"ข้าเองก็ประมาทเกินไป"เสิ่นเสวียนถอนหายใจ อย่าว่าแต่หลิวหั่วเลยที่คิดไม่ถึง กระทั่งตัวเขาเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ไม่ใช่นั้นจะกินน้ำแกงฟักหยกขาวสองคำนั้นลงไปหรือแต่ถึงอย่างไรก็ยังดีที่ฟู่จาวหนิงอยู่เสิ่นเสวียนคิดถึงสภาพของเสินหว่าน ก็อดเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้และไม่รู้ว่าเสิ่นเชี่ยวตอนนี้มีนิสัยเป็นอย่างไรหาตัวฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวกลับมา สำหรับฟู่จาวหนิงแล้วเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันนะ?ถ้าหากพวกเขาตอนนี้ไม่อยู่ในความถูกต้อง หรือว่าบนมือเปื้อนเรื่องชั่วร้ายอะไรอยู่ล่ะ เช่นนั้นหาตัวพวกเขากลับมาจะไม่ใช่ยิ่งตกพันธนาการลงไปบนตัวฟู่จาวหนิงหรือ?เสิ่นเสวียนคิดๆ เอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น "หลังจากหาตัวฟู่หลินซื่อเจอ ให้คนของพวกเราอย่างเพิ่งเปิดเผยตัวตน ลองสังเกตดูสักสองสามวัน ดูพฤติกรรมของพวกเขา กลับมารายงานก่อนค่อยว่ากัน""ขอรับ"ฟู่จาวหนิงไปที่เรือนจิ้งชิวและคนอื่นๆ ในบ้านตระกูลเสิ่นพอได้รู้ได้ยินการเคลื่อนไหวของคืนนี้ พวกเขาจะเข้ามาสำรวจไหม แล้วจะจัดการอย่างไร นั่นเป็นเรื่องของเสิ่นเสวียนแล้วฟู่จาวหนิงแค่กำชับกับพวกไป๋หู่ ว่านางจะครองห้องไท่ไท่อาวุโสคืนนี้ ใครก็ห้ามเข้าใกล้เ
"องค์จักรพรรดิ ข้าน้อยเป็นคนจริงใจนะ"อันเหนียนคัดค้านอย่างตั้งใจมาคำหนึ่งเขาเป็นแผนการเยอะเสียที่ไหนกัน? แล้วข้ามีลิ้นเทพที่ว่านั่นที่ไหน?"ข้าน้อยเป็นขุนนางบุ๋น ไม่ใช่พวกคนวางแผน จะมากล่อมเรื่องแต่งงานได้อย่างไรกัน" อันเหนียนผายมือออกนี่เป็นสีหน้าที่แทบจะเป็นหมูตายไม่กลัวน้ำร้อนลวกอยู่แล้ว!องค์จักรพรรดิพอเห็นท่าทีนี้ก็ของขึ้น"เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อไหม? มีคนบอกกับข้ามา ว่าเจ้าน่ะ" องค์จักรพรรดิยื่นมมือมาชี้ๆ อันเหนียน เอ่ยต่อว่า "เจ้าน่ะในใจมีลูกคิดของตนเองอยู่ เจ้าอยากจะให้องค์หญิงหนานฉือหันมองเจ้า แล้วมาออกเรือนกับผู้ตรวจการอันอย่างเจ้าใช่ไหม?"อันเหนียนอยู่กับองค์หญิงหนานฉือตั้งนานสองนาน การคาดเดาเช่นนี้แน่นอนว่าต้องมีอยู่ไม่น้อยพวกเขาล้วนพูดกันว่าองค์หญิงหนานฉืออันที่จริงชอบคุณชายอยู่หลายคน แต่ทุกคนที่ชอบก็ถูกอันเหนียนปัดตกตลอด เขาจะต้องแอบพูดข้อแย่ๆ ของคนๆ นั้นกับองค์หญิงหนานฉือแน่ๆ ทำลายความคิดขององค์หญิงหนานฉือทิ้งดังนั้นตั้งนานขนาดนี้ องค์หญิงจึงยังไม่เลือกใครที่ถูกใจเสียทีความคิดของอันเหนียน ก็คือจะยกตนเองให้เจ้าหญิงพอเห็นทรัพย์สินขององค์หญิงหนานฉือ อันเหนียน
