ฟู่จาวหนิงจึงเพิ่งรู้ว่าอ๋องเจวี้ยนมาด้วยตนเองนางมองเห็นชิงอี ยังคิดว่าชิงอีมาแค่คนเดียวเสียอีก"ไม่ใช่บอกว่า ตอนนี้ยังยืนยันไม่ได้ว่าเป็นพระชายาหรอกหรือ?"ฟู่จาวหนิ่งตอนนี้พอเจออ๋องเจวี้ยน ในใจก็กังวลขึ้นมา นางสะกดความคิดที่จะยื่นมือไปลูบผมลงไป บางทีอ๋องเจวี้ยนก่อนหน้านี้คงไม่ทันสังเกตถึงปิ่นปักผมกับกำไลของนางกระมังแล้วถ้าเกิดพบว่าในวันแต่งงานใหญ่นางเอาเครื่องประดับของจวนอ๋องเจวี้ยนไปจำนำล่ะก็ คงไม่รู้เลยว่าจะมองนางเช่นไรพรุ่งนี้ต้องขึ้นเขาจันทร์ลับฟ้า นางต้องขุดยาให้ดี กลับมาแล้วจะเอาไปขายแล้วไถ่ของทั้งสองชิ้นนั้นคืนมา"นายท่าน ม้าตัวนี้" ชิงอีเดินเข้ามาอย่างกระอักกระอ่วน "ข้านอยพามันกลับไปไม่ได้"เดิมทีคิดว่าฟู่จาวหนิงคงจะต้องขึ้นรถม้ากลับไปกับท่านอ๋องแน่ แล้วม้าตัวนั้นเขาต้องพากลับไป ผลลัพธ์คือพอเขาเตรียมจะเข้าใกล้ม้าตัวนั้น ม้าตัวนั้นก็พ่นลม ก้าวเดินอย่างฮึดฮัด ดูแล้วเหมือนจะพัดถีบเขาได้ตลอดเวลาชิงอีในใจทั้งตกตะลึงและจำใจม้าตัวนี้ทำไมจึงยอมให้คุณหนูฟู่ขี่กัน ไม่มีอานม้า แต่นางก็ยังควบทะยานจากจวนอ๋องเจวี้ยนกลับมาบ้านตระกูลฟู่ได้ราวกับสายลมอ๋องเจวี้ยนมองฟู่จาวหนิง สา
เซียวชิงซานคิดแทนรุ่นหลังคนนี้อย่างจริงใจ"นั่นมันคำเหลวไหลทั้งเพ" อ๋องเซียวพอเห็นเขากราดด่าลูกชายตนเองเช่นนี้ ก็รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาพอควร "ท่านลุงตอนนั้นยังไม่ยอมเห็นด้วยกับหญิงชราตระกูลฟู่ที่จะให้เหยียนเซียวกับหลานสาวของนางหมั้นหมายกันอยู่เลย แล้วตอนนี้ตระกูลฟู่ตกต่ำลง สภาพบ้านเช่นนั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรกับพวกเขาอยู่แล้ว"พอเขาได้ยินเรื่องวันนี้ ก็รู้สึกโกรธแค้นต่อฟู่จาวหนิงอย่างมากจวนชินอ๋องเซียวต้องมาถูกคนหัวเราะเยาะก็เพราะนางตระกูลฟู่ตอนนี้เป็นเหมือนตะวันจะลับเขาแล้ว ฟู่จาวหนิงไม่รู้อะไรเสียเลยจริงๆ"ใช่แล้วท่านปู่ หรือท่านไม่หวังให้ข้าได้มีพระชายารัฐทายาทดีหรือไรกัน?" เซียวเหยียนจิ่งก็เต้นเร่าขึ้นมา เนื้อตัวก็ยังเจ็บอยู่ เขาดูไม่เลือกคำพูดขึ้นมาเสียแล้ว "ท่านปู่เองตอนวัยหนุ่มก็ไม่ใช่เพราะช่วงเวลาหนึ่งกับฮูหยินตระกูลฟู่...""เซียวเหยียนจิ่ง!"ฟู่ชิงซานเดือดดาล ตะคอกขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อเขาในฐานะที่เด็กกว่า แต่กลับกล้าหยิบเรื่องนี้มาเย้ยหยันเขาสงสัยเขาหรือ?"ท่านลุง เหยียนจิ่งวันนี้เองก็ได้รับบาดเจ็บ ข้าให้คนไปเชิญหมอเทวดาหลี่มาดูเขาแล้ว แต่หลังจากท่านเข้ามาก้ไม่เห็นพู
