"ไม่ ไม่มี มีแค่พวกเรา""ถ้าไม่บอก ขาของเจ้าก็จะพิการแล้วนะ" ฟู่จาวหนิงเอ่ยเสียงเย็นชาเรื่องที่นางจะขึ้นเขาจันทร์ลับฟ้ามีคนเพียงส่วนน้อยที่รู้ คนเหล่านี้ถ้าไม่ใช่จากอ๋องเจวี้ยน ก็ต้องจากในวังนั่นล่ะ พวกเขาถึงหานักเลงหัวไม้ชั้นต่ำมาสร้างความอัปยศกับนางเลยหรือ"ข้าบอก ข้าบอกแล้ว" ฮุ่นฮุ่นกลัวว่าขาตัวเองจะพิการ นี่มันคุณหนูที่ไม่ได้เรื่องจากตระกูลฟู่ตรงไหนกัน นี่มันหญิงสาวดาวพิฆาตชัดๆ!"มีหญิงสาวคนหนึ่งมาหาพวกข้า บอกให้พวกเราวันนี้ขึ้นเขามาหาเจ้า ถ้าเล่นงานเจ้าให้ตายจะได้เงินสองร้อยตำลึง ถ้าหากทำให้ตายไม่ได้ ก็ ก็ให้ทำลายความบริสุทธิ์ของเจ้า เอาชั้นในเจ้ากลับไปก็จะให้แปดสิบตำลึง"ดังนั้น เฮ่าจื่อในตอนแรกเลยคิดจะเอาชีวิตนางสินะ ถึงอย่างไรทำนางตายก็ยังได้มากขึ้นยี่สิบตำลึง"นางมาจากจวนไหนกัน?" ฟู่จาวหนิงออกแรงใต้เท้ามากขึ้น เจ็บปวดจนเขาร้องโหยหวน"ข้ารู้ข้ารู้ ดึงข้าขึ้นไปแล้วข้าจะบอกเจ้า!" เฮ่าจื่อที่ลอยเท้งเต้งอยู่ริมผาก็ส่งเสียงสั่นเรียกขึ้นมา เขาแทบจะจับไว้ไม่อยู่แล้วฟู่จาวหนิงไม่แม้แต่จะชายตามองเฮ่าจื่อคนนี้ความคิดชั่วร้าย วิธีการโหดเหี้ยมที่สุด เขาไม่คิดจะละเว้นไว้"รีบดึ
คนชุดดำสบตากันเองผาดหนึ่ง"แม่นางคนนั้นวิ่งเร็วขนาดนี้เลยหรือ?"พวกเขาเดิมทีคิดว่าหลังจากฟู่จาวหนิงขึ้นเขาจะเชื่องช้าอืดอาดเสียอีก ไม่คิดว่าตลอดทางกลับไม่พบตัวเลย ตอนนี้ก็เพิ่งรู้ว่านางข้ามสะพานไปแล้ว"แล้วพวกนี้จัดการอย่างไร?""คิดแล้วน่าจะมาหาเรื่องแม่นางคนนั้นแน่"หลายคนในนี้แลกเปลี่ยนสายตากัน มาเห็นพวกเขาแล้ว ใครจะรู้ว่าถ้าลงจากเขาไปจะถูกเปิดโปงอะไรออกมา สังหารทิ้งเสียก็จบเรื่องชายชุดแบ่งเป็นหนึ่งคนต่อหนึ่งคน จัดการเตะพวกเถี่ยจู้ออกไป"อ๊า!"เสียงกรีดร้องดังก้องป่าเขาฟู่จาวหนิงได้ยินเสียงกรีดร้องรางๆ นางหยุดเท้าลง ขมวดคิ้วทิศทางนั้นคือข้างๆ สะพานแขวน^ถ้าหากไม่ใช่พบกับอันตรายที่เข้ามาทำร้ายตัว คนเหล่านั้นคงไม่กรีดร้องน่าเวทนาเช่นนี้ มีคนเข้ามาอีกแล้วหรือ? ไล่ตามนางมาหรือ?นางก็แค่หญิงสาวตระกูลตกอับคนหนึ่ง ทำไมจึงขวางหูขวางตาคนนัก?ฟู่จาวหนิงพอเห็นข้างหน้ามีหญ้าที่ไม่สะดุดตาหลายกองอกอยู่ในร่องแตกร่องหนึ่ง นางก็ตาเป็นประกายนางต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อคุ้มครองตัวเองนางสาวเท้าออกไป หยิบเอาพลั่วเหล็กเล็กออกมาขุดหญ้าหลายกอนั่นออก ค้นหาของที่เหมาะสมออกมาจัดการบดยาหลายกอน
