"ข้าครั้งนี้จะพาอายวนไปด้วยกัน ข้ากลัว ขอให้องครักษ์เงามังกรคุ้มกันไปส่งหน่อย ไม่น่ามีปัญหาไหม?"ไทเฮาตอนที่บอกกับองค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดิแม้จะรู้สึกไม่เหมาะสม แต่ก็ไม่มีคำพูดจะไปค้านนี่เป็นเสด็จแม่ของเขาเลยนะนี่ก็ตกอกตกใจจนหวาดกลัวขึ้นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังคิดจะไปไหวพระกินมังสวิรัติให้สงบสุขสักระยะหนึ่ง ถ้าเขาไม่เห็นด้วย ความอกตัญญูคงได้ทับเขาจนตายแน่ไทเฮาจะใช้องครักษ์เงามังกร จะบอกห้ามใช้ก็ไม่ได้"เสด็จแม่ ถ้าท่านอยากจะไปก็ไม่มีปัญหา แต่ทำไมต้องไปวัดพันพุทธที่ไกลขนาดนั้นด้วย? วัดคุ้มครองแคว้นที่อยู่ใกล้ๆ เมืองหลวงไม่ดีหรือ?"องค์จักรพรรดิยังคิดจะเตือนไทเฮาว่าอย่าไปไกลนักเลยวัดพันพุทธอยู่ค่อนข้างไกล ไปกลับรอบหนึ่งก็กว่าครึ่งเดือนแล้ว นี่ถ้ามีเรื่องอะไรก็คงจะไม่ทันการเอา"ข้าไม่เหมาะกับวัดคุ้มครองแคว้นมาโดยตลอด เรื่องนี้เจ้าเองก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้"สีหน้าของไทเฮาขรึมลงมาแล้วองค์จักรพรรดิก็เพิ่งคิดออก ตอนนั้นเสื้อผ้าของเสด็จแม่เซียวหลันยวนก็ถูกส่งมาที่วัดคุ้มครองแคว้น ดังนั้นไทเฮาจึงไม่ค่อยชอบไปที่วัดคุ้มครองแคว้น นี่ก็ดูสอดคล้องกับนิสัยไทเฮาอยู่"แล้วก็ บทสวดที่เจ้าอาวา
โอกาสเพียงไม่นานก็มาถึงคืนนี้มีหิมะตกห่าใหญ่ วันถัดมาช่วงเช้า ทั่วทั้งเมืองหลวงถูกหิมะขาวปกคลุม ขาวโพลนไปทั้งผืนด้านนอกประตูทางเหนือมีประชาชนกลุ่มใหญ่ทะลักกันเข้ามาพวกเขาล้วนมาจากเมืองเล็กห่างออกไปสิบกว่าลี้"เมืองเล็กของพวกเราอยู่ในภูเขา ในภูเขาหลายวันก่อนก็เริ่มมีหิมะตกแล้ว ปีนี้หนาวเย็นเป็นพิเศษ ทำเอาไร่นากับผักสดที่พวกเราปลูกไว้หนาวตายหมด หลายวันก่อนหิมะตกหนักมาก จนหิมะทับบ้านเรือนไปหลายหลัง พวกเราเองก็ไม่กล้าอยู่ที่นั่น""ถูกต้อง รีบหนีภัยพิบัติออกมาก่อน รอฤดูใบไม้ผลิแล้วค่อยกลับไป พวกเราไม่ใช่ผู้ประสบภัยนะ ปล่อยพวกเราเข้าไปเถอะ"เมืองเล็กในภูเขานั่น คนในเมืองหลวงก็รู้จักกันเพราะตอนที่ฤดูใบไม้ผลิทิวทัศน์ในภูเขานั้นสวยงามเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงมีคนไม่น้อยที่ไปพักค้างแรมที่นั่นกันวันสองวันเพื่อชมทิวทัศน์ ล่องเรืออะไรแบบนั้นยิ่งไปกว่านั้นเมืองเล็กนั่นก็ชื่อว่าเมืองงามตระการเมืองงามตระการ ยังเป็นบ้านเกิดแต่เดิมของตระกูลหลินด้วยเซี่ยซื่อออกไปซื้อซาลาเปาตอนเช้า และเห็นกับความอึกทึกนี้พอดี เห็นคนจากเมืองงามตระการเข้าเมืองมาแล้วเขาตอนนี้ไม่ใช่ฮูหยินรองตระกูลหลินอีกแล้ว ต่อ
