ฟู่จาวหนิงเหลือบตามองน้ำแกงฟักหยกขาวนี่ก็ไม่รู้ว่าใช้ฟักอะไรทำ น่าจะไม่มีในแคว้นเจา มองจากสีเป็นเขียวอ่อนๆ กับสีขาว ด้านในยังมีเนื้อแตงที่เหมือนกับไข่มุกหยกขาวอีกด้วย มองแล้วก็ดูน่ากินอยู่นี่คือสิ่งที่เสิ่นเสวียนชอบกินหรือ?เสิ่นเสวียนเมื่อครู่กินไปไม่เยอะนัก น่าจะเพราะต้องคอยดูแลปากท้องของนาง ดังนั้นกับข้าวทั้งโต๊ะจึงเป็นสิ่งที่นางชอบ เสิ่นเสวียนกินรสอ่อนกว่าคนปกติทั่วไปมาก พวกนี้สำหรับเขาแล้วถือว่ารสหนักอยู่ ดังนั้นเขาน่าจะกินอิ่มไปแค่ครึ่งเดียวฟู่จาวหนิงรู้สึกว่า ตอนนี้อวี๋อวี่เวยตักใส่ชามยกมาตรงหน้าเขาแล้ว จะอย่างไรเขาคงต้องชิมสักคำสองคำนั่นล่ะแต่คิดไม่ถึงว่าเสิ่นเสวียนจะไม่ขยับตัว"วางไว้ก่อน"พูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืน เตรียมจะเรียกฟู่จาวหนิงกลับมาอวี๋อวี่เวยร้อนรนขึ้น "ท่านลุง ข้าต้องถูกมันลวกเพื่อท่านเลยนะ ท่านดูสิ" นางยื่นมือ ให้เสิ่นเสวียนเห็นรอยแดงบนมือขวานางถูกลวกมาจริงๆ"ท่านลุง ท่านลองชิมสักหน่อยเถอะ" อวี๋อวี่เวยมองเขาอย่างน่าสงสาร "ท่านช่วยนี้เอาแต่ดูแลท่านยาย ข้าเห็นท่านผอมซูบลงไปทุกวัน เลยอยากจะทำอะไรให้ท่านบ้าง"เสี่ยวซิ่งเอ่ยแทนนางขึ้นมา "่นายท่าน ฟักหยกขา
เสิ่นเสวียนมองไปทางอวี๋อวี่เวย"นี่คือสิ่งที่เจ้าพูดไว้หรือ ที่บอกว่าจะมาขอโทษจาวหนิง?"สุนัขยังไม่เชื่อเลยอวี๋อวี่เวยเองก็รู้ว่าตนเองตื่นเต้นเกินไปหน่อย แต่นางไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้มาก่อน คุณภาพด้านจิตวิทยาไม่ดีเอาเลยจริงๆ แค่แปปเดียวก็ลนลานเสียแล้ว"ข้า ข้า ท่านลุงข้าขอโทษ" นางก้มหน้าลง กัดริมฝีปากล่าง"มาบอกขอโทษข้าทำไม?" เสียงของเสิ่นเสวียนเย็นชาลงไปอีก"คุณหนูฟู่ ข้าขอโทษ เจ้าให้อภัยข้าเถิด" อวี๋อวี่เวยหันไปทางฟู่จาวหนิงตอนนี้นางไม่กล้าหาเรื่องแล้ว รีบให้ฟู่จาวหนิงไปดีกว่าอวี๋อวี่เวยเงยหน้า น้ำตาแทบจะร่วงลงมาแล้ว "ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าจะอยู่กับเจ้าอย่างไร และไม่รู้ด้วยว่าจะเผชิญหน้ากับเจ้าอย่างไร ข้า ข้าให้ท่านแม่มาพูดกับเจ้าดีไหม?"นางรีบหันหน้าไปมองเสินหว่านอย่างอ้อนวอน "ท่านแม่"เสินหว่านคิดถึงเรื่องที่นางบอกกับตนเองก่อนหน้านี้ จึงเดินเข้ามาอวี๋อวี่เวยเมื่อครู่ท่าทางเมื่อครู่สาก็ไม่เหมือนขอโทษฟู่จาวหนิงเลยหญิงสาวคนนี้เลี้ยงดูมาโดยตระกูลเสิ่น แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นลูกของตนเอง เสินหว่านตอนนี้จึงอยากจะพูดแทนนางเสียหน่อย"คุณหนูฟู่ ข้ามีเรื่องอยากจะพูดกับท่านหน่อย ท่า