กระต่างป่าตัวหนึ่งถูกพลั่วเหล็กฟาดมื้อค่ำวันนี้ได้มาแล้วฟู่จาวหนิงไปเก็บกระต่ายตัวนี้ทันทีรอบๆ ไม่มีคน นางจึงหายตัวเข้าไปในห้องเภสัชกรรมอีกครั้งน่าเสียดายที่ในนี้เก็บยาไว้นิดเดียว ถ้ารู้ว่านางจะข้ามเวลามาแคว้นเจา รู้ว่าห้องเภสัชกรรมจะติดตามนางมาด้วยกัน นางคงจะยัดยาเอาไว้เต็มแล้วยังดีที่มีมีดผ่าตัดอยู่สองชุด อุปกรณ์ทำยาอยู่ครบทั้งหมด แล้วก็ยังมีของที่เอาไว้ช่วยชีวิตฉุกเฉินอยู่อีกไม่น้อยมีห้องเภสัชกรรมนี้อยู่ หลังจากนางหาสมุนไพรมาแล้วก็สามารถนำมากลั่นและสังเคราะห์ได้ในระดับกว้าง ประสิทธิภาพดีกว่าการต้มยาในปัจจุบันนี้เยอะ!ความมั่นใจที่จะช่วยชีวิตท่านปู่ของนางเพิ่มขึ้นมามากโขขอแค่ให้เวลานางหน่อย ขอแค่ให้นางหาตัวยาได้ครบถ้วนหญ้าสมุนไพรที่นางขุดออกมากอนี้ชื่อว่าหญ้าล้างประสาท นำมาใช้งานสะดวกมาก แค่นำมันมาอบให้แห้งจากนั้นบดเป็นผงก็ใช้ได้ฟู่จาวหนิงทำผงยาหญ้าล้างประสาทเสร็จ ก็รีบออกจากห้องเภสัชกรรมอย่างรวดเร็ว ค้นหาตัวยาต่อหุบจันทร์ลับนี้เป็นลานขุนทรัพย์ที่มีผลผลิตมากมายจริงๆ หลังจากเดินมาครึ่งชั่วยาม ฟู่จาวหนิงก็ขุดยามาได้อีกสองชนิดตอนนี้เองนางได้ยินเสียงน้ำ เสียงที่ได้
จวนหลี่หมอเทวดาหลี่นั่งชงชาอยู่ในโถงสวนดอกไม้ ข้างๆ ยังมีสาวใช้คอยบรรเลงพิณให้อีก โต๊ะธูปข้างๆ ยังจุดธูปสมุนไพร เป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้น กลิ่นธูปทำให้รู้สึกสบาย และยังทำให้สดชื่นอีกด้วยยหมอเทวดาหลี่ลิ้มชิมชาอย่างออกรสออกชาติ สูดปากซู๊ดผู้ดูแลข้างๆ พอเห็นก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย "นายท่าน จะให้คนของจวนอ๋องเจวี้ยนรอต่อไปหรือ?"คนจากจวนอ๋องเจวี้ยนเมื่อครู่เข้ามาเชิญหมอเทวดาหลี่แล้ว แต่พอได้ยินว่าจะให้เขาไปดูอาการอ๋องเจวี้ยน หมอเทวดาหลี่กก็มายังโถงสวนดอกไม้วางก้ามทันที"ให้พวกเขารอไปก่อน ไป ไปเรียนคุณหนูมา ข้าจะให้เหยาเอ๋อร์ระบายอารมณ์เสียหน่อย"หมอเทวดาหลี่ดูภูมิอกภูมิใจเสียเหลือเกินหลี่จื่อเหยาเองก็รีบวิ่งเข้ามา"ท่านพ่อ คนของจวนอ๋องเจวี้ยนเข้ามาเชิญท่านแล้ว!" หลี่จื่อเหยาลิงโลดขึ้นมา "ท่านพ่อนี่สุดยอดจริงๆ!""ข้าบอกกับเจ้ามาตลอดแล้วนี่ไร ว่าแคว้นเจ้าขาดแคลนหมอ แล้วหมอที่วิชาการแพทย์สูงอย่างพ่อของเจ้าคนนี้ ก็ยิ่งขาดแคลนเข้าไปใหญ่" หมอเทวดาหลี่ภูมิอกภูมิใจ "บอกไปแล้ว ต่อให้ฮองเฮาเองก็ยังต้องยอมอ่อนข้อให้ข้า เจ้าไม่ต้องไปกลัวอ๋องเจวี้ยนนะ ดูสิ ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนก็ไม่ใช่ยังต้องมาขอร้
หมอเทวดาหลี่ถอยหลังสองก้าวทำไมเขาจึงรู้สึกว่าแค่คำง่ายๆ สองคำของอ๋องเจวี้ยนถึงได้ดูมีแรงกดดันนัก?"สภาพชีพจรอ๋องเจวี้ยนเดี๋ยวแรงเดี๋ยวอ่อน เดี๋ยวเร่งเดี๋ยวช้า เลือดลมติดขัด ปอดเย็นกระเพาะอาหารพร่อง และม้ามก็ยังอ่อนแออีกด้วย""ดังนั้น?"