่กับเขาทางนี้ ไม่ได้ลงตรวน ไม่ได้ตี ไม่ได้ขังอีกต่างหาก ยังคงนั่งรออยู่ที่โถงข้างๆแล้วยังมีฮูหยินฟู่ด้วย นั่งอยู่กับลูกชายด้วยกันเขาทำเช่นนี้ ถ้าหากถูกองค์จักรพรรดิรู้เข้า องค์จักรพรรดิคงไม่ละเว้นเขาแน่พอเขาออกไป เสิ่นเชี่ยวกับฟู่จาวเฟยก็ลุกขึ้นยืนทันที ขณะเดียวกันก็มองมาทางเขา"ใต้เท้า?""คุณชายฟู่ไปที่ไหนแล้วกันแน่?"ใต้เท้าหยินจิงเจ้ามองพวกเขา และคิดถึงเรื่องที่เมื่อคร
"องค์จักรพรรดิทนแ่รงกดดันของกลุ่มขุนนางไม่ไหว วันนี้ในที่สุดก็กลับมาประชุมเช้าแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ยังส่งคนไปที่จวนอ๋องเจวี้ยน ต้องการจะเห็นข้าให้ได้ ข้าก็เลยโผล่หน้าออกมาเสียหน่อย" เซียวหลันยวนเอ่ยอย่างใจเย็น"สวมหน้ากากไว้หรือ?"เซียวหลันยวนยิ้มๆ ตัวเองเหมือนจะสนุกขึ้นมาหน่อยแล้วเขาส่ายหัว "ไม่ใช่ จำใบหน้าที่เจ้าทำขึ้นก่อนหน้านั้นได้ไหม?""ท่านหมายถึง ที่หนังหน้าแผลเป็นที่เอามาใช้ค้นคว้าการกำจัดแผลเป็นนั่นน่ะนะ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ"ใช่ ข้าแปะเจ้านั่นออกไปพบคน""พรวด"ฟู่จาวหนิงยอมเขาจริงๆ เพราะหน้ากากหนังหน้านั้น คือสิ่งที่นางทำขึ้นมาตอนค้นคว้าการรักษา เป็นหลุมเป็นบ่อขรุขระ มีแผลเป็นปลอมบางส่วนที่นางใช้วัสดุทำปลอมขึ้นมา แปะไปบนหน้าหน้าจะดูไม่ค่อยสนิทนัก แล้วยังดูบวมออกมาอีกชั้นหนึ่งด้วยแล้วก็หนังหน้านั้นพอแปะบนหน้า ก็เหมือนว่าทั้งใบหน้านั่นน่าเวทนาจนทนดูไม่ได้เลยทีเดียว ดูจะคล้ายๆ กับตอนที่เซียวหลันยวนยังรักษาไม่หายก่อนหน้านี้ ถึงอย่างไรก็น่าตกใจและน่ากลัวอยู่"คนในวังคงมองไม่ออกว่าเป็นของปลอมหรอกนะ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจหน่อยๆ หน้ากากนั่นทำมาไม่สมจริงนัก มองหลายๆ ครั้งหน่
เซียวหลันยวนปลดหน้ากากลง"มีคนส่งจดหมายด่วนเข้ามา บอกว่าจับตัวโป๋จีแม่ทัพบู๊ที่ราชาเฮ่อเหลียนไว้วางใจที่สุดได้ บนตัวโป๋จีมีจดหมายลับที่จะส่งให้เสี่ยวเฟยอยู่ คนในที่ว่าการส่งคนไปยังจวนตระกูลฟู่ พาตัวเสี่ยวเฟยไปแล้ว"เซียวหลันยวนเดิมทียังคิดจะรีบบอกนางเรื่องนี้ เพียงแต่ไม่อยากให้นางที่เหนื่อยล้าต้องตกใจเกินไปให้นางสบายขึ้นมาหน่อย แล้วค่อยเล่าเรื่องนี้ออกมาดีกว่าฟู่จาวหนิงลุกขึ้นนั่งตัวตรง"แล้วเสี่ยวเฟยตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?"ต้องเป็นเรื่องที่เร่งด่วนมากแน่ ก่อนหน้านี้เซียวหลันยวนถึงได้กลับไปจัดการเอง"อยูในจวนทางการ พ่อของเจ้าเองก็ตามไปแล้ว พาจงเจี้ยนไปด้วย ยังไม่ต้องร้อนใจ ข้าให้คนคอยเฝ้าจวนทางการไว้แล้ว ก่อนที่พวกเราจะกลับถึงจะไม่มีใครพาพวกเขาไปไหน"เขาลงมือจัดการเอง ไม่อย่างนั้นเสี่ยวเฟยคงเกิดเรื่องเข้า ฟู่จาวหนิงคงร้อนใจไม่ไหวแน่นอนพอได้ยินคำนี้ ใจของฟู่จาวหนิงจึงค่อยๆ นิ่งลงมา "โป๋จีเป็นคนสำคัญข้างกายราชาเฮ่อเหลียนหรือ? เป็นแม่ทัพบู๊? แล้ววรยุทธ์ดีไหม?"นางไม่เคยได้ยินเสี่ยวเฟยเอ่ยถึงเรื่องนี้แต่ว่าก็จริง เสี่ยวเฟยเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีกับคนของราชาเฮ่อเหลียนอยู่หลายคน