"ท่านลุงไล่ข้าหรือ?" อวี๋อวี่เวยตกตะลึง"เจ้าโตเป็นสาวแล้ว เอาแต่อยู่ที่นี่มันไม่ใช่เรื่อง บ้านเจ้าเองก็ไม่ใช่ว่าไม่มีคนเสียหน่อย ปู่ย่าพ่อแม่พี่น้องก็อยู่กันหมด น่าจะกลับไปอยู่ได้แล้ว พอกลับไป พวกเขาก็จะช่วยเจ้าเลือกคู่ครองให้เอง เจ้าอยู่ที่นี่ไม่มีใครทำเรื่องพวกนี้เป็น"ถึงอย่างไรเขาก็ทำไม่เป็นแต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยคิดจะข้ามหน้าคนตระกูลอวี๋ ข้ามหน้าแม่ของนาง แล้วไปเลือกคู่ครองให้กับนางยิ่งไปกว่านั้น อวี๋อวี่เวยตั้งแต่เด็กก็แผนการเยอะ ชอบมาคุยกับเขาแต่ก็ทำตัวลับๆ ล่อๆ พอเขามองไปก็หลบสายตา นิสัยนี้เขาไม่ชอบเขาก็แค่พยายามในฐานะผู้อาวุโสให้นางเติบโตขึ้นอย่างปลอดภัยในบ้านตระกูลเสิ่นเท่านั้น ไม่ได้สนใจเรื่องอื่นและช่วงนี้เรื่องที่อวี๋อวี่เวยทำก็ทำให้เขาผิดหวังมาก"ท่านลุง ข้าไม่อยากแต่งงาน" อวี๋อวี่เวยลนขึ้นมาน่าจะเพราะเห็นสภาพของแม่ตนเองในตระกูลอวี๋จนชิน เดิมทีคุณหนูใหญ่ตระกูลเสิ่นก็ถือว่าสูงส่งอยู่ และควรจะมีความหยิ่งทะนง แต่เสินหว่านอยุ่ในตระกูลอวี๋กลับต้องกล้ำกลืนฝืนทนเหมือนภรรยาคนเล็กเสียอย่างนั้น กระทั่งพ่อนางมีภรรยาน้อยห้าหกคน ก็ยังไม่กล้าขัดขึ้นสักคำนางเคยกลับไปมาแล้ว
เสิ่นเสวียนตอนนี้เองก็สัมผัสได้ถึงความไม่ถูกต้องของตนเองแล้วเพราะตอนที่อวี๋อวี่เวยกอดเข้ามา เขารู้สึกถึงปฏิกิริยาร่างกายของตนเอง ความรู้สึกสูญเสียการควบคุมเขาคิดถึงน้ำแกงฟักหยกขาวนั่นขึ้นทันที"อวี๋อวี่เวย ถ้าเจ้าปล่อยตอนนี้แล้วออกไปทันที ข้าจะปล่อยเจ้าไปสักครั้ง""ข้าไม่ ข้าไม่ ท่านลุง ข้ามองท่านมาตั้งแต่เด็กแล้ว นอกจากท่าน ชายคนอื่นก็ไม่อยู่ในสายตาข้าทั้งนั้น ท่านลุง ข้าไม่ขออะไรอีก แค่อยากจะอยู่ข้างกายท่านเท่านั้น"มือของอวี๋อวี่เวยถูกเสิ่นเสวียนกำจนเจ็บไปหมด แต่ว่านางก็ไม่สนอะไรแล้ว มาถึงขั้นนี้แล้ว นางไม่มีทางเลือกต้องยืนหยัดถึงที่สุดเท่านั้น"ฟู่จาวหนิงดูแล้วอายุไม่ต่างจากข้านัก ท่านยังไม่รังเกียจที่นางอ่อนกว่า ข้าเองก็ทำได้เหมือนกัน...""เจ้ารู้ความสัมพันธ์ตัวตนฐานะของเจ้ากับข้าไหม?" เสิ่นเสวียนสมองเริ่มวิงเวียน แต่อุณหภูมิร่างกายกลับไต่เพิ่มขึ้นมาทีละระดับๆ เขาอยากจะออกแรงสะบัดอวี๋อวี่เวย แต่นางกับกอดเขาไว้สุดชีวิต "อวี๋อวี่เวย สิ่งที่เจ้าคิดมันไม่อาจย้อนกลับมาได้อีกแล้ว!"เขาไม่เคยคิดในด้านนี้มาก่อนคนปกติใครเขาคิดกันบ้าง?ถึงอย่างไรพวกเขาปกติก็อยู่ด้วยกันไม่มากนัก
