พูดถึงเรื่องเหล่านี้ ฟู่จาวหนิงจะมากน้อยก็ยังมีความเข้มงวดเคร่งขรึมของคนเป็นแพทย์อยู่ ต่อให้เผชิญหน้ากับลุงของนาง นางก็ยังไม่เกรงใจไม่เสียดายสุขภาพอาการป่วยของตนเอง นางเองก็สีหน้าไม่ค่อยดีนักเสิ่นเสวียนรู้นิสัยนี้ของนาง จึงทำได้แค่ยิ้มขืนๆ ตอบรับไปซุนจิ้นอวี๋ในใจตกตะลึงกว่าเดิมฟู่จาวหนิงเป็นใครกันแน่? ทำไมทำให้เสิ่นเสวียนที่เย่อหยิ่งและเย็นชามาโดยตลอดเชื่อฟังนางขนาดนี้? น้ำเสียงนางไม่มีการเกรงใจเลย แต่เสิ่นเสวียนกลับไม่มีอาการชักสีหน้าด้วยซ้ำอวี๋อวี่เวยกลับได้รับผลกระทบอย่างหนัก และรู้สึกเสียใจมากนางมองออก ในใจของเสิ่นเสวียนนางเทียบกับฟู่จาวหนิงไม่ได้เลยท่านลุงพูดกับนาง แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง"เอาล่ะ ดื่มน้ำให้ใจเย็นลงหน่อย"ฟู่จาวหนิงให้เขาดื่มน้ำอุ่น เสิ่นเสวียนยกน้ำขึ้นดื่มสองอึก สายตาเหลือบไปทางอวี๋อวี่เวย อวี๋อวี่เวยขาอ่อน ทิ้งตัวลงคุกเข่าเสียงดังตุบ"แง!" นางร้องไห้จ้าขึ้นมาเสิ่นเสวียนพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่งเขายังไม่พูดอะไรแต่ว่าพอคิดถึงเรื่องที่อวี๋อวี่เวยทำเมื่อครู่ ในตาเสิ่นเสวียนก็มีจิตสังหารขึ้นมาแล้วเขาไม่เคยถูกคนใช้ยาพวกนี้มาก่อน องค์จักรพรรดิแอบลง
อวี๋อวี่เวยถูกส่งออกไปอย่างรวดเร็ว ส่งออกไปทั้งกลางค่ำกลางคืนเลยเพราะจะไปที่วัด ดังนั้นจึงไม่ต้องให้นางติดของไปเยอะ เสี่ยวซิ่งติดตามไปด้วยเสินหว่านไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ฟู่จาวหนิงเดินไปกับนางแค่ครู่เดียว ก็เหมือนคิดอะไรออกขึ้นหมุนตัวเดินออกมา หลังจากนางผละจากเสินหว่านก็กลับไปหาอวี๋อวี่เวย ผลลัพธ์คือรอแล้วรอเล่า รอจนได้ข่าวที่นางถูกเสิ่นเสวียนส่งไปในวัดเสินหว่านดึงมืออวี๋อวี่เวยไม่ปล่อย แต่ท้ายสุดก็ถูกแยกออกจากกันอย่างไม่ปราณีนางมองอวี๋อวี่เวยถูกสะกดจดชีพจรแล้วแบกไปขึ้นรถม้าเต็มสองตา จนเกือบจะร้องไห้เป็นลมไปพอเห็นว่าไล่ตามไม่ทันแล้วจริงๆ ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงความจริงนี้ได้ เสินหว่านก็ล้มลุกคลุกคลานไปหาเสิ่นเสวียนพอเข้าประตูก็เห็นซุนจิ้นอวี๋คุกเข่าอยู่บนพื้น เท้าของหลิวหั่วเหยียบอยู่บนหลังเขาเสินหว่านตกตะลึงงงงันไปแล้ว"พี่รอง นี่ นี่กำลังทำอะไรกันแน่?"เสิ่นเสวียนจะทำให้ครอบครัวแตกแยกหรือ?เสิ่นเสวียนเงยดวงตาเย็นชาเหลือบมองนาง"เจ้าที่เป็นแม่ เอาลูกสาวมาโยนทิ้งไว้บ้านของแม่แล้วไม่สนใจทิ้งๆ ขว้างๆ ได้ด้วยหรือ?""พี่รอง คำพูดนี้พูดมาได้อย่างไร? ข้าไม่ได้ว่าแวะมาหาเ