"จี๊ด!""อ๊า" หงจั๋วตกใจสะดุ้งโหยง แต่ก็ยังกรีดร้องไปด้วยพลางโบกตะเกียงไปทางหนตัวนั้นด้วยนางปกป้องฟู่จาวหนิงด้วยสัญชาตญาณพอเห็นข้อมือฟู่จาวหนิงขยับ เข็มเล่มหนึ่งก็พุ่งไปทางหนูตัวนั้น"จี๊ด!"หนูร้องขึ้นมาเสียงหนึ่ง ชักกระตุกอยู่บนพื้นครู่หนึ่งก็แน่นิ่งไปฟู่จาวหนิงยื่นมือไปตบบ่าของหงจั๋ว "ไม่ต้องกลัว"หงจั๋วมองนางอย่างตะลึงงัน ปลายจมูกร้อนขึ้นมาฮือๆ คุณหนูฟู่ดีจังเลย คุณหนูฟู่ความสามารถยอดเยี่ยมจริงๆ!ตะเกียงเพิ่งถูกนางสะบัดไปทางหนู ร่วงอยู่บนพื้น ไส้ตะเกียงด้านในลุกติดขึ้นมา เผาตัวตะเกียงกระดาษจนทะลุไปแล้ว วัชพืชทางนั้นเองก็ถูกเผาไหม้ขึ้นมาเช่นกัน ชั่วขณะหนึ่งเปลวไฟก็ส่องสว่างตัวเรือนที่มืดมิดขึ้นเฝิ่นซิงถือกระถางใส่น้ำรีบวิ่งเข้ามา สาดไปบนเปลวไฟ เสียงชี่ดังขึ้น เปลวไฟถูกดับ ควันดำลอยขึ้น กลิ่นค่อนข้างแย่"คุณหนูฟู่ ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?"ฟู่จาวหนิงสั่นหัว "ไม่เป็นไร"นางยกเท้าเดินตรงเข้าไปในห้อง ห้องหลักนี้แบ่งเป็นด้านในและนอกสองห้อง ถูกกั้นแยกด้วย ประตูโค้งครึ่งวงกลมบานหนึ่ง ด้านบนประตูโค้งเดิมทีแขวนผ้าม่านไว้ แต่ตอนนี้กลับว่างเปล่า ยืนที่ประตูสามารถกวาดมองเข้าไปเห็น
คนในวังล้วนไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงผ่านไปได้ด้วยดีด้านนอกจวนอ๋อง ราชองครักษ์รออยู่แล้ว มากันนับสิบคน ล้วนขี่ม้ากำยำ คาดดาบยาว สีหน้าเคร่งขรึมกันหมดท่าทางเช่นนี้ อย่างกับกลัวว่านางจะหนีอย่างไรอย่างนั้นฟ้าของเดือนเก้า ช่วงเช้าตรู่ก็หนาวเย็นเอาเรื่อง"เตรียมตัวเสร็จแล้วหรือ? ฮองเฮารับสั่งมา จากที่นี่ไปยังเขาจันทร์ลับฟ้าค่อนข้างไกล จึงไม่อยากให้คุณหนูฟู่ต้องเสียเวลา รีบออกเดินทางให้เช้าที่สุด"ราชองครักษ์ที่พูดคิ้วหนาดกดำ เห็นชัดถึงความโหดเหี้ยม พูดจาด้วยยากอะไรแบบนั้นตอนที่พูดประโยคนี้เขาก็พิจารณาตัวฟู่จาวหนิงไปด้วยชิงอีพูดกับฟู่จาวหนิงว่า "นี่คือรองขุนพลหลิว"ฟู่จาวหนิงหันหน้ากลับไปทางจวนอ๋อง ชิงอีเข้าใจความหมายของนางผิด พอคิดๆ ก็อธิบายออกมาว่า "ท่านอ๋องจะไม่ออกมาหรอก"เขาคิดว่านางกำลังรออ๋องเจวี้ยนออกมาส่งนาง?ฟู่จาวหนิงรู้สึกน่าขัน"คุณหนูฟู่ รีบเดินทางเถิด รถม้าเตรียมไว้ให้เจ้าแล้ว อย่าชักช้ายืดยาด พวกเข้าเองก็ไม่ได้ว่างขนาดนั้น" รองขุนพลหลิวเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเย็นชาฟู่จาวหนิงจึงเพิ่งเห็นรถม้าเบื้องหน้า นี่ไม่ใช่รถม้าของในวังแน่ และไม่รู้ว่าไปขอยืมชั่วคราวมาจากไหน รถม้าคั