"รู้แล้วไม่ต้องพูดแล้ว"ฟู่จาวหนิงรู้ว่าเขารู้สึกแย่มากนางยังไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี หรือควรจะบอกว่าประสบการณ์การแก้เจ้ายาชนิดนี้ของนางมีอยู่เต็มเปี่ยมดี? ให้ตายเถอะ ไม่มีอย่างอื่นบ้างหรือไรกัน ไปที่ไหนก็เจอแต่เจ้าสิ่งนี้"หลิวหั่ว ประคองผู้นำตระกูลของเจ้าออกไป อาจจะต้องอาเจียน"เพราะพิษของเสิ่นเสวียนนั้นกินเข้าไป และกินไปไม่มาก ล้างท้องเสียหน่อยจะสะดวกที่สุดหลิวหั่วรีบเข้ามาประคองเสิ่นเสวียนออกไปจากนั้นก็มีองครักษ์สองคนพอได้ยินก็เข้ามา พอเห็นอวี๋อวี่เวยบนพื้น จากนั้นก็เห็นฟู่จาวหนิงเดินออกมา องครักษ์ทั้งสองคนก็ยืนนิ่งไปไป๋หู่หยิบผ้าเช็ดมือให้ฟู่จาวหนิงเช็ดอวี๋อวี่เวยถูกสกัดจุดนอนหงายอยู่บนพื้น ตัวแข็งไปหมดแล้วแม้จะถูกสกัดจุดใบ้ สกัดจุดสงบนิ่งไป แต่สติของนางยังตื่นดีอยู่ตอนนี้ทั้งสมองของนางมึนงงไปหมด แล้วก็ยังหวาดกลัวจนอยากตายด้วยตอนนี้นางรู้สึกเสียใจจะแย่อยู่แล้ว คิดไม่ออกจริงๆ ว่าก่อนหน้านี้ตนเองไปเอาความกล้าจากไหนมาทำเรื่องเช่นนี้ทำก็ทำไปแล้ว แล้วยังไม่สำเร็๗ด้ยย ตอนนี้ยังถูกคนตั้งมากมายเห็นอีก โดยเฉพาะฟู่จาวหนิง"ไป๋หู่คลายชีพจรให้นางเสีย"ฟู่จาวหนิงเดินมาอยู่ข
รอจนเสิ่นเสวียนสำรอกออกมาจนหมดแล้ว ฟู่จาวหนิงจึงไปนั่งว่างๆ อยู่ในโถง กำลังดื่ม ชาที่ไป๋หู่ให้เสี่ยวชิ่นต้มมาอวี๋อวี่เวยนั่งตัวสั่นอยู่ข้างๆ หน้าขาวซีดและตรงหน้านาง ชายหนุ่มคนหนึ่งถูกไป๋หู่กดบ่าไว้ กำลังดิ้นรนอย่างไม่ยินยอมชายหนุ่มคนนี้ เป็นหลานชายของครอบครัวลูกสะใภ้รองของท่านลุงรองของนางสกุลซุน อวี๋อวี่เวยเรียกเขาว่าพี่ชาย จะบอกว่าเป็นพี่ชายห่างๆ ก็ยังไม่ได้ ไม่รู้ว่าอ้อมวงศาคณาญาติกันไปกี่ตลบบ้านฝ่ายหญิงของอาสะใภ้รองเสิ่นแม้จะเกี่ยวข้องกับตระกูลเสิ่นสาขาอยู่บ้าง แต่ก็ยังห่างไกลหลายขุม ไม่เช่นนั้นนางคงไม่มีทางได้แต่งกับตระกูลเสิ่นแน่นอนเพียงแต่ซุนจิ้นอวี๋คนนี้มีความสัมพันธ์อันดีกับอาสะใภ้รองเสิ่นอยู่ ตอนเด็กๆ ก็ไปอยู่ที่บ้านพวกเขาหลายปี ตอนที่อาสะใภ้รองเสิ่นกับท่านลุงรองเข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลเสิ่น เขาเองก็มาช่วยย้ายของอยู่ ช่วงไม่กี่ปีนี้ก็ไปๆ มาๆ อยู่บ้างดังนั้นคนของตระกูลเสิ่นจึงยังถือว่าคุ้นเคยกับซุนจิ้นอวี๋คนนี้อยู่บ้างซุนจิ้นอวี๋ก่อนหน้านี้ก็ดูซื่อสัตย์มาโดยตลอด พอองครักษ์ได้ยินว่าให้ไปจับเขาเข้ามาก็ยังรู้สึกประหลาดใจแต่อวี๋อวี่เวยพูดถึงเขา ก็คงไม่น่าจะใส่ร้ายเข
