"พ่อครัวเลื่องชื่อ? ผู้อาวุโสตู้หรือ?""ผู้อาวุโสตู้? ท่านลุงเชิญเขามาได้หรือ?"อวี๋อวี่เวยริษยาขึ้นมาแล้ว ไฟริษยาแทบจะเผานางจนแดดิ้นตอนนั้นที่นางอายุสิบห้า เดิมทีก็ได้ยินคนอื่นยุยงมา และอยากจะเชิญพ่อครัวเลื่องชื่อคนนั้นมาทำอาหารจัดงานให้นาง เช่นนั้นนางคงได้ชื่อกระฉ่อนต้าชื่อแล้ว เหล่าแม่นางทั้งหมดคงได้อิจฉานางแน่แต่นางเพิ่งพูดกับเสิ่นเสวียนแค่ครึ่งประโยค เสิ่นเสวียนก็ตัดบทนางมาเรียบๆ เสียแล้ว บอกมาคำหนึ่ง ว่าตระกูลเสิ่นไม่ควรจะสร้างชื่อเสียง วันนั้นให้พ่อครัวทำอาหารให้สักสองอย่างก็พอแล้วผลลัพธ์ล่ะ?อวี๋อวี่เวยร้องเรียกเสี่ยวซิ่ง "ยกน้ำแกงฟักหยกขาวนี่ตามข้ามไปที่ศาลาเหมย!"ส่วนตัวนางก็วิ่งกระฟัดกระเฟียดตรงออกไปแล้วสาวใช้เสี่ยวซิ่งรีบยกชามใหญ่นั่นขึ้นมา แล้วตามไปเสินหว่านตกตะลึง "เสี่ยวเวย เจ้ากลับมาก่อน อย่าไปอาละวาด"ที่นี่บ้านตระกูลเสิ่นนะ ไม่ใช่บ้านตระกูลอวี๋เสียหน่อย อวี๋อวี่เวยไม่มีสิทธิ์เสียงพูดอะไรในบ้านตระกูลอวี๋ ในตระกูลเสิ่นยิ่งไม่ต้องคิดจะอาละวาดเลย นางไม่ใช่คนสกุลเสิ่นนะ!นางเองก็รีบตามเข้าไป กลัวว่าอวี๋อวี่เวยจะทำเรื่องเป็นเรื่องใหญ่ตอนที่อวี๋อวี่เวยไปถึง
คนที่ผู้อาวุโสตู้หา คือผู้เฒ่าฟู่ปู่ของฟู่จาวหนิง!"เขาเป็นพี่ชายของข้า ลูกพี่ลูกน้อง"ผู้อาวุโสตู้เองก็ไม่ได้ปิดบังอะไร พูดออกมากับพวกเขาอย่างชัดเจน"ตอนนั้นแม่ของข้าแต่งเข้าตระกูลตู้ บ้านตระกูลตู้เดิมทีเป็นตระกูลมั่งคั่งตระกูลหนึ่งที่อยู่ในเมืองชายแดนติดกับแคว้นเจาและต้าชื่อ แต่ต่อมาที่นั่นเจอกับภัยพิบัติ คนทั้งหมดล้วนหนีกันไป คนตระกูลตู้จึงเลือกมาเป็นดองญาติกับต้าชื่อ""เหล่าผู้อาวุโสตระกูลตู้ระหว่างที่หนีภัยตอนนั้นก็ทนกันไม่ไหว ทยอยกันจากไป คนหนุ่มสาวที่เหลืออยู่ไม่กี่คน พอบวกกับพวกหญิงสาว ก็เกรงว่าจะยืนอยู่ในต้าชื่อได้ไม่มั่นคง ลุงของข้าจึง.ยืนกรานที่จะรับพ่อข้าเข้าไปอยู่กับญาติของเขาที่เมืองต้าชื่อ ข้าจึงกลายเป็นคนต้าชื่อไป"ผู้อาวุโสตู้มองฟู่จาวหนิง รู้สึกว่าสนิทชิดเชื้อกันเสียเหลือเกิน"แต่พูดขึ้นมาข้าเองก็ถือว่ามีสายเลือดแคว้นเจาอยู่ไหม? ทว่าคนตระกูลตู้ทางนี้ก็ดีกับพวกเราอย่างมาก ดังนั้นจะเป็นแคว้นเจาหรือว่าต้าชื่อ ข้าก็ไม่สนใจหรอก ตอนนั้นแม่ของข้ากลัวว่าคนของบ้านตระกูลตู้จะสงสัยว่าพวกเขามีใจคิดออกห่าง จึงไม่กล้าเอ่ยถึงญาติที่แคว้นเจา""แคว้นเจาทางนั้นเองก็ไม่มีคนมาหา น