บ้านตระกูลเสิ่นต้องจัดระเบียบเสียแล้ว ไม่เช่นนั้นคนทั้งหมดคงได้กอดกันตายแน่"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับจาวหนิงเลย เจ้าไปยืนอยู่ข้างๆ เสีย ถ้าไม่ได้เจ้าพูดก็ห้ามส่งเสียง"เสิ่นเสวียนทำหน้าขรึมใส่เสินหว่าน น้ำเสียงเด็ดขาดลงมาเสินหว่านพอเห็นสายตาของเขา คำพูดที่คิดจะพูดก็จำใจต้องกลืนกลับลงมา ไปยืนอยู่ข้างๆเสิ่นเสวียนมองซุนจิ้นอวี๋"อวี๋อวี่เวยบอกว่า ยาพวกเจ้าเจ้าเป็นคนให้นาง กระทั่งยังเป็นเจ้าที่ยุยงให้นางวางยาข้าด้วย"เสินหว่านสูดปากนางได้ยินเรื่องอะไรกันเนี่ย?พริบตานี้ ในที่สุดนางจึงรู้ว่าเรื่องราวไม่ธรรมดาเสียแล้ว"ข้าไม่มี แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่ายาอะไร ลุงเสวียน ข้าไม่รู้ว่าทำไมต้องดึงข้าออกมา แล้วมาคาดโทษใส่ข้าเช่นนี้ เพราะว่าข้าไม่ได้สกุลเสิ่นหรือ? ท่านส่งอวี่เวยออกไปก่อน ไม่ใช่เพื่อไม่ให้ข้าต้องมายันกับนางหรอกหรือ?""เฮอะ" เสิ่นเสวียนหัวเราะเย็นชา ""เจ้าคิดว่าข้าจัดการเรื่องนี้ยังต้องการหลักฐานหรือ?ซุนจิ้นอวี๋หน้าเปลี่ยนสี หมายความว่าอย่างไร?"หลายปีมานี้ข้าไม่ค่อยได้ดูแลจัดการ จนทำให้พวกเจ้าลืมนิสัยเดิมของข้าไปแล้วกระมัง"เสิ่นเสวียนพูดพลางส่งสัญญษณมือให้กับหลิวหั่
ซุนจิ้นอวี๋ถูกลากออกไปเสินหว่านอ่อนยวนลงไปกองอยู่บนพื้นนางได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก สีหน้าขาวซีดไปแล้ว"เจ้าไปอยู่เป็นเพื่อนอวี๋อวี่เวยที่วัดสดับสนเถอะ" เสิ่นเสวียนมองนาง "ไปคิดดีดีว่าควรจะสงบปากสงบคำอย่างไร"ถ้าปล่อยนางไว้ ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะหลุดปากออกไปอีกรอจนหลังจากจัดการล้างความกำเริบเสิบสานในบ้านตระกูลเสิ่นออกแล้ว ค่อยมาพิจารณาว่าจะให้พวกนางกลับมาหรือไม่"พี่รอง" เสินหว่านตกตะลึง รีบมองเสิ่นเสวียนอย่างลนลาน "เสี่ยวเวยต้องถูกคนล่อลวงแน่ๆ นางไม่มีทางทำหรอก!"เสิ่นเสวียนไม่พูดอะไรเสินหว่านร้องไห้พูดต่อมาอีก "ก่อนหน้านี้มีครั้งหนึ่งที่นางกลับบ้านตระกูลอวี๋ ย่าของนางบอกว่านางไม่ทำตัวอยู่ในกฎเกณฑ์ จึงลงโทษให้นางคุกเข่าอยู่ที่ลานบ้านครึ่งวัน แล้วตอนนั้นท่านไปที่นั่นพอดี พอเห็นแล้วจึงแบกนางขึ้นมา บอกกับย่าของนางว่า นางมีสายเลือดตระกูลเสิ่นอยู่ครึ่งหนึ่ง ครึ่งหนึ่งของตระกูลเสิ่นนี้นั้นดีงาม แต่ก็ถูกสายเลือดตระกูลอวี๋ทำให้เลวร้ายลง แล้วให้นางตอนที่จะลงโทษเมื่อครั้งนั้นก็ต้องเรียกพวกผู้ชายตระกูลอวี๋มาลงโทษด้วย"เรื่องนี้ เสิ่นเสวียนจำไม่ได้แล้วแต่เขาจำได้ ว่าหลายปีก่อน
