ไม่มีใครรู้ว่าไท่ซ่างหวงทำไมจึงกำหนดเงื่อนไขนี้ขึ้นมาแต่ว่าตอนนี้ฮองเฮากลับรู้สึกว่าเงื่อนไขนี้กำหนดมาได้ดี ตระกูลฟู่ไม่มีใครสักคนที่เรียนหมอ ฟู่จาวหนิงเองก็ช่วยปู่ของนางออกหาสมุนไพรตั้งแต่เล็ก แต่คนไม่น้อยในเมืองหลวงก็รู้ว่า นางนั้นโง่จะตาย จำตัวยาอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ต้องคอยให้หมอบอกให้ วาดรูปร่างให้ จากนั้นจึงให้นางขึ้นเขาไปค้นหาแต่อย่างนี้หายากลับมาถูกหรือ?ไม่เลยสักนิดฟู่จาวหนิงมักจะขุดกลับมากองหนึ่ง ส่งให้ท่านหมอช่วยดูให้ ว่าในกองนั้นหาอะไรมาถูกต้องบ้างนางยังเคยต้มยาผิดให้ผู้เฒ่าฟู่ด้วยเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องตลกขบขันที่เล่ากันไปทั่วเมืองหลวง เซียวเหยียนจิ่งเองก็รังเกียจฟู่จาวหนิงด้วยเหตุนี้ รู้สึกว่านางเป็นคนไม่ได้เรื่อง มีแต่จะทำให้คนขบขันการรับคนไม่ได้เรื่องอย่างฟู่จาวหนิงมาเป็นภรรยา จะยิ่งทำให้เขาถูกคนหัวเราะเยาะเอาได้ฮองเฮาตอนนี้อยากจะหัวเราะร่าขึ้นมาเงื่อนไขนี้ของไท่ซ่างหวงกำหนดออกมาได้ยอดเยี่ยมเสียจริง!"ฮองเฮา ข้าเองก็ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว" ไทเฮาน้ำเสียงเย็นชา ดูเคืองหน่อยๆ "เจ้าในเมื่อจดจำได้ ก่อนหน้าที่กราบไหว้ฟ้าดินทำไมจึงไม่พูดออกมา? ตอนนี้แม่นางตระกูล
"คิดจะไปเนินจันทร์เด่นค้นหาตัวยาสิบชนิดไม่น่าจะเป็นไปได้เสียแล้ว"ฟู่จาวหนิงส่ายหัวถอนหายใจ"ผิดแผน ผิดแผน"นางคิดไม่ถึงเลยว่าการเลือกอ๋องเจวี้ยน พอแต่งงานด้วยแล้วจะเจอเรื่องยุ่งยากขนาดนี้ แต่ว่าพอคิดไปถึงผู้เฒ่าฟู่ นางก็ตั้งสติใหม่ขึ้นมาก็แค่หาตัวยาเองไม่ใช่หรือ?ต่อให้ไม่มีเงื่อนไขนี้ นางก็ยังต้องออกไปหายาอยู่ดี สถานการณ์ตระกูลฟู่ตอนนี้ลำบากยากแค้นมาก ที่บ้านไม่เหลือเงินอีกแล้ว คิดจะซื้อยามาก็สิ้นเปลือง ถ้าหากเขาจันทร์ลับฟ้าทางนั้นมีตัวยา นางไปขุดมาไม่ต้องใช้เงินไม่ดีกว่าหรือ?พอคิดเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็ใจเย็นลงมา"ลูกชิ้นนี้อร่อยดีจัง"หงจั๋วกับเฝิ่นซิงเห็นว่านางดูใจเย็นขนาดนี้ ก็กลับกังวลแทนนางขึ้นมา ตอนนี้ดูแล้วเหมือนพระชายาคนนี้จะไม่มีมาด ไม่น่ากลัว ในใจพวกนางจึงคาดหวังให้ฟู่จาวหนิงสามารถนั่งในตำแหน่งพระชายานี้ได้อย่างมั่นคงส่วนโถงพิธีมงคลทางนั้น องค์จักรพรรดิยังคิดจะถามคำถามอ๋องเจวี้ยนอีกสักหน่อย แต่ไทเฮากลับมึนหัวขึ้นเสียแล้ว"องค์จักรพรรดิ ฮองเฮา พวกเรากลับวังกันเถิด อายวนเร่งร้อนแต่งงาน ไม่มีอะไรจะเลี้ยงด้วย" ไทเฮาดูเหมือนไม่อยากจะอยู่ต่อแล้ว"นี่."องค์จักรพรรดิร