"ใช่ๆๆ ถูกต้อง"ผู้อาวุโสตู้ตบลงที่มือ พิจารณาตัวฟู่จาวหนิง "ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้สึก พอพูดขึ้นมา รูปร่างของเจ้าก็ดูคล้ายกับแม่ของข้ากับน้าของข้าเหมือนกัน แม่ของข้าเองก็รูปร่างสูงโปร่ง นางบอกว่าพี่น้องนางก็เป็นเช่นนี้ เพราะเนื้องจากร่างกายอรชนอ้อนแอ้นเป็นพิเศษ ตอนนั้นก็มีชื่อเสียงไปไกลอยู่"ฟู่จาวหนิงดูสูงกว่าหญิงสาวคนอื่นอยู่บ้าง น่าจะเพราะยีนของทางยายกระมัง แต่ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่ามันใช่ทั้งหมด คนตระกูลฟู่เองก็สูงมากด้วย"ข้าไม่เคยเห็นท่านย่าเลย""นางตอนนี้ไม่อยู่แล้วกระมัง?""ใช่แล้ว""แล้วปู่ของเจ้าล่ะ?" ตอนที่ผู้อาวุโสตู้ถามขึ้นมายังรู้สึกตุ้มต่อม อายุมากแล้วอยากจะหาญาติสักคน ก็ดูจะสายเกินไปหน่อย คนคงไม่อยู่บนโลกกันแล้ว"ผู้เฒ่าฟู่เดิมทีป่วยหนักมาก เป็นจาวหนิงที่วิชาแพทย์สำเร็จแล้วไปรักษาเขาจนดีขึ้นมา ตอนนี้ร่างกายแม้จะดูธรรมดาๆ แต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว"ครั้งนี้เสิ่นเสวียนเป็นคนตอบแทนฟู่จาวหนิง ดึงฟู่จาวหนิงกลับไปอยู่บนด้านวิชาแพทย์ด้วยเลยผลลัพธ์คือ ความสนใจของผู้อาวุโสตู้จึงไปอยู่บนวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงแล้ว"ก่อนหน้านี้คุณชายเสิ่นร่างกายก็ไม่ค่อยดี ต้นปีที่แล้วเขาบอกว่าอยากกินขน
ฟู่จาวหนิงตอนที่ได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งกระชั้นเข้ามาก็สัมผัสได้แล้วว่าไม่ถูกต้องและตอนที่เห็นคนรีบพุ่งตรงเข้ามาก็ร้องเรียกขึ้น "ไป๋หู่ประคองผู้อาวุโสตู้!""ขอรับ!"ไป๋หู่แฉลบผ่านออกไป และเข้าประคองผู้อาวุโสตู้ที่ถูกชนไว้ได้ทันท่วงที พาเขาออกไปข้างๆถ้าผู้อาวุโสตู้ที่อายุขนาดนี้ถูกชนจนล้มลงไปบนพื้น ไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องไหม คนแก่ไม่ควรต้องล้มบ่อยแต่อวี๋อวี่เวย หลังจากกระแทกคนก็ถอยไปสองก้าว ยืนนิ่งลงมาได้อย่างหวุดหวิดไฟโกรธของนางพุ่งขึ้นหัวในพริบตา ขณะเตรียมจะด่าคน ในสมองก็มีคำพูดของฟู่จาวหนิงดังเข้ามา หยุดเอาไว้อย่างหวุดหวิดนี่คือผู้อาวุโสตู้?ผู้อาวุโสตู้เป็นคนที่กระทั่งเหล่าคนชั้นสูงเชิญไปทำอาหารให้ก็ยังกล้าปฏิเสธเลยนางข่มอารมณ์โกรธไว้ มองไปทางผู้อาวุโสตู้ "ผู้อาวุโสตู้ ท่านเป็นอะไรไหม?"ผู้อาวุโสตู้เหลือบมองนางผาดหนึ่ง ร้องเชอะขึ้น"จะวิ่งเร็วขนาดนี้เพื่ออะไรกัน? ข้าไม่มีเวลาว่างมาเสวนากับเจ้าหรอกนะ"แม่นางคนนี้วิ่งเข้ามาในสวนเหมยไม่มองคนเลย เขาเองก็อายุมากปฏิกิริยาก็เชื่องช้า พอเห็นคนก็เบี่ยงหลบไม่ทัน แต่เขาก็ช้าลงให้แล้ว แม่นางคนนี้เองก็มองเห็นเขาอยู่แต่ก็ยังพุ่งชนเข้