"ไม่ใช่บอกว่า ฟู่หลินซื่อไม่ใช่ลูกสาวตระกูลหลินหรอกหรือ?"รอบๆ มีคนไม่น้อยถูกดึงดูดเข้ามา บ้านตระกูลฟู่ไม่ได้เอะอะขนาดนี้มาพักหนึ่งแล้ว พวกเขายังดูไม่ค่อยชินตอนนี้ตระกูลฟู่คึกคักขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาจะไม่รีบเข้ามาล้อมดูได้อย่างไรกัน?บ้านนี้มีพระชายาอ๋องเจวี้ยนออกมาคนหนึ่งแล้วนะแต่ว่า พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็ไม่ปรากฏตัวนานมากแล้ว ไม่รู้ว่ามีคนมาเอะอะถึงหน้าบ้านแบบนี้จะเสียเปรียบหรือเปล่า"ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลหลิน ถ้าอย่างนั้นสิบกว่าปีก็เลี้ยงเสียเปล่าน่ะสิ?"ญาติตระกูลหลินจากเมืองงามตระการ ยายแก่คนนี้ไม่ใช่จะแหยมด้วยได้ง่ายๆ นะพอได้ยินคำพูดของเพื่อนบ้าน นางก็มือเท้าสะเอว ชี้นิ้วขึ้นฟ้า"เลี้ยงดูเด็กน้อยจนโต คอยเช็ดขี้เช็ดเยี่ยว แล้วยังดูเรื่องแต่งงาน ให้ออกเรือน ส่งของหมั้นล้ำค่ามาให้ นี่ไม่ถือเป็นบุญคุณหรอกหรือ?""บ้านตระกูลฟู่แต่งหญิงสาวตระกูลหลินเข้ามา แล้วเช่นนี้คิดจะสะบัดญาติทิ้งอย่างนั้นหรือ? ได้ยินว่าหญิงสาวของตระกูลฟู่นี้ขึ้นเป็นพระชายา เป็นพระชายาแล้วยังมารังแกคนอื่นได้หรือไรกัน?""ถูกต้องถูกต้อง ได้ยินว่าพระชายาไปตัดขาดญาติมิตรแทนแม่ของนาง ท่านผู้เฒ่าฟู่ท
บ้านตระกูลหลินพอเห็นนางกับอันห่าวมีชีวิตดีดีในบ้านตระกูลฟู่ ใจก็คันยุบยิบขึ้นมาพอบวกกับหลังจากที่เซี่ยซื่อออกมาตระกูลหลินก็ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้มีแต่เรื่องไม่หยุดหย่อน มีเรื่องเสียเงินเสียทองอยู่ประจำ วันคืนที่ไม่ค่อยจะมั่งมีก็เหมือนถูกทับถมลงไปอีก พอมาเห็นพวกนางแม่ลูกได้ดิบได้ดี จะไม่เคืองได้อย่างไรกัน?นี่คือคิดจะดึงเซี่ยซื่อกับอันห่าวให้กลับไปกระมัง?แล้วยังคิดจะมาขอทานกับบ้านตระกูลฟู่ด้วยบ้านตระกูลฟู่ตอนนี้ถือว่าไม่เลว ถ้าพวกเขาอยากจะมาขอทานกับบ้านตระกูลฟู่ก็เป็นเรื่องปกติ"อันห่าวจะอย่างไรก็ยังเป็นเด็กของบ้านตระกูลหลินนะ พวกเราอย่างน้อยขอเข้าไปดูหน่อย เปิดประตู ให้ท่านผู้เฒ่าฟู่ออกมารับแขก!""ใช่ เปิดประตู พวกเราล้วนเป็นญาติของฟู่หลินซื่อ ตากับยาย ลุงป้าพี่น้องก็อยู่กันหมด อากาศเย็นขนาดนี้ปล่อยให้พวกเราหนาวอยู่ข้างนอกได้อย่างไรกัน?""เห็นว่ามีอ๋องเจวี้ยนหนุนหลังก็เลยไม่เห็นใครในสายตาแล้วหรือ?""เช่นนั้นพวกเราจะไปถามอ๋องเจวี้ยน เขาเป็นอ๋องแล้วยอดเยี่ยมนักหรือไร? เป็นอ๋องแล้วจะไม่สนเรื่องจรรยาบรรณความซื่อสัตย์ได้หรือ?"คนเหล่านี้พูดไปอาละวาดไป คิดจะไปหาอ๋องเจวี้ยนเสียแล้ว