"ฟู่จาวหนิงขวางรถม้าของข้า ข้าเองก็อยากจะได้พระชายาคนหนึ่งจริงๆ เห็นว่านางใจกล้าบ้าบิ่น แล้วยังบอกว่ามีวิชาหมอ ก็เลยรับนางไว้"อ๋องเจวี้ยนสายตาตกอยู่บนกระดาษบนโต๊ะ ตอนที่เขาพูด ในมือก็ยังไม่หยุดเขียนพู่กันลายมือของเขาอ่อนช้อยงดงาม เฉียบขาดเปล่งประกายคม"หลังจากรับปาก ข้าจึงรู้ว่านางก็คือลูกของตระกูลฟู่ในอดีตครั้งนั้น"ผู้ดูแลยังไม่ทันตั้งตัวติด "เช่นนั้นท่านอ๋องทำไมจึงยอมรับนางกันเล่า?"อ๋องเจวี้ยนเผยรอยยิ้มเย็นชา"เพราะอะไรน่ะหรือ? พวกเขาจนป่านนี้ก็ยังไม่โผล่ออกมา ก่อนหน้าที่จะหาพวกเขาเจอ ข้าจะรีดนาทาเร้นจากตัวลูกสาวพวกเขาเสียก่อนไม่ได้หรือ?"จะว่าไป ถ้าหากฟู่อวิ๋นชงกับหลินหรงหลันกลับมา แล้วพบว่าลูกสาวพวกเขาแต่งงานกับเขาล่ะก็ ไม่รู้ว่าจะมีปฏิกิริยากันอย่างไรตอนนี้พอคิดถึงสถานการณ์ตอนนั้น เขาก็รู้สึกเฝ้ารอขึ้นมาผู้ดูแลอ้าปากพงาบ อยากจะพูดว่า เรื่องในตอนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับคุณหนูฟู่เลย ตอนนั้นคุณหนูฟู่ก็เป็นแค่เด็กทารกยังไม่ครบขวบปีด้วยซ้ำ นางจะไปรู้เรื่องอะไร?แต่ตอนนี้เอง อ๋องเจวี้ยนก็ไอขึ้นอย่างรุนแรงยิ่งไปกว่านั้นยังไอจนกระอักเลือดอีก"ท่านอ๋อง!"ชิงอีกลับมาพอเห็นสถ
ตอนนี้ผู้หญิงตัวหนักขนาดนี้กันแล้วหรือ?"คุณหนูฟู่ยังไม่!รีบ!ออกไปอีก!"รองขุนพลหลิวหน้าผากเหงื่อผุด ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันฟู่จาวหนิงก็ทำเป็นเชื่องช้า ซ้ำยังกระพริบตาปริบ ผ่านไปพักหนึ่งจึงทำท่าเข้าใจขึ้นมา รีบถอยออกไปข้างๆ "อ๊ะ ขอโทษด้วย เกือบจะลืมไป"เรื่องนี้มันลืมกันได้ด้วยหรือ!ฟู่จาวหนิงหันหน้าไปมองภูเขาตรงหน้า เขาสูงใหญ่ตระการตา ทิวภาพทัศนียสวยสด มองไกลออกไปยังเห็นใบไม้เหลืองต้นไม้สีแดง สีเขียวนานาก็ถูแต่งแต้มทาไว้เบาบางเช่นกัน ทับซ้อนสลับเป็นชั้นๆ งดงามเสียเหลือเกินป่าเขาเช่นนี้ น่าจะเป็นสถานที่ที่มีปุ๋ยและน้ำอุดมสมบูรณ์ดวงตาของนางเป็นประกาย เดาได้เลยว่าในภูเขานี้จะต้องได้อะไรมาบ้างแน่นอน"ที่นี่คือเขาจันทร์ลับฟ้าหรือ?"ถูกต้อง คุณหนูฟู่อย่าได้ชักช้าเลย ตอนนี้รีบขึ้นเขาเถิด พวกเราจะตั้งหลักปักฐานอยู่ที่นี่ สามวันถัดจากนี้ คุณหนูฟู่ต้องออกมาทางนี้รองขุนพลหลิวสะกดอาการกอดเท้ากระโดดเหยงเอาไว้เจ็บชมัด"ไม่ส่งคนตามข้าเข้าไปหรือ?" ฟู่จาวหนิงถาม"ไม่จำเป็น พวกเราอยู่ที่นี่คอยคุ้มกันทางเข้าออกภูเขาไว้ ในสามวันนี้ถ้ามีคนเข้ามาพวกเราจะเข้าขวาง นี่ก็เพื่อตัวคุณหนูฟู่เอง จะได้ไ
ฟู่จาวหนิงหันตัวกลับมา วางตะกร้าหลังลงอย่างไม่ลนลานจากป่าที่ไม่ไกลนักมีชายหนุ่มหลายคนเดินออกมาคนที่พูดเมื่อครู่เป็นคนปากแหลมหน้าตอบ และชายหนุ่มคนสุดท้ายที่เดินออกมากลับเป็นคนร่างใหญ่กำยำพวกเขาพอเห็นหน้าของฟู่จาวหนิงก็ล้วนมีสีหน้าตะลึงในความงาม"หญิงสาวคนนี้หน้าตาดีเสียเหลือเกิน พี่ใหญ่ อาสะใภ้ไม่ใช่เอาแต่เร่งให้ท่านหาลูกสะใภ้หรอกหรือ? จับนางกลับไป ท่านก็มีภรรยาแล้ว อาสะใภ้จะได้ตายตาหลับ"ชายหนุ่มดำเตี้ยคนหนึ่งเอ่ยขึ้นกับชายร่างกำยำ คนอื่นเองก็ทยอยกันขานรับ"เถี่ยจู้พูดถูก!""ข้าว่าได้อยู่!""เอาตามนี้เลย!"