"สุรานี้""พระชายา ท่านอ๋องในใจมีท่านอยู่แน่นอน" หงจั๋วกับเฝิ่นซิงดูตื่นเต้น มองฟู่จาวหนิงแล้วแอบหัวเราะ "นี่คือสุราเลิศตระกูลอวิ๋น หนึ่งไหหมื่นตำลึงก็ยังซื้อไม่ได้เลยนะ ท่านอ๋องยังห่วงใยจนส่งมาให้ท่านเหยือกหนึ่งด้วย"ฟู่จาวหนิงรับสุราไป ขึ้นมาชิมก่อนจิบหนึ่ง จากนั้นก็ดื่มรวดเดียวจนหมดพอเห็นนางดื่มสุราอย่างห้าวหาญเช่นนี้ สาวใช้ทั้งสองก็ตะลึงงันไป"นี่มันสุราโอสถนี่นา" ฟู่จาวหนิงลิ้มชิมรสของสุรา"ใช่แล้ว สุราเลิศตระกูลอวิ๋นไม่เพียงแต่หมักบ่มจนหอมเข้ม หอมหวานสดชื่อในปาก รสติดค้างอยู่ในคอเท่านั้น แต่เพราะด้านในของมันมีตัวยาอยู่เก้าชนิด หลายปีมานี้มีคนมากมายค้นคว้าสุราเลิศตระกูลอวิ๋น และค้นคว้าตัวยาเจ็ดชนิดด้านในออกมาได้แล้ว ทว่าจนปัจจุบันก็ยังไม่มีใครรู้ถึงสองชนิดที่เหลือ สุราที่หมักออกมาจึงไม่ใช่รสชาตินี้มาโดยตลอด"หงจั๋วสูดดมกลิ่นของสุรานี้ จากนั้นจึงพูดต่อว่า "ดังนั้นสุรานี้จึงขายกันแพงลิบลิ่ว แพงขนาดนี้ยังหาซื้อได้ยากเลย""พระชายา สุรานี้ดื่มแล้วบำรุงได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่แรงมากด้วย หัวก็ไม่ปวด ท่านดื่มอีกสักสองแก้วสิ" เฝิ่นซิงเอ่ยขึ้น"พวกเจ้าดื่มด้วยไหม?" ฟู่จา
ผู้ดูแลตะลึงงันไปแล้วคืนพิธีแต่งงานใหญ่ ฟ้าก็มืดแล้ว แต่เจ้าสาวกลับจะกลับบ้านหรือ?"พระชายา เรื่องนี้ไม่เหมาะสม ถ้าท่านอยากจะกลับไป สามวันจากนี้คือวันที่จะได้กลับ""รอไม่ได้"ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็รู้สึกใจเต้นอย่างรุนแรง และไม่มีเวลามาอธิบายกับเขาให้มากความ หันหน้าไปทางหงจั๋วกับเฝิ่นซิง "คอกม้าอยู่ทางไหน?"สองสาวใช้แม้จะไม่เข้าใจว่านางกำลังจะทำอะไร แต่พอได้ยินน้ำเสียงร้อนรนของนาง จึงชี้ทิศทางไปด้วยสัญชาตญาณ"อยู่ทางนั้น"ฟู่จาวหนิงยกกระโปรงขึ้นแล้ววิ่งตรงไปทางนั้นทันที"พระชายา พระชายา"เฝิ่นซิงกับหงจั๋วตกใจ รีบร้อนยกขาวิ่งตามนางไปผู้ดูแลพอได้สติกลับมา ก็รีบร้อนสั่งการกับทหาร "พวกเจ้าไปรายงานท่านอ๋อง"ตัวเขาเองก็ไล่ตามฟู่จาวหนิงออกไปนี่จะทำอะไรกัน?ฟู่จาวหนิงวิ่งเร็วมาก แต่จวนอ๋องเองก็ใหญ่เสียเหลือเกิน จนนางวิ่งมาถึงคอกม้า ฟ้าก็ดำขึ้นไปอีก คนใช้ที่ดูแลคอกม้าก็ถูกนางทำให้ตกใจสะดุ้งโหยง"เจ้า""ขอยืมม้าหนึ่งตัว!"หัวใจที่เต้นของฟู่จาวหนิงตอนนี้ยิ่งแรงขึ้นไปอีก และไม่สนใจเขา สายตากวาดไปยังม้าสีแดงตัวหนึ่งในนั้น พุ่งตัวเข้าไป ปลดเชือกจูงออกคนใช้หน้าเปลี่ยนสี ตกตะลึงร้องขึ้น
"ฮูหยินรอง ท่านอย่าพูดเช่นนี้เลย ท่านผู้เฒ่าใกล้จะไม่ไหวอยู่แล้วนะ!"เสียงร้องไห้ของหญิงสาวคนหนึ่งน่าเวทนาอย่างมาก"นังสารเลวอย่างเจ้ากำลังร้องไห้ให้ท่านลุงหรือ? เขาอยู่สภาพนี้มาตั้งสองปีแล้ว เจ้ายังจะมาร้องห่มร้องไห้ คนไม่รู้จะคิดว่าเขาตายไปแล้วนะ!"