อ๋องเจวี้ยนย้อนถามตัวเขาเองก็เหมือนป่วยนานจนกลายเป็นหมอไปแล้ว อันที่จริงเขาก็จับชีพจรเป็นด้วย ส่วนสภาพชีพจรตนเองเป็นอย่างไรเขาเองก็รู้อยู่แต่การที่รู้ก็ไม่สู้หมอเก่งๆดังนั้นเขาตอนนี้จึงให้หมอเทวดาหลี่เข้ามาทำการรักษาหมอเทวดาหลี่ถอยหลังออกไปก้าวหนึ่งอย่างควบคุมไม่ได้ "เรื่องนี้ อ๋องเจวี้ยนต้องใช้ของระดับสูงอย่างพวกโสมหลินจือมาชดเชยเลือดลม เสริมม้ามและกระเพาะ ตัวยาที่ต้องการเองก็มีอยู่ไม่น้อย ไม่สะดวกจะไล่เรียงออกมาทีละอย่าง แต่ข้ามีรายการตัวยาของลูกกลอนสิบบำรุงอยู่ น่าจะเหมาะกับท่านอ๋อง แต่ว่าตัวยายังขาดอยู่หลายชนิด""โสม? หลินจือ? ลูกกลอนสิบบำรุง?"อ๋องเจวี้ยนไล่เอ่ยทวนคำพูดของเขาอีกครั้งกระทั่งชิงอีที่ฟังคำพูดนี้อยู่ข้างๆ ในใจก็ยังนิ่งงันไปนี่น่ะหรือหมอเทวดา?"ถูกต้อง ยังขาดตัวยาอยู่หลายอย่าง เป็นไปได้ว่าหมอหลวงในวังจะมีอยู่ทั้งหมด พ
หมอเทวดาหลี่รีบกลับไปที่บ้านคนของจวนอ๋องเจวี้ยนจะกล้าจับลูกสาวตนโยนเข้าคุกจริงหรือ? ความสัมพันธ์ของเขากับผู้พิพากษาจิงเจ้าเองก็ดีมากด้วย ต่อให้หลี่จื่อเหยาถูกขังคุกจริง เขาก็สามารถเอาตัวนางออกมาได้ทันที!"ท่านอ๋อง เห็นว่าในเมืองหลวงหลายปีนี้พูดกันว่าทักษะหมอของหมอเทวดาหลี่นั้นสูงส่ง พวกเราจึงรีบกลับมา ตอนนี้เห็นว่าคงจะดีแต่ชื่อเสียกระมัง?"ชิงอีหลังจากไล่คนออกไปปแล้วก็กลับมายังเรือนนอนของอ๋องเจวี้ยน น้ำเสียงเองก็ดูกังวลมากคำพูดที่หมอเทวดาหลี่พูดมาแทบไม่ได้แตกต่างจากหมอก่อนหน้าเหล่านั้นเลยทำเอาคนผิดหวังเสียจริง!แต่อ๋องเจวี้ยนกลับส่ายหัว "เขาก็ไม่แน่ว่าจะมองไม่ออก เขาคิดจะปลิ้นปล้อนก็ปลิ้นปล้อนบนพิษไม่กี่ชนิดที่เขาตรวจออกมาได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสาเหตุการป่วยอื่นอีก แต่เขายังไม่มั่นใจในการรักษา ดังนั้นจึงยังไม่เอ่ยถึง"ชิงอีตกตะลึง "ท่านจะบอกว่าอันที่จริงเขาตรวจออกมาได้หรือ?""เขาได้ชื่อหมอเทวดามา จนอหังการอยู่ในเมืองหลวงมาได้หลายปี ร้านยาใหญ่ๆ ก็ยังต้องเคารพนอบน้อมเขา นี่ไม่ใช่สิ่งที่ไม่มีมูลเหตุ"หมอเทวดาหลี่ไม่ใช่หมอธรรมดาแน่นอน"ให้ตายเถอะ แล้วเขากลับไม่กล้าลงมือรักษาท่
ฟู่จาวหนิงหันหน้าไปมอง ชายชราแบกตะกร้ายาคนหนึ่งกำลังวิ่งโซซัดโซเซลงมาทางนี้วิ่งจากบนลงล่างคือทางลาด เขาวิ่งกระหืดกระหอบเหมือนจะสะดุดล้มได้ตลอดเวลา จนฟู่จาวหนิงที่เห็นมุมปากกระตุก ลุกยืนขึ้นมา"ท่านปู่ ท่านวิ่งช้าลงหน่อย เดี๋ยวจะหกล้มเอา"นางพูดยังไม่ทันขาดคำ ชายชราคนนี้เท้าก็เหมือนไปขัดกับอะไรบางอย่าง ล้มกลิ้งโคโล่ลงมา ล้มกลิ้งบนพื้นยังไม่เท่าไร แต่นี่ยังหยุดไม่อยู่จนกลิ้งลงมาจากเนินอีกด้วย"อ๊าพระเจ้าช่วยด้วยอ๊าๆๆ ข้ากลิ้งลงไปแล้วอ๊าๆๆ!"ชายชรากรีดร้องมาเป็นพรวน สองมือคว้าสะเปะสะปะ คิดจะจับอะไรบางอย่างเพื่อหยุดร่างขอตนเอง แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย"แม่หนูเจ้าต้องรับข้านะอ๊า! เร็วๆๆ อ๊าๆๆ มึนหัวเหลือเกิน!""