ตอนนี้ผู้หญิงตัวหนักขนาดนี้กันแล้วหรือ?"คุณหนูฟู่ยังไม่!รีบ!ออกไปอีก!"รองขุนพลหลิวหน้าผากเหงื่อผุด ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันฟู่จาวหนิงก็ทำเป็นเชื่องช้า ซ้ำยังกระพริบตาปริบ ผ่านไปพักหนึ่งจึงทำท่าเข้าใจขึ้นมา รีบถอยออกไปข้างๆ "อ๊ะ ขอโทษด้วย เกือบจะลืมไป"เรื่องนี้มันลืมกันได้ด้วยหรือ!ฟู่จาวหนิงหันหน้าไปมองภูเขาตรงหน้า เขาสูงใหญ่ตระการตา ทิวภาพทัศนียสวยสด มองไกลออกไปยังเห็นใบไม้เหลืองต้นไม้สีแดง สีเขียวนานาก็ถูแต่งแต้มทาไว้เบาบางเช่นกัน ทับซ้อนสลับเป็นชั้นๆ งดงามเสียเหลือเกินป่าเขาเช่นนี้ น่าจะเป็นสถานที่ที่มีปุ๋ยและน้ำอุดมสมบูรณ์ดวงตาของนางเป็นประกาย เดาได้เลยว่าในภูเขานี้จะต้องได้อะไรมาบ้างแน่นอน"ที่นี่คือเขาจันทร์ลับฟ้าหรือ?"ถูกต้อง คุณหนูฟู่อย่าได้ชักช้าเลย ตอนนี้รีบขึ้นเขาเถิด พวกเราจะตั้งหลักปักฐานอยู่ที่นี่ สามวันถัดจากนี้ คุณหนูฟู่ต้องออกมาทางนี้รองขุนพลหลิวสะกดอาการกอดเท้ากระโดดเหยงเอาไว้เจ็บชมัด"ไม่ส่งคนตามข้าเข้าไปหรือ?" ฟู่จาวหนิงถาม"ไม่จำเป็น พวกเราอยู่ที่นี่คอยคุ้มกันทางเข้าออกภูเขาไว้ ในสามวันนี้ถ้ามีคนเข้ามาพวกเราจะเข้าขวาง นี่ก็เพื่อตัวคุณหนูฟู่เอง จะได้ไ
ฟู่จาวหนิงหันตัวกลับมา วางตะกร้าหลังลงอย่างไม่ลนลานจากป่าที่ไม่ไกลนักมีชายหนุ่มหลายคนเดินออกมาคนที่พูดเมื่อครู่เป็นคนปากแหลมหน้าตอบ และชายหนุ่มคนสุดท้ายที่เดินออกมากลับเป็นคนร่างใหญ่กำยำพวกเขาพอเห็นหน้าของฟู่จาวหนิงก็ล้วนมีสีหน้าตะลึงในความงาม"หญิงสาวคนนี้หน้าตาดีเสียเหลือเกิน พี่ใหญ่ อาสะใภ้ไม่ใช่เอาแต่เร่งให้ท่านหาลูกสะใภ้หรอกหรือ? จับนางกลับไป ท่านก็มีภรรยาแล้ว อาสะใภ้จะได้ตายตาหลับ"ชายหนุ่มดำเตี้ยคนหนึ่งเอ่ยขึ้นกับชายร่างกำยำ คนอื่นเองก็ทยอยกันขานรับ"เถี่ยจู้พูดถูก!""ข้าว่าได้อยู่!""เอาตามนี้เลย!"ฟู่จาวหนิงรู้สึกน่าขัน เอ่ยขึ้นตัดบทพวกเขา "พวกเจ้ากำลังพูดถึงข้าหรือ?""