นางพยักหน้าให้เสิ่นเสวียน "ไม่เป็นไร น่าจะแค่ยังตั้งตัวกลับมาไม่ทันแค่นั้น ปัญหาไม่ใหญ่ ตอนนี้ยังไม่ตื่นขึ้นดี ข้าคิดว่านางเพิ่งจะฝัน"ฝันเห็นเสิ่นเชี่ยวเสียแล้วยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นฝันที่เสิ่นเชี่ยวกลับมาแล้วเสียด้วย ดังนั้นตอนนี้ไท่ไท่อาวุโสจึงยังแยกความฝันกับความจริงไม่ออก"ผ่านไปไม่กี่วันก็คงจะดีขึ้น"เสิ่นเสวียนถอนหายใจ "เช่นนั้นก็ดี ไม่เช่นนั้นท่านผู้เฒ่าถึงเวลายังต้องมาปลอบนางอีก ร่างกายของเขาเองก็ยังไม่ค่อยสบายนัก"เกรงว่าจะปลอบไม่ไหวน่ะสิท่านผู้เฒ่าก่อนหน้านี้ถูกเขาบีบให้ไปพัก ปากบอกไม่เอาๆ ไม่ง่วงๆ ผลคือพอล้มตัวลงบนเตียง ก็หลับลึกไปทันทีเห็นๆ อยู่ว่าเหนื่อยจนไม่ไหวแล้ว ช่วงนี้วันวันเอาแต่คอยเฝ้าไท่ไท่อาวุโสเสิ่นเสวียนให้คนใช้ไปยกน้ำแกงข้าวเข้ามา ฟู่จาวหนิงป้อนไท่ไท่อาวุโสด้วยตนเองน้ำแกงข้าวเติมน้ำแกงไก่ไปชามหนึ่งถูกปลอบไปด้วยหลอกป้อนไปด้วย ไท่ไท่อาวุโสเองจึงหลับไปอีกครั้งครั้งนี้คือหลับไปจริงๆฟู่จาวหนิงฝังเข็มให้นางอีกหลายเข็ม แล้วยังฝังเข็มลดอาการปวดหัวของเขาลงอีกหลายเข็มด้วย"ไป ไปกินข้าวเถอะ เดิมทีข้าคิดจะให้นอนอีกสักหน่อย ถึงตอนค่ำแล้วค่อยเรียกเจ้า แต่ค
อวี๋อวี่เวยวุ่นอยู่ในครัวมาหนึ่งชั่วยามเสินหว่านพอรู้ว่านางคิดจะขอโทษฟู่จาวหนิงก็เลยเข้ามาช่วยรอจนอาหารวางขึ้นโต๊ะหมดแล้ว เสินหว่านก็มองกับข้าวทั้งโต๊ะนั้นอย่างประหลาดใจ "นี่มันอาหารที่ลุงของเจ้าชอบทั้งนั้นเลยไม่ใช่หรือ?"เสิ่นเสวียนเรื่องมากเรื่องรสชาติอยู่ คนในบ้านล้วนรู้กัน นางชิมไปชิมมาก็มีแต่รสชาติเหล่านั้นตอนนี้ที่วางอยู่บนโต๊ะล้วนสอดคล้องกับรสชาติที่เขาชอบทั้งสิ้น"ใช่เลย ถ้าข้าเชิญแต่ฟู่จาวหนิง นางก็น่าจะไม่ยอมมากระมัง? เช่นนั้นก็เชิญท่านลุงมาด้วยดีไหม?""แล้วกับข้าวพวกนี้ล่ะ?""ฟู่จาวหนิงในเมื่อมีความสัมพันธ์ดีกับท่านลุง ไม่แน่ว่ารสชาติก็น่าจะคล้ายคลึงกัน ข้าเองก็ไม่รู้จักนางไม่เข้าใจนาง ใครจะไปรู้ว่านางชอบกินอะไร?"อวี๋อวี่เวยค้านขึ้นมา "ดังนั้นเอารสชาติของท่านลุงมาตั้งต้นไม่ใช่ว่าดีที่สุดหรือ? ไม่แน่นางอาจจะชอบกินด้วยก็ได้""ข้าค้านเจ้าไม่ได้ เจ้าพูดมาก็ดูมีเหตุผล" เสินหว่านเองก็คัดค้านไม่ได้"ให้คนไปเชิญแม่นางฟู่แล้วหรือ?""ไปแล้ว"อวี๋อวี่เวยตอนที่กำลังรอตนเองจะกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งตัวสักหน่อย ถูกควันรมจนกลิ่นติดตัวไปหมดแล้วตอนออกมาพอเสินหว่านเห็น