รับข้าด้วย ช่วยข้าด้วย"ชั่วขณะหนึ่ง ความเงียนงันในป่าถูกชายชราคนนี้ทำลายลงจนหมดสิ้น เขากลิ้งลงมาตลอดทาง ขณะเดียวกันปากก็ยังกรีดร้องไม่หยุดอีกมีหินกรวดวัชพืชบางส่วนกลิ้งตามตัวเขาลงมาด้วยฟู่จาวหนิงกระตุกมุมปาก รีบวางตะกร้าหลังลง ก้าวเท้าขึ้นหน้า สองเท้าเหยียบลงบนตำแหน่งก้อนหินกับรากไม้ ตั้งฐานมั่นคง มองชายชราที่กำลังกลิ้งลงมาตลอดทางตอนเขากลิ้งมาถึงตรงหน้าก็ใช้สองมือคว้าเข
"แล้วเจ้าล่ะมาทำอะไร?" ใครจะไปคิดว่าชายชราที่เดิมทีดูอ้างว้างคนนี้จะเงยหน้าย้อนถามนางกลับทันที ซ้ำยังมองพิจารณาตัวนางอีกด้วย"ข้ามาเก็บยาสมุนไพร" ฟู่จาวหนิงเลิกคิ้ว พูดออกมาตามตรง"เจ้าเมื่อครู่คิดจะลงไปดูว่าข้างต้นไม้บนผานั่นมียาสมุนไพรอยู่หรือไม่ใช่ไหม?"ชายชรารีบถลึงตามองนาง แล้วสั่งสอนขึ้นมาทันที "ข้าจะพูดว่าแม่หนูอย่างเจ้าน่ะจะกล้าหาญชาญชัยเกินไปไหม? ริมผาน้ำอันตรายเสียขนาดนั้น สูงเสียขนาดนั้น แต่เจ้าก็ยังยื่นมือเข้าไปสำรวจว่าจะคว้าจะจับอะไรได้อย่างนั้นหรือ? ถ้าไม่ระวังแล้วตกลงไป กระดูกกระเดี้ยวได้หักพังหมด!"ฟู่จาวหนิงยังไม่ทันพูดอะไร ชายชราก็เอ่ยต่อมาทันที"ผาน้ำนั่นพอถึงช่วงโพล้เพล้จะมีลมพัดขึ้นมา ลมเองก็ประหลาดแล้วยังแรงมากอีกด้วย เจ้าตัวเล็กแค่นี้ แค่ลมวูบเดียวก็คงพัดเจ้าปลิวไปแล้ว!"มีลมพัดด้วยหรือ?ฟู่จาวหนิงไม่รู้จุดนี้เลยแต่นางก็มีความมั่นใจที่ตนเองจะไม่ตกลงไป ต่อให้ตกลงไป นางก็ยังคว้าต้นไม้นั่นได้ทันเวลาในอดีตเรื่องพวกนี้นางเองก็ทำไปไม่น้อยแต่ถึงแม้ชายชราพูดจาจะดูไม่น่าฟังนัก แต่ก็ยังมองออกว่าหวังดีกับนางจริงๆ ฟู่จาวหนิงจึงไม่พูดอะไร"เจ้าไม่ยอมหรือ เจ้านาย
"ท่านเองก็ลองดูสิ" นางส่งคืนกลับให้เขาเขายังไม่ทันได้ดูเลยน กลับส่งให้นางดูก่อนเสียแล้วเซียวหลันยวนรับมา หยิบไปวางไว้ตรงหน้าในใจเขาเองก็สั่นสะเทือนเช่นกันนี่มันยอดเยี่ยมมาก"เครื่องพยากรณ์นี้ ในตงฉิงถือได้ว่าเป็นสมบัติเลยกระมัง?" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"อืม" เซียวหลันยวนวางเครื่องพยากรณ์ลง พยักหน้า "ราชครูจะสืบทอดต่อให้เป็นรุ่นๆ ถ้าหากบนมือไม่มีเครื่องมือพยากรณ์ ราชครูก็จะไม่เป็นที่ยอมรับอย่างชอบธรรม ยิ่งไปกว่านั้น คนตงฉิงก็ยังเชื่อว่า ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ออกมาจากการคาดการณ์ของเครื่องมือพยากรณ์ ล้วนไม่แม่นยำทั้งสิ้น""นั่นเท่ากับเป็นสิ่งที่เครื่องพยากรณ์สิบห้าปีใหม่คำนวณออกมาใช่ไหม? แล้วเก่ากว่านั้นล่ะ""ที่เก่ากว่านั้นจะถูกประทับตราเป็นของไม่ใช้งานแล้ว แล้วปิดผนึกไว้ในสุสานจักรพรรดิ"หรือก็คือ ขอแค่ไม่มีชิ้นใหม่ออกมา บนโลกนี้ก็จะมีแค่เครื่องพยากรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น"แล้วลุงหวังคนนั้น คงจะไม่ใช่รุ่นหลังของราชครูตงฉิงหรอกกระมัง?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นเซียวหลันยวนนิ่งงันไปพักหนึ่ง ตอบว่า "อันที่จริงก่อนหน้านี้ข้าก็คาดเดามาตลอด เจ้าอารามต่างหากที่น่าจะเป็น"ฟู่