เอ๊ะ หญิงสาวคนนี้กล้าไม่เลวเลย เห็นพวกพราแต่กลับไม่กลัว ซ้ำยังกล้าพูดกับพวกเราด้วย!" ชายปากแหลมหน้าตอบรู้สึกแปลกใจมาก"ข้าจะข้ามสะพาน พวกเจ้าถ้าหากคิดจะทะเลาะล่ะก็ไวไวหน่อย ถ้าไม่อยากทะเลาะก็รีบๆ ไสหัวไป" ฟู่จาวหนิงเชิดคางขึ้นชายหนุ่มหลายคนนั้นเดือดขึ้นมาทันที ทยอยกันถกแขนเสื้อขึ้น"ข้าทนไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ขนาดพวกผู้หญิงก็ยังกล้ามาต่อปากต่อคำกับพวกเราแล้วหรือ?""ก่อนหน้าที่นางจะมาเป็นสะใภ้ใหญ่ของ
พี่ใหญ่ได้พอได้ยินพวกเขาพูดเช่นนี้ก็กังวลขึ้นมา หมุนตัววิ่งกลับ "เช่นนั้นข้าจะกลับไปดูท่านแม่ก่อน! แม่นางเจ้ารีบไปเถิด เฮ่าจื่อ พวกเจ้าอย่ารังแกคนอื่นเชียว"พอเห็นเขาวิ่งไป เฮ่าจื่อรอจนเขาหายไปไม่เห็นเงา ก็สลับสายตาหันมาจ้องฟู่จาวหนิงเดินบีบเข้ามา"เฮ่าจื่อ แม่นางคนนี้หน้าตาสะสวยเหลือเกิน ผลักให้ตกไปตายคงเสียดายแย่ สู้พวกเรามาเล่นกับนางกันก่อนดีกว่าไหม" เถี่ยจู้มองฟู่จาวหนิง น้ำลายแทบจะไหลออกมาแล้ว"ข้าว่าได้อยู่" เฮ่าจื่อตอนนี้มองฟู่จาวหนิงก็รู้สึกใจคันยุบยิบ "ข้าก่อนไหม?"เขาก็เป็นเช่นเมื่อครู่นี้ เสียงยังไม่ทันขาดก็พุ่งเข้าหาฟู่จาวหนิง เพียงแต่ครั้งนี้เขาไม่ได้เข้าไปผลักนางแล้ว แต่เข้าไปกระชากแขนของนาง"ได้ เจ้าก่อน"ฟู่จาวหนิงยิ้มเย็นชา พลิกมือกลับมาจับข้อมือเขา ออกแรงสะบัดเขาไปทางหน้าผา"อ๊าๆๆ!"ใจของเฮ่าจื่อแทบจะตกใจจนระเบิดออก เขายังไม่ทันตั้งตัว ร่างกายก็ถูกสะบัดปลิวไปเหมือนว่าวสลับตำแหน่งกับตัวนาง ลอยว่อนไปพรืดเฮ่าจื่อล้มอยู่ที่ริมผา ร่างกายห้อยลงข้างล่าง ตกใจจนเขาคว้าสองมือมั่วซั่วกรีดร้องแหลม รีบร้อนจับก้อนหินที่ยื่นออกมาก้อนหนึ่งเอาไว้ หยุดการร่วงหล่นลงไปได้เล็ก
"ไม่ ไม่มี มีแค่พวกเรา""ถ้าไม่บอก ขาของเจ้าก็จะพิการแล้วนะ" ฟู่จาวหนิงเอ่ยเสียงเย็นชาเรื่องที่นางจะขึ้นเขาจันทร์ลับฟ้ามีคนเพียงส่วนน้อยที่รู้ คนเหล่านี้ถ้าไม่ใช่จากอ๋องเจวี้ยน ก็ต้องจากในวังนั่นล่ะ พวกเขาถึงหานักเลงหัวไม้ชั้นต่ำมาสร้างความอัปยศกับนางเลยหรือ"ข้าบอก ข้าบอกแล้ว" ฮุ่นฮุ่นกลัวว่าขาตัวเองจะพิการ นี่มันคุณหนูที่ไม่ได้เรื่องจากตระกูลฟู่ตรงไหนกัน นี่มันหญิงสาวดาวพิฆาตชัดๆ!"