"พ่อครัวเลื่องชื่อ? ผู้อาวุโสตู้หรือ?""ผู้อาวุโสตู้? ท่านลุงเชิญเขามาได้หรือ?"อวี๋อวี่เวยริษยาขึ้นมาแล้ว ไฟริษยาแทบจะเผานางจนแดดิ้นตอนนั้นที่นางอายุสิบห้า เดิมทีก็ได้ยินคนอื่นยุยงมา และอยากจะเชิญพ่อครัวเลื่องชื่อคนนั้นมาทำอาหารจัดงานให้นาง เช่นนั้นนางคงได้ชื่อกระฉ่อนต้าชื่อแล้ว เหล่าแม่นางทั้งหมดคงได้อิจฉานางแน่แต่นางเพิ่งพูดกับเสิ่นเสวียนแค่ครึ่งประโยค เสิ่นเสวียนก็ตัดบทนางมาเรียบๆ เสียแล้ว บอกมาคำหนึ่ง ว่าตระกูลเสิ่นไม่ควรจะสร้างชื่อเสียง วันนั้นให้พ่อครัวทำอาหารให้สักสองอย่างก็พอแล้วผลลัพธ์ล่ะ?อวี๋อวี่เวยร้องเรียกเสี่ยวซิ่ง "ยกน้ำแกงฟักหยกขาวนี่ตามข้ามไปที่ศาลาเหมย!"ส่วนตัวนางก็วิ่งกระฟัดกระเฟียดตรงออกไปแล้วสาวใช้เสี่ยวซิ่งรีบยกชามใหญ่นั่นขึ้นมา แล้วตามไปเสินหว่านตกตะลึง "เสี่ยวเวย เจ้ากลับมาก่อน อย่าไปอาละวาด"ที่นี่บ้านตระกูลเสิ่นนะ ไม่ใช่บ้านตระกูลอวี๋เสียหน่อย อวี๋อวี่เวยไม่มีสิทธิ์เสียงพูดอะไรในบ้านตระกูลอวี๋ ในตระกูลเสิ่นยิ่งไม่ต้องคิดจะอาละวาดเลย นางไม่ใช่คนสกุลเสิ่นนะ!นางเองก็รีบตามเข้าไป กลัวว่าอวี๋อวี่เวยจะทำเรื่องเป็นเรื่องใหญ่ตอนที่อวี๋อวี่เวยไปถึง
คนที่ผู้อาวุโสตู้หา คือผู้เฒ่าฟู่ปู่ของฟู่จาวหนิง!"เขาเป็นพี่ชายของข้า ลูกพี่ลูกน้อง"ผู้อาวุโสตู้เองก็ไม่ได้ปิดบังอะไร พูดออกมากับพวกเขาอย่างชัดเจน"ตอนนั้นแม่ของข้าแต่งเข้าตระกูลตู้ บ้านตระกูลตู้เดิมทีเป็นตระกูลมั่งคั่งตระกูลหนึ่งที่อยู่ในเมืองชายแดนติดกับแคว้นเจาและต้าชื่อ แต่ต่อมาที่นั่นเจอกับภัยพิบัติ คนทั้งหมดล้วนหนีกันไป คนตระกูลตู้จึงเลือกมาเป็นดองญาติกับต้าชื่อ""เหล่าผู้อาวุโสตระกูลตู้ระหว่างที่หนีภัยตอนนั้นก็ทนกันไม่ไหว ทยอยกันจากไป คนหนุ่มสาวที่เหลืออยู่ไม่กี่คน พอบวกกับพวกหญิงสาว ก็เกรงว่าจะยืนอยู่ในต้าชื่อได้ไม่มั่นคง ลุงของข้าจึง.ยืนกรานที่จะรับพ่อข้าเข้าไปอยู่กับญาติของเขาที่เมืองต้าชื่อ ข้าจึงกลายเป็นคนต้าชื่อไป"ผู้อาวุโสตู้มองฟู่จาวหนิง รู้สึกว่าสนิทชิดเชื้อกันเสียเหลือเกิน"แต่พูดขึ้นมาข้าเองก็ถือว่ามีสายเลือดแคว้นเจาอยู่ไหม? ทว่าคนตระกูลตู้ทางนี้ก็ดีกับพวกเราอย่างมาก ดังนั้นจะเป็นแคว้นเจาหรือว่าต้าชื่อ ข้าก็ไม่สนใจหรอก ตอนนั้นแม่ของข้ากลัวว่าคนของบ้านตระกูลตู้จะสงสัยว่าพวกเขามีใจคิดออกห่าง จึงไม่กล้าเอ่ยถึงญาติที่แคว้นเจา""แคว้นเจาทางนั้นเองก็ไม่มีคนมาหา น
"ใช่ๆๆ ถูกต้อง"ผู้อาวุโสตู้ตบลงที่มือ พิจารณาตัวฟู่จาวหนิง "ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้สึก พอพูดขึ้นมา รูปร่างของเจ้าก็ดูคล้ายกับแม่ของข้ากับน้าของข้าเหมือนกัน แม่ของข้าเองก็รูปร่างสูงโปร่ง นางบอกว่าพี่น้องนางก็เป็นเช่นนี้ เพราะเนื้องจากร่างกายอรชนอ้อนแอ้นเป็นพิเศษ ตอนนั้นก็มีชื่อเสียงไปไกลอยู่"ฟู่จาวหนิงดูสูงกว่าหญิงสาวคนอื่นอยู่บ้าง น่าจะเพราะยีนของทางยายกระมัง แต่ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่ามันใช่ทั้งหมด คนตระกูลฟู่เองก็สูงมากด้วย"ข้าไม่เคยเห็นท่านย่าเลย""นางตอนนี้ไม่อยู่แล้วกระมัง?""