"กล่องใบนี้ เป็นงานฝีมือของตระกูลปัน"แตกต่างกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่ได้กล่องมาแล้วศึกษาอยู่นานแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เซียวหลันยวนหมุนๆ ดูก็สรุปออกมา"ตระกูลปัน?""อืม" เซียวหลันยวนพูดไปด้วย มือเองก็คลำๆ ไปด้วย "หลานหรงไม่ใช่ว่าค้นข้อมูลเกี่ยวกับตงฉิงมาหรือ? ตอนนั้นลุงเสิ่นเองก็มอบหนังสือมาให้ ด้านบนมีการแนะนำตระกูลบางส่วนของตงฉิงไว้ ตระกูลปันก็อยู่ในนั้นด้วย""พูดเช่นนี้ ตระกูลปันก็เป็นช่างอย่างนั้นหรือ?"ฟู่จาวหนิงอดคิดถึงหลู่ปัน(นักประดิษฐ์เลื่องชื่อในประวัติศาสตร์จีน)ขึ้นมาไม่ได้ที่นี่ก็มีตระกูลปันด้วย ดูแล้วก็ลึกลับเอาการ"อืม เข้าใจแบบนี้ได้"เซียวหลันยวนตอนเพิ่งเริ่มยังดูช้าๆ อยู่ ลูบๆ คลำๆ แต่ไม่นานนักก็ดูรวดเร็วขึ้นมา กล่องไม้ที่ดูสมบูรณ์แบบนั่นไม่รู้เขาทำอีท่าไหน ตรงนี้กลับดึงได้ตรงนั้นกลับกดได้ขึ้นมาฟู่จาวหนิงมองเขาเล่นอยู่ครู่หนึ่ง ก็ไม่ได้ถามอะไร นั่งมองเขาเปิดกล่องใบนั้นอยู่ข้างๆนิ้วของเขามีข้อต่อชัดเจน เรียวสวย เล็บสะอาดเรียบร้อยราวกับเป็นงานศิลปะสองมือนี้ ไม่เอาไปเล่นเปียโนคือน่าเสียดายมากตอนที่ความคิดฟู่จาวหนิงเริ่มเตลิด ก็ได้ยินเสียงดังแกร๊ก กล่องเปิดออกแ
"ขโมยมาจากไหนกัน?" ฟู่จาวหนิงมองเขา"ห้องข้างฝั่งตะวันตก"พอเขาพูดเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็เข้าใจขึ้นมาทันที สมองนางร้อยเรียงเรื่องราวออกมาอย่างรวดเร็วนางถามขึ้นอย่างตกตะลึง "องค์หญิงใหญ่ออกไปข้างนอกมาหรือ? ่นางหาชายชราคนนั้นเจอแล้วหรือ?"เซียวหลันยวนนับถือสมองของนางจริงๆ ที่คิดได้เร็วขนาดนี้"ใช่แล้ว เจ้าพูดถูกต้อง ข้าประเมินนางต่ำไป คิดไม่ถึงว่านางจะฝันเรื่องแบบนี้ได้จริงๆ"เซียวหลันยวนเองก็รู้สึกเกินคาดถึงแม้เขาจะให้คนจับตาดูองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไว้ แต่ก็เป็นแค่ความเคยชินที่ชอบให้เรื่องอยู่ในการควบคุมเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะได้มาเห็นฝันของนางเป็นจริงนางมีความสามารถเช่นนี้ ไม่แปลกที่หลายปีมานี้ก็ยังรักษาชื่อเสียงในเรื่องโชคไว้ได้ แล้วยังทำให้ฝ่าบาทต้าชื่อดึงนางไว้แน่นโดยไม่ยอมปล่อยมืออีกแล้วก็ไม่รู้ว่าจะฝันเห็นถึงอะไรบ้างด้วย"ท่านหมายความว่า นางหาชายชราคนนั้นเจอแล้ว?"ฟู่จาวหนิงพอคิดๆ ก็รู้สึกไม่ถูก "แล้วนางไปกล่อมชายชราให้ส่งของให้นางไม่ได้ ก็เลยเลือกขโมยมาอย่างนั้นหรือ?!"ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ความทรงจำเกี่ยวกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นของนางก็คงต้องล้างใหม่เสียแล้วเรื่องแบบนี้ก็
คืนนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นน่าจะเพราะออกไปด้านนอกตากลมหนาวมา กลางดึกจึงจับไข้จนมึนงง แล้วก็ไอจนนอนไม่ได้แต่นางไม่รู้ ว่าตอนที่นางไอจนสลึมสลือ มีเงาดำร่างหนึ่งเข้ามาในห้องนางอย่างไร้ซุ่มเสียงเฉินเซียงที่นอนอยู่บนแคร่นิ่มข้างๆ พลิกตัวมา ในปากพึมพำอะไรคำสองคำ จากนั้นก็หลับไปอีกเงาดำชะงักไป รื้อค้นในห้องขึ้นมาน่าจะเพราะที่นี่ไม่ใช่สถานที่ขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่มีชั้นเก็บของอะไรไว้ซ่อนของได้มาก เพียงไม่นาน เขาก็หาของเจอวางอยู่ในลังที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นนำมาด้วยถึงแม้ลังจะใส่กลอนไว้ แต่พอเห็นกลอนนั่น เงาดำก็รู้ว่ากุญแจอยู่ที่ไหน จึงเด็ดปิ่นปักผมเล่มหนึ่งออกมาจากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น พอบิดออกก็กลายเป็นกุญแจจริงๆคนในวังส่วนมากล้วนใช้วิธีการนี้กลอนถูกปลดออกทันที พอได้ของที่ห่อผ้าไว้ เงาดำก็จัดการลงกลอนลังอีกครั้ง นำปิ่นปักผมคืนกลับไป จากนั้นก็ออกประตูมาอย่างไร้ซุ่มเสียงเพียงไม่นาน ของชิ้นนี้ก็มาอยู่ตรงหน้าเซียวหลันยวน"ท่านอ๋อง อีกเดี๋ยวให้พระชายาดูดีไหม ของนี่อยู่ในมือลุงหวังคนนั้นแล้วยังย้ายไปอยู่ในมือองค์หญิงใหญ่อีก พวกเขาติดโรคมากันหมดแล้ว ทางที่ดีท่านอย่า
ฟู่จาวหนิงรู้ว่าตอนนี้ต่อให้จะรับประกันดีแค่ไหน เซียวหลันยวนก็ยังกังวลตนเองอยู่ดีก็เหมือนกับที่เขาไม่ยอมกลับเมืองหลวง นางก็รู้สึกกังวลว่าเขาจะติดโรคระบาดที่นี่"พรุ่งนี้ท่านกลับเมืองหลวงเถอะ เอาจริงๆ ท่านอยู่ที่นี่ข้าก็เป็นห่วงอยู่ตลอด แล้วท่านก็ตามข้ามาแบบนี้อีก""พรุ่งนี้จะดูสถานการณ์ ข้ารับปากเจ้า จะไม่คอยตามเจ้าแล้ว""ไม่ตามแล้วหรือ?""ใช่ แค่รู้ว่าทุกวันเจ้าผ่านไปอย่างไร ทำอะไรบ้าง ในใจข้าก็พอเข้าใจแล้ว จะไม่ตามอีก"แม้จะเป็นห่วง แต่ตอนนี้พอได้ติดตามมาวันหนึ่ง ได้รู้ว่านางใช้ชีวิตผ่านไปอย่างไร ก็ยังดีกว่าก่อนหน้านี้ที่ไม่รู้อะไรเลย ทำได้แค่คอยจินตนาการผ่านถ้อยคำบนจดหมายเขาจะมาถ่วงแข้งขานางไม่ได้ เพราะแม้แต่เขาก็รู้ ว่าเมืองเจ้อตอนนี้ขาดฟู่จาวหนิงไม่ได้"ถ้าอย่างนั้นท่านไปพักกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเถอะ ทางนั้นอย่างน้อยก็ไม่มีคนป่วย"ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าในโรงหมอก็ยังมีความเสี่ยงสูง"พรุ่งนี้ข้าไม่อยู่ที่โรงหมอ ข้าจะไปที่อื่นหน่อย"ฟู่จาวหนิงเห็นว่าเซียวหลันยวนมีแผนการของตนเองอยู่ จึงไม่ได้ถามอะไรเขามากขึ้น ถึงอย่างไรเขาปล่อยนางให้อยู่ที่นี่รักษาคนป่วยได้ ไม่ได้ดึงดันจะพ