ฟู่จาวหนิงรู้สึกน่าขัน เอ่ยขึ้นตัดบทพวกเขา "พวกเจ้ากำลังพูดถึงข้าหรือ?""เอ๊ะ หญิงสาวคนนี้กล้าไม่เลวเลย เห็นพวกพราแต่กลับไม่กลัว ซ้ำยังกล้าพูดกับพวกเราด้วย!" ชายปากแหลมหน้าตอบรู้สึกแปลกใจมาก"ข้าจะข้ามสะพาน พวกเจ้าถ้าหากคิดจะทะเลาะล่ะก็ไวไวหน่อย ถ้าไม่อยากทะเลาะก็รีบๆ ไสหัวไป" ฟู่จาวหนิงเชิดคางขึ้นชายหนุ่มหลายคนนั้นเดือดขึ้นมาทันที ทยอยกันถกแขนเสื้อขึ้น"ข้าทนไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ขนาดพวกผู้หญิงก็ยังกล้ามาต่อปากต่อคำกับพวกเราแล้วหรือ?""ก่อนหน้าที่นางจะมาเป็นสะใภ้ใหญ่ของ
พี่ใหญ่ได้พอได้ยินพวกเขาพูดเช่นนี้ก็กังวลขึ้นมา หมุนตัววิ่งกลับ "เช่นนั้นข้าจะกลับไปดูท่านแม่ก่อน! แม่นางเจ้ารีบไปเถิด เฮ่าจื่อ พวกเจ้าอย่ารังแกคนอื่นเชียว"พอเห็นเขาวิ่งไป เฮ่าจื่อรอจนเขาหายไปไม่เห็นเงา ก็สลับสายตาหันมาจ้องฟู่จาวหนิงเดินบีบเข้ามา"เฮ่าจื่อ แม่นางคนนี้หน้าตาสะสวยเหลือเกิน ผลักให้ตกไปตายคงเสียดายแย่ สู้พวกเรามาเล่นกับนางกันก่อนดีกว่าไหม" เถี่ยจู้มองฟู่จาวหนิง น้ำลายแทบจะไหลออกมาแล้ว"ข้าว่าได้อยู่" เฮ่าจื่อตอนนี้มองฟู่จาวหนิงก็รู้สึกใจคันยุบยิบ "ข้าก่อนไหม?"เขาก็เป็นเช่นเมื่อครู่นี้ เสียงยังไม่ทันขาดก็พุ่งเข้าหาฟู่จาวหนิง เพียงแต่ครั้งนี้เขาไม่ได้เข้าไปผลักนางแล้ว แต่เข้าไปกระชากแขนของนาง"ได้ เจ้าก่อน"ฟู่จาวหนิงยิ้มเย็นชา พลิกมือกลับมาจับข้อมือเขา ออกแรงสะบัดเขาไปทางหน้าผา"อ๊าๆๆ!"ใจของเฮ่าจื่อแทบจะตกใจจนระเบิดออก เขายังไม่ทันตั้งตัว ร่างกายก็ถูกสะบัดปลิวไปเหมือนว่าวสลับตำแหน่งกับตัวนาง ลอยว่อนไปพรืดเฮ่าจื่อล้มอยู่ที่ริมผา ร่างกายห้อยลงข้างล่าง ตกใจจนเขาคว้าสองมือมั่วซั่วกรีดร้องแหลม รีบร้อนจับก้อนหินที่ยื่นออกมาก้อนหนึ่งเอาไว้ หยุดการร่วงหล่นลงไปได้เล็ก
หลี่จื่อเหยานอนอยู่บนเตียง กระทั่งมือก็ไม่มีแรงจะขยับนางรู้สึกว่าปากของตนเองแอบจะแห้งแตกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาดูนางเลยนางไม่รู้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงนานเท่าไรแล้ว อยากจะเรียกคนให้เข้ามา แต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงที่อ่อนแอไปเท่านั้น"น้ำ""ใครก็ได้..."ตัวนางเองยังรู้สึกว่าเสียงของตัวเองเหมือนเสียงยุงร้อง สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกนั่นไม่ได้ยินเลยหลายวันนี้พวกนางยิ่งขี้เกียจขึ้นไปอีก ถึงแม้ตอนแรกนางมักจะดุด่าพวกนั้น ไม่ยอมให้พวกนางเข้ามาวุ่นวายกับนาง นางอยากจะนอนมันทั้งวันแต่หลายวันนี้นางรู้สึกว่านอนจนผิดปกติไปแล้ว แต่พวกนางก็ยังไม่พบอาหารเย็นเมื่อวานพวกนางส่งเข้ามาแล้ว มาส่งที่ข้างเตียงนางเหมือนก่อนหน้า นางก็ลุกขึ้นมากินอย่างเกียจคร้าน พอกินเสร็จก็โยนตะเกียบไปบนโต๊ะ พอสาวใช้เหล่านั้นว่างก็เข้ามาเก็บไปแต่ชามตะเกียบของเมื่อวาน พวกนางจนตอนนี้ก็ยังไม่เข้ามาเก็บ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีคนเข้ามารินน้ำให้นางด้วยข้าวเช้าข้าวเที่ยงวันนี้ ก็ไม่มีใครส่งเข้ามาเพราะนางไม่ได้เรียกให้ส่งข้าวหรือ?