เสียงหญิงสาวใจดำโหดร้ายนั่นก็ลอดออกมาอีกครั้ง "จะว่าไป ข้าพูดผิดหรือ? จาวหนิงเป็นเด็กคนเดียวของบ้านแล้ว ท่านลุงเลี้ยงชุบเลี้ยงนางมาจนโต ตอนนี้นางกลับไปทำเรื่องอับอายน่าขายหน้าภายนอก ข้าต้องบอกเรื่องนี้กับท่านลุงสิ""จาวหนิงเด็กคนนี้อกตัญญูเสียจริง นางไปผิดใจกับคุณหนูใหญ่หลี่ ท่านลุงหลังจากนี้เลิกคิดเรื่องไปซื้อยาที่ร้านขายยาได้เลย ถ้าวันหนึ่งตื่นเต้นจนหายใจไม่ทันขึ้นมา ก็คงจะเชิญหมอมาไม่ได้อย่างแน่นอน! หมอเทวดาหลี่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงเสียขนาดนั้น หมอทั้งหมดจึงล้วนฟังเขา เขาแค่พูดมาประโยคเดียว ก็คงจะไม่มีหมอสักคนเข้ามารักษาท่านลุงอีก""จาวหนิงยังไปผิดใจกับรัฐทายาทเซียวด้วย รัฐทายาทเซียวเองก็พูดมาแล้ว ว่าจาวหนิงหลังจากนี้จะขายไม่ออกอีกแน่นอน ไม่แน่ว่าจาวหนิงที่ถูกถอนหมั้นตอนนี้คงคิดไม่ตก ไม่กล้ากลับมา จนตนเองไปคิดสั้นแล้วก็ได้""พรวด
อ๋องเจวี้ยนมองมาทางลุงจงลุงจงเองก็ตกตะลึงยืนอยู่กับที่อย่าว่าแต่ประตูหลังเลย ต่อให้เป็นประตูหน้าจวนตระกูลฟู่ก็ไม่มีแขกเข้ามานานหลายปีแล้วแต่ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตรงหน้านี้ สวมชุดเลอค่าสูงส่ง สวมหน้ากากครึ่งหน้าดูลึกลับ แต่ใบหน้าอีกด้านกลับใบหน้างดงาม หูตาจมูกได้รูป ดูแล้วทำให้คนรู้สึกว่าตัวตนฐานะไม่ธรรมดา"พวกเจ้า"สายตาของอ๋องเจวี้ยนตกไปอยู่บนปิ่นทองในมือเขาชิงอีกเองก็มองเห็น สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย"เจ้าจะนำปิ่นทองเล่มนี้ไปที่ใด?" เสียงอ๋องเจวี้ยนเย็นเยียบลุงจงซ่อนปิ่มทองเล่มนั้นไปด้านหลังด้วยสัญชาตญาณ "นี่ นี่เป็นของคุณหนูข้า"ใช่แล้ว เรื่องที่คุณหนูกำชับมาจะชักช้าไม่ได้ลุงจงรีบปิดประตูทันที กัดฟัน คารวะไปทางอ๋องเจวี้ยน "นายท่านโปรดให้อภัย ข้าน้องมีเรื่องต้องรีบไปทำ เวลานี้ไม่อาจปล่อยให้พวกท่านเข้าไปได้!"ไม่ว่าจะใครก็ตาม ห้ามทำให้เรื่องนี้ชักช้า!พูดจบประโยคนี้ ลุงจงก็หยิบปิ่นทองเล่มนั้นยกเท้าวิ่งอ้าว"ตามไปดูหน่อย" เสียงของอ๋องเจวี้ยนขรึมขึ้นมาจะให้เขาเอาของของจวนอ๋องเจวี้ยนวิ่งหนีไปหรือ?"ขอรับ"ทหารคนหนึ่งตามไปทันทีอ๋องเจวี้ยนมองประตูหลังทรุดโทรมบานนี้ หัว
"คุณหนู อยู่ที่นี่หมดแล้ว!"ลุงจงรีบหยิบของส่งออกไปฟู่จาวหนิงหยิบสุรา แช่เข็มเงินไว้ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ไปเผาบนเทียน ให้ลุงจงช่วยปลดเสื้อผ้าของผู้เฒ่าฟู่ลงแล้วนางก็หยิบชิ้นโสมแผ่นหนึ่ง วางไว้ใต้ลิ้นของผู้เฒ่าฟู่"เสี่ยวเถาหยิบชิ้นอื่นๆ ไปต้มน้ำแกงโสมเสีย""เจ้าค่ะ"เสี่ยวเถารีบออกไป พวกเขาเองก็รู้สึกว่าฟู่จาวหนิงเปลี่ยนไปมาก แต่ก็ไม่มีเวลามานั่งคิด ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ฟู่จาวหนิงพูดตอนนี้ก็ทำให้พวกเขาต้องลงมือทำก่อนอย่างขัดไม่ได้ฟู่จาวหนิงหยิบเข็มเงิน เพ่งสมาธิแทงลงไปยังตำแหน่งจุดบนร่างกายของผู้เฒ่าฟู่"อ๊า..."ลุงจงพอเห็นการกระทำของนางก็เกือบจะร้องอุทานออกมา แต่รีบปิดปากลงสนิทคุณหนูไม่ได้เรียนหมอมานี่นา นางทำไมจึงกล้าลงเข็มกับท่านผู้เฒ่ากัน?แต่จิตวิญญาณที่มุ่งมั่นของฟู่จาวหนิง ก็ทำให้เขาไม่กล้ารบกวนด้วยสัญชาตญาณฟู่จาวหนิงเคลื่อนไหวเร็วมาก แทงไปแล้วหนึ่งเข็มมือก็ยังไม่หยุด แทงต่อไปอีกเข็ม ความเร็วในการลงเข็มของนางไวมาก ไม่มีลังเลแม้แต่น้อย และไม่ต้องหาตำแหน่งจุดที่แม่นยำก่อนด้วย หยิบเข็มก็แทงลงไปทันทีผู้เฒ่าฟู่สลบไปแล้ว ระหว่างขั้นตอนของฟู่จาวหนิงเขาก็ยังไม่ตื่น และไ
ฟู่จาวหนิงไม่ได้ตอบกลับชิงอีนี่คือเรื่องของบ้านนาง ไม่จำเป็นต้องอธิบายกับชิงอีให้ชัดเจนขนาดนั้นนางตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าอ๋องเจวี้ยนเป็นคนแบบไหน"ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วชั่วคราว" ฟู่จาวหนิงพูดกับลุงจง "รบกวนลุงจงใช้น้ำร้อนเช็ดตัวให้ท่านปู่ด้วย""คุณหนูไม่ต้องเกรงใจกับข้าน้อยขนาดนี้" ลุงจงพอได้ยินว่าท่านผู้เฒ่าไม่เป็นไรแล้ว ก็เช็ดตาอย่างปีติ"ป้าจงกับพี่หู่ล่ะ?"ฟู่จาวหนิงเวลานี้เพิ่งมีเรี่ยวแรงถามคำถามนี้ออกมาเดิมทีป้าจงกับลูกชายของพวกเขาหู่จือควรจะอยู่ที่นี่ด้วย แต่นางกลับมาตั้งนานขนาดนี้แล้ว ที่นี่อาละวาดจนเป็นขนาดนี้ก็ยังไม่เห็นแม่ลูกทั้งสองคนพอได้ยินนางถามขึ้นมา ลุงจงก็น้ำตาหลั่งทะลักออกมา เสี่ยวเถาเองก็หน้าซีดขาว"คนล่ะ?"ฟู่จาวหนิงพอเห็นปฏิกิริยาของพวกเขาก็รู้แล้วว่าเกิดเรื่องขึ้นแน่นอน ไม่เช่นนั้นป้าจงกับหู่จือจะต้องอยู่ดูแลที่นี่แน่ มีหรือจะปล่อยให้ฮูหยินรองอาละวาดคลั่งแบบนี้?ลุงจงเป็นคนซื่อสัตย์พูดน้อย แต่ป้าจงกลับเป็นคนฉุนเฉียว หู่จือเองก็แข็งแกร่งหยาบกระด้าง มีแม่ลูกอย่างพวกเขาอยู่ เหล่าคนใช้ของบ้านอื่นก็ล้วนไม่กล้ากำเริบเสิบสานกัน"คุณหนู ฮือๆๆ" เสี่ยวเถาอดร้องไห
หลี่จื่อเหยานอนอยู่บนเตียง กระทั่งมือก็ไม่มีแรงจะขยับนางรู้สึกว่าปากของตนเองแอบจะแห้งแตกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาดูนางเลยนางไม่รู้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงนานเท่าไรแล้ว อยากจะเรียกคนให้เข้ามา แต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงที่อ่อนแอไปเท่านั้น"น้ำ""ใครก็ได้..."ตัวนางเองยังรู้สึกว่าเสียงของตัวเองเหมือนเสียงยุงร้อง สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกนั่นไม่ได้ยินเลยหลายวันนี้พวกนางยิ่งขี้เกียจขึ้นไปอีก ถึงแม้ตอนแรกนางมักจะดุด่าพวกนั้น ไม่ยอมให้พวกนางเข้ามาวุ่นวายกับนาง นางอยากจะนอนมันทั้งวันแต่หลายวันนี้นางรู้สึกว่านอนจนผิดปกติไปแล้ว แต่พวกนางก็ยังไม่พบอาหารเย็นเมื่อวานพวกนางส่งเข้ามาแล้ว มาส่งที่ข้างเตียงนางเหมือนก่อนหน้า นางก็ลุกขึ้นมากินอย่างเกียจคร้าน พอกินเสร็จก็โยนตะเกียบไปบนโต๊ะ พอสาวใช้เหล่านั้นว่างก็เข้ามาเก็บไปแต่ชามตะเกียบของเมื่อวาน พวกนางจนตอนนี้ก็ยังไม่เข้ามาเก็บ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีคนเข้ามารินน้ำให้นางด้วยข้าวเช้าข้าวเที่ยงวันนี้ ก็ไม่มีใครส่งเข้ามาเพราะนางไม่ได้เรียกให้ส่งข้าวหรือ?แต่นางก็พูดไม่ออกแล้วหลี่จื่อเหยารู้สึกว่าหัวของตนเองมึนตื้อ นางอยากจะด่าคน อยากจะเรียกสา
ที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุดคือ กระทั่งคนเทขยะก็ยังไม่กล้าเข้ามา บอกว่าขยะของจวนชินอ๋องเซียวก็ไม่แน่ว่าจะไม่มีพิษ แค่สูดดมก็อาจจะติดเชื้อได้"เดิมทีในจวนอ๋องยังมีคนงานอยู่บางส่วน บ้านอยู่ภายนอก ตอนนี้คนเหล่านั้นก็ยังไม่กล้ามา คนในอุทยานเอง กระทั่งประตูเมืองก็ยังไม่เข้ามา ของกินของดื่มในจวนอ๋องทุกวันก็ไม่มีใครส่งเข้ามา ตนเองจะออกไปซื้อก็ไม่ได้""หมายความว่าอย่างไร?" เซียวเหยียนจิ่งคิดว่าตนเองฟังผิด กระทั่งออกไปซื้อของก็ยังไม่ได้เนี่ยนะ?"รัฐทายาท คนที่ขายเนื้อขายผักด้านนอก ล้วนกลัวคนในจวนเรากันหมด ดังนั้นจึงไม่ขายของให้พวกเราชั่วคราว! บอกว่าเรื่องนี้ต่อให้ไปพูดต่อหน้าองค์จักรพรรดิก็ยังถือว่าถูกต้อง ถึงอย่างไร องค์จักรรพรรดิก็ออกราชโองการมาแล้ว ว่าห้ามท่านอ๋อนเข้าเมืองหลวง""องค์จักรพรรดิรู้ว่าท่านพ่ออยู่ที่อุทยานด้านนอกหรือ?" เซียวเหยียนจิ่งหน้าขรึมลงมา"ขอรับ รู้กันทั่วทั้งเมืองแล้ว ผู้เช่าทำนาทั้งหมดในอุทยานก็ไม่ให้เข้าเมืองแล้ว เสบียงที่ผลิตในอุทยาทก็ไม่อนุญาตให้ส่งมาเมืองหลวง ดังนั้นพวกเราจะเอากลับไปกินที่จวนอ๋องก็ยังไม่ได้""มีเหตุผลแบบนี้ด้วยรึ! พวกเขาคิดจะให้จวนชินอ๋องเซียวอดตายก
สาเหตุที่เซียวเหยียนจิ่งมารับหมอเทวดาหลี่กลางทาง ก็เพราะอาการป่วยของชินอ๋องเซียวเขาถามหมอหลายคนในเมืองหลวงไปแล้ว ล้วนเป็นหมอที่มีวิชาแพทย์ดีมากทั้งนั้น ผลคือไม่มีใครรักษาได้สักคนกระทั่งยังไม่แน่ใจว่าติดโรคระบาดมาได้อย่างไรด้วยซ้ำองครักษ์ที่ไปหาคนป่วยคนนั้นไม่เป็นอะไรกันเลย แต่คนที่ไม่ได้ไปสัมผัสคนป่วยคนนั้นอย่างชินอ๋องเซียวกลับติดมาเสียได้ นี่จะอธิบายกันอย่างไรล่ะ?เขาเองก็ไปหาฟู่จาวหนิงมไ่ได้ ยิ่งไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงรู้ว่าพ่อของตนเองติดโรคระบาดนั้นด้วย ดังนั้นจึงทำได้แค่รีบไปรับหมอเทวดาหลี่เท่านั้นไม่ว่าจะพูดอย่างไร หมอเทวดาหลี่อย่างน้อยก็เป็นพ่อตาเขานะถึงแม้พวกเราก่อนหน้านี้จะทะเลาะกันบ่อย จนแทบจะเป็นศัตรูกันอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่จื่อเหยาที่อยู่ในจวนชินอ๋องเซียวก็แทบจะไม่มีตัวตนอยู่แล้วไม่ว่านางจะอาละวาดแค่ไหน เซียวเหยียนจิ่งก็ไม่สนใจนาง ไม่พบนางด้วยซ้ำ เขาส่งหญิงรับใช้ที่ตัวใหญ่แรงเยอะไปให้หลี่จื่อเหยาหลายคน กระทั่งสาวใช้ก็ยังมีพละกำลังอย่างมากด้วย คอยจับตานางดูไว้ทุกวันกระทั่งยังวางยาพิษออกฤทธิ์ช้ากับหลี่จื่อเหยาอีก พิษนั่นเซียวเหยียนจิ่งหามาอย่างยากลำบาก เขาเคยทดลองแล
"ข้าเดาว่าอีกไม่นานนางน่าจะจัดงานเลี้ยงอะไรอีก ถึงตอนนั้นเกรงว่าคงจะมาเชิญอันชิงด้วย"ฟู่จาวหนิงคิดถึงนิสัยเฉินฮ่าวปิง รู้สึกว่านางได้แต่งตั้งเป็นท่านหญิง จะต้องเคลื่อนไหวอะไรแน่ เป็นไปไม่ได้ที่จะเงียบไปเช่นนี้ จะบอกไม่จดจำอันชิง ก็ดูจะเป็นไปได้อยู่"แล้วไม่ไปได้ไหม?" องค์หญิงหนานฉือขมวดคิ้ว"ไม่ไปก็ได้อยู่" เซียวหลันยวนพูดขึ้นมาอันเหนียนถอนหายใจ "ท่านอ๋อง ท่านน่ะได้ พวกเราที่เป็นขุนนางตัวเล็กตัวน้อย ปฏิเสธคนส่งเดชไม่ได้นี่สิ"เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาพูดซะน่าอดสูแบบนี้ นี่ใช้อันเหนียนไหมเนี่ย?ความคิดของอันเหนียนคนนี้ ไม่เคยจะเรียบง่ายมาแต่ไหนแต่ไรฟู่จาวหนิงไม่ได้คิดจะอ้อมค้อมเหมือนพวกเขาสองคน พอได้ยินอันเหนียนพูดเช่นนี้ นางก็ตอบรับมาตรงๆ"อันชิงเองก็ถือว่าไปผิดใจกับเฉินฮ่าวปิงเพราะข้าเหมือนกัน ถ้าหากเฉินฮ่าวปิงมาหาเรื่องนาง พวกท่านก็มาบอกข้าเลย"ในตาอันเหนียนมีรอยยิ้ม "เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณพระชายาแทนชิงชิงด้วย"เป้าหมายใหญ่สุดที่เขามาที่นี่ ก็เพื่อประโยคนี้ไม่ใช่หรือ? ฟู่จาวหนิงถ้ายอมปกป้องอันชิงหน่อย เขาก็ไม่ต้องกังวลมากแล้ว"เฮอะ" เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาอย่างหมดคำจะพูด "เจ้านี่ม
อันเหนียนแปลงโฉมเป็นชายกลางคนคนหนึ่ง พาสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาในจวนอ๋องเจวี้ยนฟู่จาวหนิงสายตาตกอยู่บนตัวสาวใช้คนนั้น หัวเราะพรวดออกมา"องค์หญิงแปลงโฉมใช้ได้นี่นา หน้าย่นลงมาแล้วนั่น"สาวใช้ที่ดูลับๆ ล่อๆ คนนึ้นยืดตัวตรง เงยหน้าขึ้นทันที ท่าทางเปลี่ยนไปในพริบตานางมองฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างประหลาด "ข้าแต่งแบบนี้แล้ว เจ้ายังปราดเดียวก็รู้เลยหรือ?""ใบหู คางกับคอขององค์หญิงไม่ได้เปลี่ยนไปเลย" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ช่องโหว่เหล่านั้นหงจั๋วกับเฝิ่นซิงยืนอยู่ข้างๆนาง ทั้งสองคนล้วนมององค์หญิงหนานฉืออย่างสนอกสนใจขนาดพระชายาชี้ช่องโหว่พวกนี้ออกมาแล้ว แต่พวกนางก็ยังมองไม่ออก ดูท่าสายตาของพระชายาจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามากเลยองค์หญิงหนานฉือเบ้ปาก "ตอนที่ข้าออกมาก็ส่องกระจกตั้งหลายรอบแล้วนา ขนาดข้าเองยังมองไม่ออกเลย"คอใบหูและมือของนาง ทาจนดำไว้ชั้นหนึ่ง มีช่องโหว่ตรงไหนกันอันเหนียนเอ่ยขึ้นว่า "พระชายาอ๋องเจวี้ยนเรียนวิชาแพทย์มานะ ต้องมองคนได้เฉียบคมกว่าพวกเราอยู่แล้ว""นี่เกี่ยวกับเรียนแพทย์ตรงไหนกัน" องค์หญิงหนานฉือไม่ค่อยเข้าใจฟู่จาวหนิงพยักหน้าให้อันเหนียน แสดงท่าทีชื่นชม "ผู้ตรวจการอันพูดถูกต้อง
ฮูหยินเฉินกลับมาในบ้านของต่งฮ่วนจือตอนที่สายัณห์กำลังมาถึง เฉินฮ่าวปิงก็กลับมาแล้ว"ท่านแม่!"ฮูหยินเฉินได้ยินเสียงของนาง ก็ลุกพรวดขึ้นมา จากนั้นนางก็เห็นเฉินฮ่าวปิงพาสาวใช้หน้าตาสะสวยสองคนเดินเข้ามาถึงอย่างไรก็เป็นคนที่เข้าใจลูกสาวดีที่สุด พอเห็นสีหน้าของเฉินฮ่าวปิง ฮูหยินเฉินก็รู้ว่านางคงจะได้เป็นท่านหญิงไปแล้วใจของนางดิ่งวูบทันที"ท่านแม่ รีบเก็บของเร็วเข้า พวกเรากลับบ้านกัน!" เฉินฮ่าวปิงเชิดคาง ดูภูมิใจมาก"ปิงเอ๋อร์ พวกเรามีบ้านที่ไหนกัน?""พระชายาเยว่ให้บ้านพวกเรามา อยู่ในซอยกุ้ยเซียงข้างหน้านี่ บ้านสองตอน หลังจากนี้พวกเราก็มีบ้านของตัวเองในเมืองหลวงแล้ว"เฉินฮ่าวปิงเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ "แล้วก็ สาวใช้สองคนนี้พระชายาเยว่ก็ยกมาให้ข้า ชิวอวิ๋น ชิวเยว่ นี่แม่ของข้า"ชิวอวิ๋นชิวเยว่ขึ้นมาคารวะ "คารวะฮูหยิน"ฮูหยินเฉินสีหน้ายิ่งแข็งขึ้นไปอีก"ท่านแม่ ท่านทำไมถึงไม่ดีใจเลย? ท่านพ่อยังเป็นธุระ ให้องค์จักรพรรดิจัดหามามาอบรมมารยาทให้ข้าด้วย พรุ่งนี้จะเริ่มอบรมมารยาทในวังให้ข้า หลังจากนี้ข้าเองก็จะเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่สง่างามได้แล้ว"เฉินฮ่าวปิงเข้ามาใกล้แม่ของนาง เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า "องค์จักรพร
ได้ยินว่าตระกูลของพระชายาอ๋องฉยงมีบารมีมากในเมืองฉยงโจว อ๋องฉยงไปที่นั่นเหมือนไปเกาะนางกินอย่างไรอย่างนั้น เขาตอนนี้ถ้าไปตบหน้าพระชายาอ๋องฉยงแบบนั้นอีก คือคิดจะไม่กลับไปเมืองฉยงโจวแล้วหรือ?เขาน่าจะรับปาก ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เริ่มบ้าไปแล้ว" ส่งเขาเข้าคุกได้ ให้ไท่เฮาอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนอย่ากลับวัง เรื่องเหล่านี้ยังทำออกมาได้ องค์จักรพรรดิบ้าไปหน่อยแล้วจริงๆ"ดังนั้น เจ้าความลับที่ฮูหยินเฉินกอดเอาไว้มันคืออะไรกันแน่?"มูลค่าสูงขนาดที่ ทำให้องค์จักรพรรดิต้องถอยให้ก้าวหนึ่งเลยหรือ"เรื่องเกี่ยวกับตงฉิง..." เสียงของเซียวหลันยวนเย็นชาลงเล็กน้อย "ตอนนี้ดูท่า การล่มสลายของตงฉิงครั้งนั้นเหมือนไม่ใช่ภัยธรรมชาติเสียแล้ว"ฟู่จาวหนิงมองเขา ดูกังวลขึ้นมา"ถ้าหากการล่มสลายของตงฉิงมีแผนร้ายอื่นอยู่ คนที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่อยากให้ความจริงถูกเปิดเผยต่อใต้หล้าแน่ ถึงตอนนั้นตัวตนฐานะของท่านถ้าเปิดเผยออกมา จุดสนใจทั้งหมดก็จะพุ่งไปบนตัวท่านสิ"ถ้าหากมีแผนร้ายจริง คนที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่ปล่อยเซียวหลันยวนแน่นอนกระมัง?ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในราชวงศ์ตงฉิงหนึ่งเดียวที่ยังอยู่บนโลกนี้ เป็นสายเลือดเซียวหลันยวนนิ่
เฉินฮ่าวปิงบิดมือออกจากแขนของฮูหยินเฉินทันที"ท่านแม่ ข้าจะเข้าวังไปกับท่านพ่อ ถ้าท่านไม่ไป ข้าเข้าไปฟังองค์จักรพรรดิดูว่าเขาจะพูดอะไร กลับมาแล้วจะเล่าให้ท่านฟัง""ปิงเอ๋อร์! เจ้าห้ามไป!""ไป" อ๋องฉยงลุกขึ้นมา เดินนำไปก่อน เฉินฮ่าวปิงรีบตามขึ้นไป กลัวฮูหยินเฉินจะดึงเอาไว้ฮูหยินเฉินพอเห็นนางตามออกไปแล้ว ก็รีบร้อนตามขึ้นไป"ปิงเอ๋อร์ กลับมา!"พวกเขากว่าจะหลุดพ้นจากการไล่สังหารของพระชายาอ๋องฉยง ตอนนี้จะต้องกลับไปอยู่ในวังวนนั้นอีกแล้วหรือ? อ๋องฉยงคนนี้พึ่งพาไม่ได้!แต่ว่าเฉินฮ่าวปิงก็คิดแต่อยากจะให้ตนเองมีตัวตนฐานะดี นางไม่อยากเป็นลูกกำพร้าที่ไม่มีพ่อไม่มีชาติตระกูล แล้วทำได้แค่พึ่งพาการช่วยเหลือปกป้องจากต่งฮ่วนจือพ่อแท้ๆ ไม่ใช่ว่าดีกว่าคนอื่นหรือ?เป็นลูกสาวของอ๋อง ไม่ใช่ว่าดีกว่าอาศัยอยู่ในบ้านคนอื่นหรือ?"กลับไปแล้วก็เตือนแม่เจ้าหน่อย ว่าอย่าดื้อรั้นนัก" พอขึ้นรถม้า หลังจากที่รถม้าแล่นห่างออกจากร้านงานปัก อ๋องฉยงจึงพูดขึ้นมาคำหนึ่งกับเฉินฮ่าวปิงเฉินฮ่าวปิงพยักหน้านางถอนใจโล่ง ที่ท่านแม่ไม่ไล่ตามมา"ท่านพ่อ ข้าจะเตือนนางแน่ แต่ว่า ท่านทำไมถึงไม่ต้องการข้ากับท่านแม่ล่ะ?" เฉินฮ่าวปิงถ
"ถ้าเล็ดลอดออกไป พวกนางแม่ลูกน่าจะมีอันตรายถึงตัว นางยังถือว่าฉลาดอยู่" เซียวหลันยวนอันที่จริงในใจก็คาดเดาไว้บ้างแล้ว"แล้วตอนนั้นที่นางไปหาอ๋องฉยง เป็นเพราะจะยืมอำนาจของอ๋องฉยงหรือ?""ก็เป็นไปได้"และตอนนี้ที่ชั้นสองของร้านงานปักฝั่งตรงข้าม เฉินฮ่าวปิงกำลังถลึงตาอ้าปากค้างทุกคนพูดที่อ๋องฉยงพูดกับแม่นางฟังออกทั้งหมด แต่พอรวมเข้าด้วยกันทำไมนางถึงฟังไม่เข้าใจเลย?อะไรคือแคว้นเจาอยู่ต่อไม่ได้พวกเขาก็ยังหาทางอื่นได้?คิดจะกบฏต่อแคว้นหรือ?อะไรคือถ้าหากสามารถหาดินแดนผืนนั้นเจอ พวกเขาบางทีอาจจะเป็นอ๋องได้?เขาตอนนี้ไม่ใช่เป็นอ๋องอยู่แล้วหรือ? เขาไม่ใจว่ามีเมืองฉยงโจวอยู่แล้วหรือ? ยังคิดจะไปเป็นอ๋องที่ไหนอีก?อะไรคือตระกูลเฉินในครั้งนั้นติดต่อศัตรูเพื่อทรยศแคว้น?ฮูหยินเฉินตอนนี้สภาพดูไม่ดีเอาเลยหลายปีก่อนถูกพระชายาฮูหยินไล่สังหาร ตอนที่ชีวิตมีวิกฤตก็ไม่เคยคิดจะให้อ๋องฉยงช่วย เพราะรู้สึกว่าอ๋องฉยง่าจะรู้ความลับของนางเข้ามาแต่ความลับนั่นนางไม่อยากจะบอกอ๋องฉยงตอนแรกนางเคยคิดไว้แล้ว ดังนั้นจึงยอมตัวเองให้กับอ๋องฉยง แต่พออยู่กับเขาแล้ว นางพบว่าอ๋องฉยงยังไม่พอที่จะแบกเรื่องใหญ่เช่นนี้ได้ เขายั