ใช่แล้ว""แล้วปู่ของเจ้าล่ะ?" ตอนที่ผู้อาวุโสตู้ถามขึ้นมายังรู้สึกตุ้มต่อม อายุมากแล้วอยากจะหาญาติสักคน ก็ดูจะสายเกินไปหน่อย คนคงไม่อยู่บนโลกกันแล้ว"ผู้เฒ่าฟู่เดิมทีป่วยหนักมาก เป็นจาวหนิงที่วิชาแพทย์สำเร็จแล้วไปรักษาเขาจนดีขึ้นมา ตอนนี้ร่างกายแม้จะดูธรรมดาๆ แต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว"ครั้งนี้เสิ่นเสวียนเป็นคนตอบแทนฟู่จาวหนิง ดึงฟู่จาวหนิงกลับไปอยู่บนด้านวิชาแพทย์ด้วยเลยผลลัพธ์คือ ความสนใจของผู้อาวุโสตู้จึงไปอยู่บนวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงแล้ว"ก่อนหน้านี้คุณชายเสิ่นร่างกายก็ไม่ค่อยดี ต้นปีที่แล้วเขาบอกว่าอยากกินขน
ฟู่จาวหนิงตอนที่ได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งกระชั้นเข้ามาก็สัมผัสได้แล้วว่าไม่ถูกต้องและตอนที่เห็นคนรีบพุ่งตรงเข้ามาก็ร้องเรียกขึ้น "ไป๋หู่ประคองผู้อาวุโสตู้!""ขอรับ!"ไป๋หู่แฉลบผ่านออกไป และเข้าประคองผู้อาวุโสตู้ที่ถูกชนไว้ได้ทันท่วงที พาเขาออกไปข้างๆถ้าผู้อาวุโสตู้ที่อายุขนาดนี้ถูกชนจนล้มลงไปบนพื้น ไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องไหม คนแก่ไม่ควรต้องล้มบ่อยแต่อวี๋อวี่เวย หลังจากกระแทกคนก็ถอยไปสองก้าว ยืนนิ่งลงมาได้อย่างหวุดหวิดไฟโกรธของนางพุ่งขึ้นหัวในพริบตา ขณะเตรียมจะด่าคน ในสมองก็มีคำพูดของฟู่จาวหนิงดังเข้ามา หยุดเอาไว้อย่างหวุดหวิดนี่คือผู้อาวุโสตู้?ผู้อาวุโสตู้เป็นคนที่กระทั่งเหล่าคนชั้นสูงเชิญไปทำอาหารให้ก็ยังกล้าปฏิเสธเลยนางข่มอารมณ์โกรธไว้ มองไปทางผู้อาวุโสตู้ "ผู้อาวุโสตู้ ท่านเป็นอะไรไหม?"ผู้อาวุโสตู้เหลือบมองนางผาดหนึ่ง ร้องเชอะขึ้น"จะวิ่งเร็วขนาดนี้เพื่ออะไรกัน? ข้าไม่มีเวลาว่างมาเสวนากับเจ้าหรอกนะ"แม่นางคนนี้วิ่งเข้ามาในสวนเหมยไม่มองคนเลย เขาเองก็อายุมากปฏิกิริยาก็เชื่องช้า พอเห็นคนก็เบี่ยงหลบไม่ทัน แต่เขาก็ช้าลงให้แล้ว แม่นางคนนี้เองก็มองเห็นเขาอยู่แต่ก็ยังพุ่งชนเข้
ฟู่จาวหนิงเหลือบตามองน้ำแกงฟักหยกขาวนี่ก็ไม่รู้ว่าใช้ฟักอะไรทำ น่าจะไม่มีในแคว้นเจา มองจากสีเป็นเขียวอ่อนๆ กับสีขาว ด้านในยังมีเนื้อแตงที่เหมือนกับไข่มุกหยกขาวอีกด้วย มองแล้วก็ดูน่ากินอยู่นี่คือสิ่งที่เสิ่นเสวียนชอบกินหรือ?