แต่นางก็พูดไม่ออกแล้วหลี่จื่อเหยารู้สึกว่าหัวของตนเองมึนตื้อ นางอยากจะด่าคน อยากจะเรียกสา
ที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุดคือ กระทั่งคนเทขยะก็ยังไม่กล้าเข้ามา บอกว่าขยะของจวนชินอ๋องเซียวก็ไม่แน่ว่าจะไม่มีพิษ แค่สูดดมก็อาจจะติดเชื้อได้"เดิมทีในจวนอ๋องยังมีคนงานอยู่บางส่วน บ้านอยู่ภายนอก ตอนนี้คนเหล่านั้นก็ยังไม่กล้ามา คนในอุทยานเอง กระทั่งประตูเมืองก็ยังไม่เข้ามา ของกินของดื่มในจวนอ๋องทุกวันก็ไม่มีใครส่งเข้ามา ตนเองจะออกไปซื้อก็ไม่ได้""หมายความว่าอย่างไร?" เซียวเหยียนจิ่งคิดว่าตนเองฟังผิด กระทั่งออกไปซื้อของก็ยังไม่ได้เนี่ยนะ?"รัฐทายาท คนที่ขายเนื้อขายผักด้านนอก ล้วนกลัวคนในจวนเรากันหมด ดังนั้นจึงไม่ขายของให้พวกเราชั่วคราว! บอกว่าเรื่องนี้ต่อให้ไปพูดต่อหน้าองค์จักรพรรดิก็ยังถือว่าถูกต้อง ถึงอย่างไร องค์จักรรพรรดิก็ออกราชโองการมาแล้ว ว่าห้ามท่านอ๋อนเข้าเมืองหลวง""องค์จักรพรรดิรู้ว่าท่านพ่ออยู่ที่อุทยานด้านนอกหรือ?" เซียวเหยียนจิ่งหน้าขรึมลงมา"ขอรับ รู้กันทั่วทั้งเมืองแล้ว ผู้เช่าทำนาทั้งหมดในอุทยานก็ไม่ให้เข้าเมืองแล้ว เสบียงที่ผลิตในอุทยาทก็ไม่อนุญาตให้ส่งมาเมืองหลวง ดังนั้นพวกเราจะเอากลับไปกินที่จวนอ๋องก็ยังไม่ได้""มีเหตุผลแบบนี้ด้วยรึ! พวกเขาคิดจะให้จวนชินอ๋องเซียวอดตายก
สาเหตุที่เซียวเหยียนจิ่งมารับหมอเทวดาหลี่กลางทาง ก็เพราะอาการป่วยของชินอ๋องเซียวเขาถามหมอหลายคนในเมืองหลวงไปแล้ว ล้วนเป็นหมอที่มีวิชาแพทย์ดีมากทั้งนั้น ผลคือไม่มีใครรักษาได้สักคนกระทั่งยังไม่แน่ใจว่าติดโรคระบาดมาได้อย่างไรด้วยซ้ำองครักษ์ที่ไปหาคนป่วยคนนั้นไม่เป็นอะไรกันเลย แต่คนที่ไม่ได้ไปสัมผัสคนป่วยคนนั้นอย่างชินอ๋องเซียวกลับติดมาเสียได้ นี่จะอธิบายกันอย่างไรล่ะ?เขาเองก็ไปหาฟู่จาวหนิงมไ่ได้ ยิ่งไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงรู้ว่าพ่อของตนเองติดโรคระบาดนั้นด้วย ดังนั้นจึงทำได้แค่รีบไปรับหมอเทวดาหลี่เท่านั้นไม่ว่าจะพูดอย่างไร หมอเทวดาหลี่อย่างน้อยก็เป็นพ่อตาเขานะถึงแม้พวกเราก่อนหน้านี้จะทะเลาะกันบ่อย จนแทบจะเป็นศัตรูกันอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่จื่อเหยาที่อยู่ในจวนชินอ๋องเซียวก็แทบจะไม่มีตัวตนอยู่แล้วไม่ว่านางจะอาละวาดแค่ไหน เซียวเหยียนจิ่งก็ไม่สนใจนาง ไม่พบนางด้วยซ้ำ เขาส่งหญิงรับใช้ที่ตัวใหญ่แรงเยอะไปให้หลี่จื่อเหยาหลายคน กระทั่งสาวใช้ก็ยังมีพละกำลังอย่างมากด้วย คอยจับตานางดูไว้ทุกวันกระทั่งยังวางยาพิษออกฤทธิ์ช้ากับหลี่จื่อเหยาอีก พิษนั่นเซียวเหยียนจิ่งหามาอย่างยากลำบาก เขาเคยทดลองแล