อ๋องฉยงแอบกัดฟัน"ข้าอยู่ที่นี่รอฟ้าสางแล้วค่อยเข้าภูเขาก้ได้..." อ๋องฉยงยังคิดจะดิ้นรนเซียวหลันยวนจะยอมให้เขาดิ้นรนได้อย่างไร?"เช่นนั้นได้อย่างไร? ใครก็ได้ เก็บกระโจมเสีย"พอเขาสั่งคำสั่ง ก็มีองครักษ์ออกไปทันที เคลื่อนไหวจัดการเก็บกระโจมเหล่านั้นอย่างคล่องแคล่วว่องไว"เอาคบไฟให้อ๋องฉยงไปส่องทางด้วย""ขอรับ"กองไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่ ถูกคนนำกิ่งไปจุดเพื่อทำเป็นคบไฟหลายๆ อัน ส่วนไฟที่เหลือก็ดับทิ้ง สาดโคลนลงไป เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น"กระโจมนี้ข้าให้คนกางมันขึ้น กองไฟเองข้าก็เป็นคนสั่งให้จุดขึ้นมา ตอนนี้ข้าจัดการเก็บกวาดไป คงไม่มีปัญหาใช่ไหม?"เซียวหลันยวนมองอ๋องฉยง น้ำเสียงสงบนิ่งมากจะไปมีปัญหาอะไรได้?เดิมทีหลังจากที่อ๋องฉยงมาเห็นกระโจมชั่วคราวก็อยากจะครองเป็นของตัวเอง แล้วมารอฟู่จาวหนิงที่นี่ใครจะคิดว่าเซียวหลันยวนจะวกกลับมากัน?ตอนนี้ถ้าเขาบอกว่าจะค้างคืนที่นี่พรุ่งนี้ค่อยขึ้นเขาก็คงไม่ได้แล้ว ถ้าไม่มีกระโจมแต่ยังคิดจะอยู่ค้างคืนที่นี่ ต่อให้ก่อไฟก็ยังหนาวตายได้เขาเองก็ไม่ได้มีกำลังภายในลึกล้ำคอยป้องกันตัวด้วย"อ๋องฉยงเมื่อครู่ไม่ใช่บอกว่าจะขึ้นเขาหรือ
อ๋องฉยงพอเห็นเซียวหลันยวนเข้ามา ใจก็ขรึมลงมาแล้ว ขณะเดียวกันก็ยังแอบเคืองกับองค์จักรพรรดิไม่ใช่บอกว่าจะขวางเซียวหลันยวนไว้หรือไรกัน? ไม่ใช่ว่ามีเรื่องที่จะขังเซียวหลันยวนไว้ได้สามวันหรือ?ทำไมยังไม่ทันถึงชั่วยาม เขาก็รีบกลับมาแล้วกัน?ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย!เซียวหลันยวนหันตัวกลับมาอ๋องฉยงรู้สึกใจสั่นวาบกับหน้ากากของเขาเจ้าเด็กที่เหมือนจะตายแหล่มิตายแหล่ตอนนั้น ดันโตขึ้นมาได้อย่างยากลำบาก แล้วยังดีมีท่วงท่าทรงพลังเสียด้วย"หลันยวน เมื่อครู่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?" อ๋องฉยงเสียงขรึม ตัดสินใจลงมือก่อน "นี่เจ้ายิงธนูใส่ข้ารึ!""เจ้าไม่รู้หรือว่าหมายความว่าอะไร?"เซียวหลันยวนเสียงเย็นเยียบ "แน่นอนว่าสั่งสอนเจ้าน่ะสิ""เจ้า! เจ้าบังอาจ! ถ้าข้าเป็นอะไรไป บาดเจ็บหรือว่าตายไป เจ้าก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว!""จะลองดูไหมล่ะ?" น้ำเสียงเซียวหลันยวนขรึมเย็นชา"ลองอะไร?""ลองว่าถ้าข้าสังหารเจ้าแล้ว จะยังมีชีวิตต่อไปได้ไหม"พอพูดจบ จิตสังหารบนตัวเขาก็พุ่งเข้ามาอย่างแรงกล้า แม้จะไม่มีลม ไม่มีการขยับ แต่อ๋องฉยงกับองครักษ์ข้างกายเขาก็ยังถอยออกไปก้าวหนึ่งพร้อมกันพวกเขาล้วนสัมผัสได้ถึงแรง