เรียนได้เท่าไรก็เรียนเท่านั้น"ข้าไม่กลัวเหนื่อยหรอก เอาจริงๆ สมัยก่อนข้าเองก็มาจากครอบครัวที่ยากจนด้วย หลายปีมานี้ครอบครัวดีขึ้นมาก แต่ทุกวันข้าก็ยังปลูกผักอยู่ในเรือน แล้วยังฝึกมวยทุกวัน สุขภาพก็ดีมาก""มองออกเลยว่าสุขภาพของหมอหลินดีมาก นี่จึงน่าจะเป็นสาเหตุที่หมอฟู่พาท่านมาในวันแรก แล้วก็ให้ท่านมาคอยเฝ้าที่นี่นั่นล่ะ"อาเหอรู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้แม้ฟู่จาวหนิงจะไม่พูดออกมา แต่ในความเป็นจริงพอคนมาถึงนางก็สังเกตไปแล้ว การที่นางพาหมอหลินมา จะต้องเป็นการคัดเลือกของนางแน่นอน"จริงหรือ? ถ้าพูดเช่นนี้ พระชายาก็ถือว่ามีสายตาเฉียบคมอยู่นะ ฮ่าๆ" หมอหลินแสดงสีหน้าภาคภูมิใจฟู่จาวหนิงกลับไปพร้อมเซียวหลันยวนมีคนถือตะเกียงนำหน้าให้เมืองเจ้อยามนี้ เงียนงันไปหมด ฟ้าดำมืดมีดวงดาวไม่มากบนถนนมีแค่เสียงเท้าของพวกเขา เบามากพอคิด ก็รู้สึกเหมือนเป็นคืนฤดูใบไม้ผลิที่ไม่มีอะไรพิเศษแต่ในใจพวกเขาเข้าใจดี สำหรับเมืองเจ้อแล้ว นี่เหมือนถูกกดทับด้วยลมพายุไว้"อาเหอคนนี้ ดูแล้วไม่เลวเลย" เซียวหลันยวนตัดบทความคิดของฟู่จาวหนิง"อืม เป็นผู้ประสบภัย แต่เป็นคนฉลาด เรียนรู้เร็ว แล้วก็ซื่อสัตย์ด้วย" ความฉ
หมอหลินพอได้ยินคำพูดของอาเหอ ก็รู้สึกว่าตนเองเหมือนจะใจร้ายน่าดู ทำไมเขาถึงไม่คิดจุดนี้กันนะ?แล้วคิดจะจะให้พระชายาอ๋องเจวี้ยนที่เป็นหญิงสาวมาอยู่ดูแลที่นี่อีก ขนาดอ๋องเจวี้ยนตามมาแล้วแท้ๆ หรือคิดจะให้อ๋องเจวี้ยนต้องอยู่ดูแลคนป่วยที่นี่ด้วยกัน?ไอ๊หยา ต้องโทษพระชายาที่รับผิดชอบและตั้งใจมากเกินไป พอถูกนางทำให้ยุ่งขนาดนี้ เขาก็เลยลืมตัวตนฐานะของพระชายาอ๋องเจวี้ยนไปเสียแล้ว"ใช่ๆๆ ข้าคิดไม่รอบคอบเอง อาเหอพูดถูกต้อง พระชายาท่านรีบกลับไปพักผ่อนเถิด ข้าดูแลที่นี่ให้"ฟู่จาวหนิงหัวเราะขึ้นมาทีหนึ่ง"หมอหลิน ยังมีอีกที่หนึ่งที่ต้องไป ท่านลืมแล้วหรือ?"พวกเขาลืมไปแล้วหรือเปล่า ว่ายังมีบ้านประชาชนอีกแห่งหนึ่งที่รับผู้ป่วยเข้ามาหลายคนอ๊ะ นางตอนนี้จึงยิ้มออกมาได้ ถือเป็นความสุขที่ได้จากความทุกข์หมอหลินตอนนี้จึงนึกออก เขาตบหน้าผาก "ใช่ๆๆ แล้วทางนี้จะทำอย่างไรดีล่ะ?""นี่ถึงได้เชิญหมอหลินให้มาดูแลที่นี่ ส่วนอาเหอจะไปดูทางนั้นให้ มีเรื่องอะไรพวกท่านก็ให้ข้าราชการด้านนอกมาหาข้าก็พอ ถ้าไม่มีเรื่องอะไร พรุ่งนี้จะมีคนมาแทนพวกท่าน""เอาตามที่พระชายาว่าเลย"พวกเขาไปในบ้านประชาชนอีกหลังหนึ่ง คน