"ข้าเดาว่าอีกไม่นานนางน่าจะจัดงานเลี้ยงอะไรอีก ถึงตอนนั้นเกรงว่าคงจะมาเชิญอันชิงด้วย"ฟู่จาวหนิงคิดถึงนิสัยเฉินฮ่าวปิง รู้สึกว่านางได้แต่งตั้งเป็นท่านหญิง จะต้องเคลื่อนไหวอะไรแน่ เป็นไปไม่ได้ที่จะเงียบไปเช่นนี้ จะบอกไม่จดจำอันชิง ก็ดูจะเป็นไปได้อยู่"แล้วไม่ไปได้ไหม?" องค์หญิงหนานฉือขมวดคิ้ว"ไม่ไปก็ได้อยู่" เซียวหลันยวนพูดขึ้นมาอันเหนียนถอนหายใจ "ท่านอ๋อง ท่านน่ะได้ พวกเราที่เป็นขุนนางตัวเล็กตัวน้อย ปฏิเสธคนส่งเดชไม่ได้นี่สิ"เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาพูดซะน่าอดสูแบบนี้ นี่ใช้อันเหนียนไหมเนี่ย?ความคิดของอันเหนียนคนนี้ ไม่เคยจะเรียบง่ายมาแต่ไหนแต่ไรฟู่จาวหนิงไม่ได้คิดจะอ้อมค้อมเหมือนพวกเขาสองคน พอได้ยินอันเหนียนพูดเช่นนี้ นางก็ตอบรับมาตรงๆ"อันชิงเองก็ถือว่าไปผิดใจกับเฉินฮ่าวปิงเพราะข้าเหมือนกัน ถ้าหากเฉินฮ่าวปิงมาหาเรื่องนาง พวกท่านก็มาบอกข้าเลย"ในตาอันเหนียนมีรอยยิ้ม "เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณพระชายาแทนชิงชิงด้วย"เป้าหมายใหญ่สุดที่เขามาที่นี่ ก็เพื่อประโยคนี้ไม่ใช่หรือ? ฟู่จาวหนิงถ้ายอมปกป้องอันชิงหน่อย เขาก็ไม่ต้องกังวลมากแล้ว"เฮอะ" เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาอย่างหมดคำจะพูด "เจ้านี่ม
อันเหนียนแปลงโฉมเป็นชายกลางคนคนหนึ่ง พาสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาในจวนอ๋องเจวี้ยนฟู่จาวหนิงสายตาตกอยู่บนตัวสาวใช้คนนั้น หัวเราะพรวดออกมา"องค์หญิงแปลงโฉมใช้ได้นี่นา หน้าย่นลงมาแล้วนั่น"สาวใช้ที่ดูลับๆ ล่อๆ คนนึ้นยืดตัวตรง เงยหน้าขึ้นทันที ท่าทางเปลี่ยนไปในพริบตานางมองฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างประหลาด "ข้าแต่งแบบนี้แล้ว เจ้ายังปราดเดียวก็รู้เลยหรือ?""ใบหู คางกับคอขององค์หญิงไม่ได้เปลี่ยนไปเลย" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ช่องโหว่เหล่านั้นหงจั๋วกับเฝิ่นซิงยืนอยู่ข้างๆนาง ทั้งสองคนล้วนมององค์หญิงหนานฉืออย่างสนอกสนใจขนาดพระชายาชี้ช่องโหว่พวกนี้ออกมาแล้ว แต่พวกนางก็ยังมองไม่ออก ดูท่าสายตาของพระชายาจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามากเลยองค์หญิงหนานฉือเบ้ปาก "ตอนที่ข้าออกมาก็ส่องกระจกตั้งหลายรอบแล้วนา ขนาดข้าเองยังมองไม่ออกเลย"คอใบหูและมือของนาง ทาจนดำไว้ชั้นหนึ่ง มีช่องโหว่ตรงไหนกันอันเหนียนเอ่ยขึ้นว่า "พระชายาอ๋องเจวี้ยนเรียนวิชาแพทย์มานะ ต้องมองคนได้เฉียบคมกว่าพวกเราอยู่แล้ว""นี่เกี่ยวกับเรียนแพทย์ตรงไหนกัน" องค์หญิงหนานฉือไม่ค่อยเข้าใจฟู่จาวหนิงพยักหน้าให้อันเหนียน แสดงท่าทีชื่นชม "ผู้ตรวจการอันพูดถูกต้อง