เสิ่นเสวียนเมื่อครู่กินไปไม่เยอะนัก น่าจะเพราะต้องคอยดูแลปากท้องของนาง ดังนั้นกับข้าวทั้งโต๊ะจึงเป็นสิ่งที่นางชอบ เสิ่นเสวียนกินรสอ่อนกว่าคนปกติทั่วไปมาก พวกนี้สำหรับเขาแล้วถือว่ารสหนักอยู่ ดังนั้นเขาน่าจะกินอิ่มไปแค่ครึ่งเดียวฟู่จาวหนิงรู้สึกว่า ตอนนี้อวี๋อวี่เวยตักใส่ชามยกมาตรงหน้าเขาแล้ว จะอย่างไรเขาคงต้องชิมสักคำสองคำนั่นล่ะแต่คิดไม่ถึงว่าเสิ่นเสวียนจะไม่ขยับตัว"วางไว้ก่อน"พูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืน เตรียมจะเรียกฟู่จาวหนิงกลับมาอวี๋อวี่เวยร้อนรนขึ้น "ท่านลุง ข้าต้องถูกมันลวกเพื่อท่านเลยนะ ท่านดูสิ" นางยื่นมือ ให้เสิ่นเสวียนเห็นรอยแดงบนมือขวานางถูกลวกมาจริงๆ"ท่านลุง ท่านลองชิมสักหน่อยเถอะ" อวี๋อวี่เวยมองเขาอย่างน่าสงสาร "ท่านช่วยนี้เอาแต่ดูแลท่านยาย ข้าเห็นท่านผอมซูบลงไปทุกวัน เลยอยากจะทำอะไรให้ท่านบ้าง"เสี่ยวซิ่งเอ่ยแทนนางขึ้นมา "่นายท่าน ฟักหยกขา
เสิ่นเสวียนมองไปทางอวี๋อวี่เวย"นี่คือสิ่งที่เจ้าพูดไว้หรือ ที่บอกว่าจะมาขอโทษจาวหนิง?"สุนัขยังไม่เชื่อเลยอวี๋อวี่เวยเองก็รู้ว่าตนเองตื่นเต้นเกินไปหน่อย แต่นางไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้มาก่อน คุณภาพด้านจิตวิทยาไม่ดีเอาเลยจริงๆ แค่แปปเดียวก็ลนลานเสียแล้ว"ข้า ข้า ท่านลุงข้าขอโทษ" นางก้มหน้าลง กัดริมฝีปากล่าง"มาบอกขอโทษข้าทำไม?" เสียงของเสิ่นเสวียนเย็นชาลงไปอีก"คุณหนูฟู่ ข้าขอโทษ เจ้าให้อภัยข้าเถิด" อวี๋อวี่เวยหันไปทางฟู่จาวหนิงตอนนี้นางไม่กล้าหาเรื่องแล้ว รีบให้ฟู่จาวหนิงไปดีกว่าอวี๋อวี่เวยเงยหน้า น้ำตาแทบจะร่วงลงมาแล้ว "ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าจะอยู่กับเจ้าอย่างไร และไม่รู้ด้วยว่าจะเผชิญหน้ากับเจ้าอย่างไร ข้า ข้าให้ท่านแม่มาพูดกับเจ้าดีไหม?"นางรีบหันหน้าไปมองเสินหว่านอย่างอ้อนวอน "ท่านแม่"เสินหว่านคิดถึงเรื่องที่นางบอกกับตนเองก่อนหน้านี้ จึงเดินเข้ามาอวี๋อวี่เวยเมื่อครู่ท่าทางเมื่อครู่สาก็ไม่เหมือนขอโทษฟู่จาวหนิงเลยหญิงสาวคนนี้เลี้ยงดูมาโดยตระกูลเสิ่น แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นลูกของตนเอง เสินหว่านตอนนี้จึงอยากจะพูดแทนนางเสียหน่อย"คุณหนูฟู่ ข้ามีเรื่องอยากจะพูดกับท่านหน่อย ท่า
ฟู่จิ้นเชินอันที่จริงก็เตรียมใจไว้แล้วตอนนั้นพวกเขาออกจากเมืองไปแบบนั้น หลายๆ เรื่องยังคงอยู่ ทั้งที่เกี่ยวกับราชวงศ์ท่านอ๋อง ทั้งที่เกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิ และไม่มีทางที่จะลืมเลือนจากเวลาที่ไหลผ่านไปกระทั่งองค์จักรพรรดิก็ไม่แน่ว่าจะลืมพวกเขาถ้าหากไม่ใช่เพราะลูสาวของพวกเขาจับพลัดจับผลู พบบุพเพมหัศจรรย์จนไปแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยน ตอนนี้พวกเขายังไม่ทันเข้าเมืองหลวงก็คงถูกคนของอ๋องเจวี้ยนจับไปแล้วสิ่งที่รอพวกเขาก็คือการจำคุกและการไต่สวนหรือบางที คนที่รู้เรื่องเบื้องหลังในตอนนั้น หรือคนที่สงสัยว่าพวกเขาไปรู้ความลับอะไรเข้า ตอนนี้อาจจะเปิดเผยตัวกันออกมาถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางเป็นแบบตอนนี้ ที่ยังเข้าเมืองมาได้อย่างปลอดภัย กลับมาที่บ้านกระทั่งว่า บ้านตระกูลฟู่เองก็อาจจะไม่อยู่แล้วด้วย บ้านหลังนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะยังอยู่ที่นี่เพื่อรอพวกเขากลับบ้านกลับบ้าน ใช่แล้ว พวกเขาในที่สุดก็กลับมาบ้านแล้วและทั้งหมดนี้ เป็นเพราะจาวหนิงเป็นจาวหนิงที่ให้พวกเขากลับมาบ้านได้ฟู่จิ้นเชินเข้าใจจุดนี้ได้ดียิ่งกว่าใครรอจนอารมณ์ของทุกคนนิ่งลงมาแล้ว เขาจึงถามถึงผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวหนิ
ฟู่จาวหนิง! พระชายาอ๋องเจวี้ยน! พวกเขาล้วนได้ยินเรื่องของนางมาไม่น้อย นั่นไม่ใช่คนที่ไปยั่วยุได้เลยนะ นางกระทั่งองค์จักรพรรดิก็ยังกล้าไปต่อปากต่อคำด้วย พวกเขาในสายตาฟู่จาวหนิงไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น!ถ้าถูกจับจ้องไว้ล่ะก็ พวกเขาหลังจากนี้ได้เดือดร้อนแน่!คนเหล่านี้ล้วนขวัญเสียกันหมดแล้วคนที่ให้พวกเขาเข้ามาเอะอะบอกไว้ว่า ถ้าเอาคนมาเยอะๆ แล้วบวกกับเรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเข้าไป ฟู่จิ้นเชินจะต้องนึกพวกเจ้าไม่ออก จำพวกเจ้าไม่ได้แน่ขอแค่เอาคนมามากพอ สถานการณ์วุ่นวายพอ แค่พวกเขาสร้างความวุ่นวายแล้วหนีไป ตระกูลฟู่ก็จับมือใครดมไม่ได้หรอกแต่ใครจะคิดว่าฟู่จิ้นเชินจะมาไม้นี้?"ฟู่ สหายฟู่ ไม่ต้องจดหรอก พวกเราก็แค่เจอพวกเจ้าบนถนนเท่านั้น...""ใช่ๆๆ ไม่มีใครมาแจ้งพวกเรา""พวกเรามีที่มาแหล่งข่าวเสียที่ไหน เข้าใจผิดแล้ว..."พวกเขาคิดจะถอย ถ้าหากไปถึงฟู่จาวหนิงคงวุ่นวายไม่จบไม่สิ้นแน่"ในเมื่อมากันแล้ว เช่นนั้นก็มาคุยเรื่องเก่ากันก่อนเถิด อย่าเพิ่งรีบไปกัน" ฟู่จิ้นเชินเอ่ยขึ้นอย่างสงบ "พวกเจ้าไม่ใช่มาหาสหายเก่าอย่างข้าหรอกหรือ?""เจ้ากับฮูหยินเพิ่งกลับมา น่าจะเหนื่อยกันแล้ว พวกเราเอาไว้ค่อ
พวกของเซี่ยซื่อยังไม่ทันได้พูดเรื่องอ๋องเจวี้ยน ด้านนอกก็มีคนออกแรงตบประตูบ้านตระกูลฟู่ขึ้นเสียงดังเฉินซานออกไปเปิดประตู คนกลุ่มหนึ่งก็ทะลักเข้ามาคนเหล่านี้ เฉินซานคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ ก่อนหน้านี้ตอนที่เขายังเป็นนักเลงหัวไม้อยู่ในเมืองหลวง จริงๆ ก็ให้ความสนใจกับพวกพ่อค้าขุนนางระดับล่างเหล่านี้อยู่คนเหล่านี้ล้วนอายุราวสามสี่สิบปี อายุประมาณฟู่จิ้นเชิน"คุณชายใหญ่ฟู่!""