โดยเฉพาะเรื่องที่นางพูดถึงอวี๋อวี่เวย กลับสามารถใจกว้างได้ขนาดนี้ ไม่ได้มองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าตกใจเลย และไม่ได้รู้สึกว่าบ้านตระกูลเสิ่นมีแต่คนแย่ๆ ด้วยเรื่องนี้สำหรับเขาแล้วสำคัญมาก"ท่านผู้เฒ่าฟู่สอนเจ้ามาดีมาก"ตอนนี้เอง เสิ่นเสวียนจู่ๆ ก็รู้สึกซาบซึ้งกับท่านผู้เฒ่าฟู่ขึ้นอย่างมากแค่เลี้ยงฟู่จาวหนิงให้เติบโตมาขนาดนี้ก็ไม่ง่ายแล้ว ยังสอนนางมาได้ดีขนาดนี้อีกฟู่จาวหนิงคิดถึงปู่ของตัวเองขึ้นเสียแล้วท่านปู่เองก็หน้าตาคล้ายกับท่านตาด้วย ในบางแนวคิดพวกเขาเองก็เหมือนกัน ความรักที่มีต่อนางก็เช่นกัน ดังนั้นการที่เสิ่นเสวียนพูดถึง"ท่านผู้เฒ่าฟู่"คนนี้ก็ถือว่าเป็นร่างรวมของท่านผู้เฒ่าทั้งสองคนเลยก็แล้วกัน"อืม ท่านปู่ดีมากจริงๆ" ฟู่จาวหนิงยิ้มขึ้นมา "แน่นอน ตัวข้าเดิมทีก็ดีอยู่แล้วด้วย"พอได้ยินนางพูดเช่นนี้ ในใจเสิ่นเสวียนก็ดีขึ้นมาบ้างแล้ว"ท่านลุงคืนนี้ไปพักผ่อนเถิด ไท่ไท่อาวุโสทางนั้นข้าจะไปดูแลเอง คืนนี้ควรให้ข้าไปดูแล เพราะคืนนี้สำคัญมากเรื่องที่ว่านางจะตื่นหรือไม่ตื่นขึ้นมา"ฟู่จาวหนิงเตรียมว่าคืนนี้จะไปให้น้ำตากลูโคสกับไท่ไท่อาวุโสเสียหน่อย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีพวกยาลดอ
"ข้าเองก็ประมาทเกินไป"เสิ่นเสวียนถอนหายใจ อย่าว่าแต่หลิวหั่วเลยที่คิดไม่ถึง กระทั่งตัวเขาเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ไม่ใช่นั้นจะกินน้ำแกงฟักหยกขาวสองคำนั้นลงไปหรือแต่ถึงอย่างไรก็ยังดีที่ฟู่จาวหนิงอยู่เสิ่นเสวียนคิดถึงสภาพของเสินหว่าน ก็อดเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้และไม่รู้ว่าเสิ่นเชี่ยวตอนนี้มีนิสัยเป็นอย่างไรหาตัวฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวกลับมา สำหรับฟู่จาวหนิงแล้วเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันนะ?ถ้าหากพวกเขาตอนนี้ไม่อยู่ในความถูกต้อง หรือว่าบนมือเปื้อนเรื่องชั่วร้ายอะไรอยู่ล่ะ เช่นนั้นหาตัวพวกเขากลับมาจะไม่ใช่ยิ่งตกพันธนาการลงไปบนตัวฟู่จาวหนิงหรือ?เสิ่นเสวียนคิดๆ เอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น "หลังจากหาตัวฟู่หลินซื่อเจอ ให้คนของพวกเราอย่างเพิ่งเปิดเผยตัวตน ลองสังเกตดูสักสองสามวัน ดูพฤติกรรมของพวกเขา กลับมารายงานก่อนค่อยว่ากัน""ขอรับ"ฟู่จาวหนิงไปที่เรือนจิ้งชิวและคนอื่นๆ ในบ้านตระกูลเสิ่นพอได้รู้ได้ยินการเคลื่อนไหวของคืนนี้ พวกเขาจะเข้ามาสำรวจไหม แล้วจะจัดการอย่างไร นั่นเป็นเรื่องของเสิ่นเสวียนแล้วฟู่จาวหนิงแค่กำชับกับพวกไป๋หู่ ว่านางจะครองห้องไท่ไท่อาวุโสคืนนี้ ใครก็ห้ามเข้าใกล้เ