ฟู่จาวหนิงเหลือบตามองน้ำแกงฟักหยกขาวนี่ก็ไม่รู้ว่าใช้ฟักอะไรทำ น่าจะไม่มีในแคว้นเจา มองจากสีเป็นเขียวอ่อนๆ กับสีขาว ด้านในยังมีเนื้อแตงที่เหมือนกับไข่มุกหยกขาวอีกด้วย มองแล้วก็ดูน่ากินอยู่นี่คือสิ่งที่เสิ่นเสวียนชอบกินหรือ?เสิ่นเสวียนเมื่อครู่กินไปไม่เยอะนัก น่าจะเพราะต้องคอยดูแลปากท้องของนาง ดังนั้นกับข้าวทั้งโต๊ะจึงเป็นสิ่งที่นางชอบ เสิ่นเสวียนกินรสอ่อนกว่าคนปกติทั่วไปมาก พวกนี้สำหรับเขาแล้วถือว่ารสหนักอยู่ ดังนั้นเขาน่าจะกินอิ่มไปแค่ครึ่งเดียวฟู่จาวหนิงรู้สึกว่า ตอนนี้อวี๋อวี่เวยตักใส่ชามยกมาตรงหน้าเขาแล้ว จะอย่างไรเขาคงต้องชิมสักคำสองคำนั่นล่ะแต่คิดไม่ถึงว่าเสิ่นเสวียนจะไม่ขยับตัว"วางไว้ก่อน"พูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืน เตรียมจะเรียกฟู่จาวหนิงกลับมาอวี๋อวี่เวยร้อนรนขึ้น "ท่านลุง ข้าต้องถูกมันลวกเพื่อท่านเลยนะ ท่านดูสิ" นางยื่นมือ ให้เสิ่นเสวียนเห็นรอยแดงบนมือขวานางถูกลวกมาจริงๆ"ท่านลุง ท่านลองชิมสักหน่อยเถอะ" อวี๋อวี่เวยมองเขาอย่างน่าสงสาร "ท่านช่วยนี้เอาแต่ดูแลท่านยาย ข้าเห็นท่านผอมซูบลงไปทุกวัน เลยอยากจะทำอะไรให้ท่านบ้าง"เสี่ยวซิ่งเอ่ยแทนนางขึ้นมา "่นายท่าน ฟักหยกขา
เสิ่นเสวียนมองไปทางอวี๋อวี่เวย"นี่คือสิ่งที่เจ้าพูดไว้หรือ ที่บอกว่าจะมาขอโทษจาวหนิง?"สุนัขยังไม่เชื่อเลยอวี๋อวี่เวยเองก็รู้ว่าตนเองตื่นเต้นเกินไปหน่อย แต่นางไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้มาก่อน คุณภาพด้านจิตวิทยาไม่ดีเอาเลยจริงๆ แค่แปปเดียวก็ลนลานเสียแล้ว"ข้า ข้า ท่านลุงข้าขอโทษ" นางก้มหน้าลง กัดริมฝีปากล่าง"มาบอกขอโทษข้าทำไม?" เสียงของเสิ่นเสวียนเย็นชาลงไปอีก"คุณหนูฟู่ ข้าขอโทษ เจ้าให้อภัยข้าเถิด" อวี๋อวี่เวยหันไปทางฟู่จาวหนิงตอนนี้นางไม่กล้าหาเรื่องแล้ว รีบให้ฟู่จาวหนิงไปดีกว่าอวี๋อวี่เวยเงยหน้า น้ำตาแทบจะร่วงลงมาแล้ว "ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าจะอยู่กับเจ้าอย่างไร และไม่รู้ด้วยว่าจะเผชิญหน้ากับเจ้าอย่างไร ข้า ข้าให้ท่านแม่มาพูดกับเจ้าดีไหม?"นางรีบหันหน้าไปมองเสินหว่านอย่างอ้อนวอน "ท่านแม่"เสินหว่านคิดถึงเรื่องที่นางบอกกับตนเองก่อนหน้านี้ จึงเดินเข้ามาอวี๋อวี่เวยเมื่อครู่ท่าทางเมื่อครู่สาก็ไม่เหมือนขอโทษฟู่จาวหนิงเลยหญิงสาวคนนี้เลี้ยงดูมาโดยตระกูลเสิ่น แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นลูกของตนเอง เสินหว่านตอนนี้จึงอยากจะพูดแทนนางเสียหน่อย"คุณหนูฟู่ ข้ามีเรื่องอยากจะพูดกับท่านหน่อย ท่า