เร็ว ได้ยินว่าอัจฉริยะใหญ่ฟู่กลับมาแล้วหรือ?""คุณชายฟู่กลับมาแล้วจริงหรือ?"คนกลุ่มหนึ่งทะลักเข้ามา ล้วนมองอย่างตื่นเต้นมาที่ฟู่จิ้นเชินขณะที่ยังตกใจกับความหล่อเหลาราววัยหนุ่มของฟู่จิ้นเชิน กับความสวยสะพรั่งของเสิ่นเชี่ยว พวกเขาลืมเป้าหมายที่มายังบ้านตระกูลฟู่นี้แล้วพวกเขาแย่งกันพูดขึ้นมา"สหายฟู่ ให้ตายเถอะ เจ้ายังไม่ตายจริงๆ!""คุณชายฟุ่ ยังจำข้าได้ไหม? ข้าต่งฮั่น ตอนนั้นที่เคยสนุกด้วยกันกับเจ้าที่โรงน้ำชา!""จิ้นเชิน ข้าเหอจาวหลิน พวกเราตอนนั้นเกือบจะได้เป็นศิษย์ของอาจารย์คนเดียวกันแล้ว!""อัจฉริยะใหญ่ฟู่ ตอนนั้นพวกเราเดิมพันงานเขียนกันหลายครั้ง พอเจ้าหายตัวไปสิบแปดปีข้าก็คิดถึงเจ้าตลอดเลย เจ้ากลับมาได
ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายยังดูยังสับสนอยู่ ยังไม่มีใจจะไปคิดเล็กคิดน้อยนัก"นี่คือลูกสาวของข้าอันห่าว นางตอนนี้ใช้สกุลเซี่ยเหมือนข้า" เซี่ยซื่อปาดน้ำตาเอ่ยขึ้นเสิ่นเชี่ยวประคองเซี่ยอันห่าวลุกขึ้นดูแล้วเซี่ยซื่อน่าจะมีเรื่องบางอย่างกับตระกูลหลิน ยิ่งไปกว่านั้นในนี้จะต้องเป็นฝีมือของจาวหนิงแน่"ต้องขอบคุณจาวหนิง นางเก็บแม่ลูกอย่างพวกเรามา ไม่เช่นนั้นพวกเราคงไม่รอดกันแล้ว" เซี่ยซื่อเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตา ได้สติขึ้นอีกครั้ง "รีบเข้าห้องเร็ว หิมะตกแล้ว ด้านนอกหนาวมาก"คนที่เหมือนแมลงกาฝากในตระกูลฟู่พวกนั้นก็ถูกฟู่จาวหนิงกวาดออกไปแล้ว เรื่องนี้สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินรู้แล้วพวกเขาเข้ามาในโถงใหญ่ ลุงจงป้าจงกับหู่จือล้วนได้ยินการเคลื่อนไหว ทั้งหมดจึงวิ่งเข้ามา"คุณชาย คุณชายใหญ่กับฮูหยินน้อยกลับมาแล้วหรือ?""คุณชาย!"ป้าจงกับลุงจงวิ่งเข้ามาก่อน พอเห็นฟู่จิ้นเชินชัดๆ พวกเขาก็น้ำตาไหลอาบทันที ทิ้งตัวลงคุกเข่า"คุณชาย ฮูหยินน้อย พวกท่านกลับมาได้เสียที พวกท่านยังมีชีวิตอยู่ ข้าน้อยรู้อยู่แล้ว ว่าพวกท่านจะต้องมีโชคที่ดีแน่นอน..."พวกเขาล้วนร้องไห้กันออกมาตอนนั้นที่พวกเขาออกไป หู่จือยังเป็นเด็กน้อยอย
แม้จะผ่านไปเกือบสิบแปดปีแล้ว แต่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวก็ยังเป็นคนที่กาลเวลารักใคร่อยู่พวกเขาแม้จะอายุมากแล้ว หน้าตาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง แต่พอเทียบกับสมัยก่อนแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เยอะมากมองหลายๆ ครั้งก็มองออกได้คนที่เซียวเหยียนจิ่งเตรียมไว้ยังมองออก ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยซื่อเลยเซี่ยซื่อเคยเป็นครอบครัวของพวกเขาด้วยนะหลังจากนางจำได้แล้วยังสงสัยว่าตาตนเองฝาดไปหรือไม่ ยังสงสัยว่าตนเองคงตาลาย ดังนั้นเลยนวดตาทันที จากนั้นจึงมองพวกเขาอย่างละเอียดอีกครั้งไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นสองคนนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็จำเซี่ยซื่อได้ แม้ว่านางจะรู้ตัวตนฐานะของตนเองแล้ว แต่ยังคงโพล่งออกมาว่า "พี่สะใภ้รอง!"