ยืนยันว่ามีคนจงใจกวนน้ำให้ขุ่นยิ่งขึ้นรอจนท่านผู้เฒ่าฟู่รู้ว่าด้านนอกมีคนมากันมากมาย เรื่องก็เริ่มไม่ค่อยถูกต้องเสียแล้วมคนเริ่มขึ้นมาทุบประตู"เปิดประตู!"ในกลุ่มคนมีคนช่วยกันตะโกน "องค์จักรพรรดิบอกแล้วว่าต้องให้ผู้ประสบภัยอย่างพวกเราสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของเมืองหลวง แต่ผู้ประสบภัยอย่างพวกเราก็ไม่อยากจะไปรบกวนคนอื่นนัก และไม่อยากสร้างปัญหากับองค์จักรพรรดิด้วย แค่อยากจะมาร่วมอยู่กับญาติสนิทมิตรสหายไม่กี่เดือนเท่านั้น ตระกูลฟู่เห็นๆ อยู่ว่าบ้านก็ใหญ่โต ทำไมจึงขี้เหนียวนัก?""ถูกต้อง ได้ยินว่าคนที่อยู่ในบ้านตระกูลฟู่ก็มีน้อยมาก ให้ญาติตระกูลหลินพวกนี้เข้าไปพักก็ยังเพียงพอ นี่ทำไมถึงได้แล้งน้ำใจนัก""เป็นเพราะท่านผู้เฒ่าฟู่รู้สึกว่าตนเองกลายเป็นผู้อาวุโสของอ๋องเจวี้ยน ตัวตนฐานะก็ต่างออกไปแล้วใช่ไหม ดังนั้นเลยคิดจะวางก้ามสินะ?""นี่ก็เป็นไปได้มากเลย อ๋องเจวี้ยนคนนั้นเองก็เป็นคนเย็นชาแล้งน้ำใจด้วยใช่ไหม? ได้ยินว่าอำนาจเขาก็ใหญ่โตอยู่นี่ องค์จักรพรรดิเองก็ยังต้องถอยให้ระดับหนึ่ง""เฮอะ นี่ก็เกินไปหน่อยไหม? ไม่ใช่บอกว่าสุขภาพเขาไม่ค่อยดีหรือ? เห็นว่าป่วยจนพิการไปแล้ว ยังมีอำนาจขนาด
ชิงอีหน้าเปลี่ยนสี ถีบคนออกไปคนหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ยื่นมือคว้าจับอีกสองคน สะบัดพวกเขาออกไป แต่ตอนที่พวกเขาเงยหน้าขึ้นมาสายตากลับเหม่อลอยคนพวกนี้ดูแปลกไป!มีคนยื่นมือมาทางขาเซียวหลันยวน เซียวหลันยวนยื่นมือมาขวางการกระทำทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นพร้อมกันพวกเขาขวางไว้ได้ด้านหนึ่ง แต่ขวางการลอบโจมตีทั้งหมดไม่ได้เสียงกิ๊งดังขึ้น หน้ากากของอ๋องเจวี้ยนถูกเกี่ยวไว้แล้วด้ายเงินนั้นถูกออกแรงกระชาก"อ๊า! อ๋องเจวี้ยน!""ท่านอ๋อง!"กลุ่มคนร้องตกใจ ล้วนมองไปทางอ๋องเจวี้ยนตะขอด้ายเงินกระชากเปิดหน้ากากครึ่งหน้าของอ๋องเจวี้ยน ขณะเดียวกันก็ยังดึงกวานม่วงทองที่รวบผมไว้จนหลุดด้วยผมดำของอ๋องเจวี้ยนสยายลงมาขณะเดียวกัน ใบหน้าครึ่งหนึ่งนั้นก็ไม่มีอะไรปิดบังไว้อีกประชาชนหลายคนที่อยู่ข้างรถม้ามองเห็นใบหน้าอ๋องเจวี้ยนอย่างชัดเจน"อ๊า!""ผี!"พวกเขาล้วนตกตะลึงร้องเสียงหลงออกมาเสียงร้องเช่นนี้ ทำเอาคนอื่นหันมองมาทันควันพวกเขามองเห็นใบหน้าของอ๋องเจวี้ยนแล้วพวกผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวเฟยที่หน้าประตูใหญ่ก็ล้วนมองเห็นแล้วพวกเขาราวกับถูกสายฟ้าฟาดใส่หน้าของอ๋องเจวี้ยน...น่ากลัวเกินไปแล้ว!และ
