"ไม่ ไม่มี มีแค่พวกเรา""ถ้าไม่บอก ขาของเจ้าก็จะพิการแล้วนะ" ฟู่จาวหนิงเอ่ยเสียงเย็นชาเรื่องที่นางจะขึ้นเขาจันทร์ลับฟ้ามีคนเพียงส่วนน้อยที่รู้ คนเหล่านี้ถ้าไม่ใช่จากอ๋องเจวี้ยน ก็ต้องจากในวังนั่นล่ะ พวกเขาถึงหานักเลงหัวไม้ชั้นต่ำมาสร้างความอัปยศกับนางเลยหรือ"ข้าบอก ข้าบอกแล้ว" ฮุ่นฮุ่นกลัวว่าขาตัวเองจะพิการ นี่มันคุณหนูที่ไม่ได้เรื่องจากตระกูลฟู่ตรงไหนกัน นี่มันหญิงสาวดาวพิฆาตชัดๆ!"มีหญิงสาวคนหนึ่งมาหาพวกข้า บอกให้พวกเราวันนี้ขึ้นเขามาหาเจ้า ถ้าเล่นงานเจ้าให้ตายจะได้เงินสองร้อยตำลึง ถ้าหากทำให้ตายไม่ได้ ก็ ก็ให้ทำลายความบริสุทธิ์ของเจ้า เอาชั้นในเจ้ากลับไปก็จะให้แปดสิบตำลึง"ดังนั้น เฮ่าจื่อในตอนแรกเลยคิดจะเอาชีวิตนางสินะ ถึงอย่างไรทำนางตายก็ยังได้มากขึ้นยี่สิบตำลึง"นางมาจากจวนไหนกัน?" ฟู่จาวหนิงออกแรงใต้เท้ามากขึ้น เจ็บปวดจนเขาร้องโหยหวน"ข้ารู้ข้ารู้ ดึงข้าขึ้นไปแล้วข้าจะบอกเจ้า!" เฮ่าจื่อที่ลอยเท้งเต้งอยู่ริมผาก็ส่งเสียงสั่นเรียกขึ้นมา เขาแทบจะจับไว้ไม่อยู่แล้วฟู่จาวหนิงไม่แม้แต่จะชายตามองเฮ่าจื่อคนนี้ความคิดชั่วร้าย วิธีการโหดเหี้ยมที่สุด เขาไม่คิดจะละเว้นไว้"รีบดึ
คนชุดดำสบตากันเองผาดหนึ่ง"แม่นางคนนั้นวิ่งเร็วขนาดนี้เลยหรือ?"พวกเขาเดิมทีคิดว่าหลังจากฟู่จาวหนิงขึ้นเขาจะเชื่องช้าอืดอาดเสียอีก ไม่คิดว่าตลอดทางกลับไม่พบตัวเลย ตอนนี้ก็เพิ่งรู้ว่านางข้ามสะพานไปแล้ว"แล้วพวกนี้จัดการอย่างไร?""คิดแล้วน่าจะมาหาเรื่องแม่นางคนนั้นแน่"หลายคนในนี้แลกเปลี่ยนสายตากัน มาเห็นพวกเขาแล้ว ใครจะรู้ว่าถ้าลงจากเขาไปจะถูกเปิดโปงอะไรออกมา สังหารทิ้งเสียก็จบเรื่องชายชุดแบ่งเป็นหนึ่งคนต่อหนึ่งคน จัดการเตะพวกเถี่ยจู้ออกไป"อ๊า!"เสียงกรีดร้องดังก้องป่าเขาฟู่จาวหนิงได้ยินเสียงกรีดร้องรางๆ นางหยุดเท้าลง ขมวดคิ้วทิศทางนั้นคือข้างๆ สะพานแขวน^ถ้าหากไม่ใช่พบกับอันตรายที่เข้ามาทำร้ายตัว คนเหล่านั้นคงไม่กรีดร้องน่าเวทนาเช่นนี้ มีคนเข้ามาอีกแล้วหรือ? ไล่ตามนางมาหรือ?นางก็แค่หญิงสาวตระกูลตกอับคนหนึ่ง ทำไมจึงขวางหูขวางตาคนนัก?ฟู่จาวหนิงพอเห็นข้างหน้ามีหญ้าที่ไม่สะดุดตาหลายกองอกอยู่ในร่องแตกร่องหนึ่ง นางก็ตาเป็นประกายนางต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อคุ้มครองตัวเองนางสาวเท้าออกไป หยิบเอาพลั่วเหล็กเล็กออกมาขุดหญ้าหลายกอนั่นออก ค้นหาของที่เหมาะสมออกมาจัดการบดยาหลายกอน
กระต่างป่าตัวหนึ่งถูกพลั่วเหล็กฟาดมื้อค่ำวันนี้ได้มาแล้วฟู่จาวหนิงไปเก็บกระต่ายตัวนี้ทันทีรอบๆ ไม่มีคน นางจึงหายตัวเข้าไปในห้องเภสัชกรรมอีกครั้งน่าเสียดายที่ในนี้เก็บยาไว้นิดเดียว ถ้ารู้ว่านางจะข้ามเวลามาแคว้นเจา รู้ว่าห้องเภสัชกรรมจะติดตามนางมาด้วยกัน นางคงจะยัดยาเอาไว้เต็มแล้วยังดีที่มีมีดผ่าตัดอยู่สองชุด อุปกรณ์ทำยาอยู่ครบทั้งหมด แล้วก็ยังมีของที่เอาไว้ช่วยชีวิตฉุกเฉินอยู่อีกไม่น้อยมีห้องเภสัชกรรมนี้อยู่ หลังจากนางหาสมุนไพรมาแล้วก็สามารถนำมากลั่นและสังเคราะห์ได้ในระดับกว้าง ประสิทธิภาพดีกว่าการต้มยาในปัจจุบันนี้เยอะ!ความมั่นใจที่จะช่วยชีวิตท่านปู่ของนางเพิ่มขึ้นมามากโขขอแค่ให้เวลานางหน่อย ขอแค่ให้นางหาตัวยาได้ครบถ้วนหญ้าสมุนไพรที่นางขุดออกมากอนี้ชื่อว่าหญ้าล้างประสาท นำมาใช้งานสะดวกมาก แค่นำมันมาอบให้แห้งจากนั้นบดเป็นผงก็ใช้ได้ฟู่จาวหนิงทำผงยาหญ้าล้างประสาทเสร็จ ก็รีบออกจากห้องเภสัชกรรมอย่างรวดเร็ว ค้นหาตัวยาต่อหุบจันทร์ลับนี้เป็นลานขุนทรัพย์ที่มีผลผลิตมากมายจริงๆ หลังจากเดินมาครึ่งชั่วยาม ฟู่จาวหนิงก็ขุดยามาได้อีกสองชนิดตอนนี้เองนางได้ยินเสียงน้ำ เสียงที่ได้
จวนหลี่หมอเทวดาหลี่นั่งชงชาอยู่ในโถงสวนดอกไม้ ข้างๆ ยังมีสาวใช้คอยบรรเลงพิณให้อีก โต๊ะธูปข้างๆ ยังจุดธูปสมุนไพร เป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้น กลิ่นธูปทำให้รู้สึกสบาย และยังทำให้สดชื่นอีกด้วยยหมอเทวดาหลี่ลิ้มชิมชาอย่างออกรสออกชาติ สูดปากซู๊ดผู้ดูแลข้างๆ พอเห็นก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย "นายท่าน จะให้คนของจวนอ๋องเจวี้ยนรอต่อไปหรือ?"คนจากจวนอ๋องเจวี้ยนเมื่อครู่เข้ามาเชิญหมอเทวดาหลี่แล้ว แต่พอได้ยินว่าจะให้เขาไปดูอาการอ๋องเจวี้ยน หมอเทวดาหลี่กก็มายังโถงสวนดอกไม้วางก้ามทันที"ให้พวกเขารอไปก่อน ไป ไปเรียนคุณหนูมา ข้าจะให้เหยาเอ๋อร์ระบายอารมณ์เสียหน่อย"หมอเทวดาหลี่ดูภูมิอกภูมิใจเสียเหลือเกินหลี่จื่อเหยาเองก็รีบวิ่งเข้ามา"ท่านพ่อ คนของจวนอ๋องเจวี้ยนเข้ามาเชิญท่านแล้ว!" หลี่จื่อเหยาลิงโลดขึ้นมา "ท่านพ่อนี่สุดยอดจริงๆ!""ข้าบอกกับเจ้ามาตลอดแล้วนี่ไร ว่าแคว้นเจ้าขาดแคลนหมอ แล้วหมอที่วิชาการแพทย์สูงอย่างพ่อของเจ้าคนนี้ ก็ยิ่งขาดแคลนเข้าไปใหญ่" หมอเทวดาหลี่ภูมิอกภูมิใจ "บอกไปแล้ว ต่อให้ฮองเฮาเองก็ยังต้องยอมอ่อนข้อให้ข้า เจ้าไม่ต้องไปกลัวอ๋องเจวี้ยนนะ ดูสิ ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนก็ไม่ใช่ยังต้องมาขอร้
หมอเทวดาหลี่ถอยหลังสองก้าวทำไมเขาจึงรู้สึกว่าแค่คำง่ายๆ สองคำของอ๋องเจวี้ยนถึงได้ดูมีแรงกดดันนัก?"สภาพชีพจรอ๋องเจวี้ยนเดี๋ยวแรงเดี๋ยวอ่อน เดี๋ยวเร่งเดี๋ยวช้า เลือดลมติดขัด ปอดเย็นกระเพาะอาหารพร่อง และม้ามก็ยังอ่อนแออีกด้วย""ดังนั้น?"อ๋องเจวี้ยนย้อนถามตัวเขาเองก็เหมือนป่วยนานจนกลายเป็นหมอไปแล้ว อันที่จริงเขาก็จับชีพจรเป็นด้วย ส่วนสภาพชีพจรตนเองเป็นอย่างไรเขาเองก็รู้อยู่แต่การที่รู้ก็ไม่สู้หมอเก่งๆดังนั้นเขาตอนนี้จึงให้หมอเทวดาหลี่เข้ามาทำการรักษาหมอเทวดาหลี่ถอยหลังออกไปก้าวหนึ่งอย่างควบคุมไม่ได้ "เรื่องนี้ อ๋องเจวี้ยนต้องใช้ของระดับสูงอย่างพวกโสมหลินจือมาชดเชยเลือดลม เสริมม้ามและกระเพาะ ตัวยาที่ต้องการเองก็มีอยู่ไม่น้อย ไม่สะดวกจะไล่เรียงออกมาทีละอย่าง แต่ข้ามีรายการตัวยาของลูกกลอนสิบบำรุงอยู่ น่าจะเหมาะกับท่านอ๋อง แต่ว่าตัวยายังขาดอยู่หลายชนิด""โสม? หลินจือ? ลูกกลอนสิบบำรุง?"อ๋องเจวี้ยนไล่เอ่ยทวนคำพูดของเขาอีกครั้งกระทั่งชิงอีที่ฟังคำพูดนี้อยู่ข้างๆ ในใจก็ยังนิ่งงันไปนี่น่ะหรือหมอเทวดา?"ถูกต้อง ยังขาดตัวยาอยู่หลายอย่าง เป็นไปได้ว่าหมอหลวงในวังจะมีอยู่ทั้งหมด พ
หมอเทวดาหลี่รีบกลับไปที่บ้านคนของจวนอ๋องเจวี้ยนจะกล้าจับลูกสาวตนโยนเข้าคุกจริงหรือ? ความสัมพันธ์ของเขากับผู้พิพากษาจิงเจ้าเองก็ดีมากด้วย ต่อให้หลี่จื่อเหยาถูกขังคุกจริง เขาก็สามารถเอาตัวนางออกมาได้ทันที!"ท่านอ๋อง เห็นว่าในเมืองหลวงหลายปีนี้พูดกันว่าทักษะหมอของหมอเทวดาหลี่นั้นสูงส่ง พวกเราจึงรีบกลับมา ตอนนี้เห็นว่าคงจะดีแต่ชื่อเสียกระมัง?"ชิงอีหลังจากไล่คนออกไปปแล้วก็กลับมายังเรือนนอนของอ๋องเจวี้ยน น้ำเสียงเองก็ดูกังวลมากคำพูดที่หมอเทวดาหลี่พูดมาแทบไม่ได้แตกต่างจากหมอก่อนหน้าเหล่านั้นเลยทำเอาคนผิดหวังเสียจริง!แต่อ๋องเจวี้ยนกลับส่ายหัว "เขาก็ไม่แน่ว่าจะมองไม่ออก เขาคิดจะปลิ้นปล้อนก็ปลิ้นปล้อนบนพิษไม่กี่ชนิดที่เขาตรวจออกมาได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสาเหตุการป่วยอื่นอีก แต่เขายังไม่มั่นใจในการรักษา ดังนั้นจึงยังไม่เอ่ยถึง"ชิงอีตกตะลึง "ท่านจะบอกว่าอันที่จริงเขาตรวจออกมาได้หรือ?""เขาได้ชื่อหมอเทวดามา จนอหังการอยู่ในเมืองหลวงมาได้หลายปี ร้านยาใหญ่ๆ ก็ยังต้องเคารพนอบน้อมเขา นี่ไม่ใช่สิ่งที่ไม่มีมูลเหตุ"หมอเทวดาหลี่ไม่ใช่หมอธรรมดาแน่นอน"ให้ตายเถอะ แล้วเขากลับไม่กล้าลงมือรักษาท่
ฟู่จาวหนิงหันหน้าไปมอง ชายชราแบกตะกร้ายาคนหนึ่งกำลังวิ่งโซซัดโซเซลงมาทางนี้วิ่งจากบนลงล่างคือทางลาด เขาวิ่งกระหืดกระหอบเหมือนจะสะดุดล้มได้ตลอดเวลา จนฟู่จาวหนิงที่เห็นมุมปากกระตุก ลุกยืนขึ้นมา"ท่านปู่ ท่านวิ่งช้าลงหน่อย เดี๋ยวจะหกล้มเอา"นางพูดยังไม่ทันขาดคำ ชายชราคนนี้เท้าก็เหมือนไปขัดกับอะไรบางอย่าง ล้มกลิ้งโคโล่ลงมา ล้มกลิ้งบนพื้นยังไม่เท่าไร แต่นี่ยังหยุดไม่อยู่จนกลิ้งลงมาจากเนินอีกด้วย"อ๊าพระเจ้าช่วยด้วยอ๊าๆๆ ข้ากลิ้งลงไปแล้วอ๊าๆๆ!"ชายชรากรีดร้องมาเป็นพรวน สองมือคว้าสะเปะสะปะ คิดจะจับอะไรบางอย่างเพื่อหยุดร่างขอตนเอง แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย"แม่หนูเจ้าต้องรับข้านะอ๊า! เร็วๆๆ อ๊าๆๆ มึนหัวเหลือเกิน!""รับข้าด้วย ช่วยข้าด้วย"ชั่วขณะหนึ่ง ความเงียนงันในป่าถูกชายชราคนนี้ทำลายลงจนหมดสิ้น เขากลิ้งลงมาตลอดทาง ขณะเดียวกันปากก็ยังกรีดร้องไม่หยุดอีกมีหินกรวดวัชพืชบางส่วนกลิ้งตามตัวเขาลงมาด้วยฟู่จาวหนิงกระตุกมุมปาก รีบวางตะกร้าหลังลง ก้าวเท้าขึ้นหน้า สองเท้าเหยียบลงบนตำแหน่งก้อนหินกับรากไม้ ตั้งฐานมั่นคง มองชายชราที่กำลังกลิ้งลงมาตลอดทางตอนเขากลิ้งมาถึงตรงหน้าก็ใช้สองมือคว้าเข
"แล้วเจ้าล่ะมาทำอะไร?" ใครจะไปคิดว่าชายชราที่เดิมทีดูอ้างว้างคนนี้จะเงยหน้าย้อนถามนางกลับทันที ซ้ำยังมองพิจารณาตัวนางอีกด้วย"ข้ามาเก็บยาสมุนไพร" ฟู่จาวหนิงเลิกคิ้ว พูดออกมาตามตรง"เจ้าเมื่อครู่คิดจะลงไปดูว่าข้างต้นไม้บนผานั่นมียาสมุนไพรอยู่หรือไม่ใช่ไหม?"ชายชรารีบถลึงตามองนาง แล้วสั่งสอนขึ้นมาทันที "ข้าจะพูดว่าแม่หนูอย่างเจ้าน่ะจะกล้าหาญชาญชัยเกินไปไหม? ริมผาน้ำอันตรายเสียขนาดนั้น สูงเสียขนาดนั้น แต่เจ้าก็ยังยื่นมือเข้าไปสำรวจว่าจะคว้าจะจับอะไรได้อย่างนั้นหรือ? ถ้าไม่ระวังแล้วตกลงไป กระดูกกระเดี้ยวได้หักพังหมด!"ฟู่จาวหนิงยังไม่ทันพูดอะไร ชายชราก็เอ่ยต่อมาทันที"ผาน้ำนั่นพอถึงช่วงโพล้เพล้จะมีลมพัดขึ้นมา ลมเองก็ประหลาดแล้วยังแรงมากอีกด้วย เจ้าตัวเล็กแค่นี้ แค่ลมวูบเดียวก็คงพัดเจ้าปลิวไปแล้ว!"มีลมพัดด้วยหรือ?ฟู่จาวหนิงไม่รู้จุดนี้เลยแต่นางก็มีความมั่นใจที่ตนเองจะไม่ตกลงไป ต่อให้ตกลงไป นางก็ยังคว้าต้นไม้นั่นได้ทันเวลาในอดีตเรื่องพวกนี้นางเองก็ทำไปไม่น้อยแต่ถึงแม้ชายชราพูดจาจะดูไม่น่าฟังนัก แต่ก็ยังมองออกว่าหวังดีกับนางจริงๆ ฟู่จาวหนิงจึงไม่พูดอะไร"เจ้าไม่ยอมหรือ เจ้านาย