"มีเรื่องบังเอิญขนาดนี้เสียที่ไหน?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถลึงตาโต"องครักษ์พวกนั้นเจอกับหัวขโมย พอเห็นว่าเขาผิดปกติจึงเข้าไปจับกุม นี่ถือว่าเป็นการทำความดีกับประชาชนเมืองเจ้อมิใช่หรือ? จะว่าไป ทุกคนก็รู้ว่าโชคอขงองค์หญิงใหญ่นั้นดีมาก ดังนั้นจึงทำให้ท่านเจอกับเรื่องนี้มันมีอะไรแปลกตรงไหนกัน?""แต่ว่า แต่ว่า" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเอ่ยขึ้นเสียงอ่อย "เป็นแบบนี้มันไม่ค่อยสมเหตุสมผลกระมัง?""มีอะไรไม่สมเหตุสมผลกัน ยืนกรานเสียอย่าง พวกเขาจะไม่สงสัยหรก องค์หญิงใหญ่ท่านเป็นคนที่สูงส่งนะ แล้วจะไปทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร?""ไม่ค่อยดีนะแบบนี้?""ไอ๊หยา องค์หญิงใหญ่ท่านฟังข้าเถอะ ไม่เช่นนั้น ถ้าหากอ๋องเจวี้ยนไปแล้วจริงๆ พวกเรายังต้องอยู่ในเมืองเจ้ออีกนานแค่ไหน""พวกเราตอนนี้ได้ของแล้ว ไปเมืองหลวงกันเองก้ได้""องค์หญิงใหญ่ พวกเราป่วยโรคนี้อยู่นะ หมอเทวดาฟู่ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวกับใต้เท้าอันไม่มีทางยอมให้พวกเราไปหรอก ยิ่งไม่ยอมให้เราไปที่เมืองหลวงด้วย เว้นเสียแต่อ๋องเจวี้ยนจะพาพวกเราไป พวกเขาไม่กล้าขวางอ๋องเจวี้ยน"เฉินเซียงตอนนี้มองออกถ้าหากครั้งนี้ไม่ไปด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยน ถ้าพวกนางยังต้อง
"องค์หญิงใหญ่ ในกล่องใบนี้มันคืออะไรกันแน่?"เฉินเซียงเองก็อยากรู้อยากเห็นมาก จุดเทียนสว่าง แล้วยกเชิงเทียนเดินเข้ามาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรู้สึกเครียดอยู่ตอลด ตอนนี้พอนั่งลงมา ก็รีบเทน้ำลงดื่ม เพียงแต่น้ำเย็นไปแล้ว พอดื่มไปนางก็สะดุ้งโหยง"ข้าจะจุดเตาให้ องค์หญิงใหญ่อย่าเพิ่งดื่มน้ำเย็นเลย"เฉินเซียงถึงแม้จะอยากรู้ว่าในกล่องนั้นมีอะไร แต่ก็ยังเป็นสาวใช้วังที่ทุ่มเทอยู่ พอเห็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นต้องมาดื่มน้ำเย็นจึงรู้สึกปวดใจตอนที่นางไปวุ่นอยู่นั้น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็นั่งมองกล่องใบนั้นอยู่ตรงนั้นกล่องไม้ใบหนึ่ง ดูแล้วก็ไม่ได้มหัศจรรย์อะไร แล้วนางก็มองไม่ออกว่าต้องเปิดจากตรงไหนด้วยจนตอนที่เฉินเซียงเทน้ำร้อนเข้ามา องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เล่นกับกล่องนั้นอยู่พักหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังหาไม่เจอว่าจะเปิดมันอย่างไร"ทำไมถึงเปิดไม่ออก""เปิดไม่ออกหรือ? เพราะด้านในมันขัดกันอยู่หรือเปล่า?"เฉินเซียงเองก็หยิบกล่องนั่นเข้ามาสำรวจ รู้สึกประหลาดใจมาก ไม่มีจุดที่เปิดได้เลยจริงๆ"นี่มันอะไรกัน? หรือจะเป็นไม้ท่อนนึง สลักออกมาเป็นกล่องแบบนี้หรือ? "เฉินเซียงมึนงง"ไม่หรอก ด้านในมีของใส่ไว้" องค์หญ