พูดถึงเรื่องเหล่านี้ ฟู่จาวหนิงจะมากน้อยก็ยังมีความเข้มงวดเคร่งขรึมของคนเป็นแพทย์อยู่ ต่อให้เผชิญหน้ากับลุงของนาง นางก็ยังไม่เกรงใจไม่เสียดายสุขภาพอาการป่วยของตนเอง นางเองก็สีหน้าไม่ค่อยดีนักเสิ่นเสวียนรู้นิสัยนี้ของนาง จึงทำได้แค่ยิ้มขืนๆ ตอบรับไปซุนจิ้นอวี๋ในใจตกตะลึงกว่าเดิมฟู่จาวหนิงเป็นใครกันแน่? ทำไมทำให้เสิ่นเสวียนที่เย่อหยิ่งและเย็นชามาโดยตลอดเชื่อฟังนางขนาดนี้? น้ำเสียงนางไม่มีการเกรงใจเลย แต่เสิ่นเสวียนกลับไม่มีอาการชักสีหน้าด้วยซ้ำอวี๋อวี่เวยกลับได้รับผลกระทบอย่างหนัก และรู้สึกเสียใจมากนางมองออก ในใจของเสิ่นเสวียนนางเทียบกับฟู่จาวหนิงไม่ได้เลยท่านลุงพูดกับนาง แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง"เอาล่ะ ดื่มน้ำให้ใจเย็นลงหน่อย"ฟู่จาวหนิงให้เขาดื่มน้ำอุ่น เสิ่นเสวียนยกน้ำขึ้นดื่มสองอึก สายตาเหลือบไปทางอวี๋อวี่เวย อวี๋อวี่เวยขาอ่อน ทิ้งตัวลงคุกเข่าเสียงดังตุบ"แง!" นางร้องไห้จ้าขึ้นมาเสิ่นเสวียนพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่งเขายังไม่พูดอะไรแต่ว่าพอคิดถึงเรื่องที่อวี๋อวี่เวยทำเมื่อครู่ ในตาเสิ่นเสวียนก็มีจิตสังหารขึ้นมาแล้วเขาไม่เคยถูกคนใช้ยาพวกนี้มาก่อน องค์จักรพรรดิแอบลง
อวี๋อวี่เวยถูกส่งออกไปอย่างรวดเร็ว ส่งออกไปทั้งกลางค่ำกลางคืนเลยเพราะจะไปที่วัด ดังนั้นจึงไม่ต้องให้นางติดของไปเยอะ เสี่ยวซิ่งติดตามไปด้วยเสินหว่านไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ฟู่จาวหนิงเดินไปกับนางแค่ครู่เดียว ก็เหมือนคิดอะไรออกขึ้นหมุนตัวเดินออกมา หลังจากนางผละจากเสินหว่านก็กลับไปหาอวี๋อวี่เวย ผลลัพธ์คือรอแล้วรอเล่า รอจนได้ข่าวที่นางถูกเสิ่นเสวียนส่งไปในวัดเสินหว่านดึงมืออวี๋อวี่เวยไม่ปล่อย แต่ท้ายสุดก็ถูกแยกออกจากกันอย่างไม่ปราณีนางมองอวี๋อวี่เวยถูกสะกดจดชีพจรแล้วแบกไปขึ้นรถม้าเต็มสองตา จนเกือบจะร้องไห้เป็นลมไปพอเห็นว่าไล่ตามไม่ทันแล้วจริงๆ ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงความจริงนี้ได้ เสินหว่านก็ล้มลุกคลุกคลานไปหาเสิ่นเสวียนพอเข้าประตูก็เห็นซุนจิ้นอวี๋คุกเข่าอยู่บนพื้น เท้าของหลิวหั่วเหยียบอยู่บนหลังเขาเสินหว่านตกตะลึงงงงันไปแล้ว"พี่รอง นี่ นี่กำลังทำอะไรกันแน่?"เสิ่นเสวียนจะทำให้ครอบครัวแตกแยกหรือ?เสิ่นเสวียนเงยดวงตาเย็นชาเหลือบมองนาง"เจ้าที่เป็นแม่ เอาลูกสาวมาโยนทิ้งไว้บ้านของแม่แล้วไม่สนใจทิ้งๆ ขว้างๆ ได้ด้วยหรือ?""พี่รอง คำพูดนี้พูดมาได้อย่างไร? ข้าไม่ได้ว่าแวะมาหาเ
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้