"ท่านลุงไล่ข้าหรือ?" อวี๋อวี่เวยตกตะลึง"เจ้าโตเป็นสาวแล้ว เอาแต่อยู่ที่นี่มันไม่ใช่เรื่อง บ้านเจ้าเองก็ไม่ใช่ว่าไม่มีคนเสียหน่อย ปู่ย่าพ่อแม่พี่น้องก็อยู่กันหมด น่าจะกลับไปอยู่ได้แล้ว พอกลับไป พวกเขาก็จะช่วยเจ้าเลือกคู่ครองให้เอง เจ้าอยู่ที่นี่ไม่มีใครทำเรื่องพวกนี้เป็น"ถึงอย่างไรเขาก็ทำไม่เป็นแต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยคิดจะข้ามหน้าคนตระกูลอวี๋ ข้ามหน้าแม่ของนาง แล้วไปเลือกคู่ครองให้กับนางยิ่งไปกว่านั้น อวี๋อวี่เวยตั้งแต่เด็กก็แผนการเยอะ ชอบมาคุยกับเขาแต่ก็ทำตัวลับๆ ล่อๆ พอเขามองไปก็หลบสายตา นิสัยนี้เขาไม่ชอบเขาก็แค่พยายามในฐานะผู้อาวุโสให้นางเติบโตขึ้นอย่างปลอดภัยในบ้านตระกูลเสิ่นเท่านั้น ไม่ได้สนใจเรื่องอื่นและช่วงนี้เรื่องที่อวี๋อวี่เวยทำก็ทำให้เขาผิดหวังมาก"ท่านลุง ข้าไม่อยากแต่งงาน" อวี๋อวี่เวยลนขึ้นมาน่าจะเพราะเห็นสภาพของแม่ตนเองในตระกูลอวี๋จนชิน เดิมทีคุณหนูใหญ่ตระกูลเสิ่นก็ถือว่าสูงส่งอยู่ และควรจะมีความหยิ่งทะนง แต่เสินหว่านอยุ่ในตระกูลอวี๋กลับต้องกล้ำกลืนฝืนทนเหมือนภรรยาคนเล็กเสียอย่างนั้น กระทั่งพ่อนางมีภรรยาน้อยห้าหกคน ก็ยังไม่กล้าขัดขึ้นสักคำนางเคยกลับไปมาแล้ว
เสิ่นเสวียนตอนนี้เองก็สัมผัสได้ถึงความไม่ถูกต้องของตนเองแล้วเพราะตอนที่อวี๋อวี่เวยกอดเข้ามา เขารู้สึกถึงปฏิกิริยาร่างกายของตนเอง ความรู้สึกสูญเสียการควบคุมเขาคิดถึงน้ำแกงฟักหยกขาวนั่นขึ้นทันที"อวี๋อวี่เวย ถ้าเจ้าปล่อยตอนนี้แล้วออกไปทันที ข้าจะปล่อยเจ้าไปสักครั้ง""ข้าไม่ ข้าไม่ ท่านลุง ข้ามองท่านมาตั้งแต่เด็กแล้ว นอกจากท่าน ชายคนอื่นก็ไม่อยู่ในสายตาข้าทั้งนั้น ท่านลุง ข้าไม่ขออะไรอีก แค่อยากจะอยู่ข้างกายท่านเท่านั้น"มือของอวี๋อวี่เวยถูกเสิ่นเสวียนกำจนเจ็บไปหมด แต่ว่านางก็ไม่สนอะไรแล้ว มาถึงขั้นนี้แล้ว นางไม่มีทางเลือกต้องยืนหยัดถึงที่สุดเท่านั้น"ฟู่จาวหนิงดูแล้วอายุไม่ต่างจากข้านัก ท่านยังไม่รังเกียจที่นางอ่อนกว่า ข้าเองก็ทำได้เหมือนกัน...""เจ้ารู้ความสัมพันธ์ตัวตนฐานะของเจ้ากับข้าไหม?" เสิ่นเสวียนสมองเริ่มวิงเวียน แต่อุณหภูมิร่างกายกลับไต่เพิ่มขึ้นมาทีละระดับๆ เขาอยากจะออกแรงสะบัดอวี๋อวี่เวย แต่นางกับกอดเขาไว้สุดชีวิต "อวี๋อวี่เวย สิ่งที่เจ้าคิดมันไม่อาจย้อนกลับมาได้อีกแล้ว!"เขาไม่เคยคิดในด้านนี้มาก่อนคนปกติใครเขาคิดกันบ้าง?ถึงอย่างไรพวกเขาปกติก็อยู่ด้วยกันไม่มากนัก
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้