เซี่ยซื่อคือภรรยาของผู้เฒ่ารองตระกูลหลินและเป็นคนเดียวในตระกูลหลินที่อ่อนโยนเป็นห่วงเสิ่นเชี่ยว ดังนั้นเสิ่นเชี่ยวพอเห็นนาง ดวงตาจึงแดงรื้นขึ้นมาคำว่าพี่สะใภ้รอง ก็ทำเอาเซี่ยซื่อใจสั่นระริกเช่นกันรีบวางตะกร้าที่หิ้วไว้ลงมา เดินตรงไปหานาง"ให้ตายเถอะ อา อาเล็กหรือ?"ไม่ ไม่ใช่อาเล็กชองนางแล้วสิ เซี่ยซื่อยืนอยู่หน้าเสิ่นเชี่ยว ถลึงตาโตอ้าปากค้าง"พี่สะใภ้รอง ข้าข้าเจอครอบครัวของข้าแ
ฟู่จาวหนิงสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย "ดูท่า น่าจะมีคนไม่น้อยที่ยังไม่ลืมพวกเขา คอยจับตาดูจนถึงทุกวันนี้""ข้าเตรียมการเสร็จแล้ว รอบบ้านตระกูลฟู่วางองครักษ์ลับเอาไว้แล้ว วางใจเถอะ" เซียวหลันยวนพานางเข้ามา สองมือโอบข้างเอวนาง จ้องมองนาง "องค์จักรพรรดิน่าจะลงมือกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพ่อลูกชินอ๋องเซียวยังคอยจับตาดูพวกเขาขนาดนี้ มันดูแปลกไปหน่อย""ตรวจสอบดูก็รู้ พวกเขาถ้าหากมีความคิดอะไร มีแผนอะไร มีเป้าหมายอะไร เดี๋ยวก็ได้รู้เอง"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ใส่ใจนักเซียวหลันยวนพยักหน้าสายตาเขามองออกไปไกลๆ ถัดจากนี้ต้องดูว่าสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินจะรับมืออย่างไร เมืองหลวงยังมีคนที่มีเป้าหมายต่างๆ อยู่ และยังมีขั้วอำนาจที่ใช้วิธีการต่างๆ อยู่อีกด้วยเขาถึงแม้จะเชื่อว่าครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่วางยาพิษ แต่ว่าพวกเขาตอนนั้นถูกใครบางคนหรือเรื่องบางอย่างหนีบเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีทางดึงตัวออกมาอย่างหมดจดได้ พวกเขาเองก็เป็นคนในเหตุการณ์ตอนนี้พอมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับเขา เซียวหลันยวนก็ยังพิจารณานาว่าพวกเขาจะแบกรับไหวไหม หลังจากนี้จะไม่ถ่วงแข้งขาฟู่จาวหนิงได้จริงไหม จะไม่ทำร้ายนางจริงไหมเซียวหลันยวนไม่ได้