ฮูหยินเฉินกลับมาในบ้านของต่งฮ่วนจือตอนที่สายัณห์กำลังมาถึง เฉินฮ่าวปิงก็กลับมาแล้ว"ท่านแม่!"ฮูหยินเฉินได้ยินเสียงของนาง ก็ลุกพรวดขึ้นมา จากนั้นนางก็เห็นเฉินฮ่าวปิงพาสาวใช้หน้าตาสะสวยสองคนเดินเข้ามาถึงอย่างไรก็เป็นคนที่เข้าใจลูกสาวดีที่สุด พอเห็นสีหน้าของเฉินฮ่าวปิง ฮูหยินเฉินก็รู้ว่านางคงจะได้เป็นท่านหญิงไปแล้วใจของนางดิ่งวูบทันที"ท่านแม่ รีบเก็บของเร็วเข้า พวกเรากลับบ้านกัน!" เฉินฮ่าวปิงเชิดคาง ดูภูมิใจมาก"ปิงเอ๋อร์ พวกเรามีบ้านที่ไหนกัน?""พระชายาเยว่ให้บ้านพวกเรามา อยู่ในซอยกุ้ยเซียงข้างหน้านี่ บ้านสองตอน หลังจากนี้พวกเราก็มีบ้านของตัวเองในเมืองหลวงแล้ว"เฉินฮ่าวปิงเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ "แล้วก็ สาวใช้สองคนนี้พระชายาเยว่ก็ยกมาให้ข้า ชิวอวิ๋น ชิวเยว่ นี่แม่ของข้า"ชิวอวิ๋นชิวเยว่ขึ้นมาคารวะ "คารวะฮูหยิน"ฮูหยินเฉินสีหน้ายิ่งแข็งขึ้นไปอีก"ท่านแม่ ท่านทำไมถึงไม่ดีใจเลย? ท่านพ่อยังเป็นธุระ ให้องค์จักรพรรดิจัดหามามาอบรมมารยาทให้ข้าด้วย พรุ่งนี้จะเริ่มอบรมมารยาทในวังให้ข้า หลังจากนี้ข้าเองก็จะเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่สง่างามได้แล้ว"เฉินฮ่าวปิงเข้ามาใกล้แม่ของนาง เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า "องค์จักรพร
ได้ยินว่าตระกูลของพระชายาอ๋องฉยงมีบารมีมากในเมืองฉยงโจว อ๋องฉยงไปที่นั่นเหมือนไปเกาะนางกินอย่างไรอย่างนั้น เขาตอนนี้ถ้าไปตบหน้าพระชายาอ๋องฉยงแบบนั้นอีก คือคิดจะไม่กลับไปเมืองฉยงโจวแล้วหรือ?เขาน่าจะรับปาก ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เริ่มบ้าไปแล้ว" ส่งเขาเข้าคุกได้ ให้ไท่เฮาอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนอย่ากลับวัง เรื่องเหล่านี้ยังทำออกมาได้ องค์จักรพรรดิบ้าไปหน่อยแล้วจริงๆ"ดังนั้น เจ้าความลับที่ฮูหยินเฉินกอดเอาไว้มันคืออะไรกันแน่?"มูลค่าสูงขนาดที่ ทำให้องค์จักรพรรดิต้องถอยให้ก้าวหนึ่งเลยหรือ"เรื่องเกี่ยวกับตงฉิง..." เสียงของเซียวหลันยวนเย็นชาลงเล็กน้อย "ตอนนี้ดูท่า การล่มสลายของตงฉิงครั้งนั้นเหมือนไม่ใช่ภัยธรรมชาติเสียแล้ว"ฟู่จาวหนิงมองเขา ดูกังวลขึ้นมา"ถ้าหากการล่มสลายของตงฉิงมีแผนร้ายอื่นอยู่ คนที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่อยากให้ความจริงถูกเปิดเผยต่อใต้หล้าแน่ ถึงตอนนั้นตัวตนฐานะของท่านถ้าเปิดเผยออกมา จุดสนใจทั้งหมดก็จะพุ่งไปบนตัวท่านสิ"ถ้าหากมีแผนร้ายจริง คนที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่ปล่อยเซียวหลันยวนแน่นอนกระมัง?ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในราชวงศ์ตงฉิงหนึ่งเดียวที่ยังอยู่บนโลกนี้ เป็นสายเลือดเซียวหลันยวนนิ่