สำหรับแคว้นหนานฉือกู่ที่ส่งยาบดมาครั้งนี้ ถ้าเซียวหลันยวนบอกว่าไม่หวั่นไหวนั่นคือเรื่องโกหกขาของเขาดีขึ้นแล้ว เพียงแต่ยังแกล้งทำเพื่อตบตาคนภายนอกอยู่แต่ใบหน้าของเขายังไม่ดีมาตลอดแผลเป็นบนหน้านี้กลายเป็นอาการป่วยในจิตใจเขาแล้วช่วงนี้กลางดึกเขาชอบฝึนถึงแต่เงาของฟู่จาวหนิง เซียวหลันยวนด้านหนึ่งค่อยๆ เข้าใจจิตใจตนเองขึ้นมาแล้ว ส่วนอีกด้านก็สนใจเรื่องที่หน้าตาของพังยับของตนเองเขาไม่ออกจากบ้านมาตลอด วันวันอยู่แต่ในจวนอ๋องเจวี้ยน คนทั้งเมืองหลวงล้วนกำลังคาดเดาว่าใบหน้าของเขาพังย่อยยับไปหมดแล้วจริงไหมใบหน้าของอ๋องเจวี้ยน มาถึงระดับที่ไม่สามารถไปพบผู้คนได้แล้ว คนส่วนใหญ่ล้วนพูดกันเช่นนี้"ตรวจสอบต่อไป" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นชิงอีกังวลเล็กน้อย"ท่านอ๋อง ตรวจสอบคุณสมบัติหลักๆ ของยาบดนั่นหรือ?""ใช่""องค์หญิงหนานฉือยื้อเวลามาตั้งนานโดยไม่ยอมเลือกสามี นางคงไม่ได้อยากจะแต่งเข้าจวนอ๋องเจวี้ยนจริงๆ หรือกระมัง?"อันที่จริงพวกเขาเองก็คาดเดาไว้เช่นนี้เพราะองค์หญิงหนานฉือแอบส่งคนมานัดแล้วถึงสองรอบ แม้ว่าจะเป็นงานเลี้ยงส่วนรวมที่มีคนอื่นมาร่วมด้วย แต่องค์หญิงหนานฉือก็รู้ว่าอ๋องเจวี้ยนไม
มีใครกล้ารับองค์หญิงใหญ่เป็นภรรยาบ้าง?หรือก็คือ ต้าชื่อน่าจะมีคนไม่น้อยที่อยากจะรับ?"เรื่องนี้สำหรับต้าชื่อแล้ว ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก"เซียวหลันยวนกลอกตา "ในเมื่อเป็นเรื่องใหญ่ องค์จักรพรรดิต้าชื่อก็น่าจะแสดงท่าทีบ้างสิ?""ข้อมูลที่ต้าชื่อทางนั้นส่งเข้ามา บอกว่าตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงฤดูสารท องค์จักรพรรดิเตรียมจะเชิญทูตจากแคว้นต่างๆ มาร่วมงานเลี้ยงเทศกาลอวยพรสารทฤดู ขณะเดียวกันทุกคนก็จะได้พบกับองค์หญิงใหญ่ด้วย"เทศกาลอวยพรสารทฤดู เทศกาลสารทฤดูของต้าชื่อปกติแล้วจะจัดประมาณครึ่งเดือนเป็นเทศกาลที่ไว้อวยพรความอุดมสมบูรณ์ตลอดปี สถานที่ต่างๆ ก็มีประเพณีที่ต่างกัน แต่ในเมืองหลวงทางนั้นจะมีรายการเหมือนการชุมนุม ประชาชนกับพ่อค้าจากพื้นที่ต่างๆ สามารถนำสินค้ามาขายในเมืองหลวงได้ช่วงนี้ ดังนั้นช่วงเวลานี้เมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อจึงคึกคักเป็นพิเศษอาหารเลิศรสนานาชนิด ของใช้ของเล่นของงามตา ของแปลกของสดใหม่ต่างๆ ทำเอาคนละลานตากันเลยทีเดียวช่วงสองปีนี้ เผ่าเล็กบางส่วนรอบๆ กับคนของแคว้นเองก็จะมาสนุกกัน"ปีนี้แคว้นเจาจะส่งใครไป?"เซียวหลันยวนเพิ่งจะถามไปคำหนึ่ง ตนเองก็ส่ายหัวขึ้นมาอีก "ไม่วา