"หนิงหนิง มีเรื่องอะไรถึงคุยกันนานสองนาน?"ในห้องขังมีเสียงเซียวหลันยวนดังออกมา"มาแล้ว"ฟู่จาวหนิงขานรับคำหนึ่ง เตรียมจะกลับห้องขังเซียวเหยียนจิ่งไม่อยากเชื่อ "เจ้าไม่ไปกับข้าจริงหรือ? เจ้าไม่สนใจพ่อแม่เจ้าหรือไรกัน?"ปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงเกินจากที่เขาคาดไว้เขาเดิมทีคิดว่าพอได้ยินว่าพ่อแม่ไม่เป็นไร แล้วยังกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงอย่างน้อยต้องตาแดงรื้นบ้าง ไม่ก็ร้องไห้ออกมา รีบร้อนตามเขาออกไปอย่างตื่นเต้น เพื่อรีบไปพบพ่อแม่ของนาง"อ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็ยังต้องอยู่ในห้องขัง ไม่มีอะไรหรอก เจ้าจัดที่นี่จนดูอยู่สบายไปแล้ว แล้วเขาทำไมยังต้องให้เจ้ามาอยู่ด้วยกันอีก?""ข้ามาอยู่เอง เขาเป็นสามีข้า ข้าไม่อยู่กับเขาแล้วใครจะอยู่กัน?"ฟู่จาวหนิงหลังจากที่รู้เจตนาการมาของเขาก็ขี้เกียจจะคุยกับเขาแล้ว ผลักเขาออก แล้วเดินไปทางห้องขังเซียวเหยียนจิ่งนี่ก็จุ้นจ้านเสียจริง"เจ้าทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้" เซียวเหยียนจิ่งตะโกนใส่หลังนาง "เจ้าเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว ถ้าเจ้ายินยอม มีคนตั้งมากมายที่ยินดีจะรักและเอ็นดูเจ้า ทำไมต้องมาอยู่ในคุกกับเขาแบบนี้ด้วย"เดิมทีหญิงสาวคนนี้ควรจะควรจะม
"ใช่ พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว" เซียวเหยียนจิ่งจ้องมองฟู่จาวหนิง "เป็นอย่างไร เจ้าอยากรีบกลับบ้านไหม? ได้ยินว่าปู่ของเจ้ากับเด็กที่ชื่อเสี่ยวเฟยก็อยู่กันที่จวนอ๋องเจวี้ยนนี่? ถ้าเจ้าไม่กลับไป พ่อแม่ของเจ้าคงจะหาคนไม่เจอแน่"ฟู่จาวหนิงทำท่าทางตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม? พวกเขากลับมาแล้วจริงหรือ?""ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน? ไม่เชื่อข้าตอนนี้เจ้าก็ไปกับข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขา"เซียวเหยียนจิ่งพูด มือเองก็คันยุบยิบ เขาอยากจะยื่นมือไปจูงนางเหลือเกิน จูงนางออกจากคุกใหญ่ถ้าเขาสามารถจูงมือนางออกไปได้ เซียวหลันยวนคงได้กระอักเลือดตายกระมัง?แต่เขาเพิ่งจะขยับ ฟู่จาวหนิงก็ถอยออกไปแล้วสองก้าว"พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง เช่นนั้นก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ที่บ้านตระกูลฟู่มีคนอยู่ พวกเขาจะหาคนไม่เจอได้อย่างไรกัน?""เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?""เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าวิ่งแจ้นเข้ามาบอกข้าหรอกกระมัง? พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง คนใช้บ้านตระกูลฟู่อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาบอกข้าเอง""เจ้าลืมอ๋องเจวี้ยนไปแล้วหรือ?""เขาก็อยู่ที่นี่ ลืมอะไรกัน?""ความ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม