แชร์

บทที่ 12

ผู้ดูแลตะลึงงันไปแล้ว

คืนพิธีแต่งงานใหญ่ ฟ้าก็มืดแล้ว แต่เจ้าสาวกลับจะกลับบ้านหรือ?

"พระชายา เรื่องนี้ไม่เหมาะสม ถ้าท่านอยากจะกลับไป สามวันจากนี้คือวันที่จะได้กลับ"

"รอไม่ได้"

ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็รู้สึกใจเต้นอย่างรุนแรง และไม่มีเวลามาอธิบายกับเขาให้มากความ หันหน้าไปทางหงจั๋วกับเฝิ่นซิง "คอกม้าอยู่ทางไหน?"

สองสาวใช้แม้จะไม่เข้าใจว่านางกำลังจะทำอะไร แต่พอได้ยินน้ำเสียงร้อนรนของนาง จึงชี้ทิศทางไปด้วยสัญชาตญาณ

"อยู่ทางนั้น"

ฟู่จาวหนิงยกกระโปรงขึ้นแล้ววิ่งตรงไปทางนั้นทันที

"พระชายา พระชายา"

เฝิ่นซิงกับหงจั๋วตกใจ รีบร้อนยกขาวิ่งตามนางไป

ผู้ดูแลพอได้สติกลับมา ก็รีบร้อนสั่งการกับทหาร "พวกเจ้าไปรายงานท่านอ๋อง"

ตัวเขาเองก็ไล่ตามฟู่จาวหนิงออกไป

นี่จะทำอะไรกัน?

ฟู่จาวหนิงวิ่งเร็วมาก แต่จวนอ๋องเองก็ใหญ่เสียเหลือเกิน จนนางวิ่งมาถึงคอกม้า ฟ้าก็ดำขึ้นไปอีก คนใช้ที่ดูแลคอกม้าก็ถูกนางทำให้ตกใจสะดุ้งโหยง

"เจ้า"

"ขอยืมม้าหนึ่งตัว!"

หัวใจที่เต้นของฟู่จาวหนิงตอนนี้ยิ่งแรงขึ้นไปอีก และไม่สนใจเขา สายตากวาดไปยังม้าสีแดงตัวหนึ่งในนั้น พุ่งตัวเข้าไป ปลดเชือกจูงออก

คนใช้หน้าเปลี่ยนสี ตกตะลึงร้องขึ้นมา

"อย่าแตะต้องม้าตัวนั้น! นั่นเป็นม้าคะนองที่ยังไม่เชื่องนะ!"

ถ้าไม่ระวังจะโดนเตะตายเอา!

ม้าตัวนี้หลังจากพากลับมาก็ยังไม่ทันทำให้เชื่อง ในจวนจึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้มัน ก่อนหน้านี้เขาเอาหญ้าเขาไปให้ก็เกือบไม่รอด

แต่เขาก็ร้องเรียกช้าไป ยิ่งไปกว่านั้นหัวใจของฟู่จาวหนิงก็เต้นอย่างรุนแรง ในหัวสมองนางขาวโพลน แต่จิตใต้สำนึกก็เหมือนมีเสียงหนึ่งกำลังเรียกให้นางรีบกลับไป จงรีบกลับไป

ม้าสีแดงแผดเสียงร้อง

พอได้ยินเสียงนี้ คนใช้ที่ก่อนหน้านี้รู้สึกไม่ค่อยดีกับมันตกตะลึงจนหมุนตัวไปเรียกคน

"ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว!"

เขาคนเดียวคุมม้าคะนองตัวนี้ไม่อยู่ ต้องให้ทหารที่มีวรยุทธ์แข็งแกร่งเหล่านั้นจึงจะไหว

อ๋องเจวี้ยนได้ยินรายงานของทหารแล้ว พอบอกว่าฟู่จาวหนิงจะกลับบ้านตระกูลฟู่เวลานี้ ก็มีคนใช้วิชาตัวเบาบินเข้ามาทันที เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนรน "นายท่าน พระชายาจะใช้ม้าคะนองตัวนั้น!"

"นางบ้าไปแล้ว!"

อ๋องเจวี้ยนลุกพรวดขึ้นมา ร่างไหววูบ ตัวก็เผ่นผลิวออกไปราวภาพมายา

ม้าคะนองตัวนั้นกว่าจะหามาได้ เขาวางแผนว่าม้าตัวนี้ตอนนี้ยังคะนองยังหยิ่งทะนงอยู่ แต่ด้วยสายเลือดที่บริสุทธิ์มาก ขอแค่ทำให้เชื่องได้ จะกลายเป็นม้าศึกที่ทั้งเฉลียวฉลาดและแข็งแกร่งตัวหนึ่ง ทว่าตอนนี้มันยังไม่เชื่องนะ!

นิสัยป่าเถื่อนของม้ายังไม่ถูกขจัด การโจมตีจึงแข็งแกร่งมาก

ฟู่จาวหนิงเกรงว่าจะเอาชีวิตไปทิ้งเสียแล้ว

คอกม้าทางนั้น ฟู่จาวหนิงตอนที่เข้าใกล้ม้าตัวนี้ก็พบว่าม้าตัวนี้มีความป่าเถื่อนเต็มที่ แต่นางก็ไม่มีเวลาไปเลือกม้าตัวอื่นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ก็มีเพียงม้าตัวนี้เท่านั้นที่ต้องตานาง และบางทีอาจจะมีแค่ม้าตัวนี้ถึงจะสามารถวิ่งได้เร็วพอ!

ม้ายังไม่ได้ใส่อาน ฟู่จาวหนิงพอพุ่งเข้าไปก็ยื่นมือไปลูบคอม้า

ตอนที่ม้าเริ่มเคลื่อนไหวนางก็คล่องแคล่วว่องไวพลิกตัวขึ้นไปบนหลังม้าแล้ว จากนั้นก็ลูบไปบนคอม้าอีกครั้ง หมอบตัวลงมา

"ว่าง่ายหน่อยนะ เชื่อฟังด้วย ข้าต้องให้เจ้าช่วย"

ม้าพ่นลมออก กีบเท้าหน้าชูขึ้น พุ่งออกไปจากคอกม้า

"ฮี้!"

"เด็กดี ไป!"

ตอนที่คนใช้เพิ่งเรียกคน ม้าคะนองก็พาฟู่จาวหนิงทะยานผ่านหน้าพวกเขาออกไป ก่อลมขึ้นมาวูบหนึ่ง พัดจนพวกเขาลืมตากันไม่ขึ้น

"หยุดก่อน!"

เสียงทหารเองก็ยังสั่นพร่า

ตอนที่อ๋องเจวี้ยนทะยานตัวเข้ามาก็ช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว มองเห็นแผ่นหลังฟู่จาวหนิงอยู่ไวไว

ภายใต้ความโพล้เพล้ ลมหนาวเหน็บ นางขี่อยู่บนม้าสีแดง ผมดำปลิวสยายราวเมฆ ชุดมงคลโบกสะบัด สายลมพัดกระโปรงของนาง ขับเด่นเอวที่เล็กคอดนั่นออกมา

นางควบม้าทะยานออกไปแล้ว

"พระชายา!"

ชิงอีเองก็รีบกวดเข้ามา พอเห็นฉากนี้ ก็ตกตะลึงจนสีหน้าเปลี่ยน

"นายท่าน พระชายาขี่ม้าเป็นด้วย!"

"ม้าตัวนั้นยังไม่ได้สวมอานเลย!"

ฟู่จาวหนิงก็ขี่ม้าเช่นนี้ แต่ก็ยังเร็วเช่นนี้ ดูจากแผ่นหลัง นางก็ยังนั่งอย่างมั่นคงด้วย อธิบายได้ว่าทักษะขี่ม้าของนางยอดเยี่ยมเกินคน

ฟู่จาวหนิงคนนี้ ใช่คนที่พวกเขาเคยได้ยินมาก่อนหน้าจริงหรือ?

"เตรียมรถม้า"

อ๋องเจวี้ยนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

ตอนนี้ฟู่จาวหนิงถือเป็นพระชายาของเขาแล้ว วันนี้มีพิธีแต่งงานใหญ่ ถ้านางไปเป็นอะไรด้านนอก เขาคงดิ้นจากความสัมพันธ์นี้ไม่พ้น

ยิ่งไปกว่านั้นพรุ่งนี้นางต้องไปเขาจันทร์ลับฟ้าด้วย วันนี้ก็รับปากเบื้องหน้าองค์จักรพรรดิไปแล้ว ถ้าหากเกิดเรื่องจนพรุ่งนี้ไปไม่ได้ ฮองเฮาคงเอาโทษล้อเล่นต่อจักรพรรดิคาดลงไปบนหัวนางแน่

เขาจำใจต้องไล่ตามไป

ฟู่จาวหนิงขี่ม้าราวกับสายลมสายหนึ่งแล่นผ่านถนนยาว คนบนถนนล้วนไม่ทันเห็นว่าเป็นใคร คนก็หายไปแล้ว

อาศัยจากความทรงจำ ในที่สุดนางก็มาถึงบ้านตระกูลฟู่

ได้ยินว่าตระกูลฟู่ก่อนหน้านี้รุ่งโรจน์มาก กระทั่งขับเคลื่อนทั้งตระกูลเลยทีเดียว ผู้เฒ่าฟู่เองก็เคยถูกคนล้อมหน้าล้อมหลัง ลูกหลานเครือญาติต่างล้วนเคารพนับถือ

แต่สิบปีก่อนตระกูลฟู่เกิดเรื่องขึ้น ล้มพังลงอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่ปีทรัพย์สินของตระกูลก็ถูกขายจนหมด คนในตระกูลก็ทยอยกันตัดสัมพันธ์กับตระกูลฟู่

ตอนนี้สถานที่ที่ผู้เฒ่าฟู่อาศัยอยู่คือคฤหาสน์รูปแบบสวนที่ใหญ่โต แต่เรือนต่างๆ ในนั้นส่วนใหญ่ถูกคนในตระกูลใช้เหตุผลต่างๆ นานายึดครองไป ผู้เฒ่าฟู่จึงพาฟู่จาวหนิงย้ายมายังเรือนเล็กเรียบง่ายแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กับประตูหลังที่สุด

เวลาพวกเขาเข้าออกก็ใช้ประตูหลัง ไม่เคยเข้าออกทางประตูหน้า

ตอนนี้ฟู่จาวหนิงกำลังควบม้ามาถึงประตูหลัง

นางไม่ทันหยุดม้า ก็รีบกระโจนลงมา รีบเดินไปเคาะประตู

ปังๆๆ

เคาะอยู่พักหนึ่งก็ยังไม่มีใครมาเปิดประตู ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่ง ข้างกายผู้เฒ่าฟู่ยังมีคนอยู่ด้วย สามีภรรยาคู่หนึ่งที่อยู่กับเขามานาน และยังมีเหล่าลูกชายของพวกเขาก็อยู่รับใช้ที่ตระกูลฟู่ด้วย และยังมีสาวใช้เสี่ยวเถาที่คอยอยู่กับนางอีกคนหนึ่ง แต่ว่าครั้งนี้นางรีบร้อนออกไปแต่งงานที่จวนอ๋องเซียว คนที่คอยอยู่ข้างๆ ผู้เฒ่าเซียวไม่พอ จึงทิ้งเสี่ยวเถาไว้ที่นี่

สถานที่พวกเขาอยู่ห่างจากประตูหลังไม่มาก ลุงจงคนใช้เก่าเองก็คอยมาคุ้มกันที่ประตูหลังตลอด นางเคาะจนดังขนาดนี้ ลุงจงที่มักจะมาลาดตระเวณดูบ่อยๆ ต้องได้ยินแน่นอน ก่อนหน้านี้จะรีบตรงมาเปิดประตูทันที แล้วทำไมตอนนี้จึงไม่มีการเคลื่อนไหวกัน?

ฟู่จาวหนิงหมุนตัวไปมองม้าคะนองตัวนั้น กวัวมือ "มานี่ ยังต้องให้เจ้าช่วยอีก"

ม้าก็เดินเข้ามาจริงๆ ฟู่จาวหนิงให้มันยืนอยู่ข้างกำแพงเรือน จากนั้นก็ปีนขึ้นไปบนหลังม้า ยืนขึ้นมา ม้าตัวนี้ร่างสูงใหญ่ ขนบนผิวส่องประกายมันขลับ แต่นางก็ยังยืนได้มั่นคงบนหลังม้า กระโจนอย่างแรง สองมือคว้ากำแพงเรือนไว้แน่น จากนั้นก็ปีนกำแพงเรือนขึ้นไปอย่างคล่องแคล่ว

นางกระโจนตัวลงมา จากนั้นก็รีบเดินไปเปิดประตู พาม้าเข้าไปด้วย

นี่เป็นม้าของอ๋องเจวี้ยน ถ้านางทำหายคงชดใช้ไม่ไหว

หลังปิดประตู ฟู่จาวหนิงก็รีบเดินตรงไปทางเรือนของผู้เฒ่าฟู่

จุดที่เดินผ่านล้วนเงียบสนิท และไม่มีการจุดตะเกียงไฟ

เรือนเล็กข้างหน้าสองเรือน เรือนหนึ่งคือเรือนที่ผู้เฒ่าฟู่กับพวกลุงจงสามคนทั้งครอบครัวอยู่ ส่วนอีกเรือนคือของนางกับเสี่ยวเถา

เรือนของนางกับเสี่ยวเถาเวลานี้มืดสนิทไม่มีแสง แต่เรือนของผู้เฒ่าฟู่ก็เหมือนมีแสงอยู่วอมแวม

ฟู่จาวหนิงวิ่งออกไป พอเข้าใกล้ เสียงในเรือนก็ดังลอดมาเข้าหูนาง

"ท่านลุง ท่านจะออกไปฟังหน่อยไหม ว่าตอนนี้ทั้งเมืองหลวงเขาพูดถึงเจาหนิงกันอย่า่งไร?"
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
titima
นางเอกเป็นหมอจริงๆใช่มั้ยหมออะไรก่อนน
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status