เฉินฮ่าวปิงบิดมือออกจากแขนของฮูหยินเฉินทันที"ท่านแม่ ข้าจะเข้าวังไปกับท่านพ่อ ถ้าท่านไม่ไป ข้าเข้าไปฟังองค์จักรพรรดิดูว่าเขาจะพูดอะไร กลับมาแล้วจะเล่าให้ท่านฟัง""ปิงเอ๋อร์! เจ้าห้ามไป!""ไป" อ๋องฉยงลุกขึ้นมา เดินนำไปก่อน เฉินฮ่าวปิงรีบตามขึ้นไป กลัวฮูหยินเฉินจะดึงเอาไว้ฮูหยินเฉินพอเห็นนางตามออกไปแล้ว ก็รีบร้อนตามขึ้นไป"ปิงเอ๋อร์ กลับมา!"พวกเขากว่าจะหลุดพ้นจากการไล่สังหารของพระชายาอ๋องฉยง ตอนนี้จะต้องกลับไปอยู่ในวังวนนั้นอีกแล้วหรือ? อ๋องฉยงคนนี้พึ่งพาไม่ได้!แต่ว่าเฉินฮ่าวปิงก็คิดแต่อยากจะให้ตนเองมีตัวตนฐานะดี นางไม่อยากเป็นลูกกำพร้าที่ไม่มีพ่อไม่มีชาติตระกูล แล้วทำได้แค่พึ่งพาการช่วยเหลือปกป้องจากต่งฮ่วนจือพ่อแท้ๆ ไม่ใช่ว่าดีกว่าคนอื่นหรือ?เป็นลูกสาวของอ๋อง ไม่ใช่ว่าดีกว่าอาศัยอยู่ในบ้านคนอื่นหรือ?"กลับไปแล้วก็เตือนแม่เจ้าหน่อย ว่าอย่าดื้อรั้นนัก" พอขึ้นรถม้า หลังจากที่รถม้าแล่นห่างออกจากร้านงานปัก อ๋องฉยงจึงพูดขึ้นมาคำหนึ่งกับเฉินฮ่าวปิงเฉินฮ่าวปิงพยักหน้านางถอนใจโล่ง ที่ท่านแม่ไม่ไล่ตามมา"ท่านพ่อ ข้าจะเตือนนางแน่ แต่ว่า ท่านทำไมถึงไม่ต้องการข้ากับท่านแม่ล่ะ?" เฉินฮ่าวปิงถ
"ถ้าเล็ดลอดออกไป พวกนางแม่ลูกน่าจะมีอันตรายถึงตัว นางยังถือว่าฉลาดอยู่" เซียวหลันยวนอันที่จริงในใจก็คาดเดาไว้บ้างแล้ว"แล้วตอนนั้นที่นางไปหาอ๋องฉยง เป็นเพราะจะยืมอำนาจของอ๋องฉยงหรือ?""ก็เป็นไปได้"และตอนนี้ที่ชั้นสองของร้านงานปักฝั่งตรงข้าม เฉินฮ่าวปิงกำลังถลึงตาอ้าปากค้างทุกคนพูดที่อ๋องฉยงพูดกับแม่นางฟังออกทั้งหมด แต่พอรวมเข้าด้วยกันทำไมนางถึงฟังไม่เข้าใจเลย?อะไรคือแคว้นเจาอยู่ต่อไม่ได้พวกเขาก็ยังหาทางอื่นได้?คิดจะกบฏต่อแคว้นหรือ?อะไรคือถ้าหากสามารถหาดินแดนผืนนั้นเจอ พวกเขาบางทีอาจจะเป็นอ๋องได้?เขาตอนนี้ไม่ใช่เป็นอ๋องอยู่แล้วหรือ? เขาไม่ใจว่ามีเมืองฉยงโจวอยู่แล้วหรือ? ยังคิดจะไปเป็นอ๋องที่ไหนอีก?อะไรคือตระกูลเฉินในครั้งนั้นติดต่อศัตรูเพื่อทรยศแคว้น?ฮูหยินเฉินตอนนี้สภาพดูไม่ดีเอาเลยหลายปีก่อนถูกพระชายาฮูหยินไล่สังหาร ตอนที่ชีวิตมีวิกฤตก็ไม่เคยคิดจะให้อ๋องฉยงช่วย เพราะรู้สึกว่าอ๋องฉยง่าจะรู้ความลับของนางเข้ามาแต่ความลับนั่นนางไม่อยากจะบอกอ๋องฉยงตอนแรกนางเคยคิดไว้แล้ว ดังนั้นจึงยอมตัวเองให้กับอ๋องฉยง แต่พออยู่กับเขาแล้ว นางพบว่าอ๋องฉยงยังไม่พอที่จะแบกเรื่องใหญ่เช่นนี้ได้ เขายั