องค์จักรพรรดิพอได้ยินปัญหานี้ ในสมองก็คิดถึงองค์หญิงหนานฉือขึ้นมาทันที"ตอนนี้วิธีที่เหมาะที่สุดไวที่สุด ก็คือให้องค์หญิงหนานฉือรั้งอ๋องเจวี้ยนไว้""องค์หญิงหนานฉือไม่ได้แสดงควาคิดที่อยากจะแต่งเข้าจวนอ๋องเจวี้ยนเลยนี่นา"นี่ทำให้พวกเขาคลั่งขึ้นมา และไม่รู้ว่าองค์หญิงหนานฉือคนนี้จะวุ่นวายไปถึงตอนไหน จะเลือกสามีเป็นคนแบบไหนกันแน่"องค์จักรพรรดิ ไม่เช่นนั้นเอาอย่างนี้" มีคนเสนอความคิดกับองค์จักรพรรดิ "ลองถามองค์หญิงหนานฉือดูว่าอยากไปเที่ยวที่ต้าชื่อไหม? ถ้าหากนางอยากจะไป ก็ให้อ๋องเจวี้ยนพานางไปสิ"องค์จักรพรรดิตกตะลึงใช้ความคิดนี้ได้ด้วยหรือ?"องค์จักรพรรดิท่านลองคิดดู แคว้นเจาจนถึงต้าชื่อระยะทางห่างไกลมาก อ๋องเจวี้ยนกับองค์หญิงหนานฉืออยู่ด้วยกันตลอดทาง ไม่ใช่ว่าจะเกิดความผูกพันขึ้นมาได้ง่ายหรอกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนเองก็ไม่ใช่ว่าไปต้าชื่อหรือ? ถ้าเห็นอ๋องเจวี้ยนกับองค์หญิงหนานฉือไปด้วยกัน เช่นนั่นมันจะไม่..."ขุนนางแอบหัวเราะอย่างชั่วร้าย นิ้วมือก็ทำท่าทางแยกออกจากกันคนข้างๆ เองก็เข้าใจขึ้นมาแล้ว ทยอยกันหัวเราะพวกเขาพูดถึงภาพฉากออกงานของอ๋องเจวี้ยนกับพระชายา
องค์จักรพรรดิโพล่งออกมา แต่ก็สังเกตได้ทันทีว่าตนเองไม่ควรพูดประโยคนี้ คำพูดนี้ตรงเกินไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขากำลังเดาว่าอ๋องเจวี้ยนจะมาแย่งชิงบัลลังก์อยู่ตลอดเวลาอย่างนั้นถ้าลือกันออกไป เขาคงได้ถูกประณามแน่ยังดีว่าตอนนี้ทั้งหมดเป็นคนสนิทของเขา พวกเขาเองก็รู้ว่าคำพูดเหล่านี้ห้ามลือออกไปเด็ดขาด กระทั่งแต่ละคนยังทำเป็นเหมือนองค์จักรพรรดิไม่ได้พูดเสียด้วยซ้ำ"อันที่จริงพวกเราเองก็ทำเพื่อช่วยอ๋องเจวี้ยน ถ้าเขาเอาแต่ซ่อน แล้วจะดึงหมอเทวดาที่เร้นตัวจากโลกได้อย่างไรกัน? ถ้ามีคนเห็นหน้าเขา แล้วลือกันออกไป ก็จะมีโอกาสให้หมอเทวดาที่จะมารักษาเขาได้ยิน ไม่แน่หมอเทวดาอาจจะเข้ามาก็ได้"นี่ต้องหน้าด้านไร้ยางอายแค่ไหน ถึงจะพูดคำพูดแบบนี้ออกมาได้แต่องค์จักรพรรดิพอได้ยินก็พยักหน้า "อ้ายชิงพูดถูก เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ส่งให้พวกเจ้าแล้ว ไปคิดหาวิธีมา ลองดูว่าจะทำอย่างไรให้อ๋องเจวี้ยนเปิดเผยใบหน้าแท้จริงของตนเองต่อสาธารณชน!"องค์หญิงหนานฉือเองก็อยากเห็นใบหน้าแท้จริงของอ๋องเจวี้ยนเหมือนกัน"ส่งคนไปหาข่าวเรื่องของหมอผีแล้วหรือยัง?" องค์หญิงหนานฉืออยู่ในวัง มองอันเหนียนที่กำลังเสวนากับเหล่าคุณชายในสวนดอก