เซียวหลันยวนรู้ ว่าคนทั้งหมดถูกใบหน้าของเขาทำให้ตกใจไปแล้วพลานุภาพนี้ น่ากลัวยิ่งกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้เสียอีกปฏิกิริยาของผู้คน รุนแรงกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้เขากลายเป็น "ผี" จากปากของผู้คนแล้วจังหวะที่ม่านปิดลงมา เขากระทั่งเห็นสีหน้าขาวซีดของผู้เฒ่าฟู่ ร่างกายโงนเงนเหมือนจะเป็นลมนี่คงถูกเขาทำให้ตกใจเข้าแล้วจริงๆเขาตอนนี้กลายเป็นสภาพเหมือนผีไปแล้ว อย่าว่าแต่ในบ้านฝ่ายหญิงเลย กระทั่งท่านผู้เฒ่าฟู่ก็ยังรับไม่ได้ แทบจะเป็นลมไปอยู่แล้วฟู่จาวหนิงยืนที่อยู่ข้างเขาถ้าเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน นางจะทนรับไหวไหม?"ท่านอ๋อง?"ชิงอีเสียงสั่นเทาหน้ากากนี้ ท่านอ๋องลงทุนลงแรงหาช่างฝีมือดีมาตีให้ เพิ่งจะได้มาเมื่อไม่กี่วันนี้เองพวกเขาคิดไม่ถึงว่า ตอนที่สวมหน้ากากนี้ออกมาด้านนอกแล้วจะเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้น เดิมทีคิดว่าท่านอ๋องหลังจากมีหน้ากากนี้แล้วสามารถออกไปด้านนอกได้ แต่ครั้งนี้พอออกมาก็ทำให้คนมากมายเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาจนได้!"พาคนตระกูลหลินพวกนี้ไปให้หมด"เสียงของเซียวหลันยวนฟังดูสงบนิ่ง แต่ชิงอีพวกเขากลับฟังออกถึงจิตสังหารในน้ำเสียงคนตระกูลหลินพวกนี้เกรงว่าจะจบเห
รุม้าของจวนอ๋องเจวี้ยนไม่ชลอแม้แต่น้อย แล่นผ่านข้างนางออกไปองค์หญิงหนานฉือกระทืบเท้า ยังคิดจะไล่ตาม แต่อันเหนียนก็มาขวางนางไว้"องค์หญิง ท่านควรจะกลับวังได้แล้ว""นายท่านอันทำไมถึงมาเจ้ากี้เจ้าการข้าเช่นนี้? ไม่เช่นนั้น เจ้าก็ไปจวนอ๋องเจวี้ยนกับข้าด้วยกันเลย ข้ายังอยากจะเจรจาซื้อขายกับเขาอีกอย่างหนึ่ง""ท่านทำไมจึงอยากจะแต่งกับอ๋องเจวี้ยนขนาดนี้?"อันเหนียนตอนนี้ในใจก็ซับซ้อนขึ้นมา เพราะเขาเมื่อครู่ก็เห็นหน้าของอ๋องเจวี้ยนแล้วตอนนี้สิ่งที่สมองคิดออกก็คือสภาพของฟู่จาวหนิงแม่นางที่สวยสดขนาดนั้น ถ้ายืนอยู่ข้างอ๋องเจวี้ยนแบบนี้..."เพราะว่าข้าคิดว่ามันน่าสนใจดี น่าสนใจกว่าพวกคุณชายพวกขุนนางทั่วไปเสียอีก" องค์หญิงหนานฉือกดเสียงต่ำ "เจ้าไม่เห็นหรือว่า พวกคนหนุ่มในเมืองหลวงแคว้นเจาของพวกเจ้าเหล่านี้ สิ่งแวดล้อมกับขั้นตอนการเติบโตไม่ค่อยจะแตกต่างกัน เพราะพวกเขาล้วนอยู่ในเมืองหลวง มีเรื่องอะไร งานเลี้ยงอะไร ของอะไรที่แพร่หลายได้รับความนิยม ก็ล้วนร่วมเล่นร่วมวิพากษ์วิจารณ์กันหมด""สิ่งที่พวกเขาต้องการล้วนใกล้เคียงกัน ไม่มีอะไรมากไปกว่าการมีอนาคตที่ดี เข้าวังได้ยศ สาวงามรายล้อม แต่อ๋อ