"องค์จักรพรรดิ ข้าน้อยเป็นคนจริงใจนะ"อันเหนียนคัดค้านอย่างตั้งใจมาคำหนึ่งเขาเป็นแผนการเยอะเสียที่ไหนกัน? แล้วข้ามีลิ้นเทพที่ว่านั่นที่ไหน?"ข้าน้อยเป็นขุนนางบุ๋น ไม่ใช่พวกคนวางแผน จะมากล่อมเรื่องแต่งงานได้อย่างไรกัน" อันเหนียนผายมือออกนี่เป็นสีหน้าที่แทบจะเป็นหมูตายไม่กลัวน้ำร้อนลวกอยู่แล้ว!องค์จักรพรรดิพอเห็นท่าทีนี้ก็ของขึ้น"เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อไหม? มีคนบอกกับข้ามา ว่าเจ้าน่ะ" องค์จักรพรรดิยื่นมมือมาชี้ๆ อันเหนียน เอ่ยต่อว่า "เจ้าน่ะในใจมีลูกคิดของตนเองอยู่ เจ้าอยากจะให้องค์หญิงหนานฉือหันมองเจ้า แล้วมาออกเรือนกับผู้ตรวจการอันอย่างเจ้าใช่ไหม?"อันเหนียนอยู่กับองค์หญิงหนานฉือตั้งนานสองนาน การคาดเดาเช่นนี้แน่นอนว่าต้องมีอยู่ไม่น้อยพวกเขาล้วนพูดกันว่าองค์หญิงหนานฉืออันที่จริงชอบคุณชายอยู่หลายคน แต่ทุกคนที่ชอบก็ถูกอันเหนียนปัดตกตลอด เขาจะต้องแอบพูดข้อแย่ๆ ของคนๆ นั้นกับองค์หญิงหนานฉือแน่ๆ ทำลายความคิดขององค์หญิงหนานฉือทิ้งดังนั้นตั้งนานขนาดนี้ องค์หญิงจึงยังไม่เลือกใครที่ถูกใจเสียทีความคิดของอันเหนียน ก็คือจะยกตนเองให้เจ้าหญิงพอเห็นทรัพย์สินขององค์หญิงหนานฉือ อันเหนียน
สำหรับแคว้นหนานฉือกู่ที่ส่งยาบดมาครั้งนี้ ถ้าเซียวหลันยวนบอกว่าไม่หวั่นไหวนั่นคือเรื่องโกหกขาของเขาดีขึ้นแล้ว เพียงแต่ยังแกล้งทำเพื่อตบตาคนภายนอกอยู่แต่ใบหน้าของเขายังไม่ดีมาตลอดแผลเป็นบนหน้านี้กลายเป็นอาการป่วยในจิตใจเขาแล้วช่วงนี้กลางดึกเขาชอบฝึนถึงแต่เงาของฟู่จาวหนิง เซียวหลันยวนด้านหนึ่งค่อยๆ เข้าใจจิตใจตนเองขึ้นมาแล้ว ส่วนอีกด้านก็สนใจเรื่องที่หน้าตาของพังยับของตนเองเขาไม่ออกจากบ้านมาตลอด วันวันอยู่แต่ในจวนอ๋องเจวี้ยน คนทั้งเมืองหลวงล้วนกำลังคาดเดาว่าใบหน้าของเขาพังย่อยยับไปหมดแล้วจริงไหมใบหน้าของอ๋องเจวี้ยน มาถึงระดับที่ไม่สามารถไปพบผู้คนได้แล้ว คนส่วนใหญ่ล้วนพูดกันเช่นนี้"ตรวจสอบต่อไป" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นชิงอีกังวลเล็กน้อย"ท่านอ๋อง ตรวจสอบคุณสมบัติหลักๆ ของยาบดนั่นหรือ?""ใช่""องค์หญิงหนานฉือยื้อเวลามาตั้งนานโดยไม่ยอมเลือกสามี นางคงไม่ได้อยากจะแต่งเข้าจวนอ๋องเจวี้ยนจริงๆ หรือกระมัง?"อันที่จริงพวกเขาเองก็คาดเดาไว้เช่นนี้เพราะองค์หญิงหนานฉือแอบส่งคนมานัดแล้วถึงสองรอบ แม้ว่าจะเป็นงานเลี้ยงส่วนรวมที่มีคนอื่นมาร่วมด้วย แต่องค์หญิงหนานฉือก็รู้ว่าอ๋องเจวี้ยนไม
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้