"ข้าครั้งนี้จะพาอายวนไปด้วยกัน ข้ากลัว ขอให้องครักษ์เงามังกรคุ้มกันไปส่งหน่อย ไม่น่ามีปัญหาไหม?"ไทเฮาตอนที่บอกกับองค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดิแม้จะรู้สึกไม่เหมาะสม แต่ก็ไม่มีคำพูดจะไปค้านนี่เป็นเสด็จแม่ของเขาเลยนะนี่ก็ตกอกตกใจจนหวาดกลัวขึ้นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังคิดจะไปไหวพระกินมังสวิรัติให้สงบสุขสักระยะหนึ่ง ถ้าเขาไม่เห็นด้วย ความอกตัญญูคงได้ทับเขาจนตายแน่ไทเฮาจะใช้องครักษ์เงามังกร จะบอกห้ามใช้ก็ไม่ได้"เสด็จแม่ ถ้าท่านอยากจะไปก็ไม่มีปัญหา แต่ทำไมต้องไปวัดพันพุทธที่ไกลขนาดนั้นด้วย? วัดคุ้มครองแคว้นที่อยู่ใกล้ๆ เมืองหลวงไม่ดีหรือ?"องค์จักรพรรดิยังคิดจะเตือนไทเฮาว่าอย่าไปไกลนักเลยวัดพันพุทธอยู่ค่อนข้างไกล ไปกลับรอบหนึ่งก็กว่าครึ่งเดือนแล้ว นี่ถ้ามีเรื่องอะไรก็คงจะไม่ทันการเอา"ข้าไม่เหมาะกับวัดคุ้มครองแคว้นมาโดยตลอด เรื่องนี้เจ้าเองก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้"สีหน้าของไทเฮาขรึมลงมาแล้วองค์จักรพรรดิก็เพิ่งคิดออก ตอนนั้นเสื้อผ้าของเสด็จแม่เซียวหลันยวนก็ถูกส่งมาที่วัดคุ้มครองแคว้น ดังนั้นไทเฮาจึงไม่ค่อยชอบไปที่วัดคุ้มครองแคว้น นี่ก็ดูสอดคล้องกับนิสัยไทเฮาอยู่"แล้วก็ บทสวดที่เจ้าอาวา
โอกาสเพียงไม่นานก็มาถึงคืนนี้มีหิมะตกห่าใหญ่ วันถัดมาช่วงเช้า ทั่วทั้งเมืองหลวงถูกหิมะขาวปกคลุม ขาวโพลนไปทั้งผืนด้านนอกประตูทางเหนือมีประชาชนกลุ่มใหญ่ทะลักกันเข้ามาพวกเขาล้วนมาจากเมืองเล็กห่างออกไปสิบกว่าลี้"เมืองเล็กของพวกเราอยู่ในภูเขา ในภูเขาหลายวันก่อนก็เริ่มมีหิมะตกแล้ว ปีนี้หนาวเย็นเป็นพิเศษ ทำเอาไร่นากับผักสดที่พวกเราปลูกไว้หนาวตายหมด หลายวันก่อนหิมะตกหนักมาก จนหิมะทับบ้านเรือนไปหลายหลัง พวกเราเองก็ไม่กล้าอยู่ที่นั่น""ถูกต้อง รีบหนีภัยพิบัติออกมาก่อน รอฤดูใบไม้ผลิแล้วค่อยกลับไป พวกเราไม่ใช่ผู้ประสบภัยนะ ปล่อยพวกเราเข้าไปเถอะ"เมืองเล็กในภูเขานั่น คนในเมืองหลวงก็รู้จักกันเพราะตอนที่ฤดูใบไม้ผลิทิวทัศน์ในภูเขานั้นสวยงามเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงมีคนไม่น้อยที่ไปพักค้างแรมที่นั่นกันวันสองวันเพื่อชมทิวทัศน์ ล่องเรืออะไรแบบนั้นยิ่งไปกว่านั้นเมืองเล็กนั่นก็ชื่อว่าเมืองงามตระการเมืองงามตระการ ยังเป็นบ้านเกิดแต่เดิมของตระกูลหลินด้วยเซี่ยซื่อออกไปซื้อซาลาเปาตอนเช้า และเห็นกับความอึกทึกนี้พอดี เห็นคนจากเมืองงามตระการเข้าเมืองมาแล้วเขาตอนนี้ไม่ใช่ฮูหยินรองตระกูลหลินอีกแล้ว ต่อ