มีหญิงสาวคนหนึ่งมาหาพวกข้า บอกให้พวกเราวันนี้ขึ้นเขามาหาเจ้า ถ้าเล่นงานเจ้าให้ตายจะได้เงินสองร้อยตำลึง ถ้าหากทำให้ตายไม่ได้ ก็ ก็ให้ทำลายความบริสุทธิ์ของเจ้า เอาชั้นในเจ้ากลับไปก็จะให้แปดสิบตำลึง"ดังนั้น เฮ่าจื่อในตอนแรกเลยคิดจะเอาชีวิตนางสินะ ถึงอย่างไรทำนางตายก็ยังได้มากขึ้นยี่สิบตำลึง"นางมาจากจวนไหนกัน?" ฟู่จาวหนิงออกแรงใต้เท้ามากขึ้น เจ็บปวดจนเขาร้องโหยหวน"ข้ารู้ข้ารู้ ดึงข้าขึ้นไปแล้วข้าจะบอกเจ้า!" เฮ่าจื่อที่ลอยเท้งเต้งอยู่ริมผาก็ส่งเสียงสั่นเรียกขึ้นมา เขาแทบจะจับไว้ไม่อยู่แล้วฟู่จาวหนิงไม่แม้แต่จะชายตามองเฮ่าจื่อคนนี้ความคิดชั่วร้าย วิธีการโหดเหี้ยมที่สุด เขาไม่คิดจะละเว้นไว้"รีบดึ
คนชุดดำสบตากันเองผาดหนึ่ง"แม่นางคนนั้นวิ่งเร็วขนาดนี้เลยหรือ?"พวกเขาเดิมทีคิดว่าหลังจากฟู่จาวหนิงขึ้นเขาจะเชื่องช้าอืดอาดเสียอีก ไม่คิดว่าตลอดทางกลับไม่พบตัวเลย ตอนนี้ก็เพิ่งรู้ว่านางข้ามสะพานไปแล้ว"แล้วพวกนี้จัดการอย่างไร?""คิดแล้วน่าจะมาหาเรื่องแม่นางคนนั้นแน่"หลายคนในนี้แลกเปลี่ยนสายตากัน มาเห็นพวกเขาแล้ว ใครจะรู้ว่าถ้าลงจากเขาไปจะถูกเปิดโปงอะไรออกมา สังหารทิ้งเสียก็จบเรื่องชายชุดแบ่งเป็นหนึ่งคนต่อหนึ่งคน จัดการเตะพวกเถี่ยจู้ออกไป"อ๊า!"เสียงกรีดร้องดังก้องป่าเขาฟู่จาวหนิงได้ยินเสียงกรีดร้องรางๆ นางหยุดเท้าลง ขมวดคิ้วทิศทางนั้นคือข้างๆ สะพานแขวน^ถ้าหากไม่ใช่พบกับอันตรายที่เข้ามาทำร้ายตัว คนเหล่านั้นคงไม่กรีดร้องน่าเวทนาเช่นนี้ มีคนเข้ามาอีกแล้วหรือ? ไล่ตามนางมาหรือ?นางก็แค่หญิงสาวตระกูลตกอับคนหนึ่ง ทำไมจึงขวางหูขวางตาคนนัก?ฟู่จาวหนิงพอเห็นข้างหน้ามีหญ้าที่ไม่สะดุดตาหลายกองอกอยู่ในร่องแตกร่องหนึ่ง นางก็ตาเป็นประกายนางต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อคุ้มครองตัวเองนางสาวเท้าออกไป หยิบเอาพลั่วเหล็กเล็กออกมาขุดหญ้าหลายกอนั่นออก ค้นหาของที่เหมาะสมออกมาจัดการบดยาหลายกอน
กระต่างป่าตัวหนึ่งถูกพลั่วเหล็กฟาดมื้อค่ำวันนี้ได้มาแล้วฟู่จาวหนิงไปเก็บกระต่ายตัวนี้ทันทีรอบๆ ไม่มีคน นางจึงหายตัวเข้าไปในห้องเภสัชกรรมอีกครั้งน่าเสียดายที่ในนี้เก็บยาไว้นิดเดียว ถ้ารู้ว่านางจะข้ามเวลามาแคว้นเจา รู้ว่าห้องเภสัชกรรมจะติดตามนางมาด้วยกัน นางคงจะยัดยาเอาไว้เต็มแล้วยังดีที่มีมีดผ่าตัดอยู่สองชุด อุปกรณ์ทำยาอยู่ครบทั้งหมด แล้วก็ยังมีของที่เอาไว้ช่วยชีวิตฉุกเฉินอยู่อีกไม่น้อยมีห้องเภสัชกรรมนี้อยู่ หลังจากนางหาสมุนไพรมาแล้วก็สามารถนำมากลั่นและสังเคราะห์ได้ในระดับกว้าง ประสิทธิภาพดีกว่าการต้มยาในปัจจุบันนี้เยอะ!ความมั่นใจที่จะช่วยชีวิตท่านปู่ของนางเพิ่มขึ้นมามากโขขอแค่ให้เวลานางหน่อย ขอแค่ให้นางหาตัวยาได้ครบถ้วนหญ้าสมุนไพรที่นางขุดออกมากอนี้ชื่อว่าหญ้าล้างประสาท นำมาใช้งานสะดวกมาก แค่นำมันมาอบให้แห้งจากนั้นบดเป็นผงก็ใช้ได้ฟู่จาวหนิงทำผงยาหญ้าล้างประสาทเสร็จ ก็รีบออกจากห้องเภสัชกรรมอย่างรวดเร็ว ค้นหาตัวยาต่อหุบจันทร์ลับนี้เป็นลานขุนทรัพย์ที่มีผลผลิตมากมายจริงๆ หลังจากเดินมาครึ่งชั่วยาม ฟู่จาวหนิงก็ขุดยามาได้อีกสองชนิดตอนนี้เองนางได้ยินเสียงน้ำ เสียงที่ได้
จวนหลี่หมอเทวดาหลี่นั่งชงชาอยู่ในโถงสวนดอกไม้ ข้างๆ ยังมีสาวใช้คอยบรรเลงพิณให้อีก โต๊ะธูปข้างๆ ยังจุดธูปสมุนไพร เป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้น กลิ่นธูปทำให้รู้สึกสบาย และยังทำให้สดชื่นอีกด้วยยหมอเทวดาหลี่ลิ้มชิมชาอย่างออกรสออกชาติ สูดปากซู๊ดผู้ดูแลข้างๆ พอเห็นก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย "นายท่าน จะให้คนของจวนอ๋องเจวี้ยนรอต่อไปหรือ?"คนจากจวนอ๋องเจวี้ยนเมื่อครู่เข้ามาเชิญหมอเทวดาหลี่แล้ว แต่พอได้ยินว่าจะให้เขาไปดูอาการอ๋องเจวี้ยน หมอเทวดาหลี่กก็มายังโถงสวนดอกไม้วางก้ามทันที"ให้พวกเขารอไปก่อน ไป ไปเรียนคุณหนูมา ข้าจะให้เหยาเอ๋อร์ระบายอารมณ์เสียหน่อย"หมอเทวดาหลี่ดูภูมิอกภูมิใจเสียเหลือเกินหลี่จื่อเหยาเองก็รีบวิ่งเข้ามา"ท่านพ่อ คนของจวนอ๋องเจวี้ยนเข้ามาเชิญท่านแล้ว!" หลี่จื่อเหยาลิงโลดขึ้นมา "ท่านพ่อนี่สุดยอดจริงๆ!""ข้าบอกกับเจ้ามาตลอดแล้วนี่ไร ว่าแคว้นเจ้าขาดแคลนหมอ แล้วหมอที่วิชาการแพทย์สูงอย่างพ่อของเจ้าคนนี้ ก็ยิ่งขาดแคลนเข้าไปใหญ่" หมอเทวดาหลี่ภูมิอกภูมิใจ "บอกไปแล้ว ต่อให้ฮองเฮาเองก็ยังต้องยอมอ่อนข้อให้ข้า เจ้าไม่ต้องไปกลัวอ๋องเจวี้ยนนะ ดูสิ ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนก็ไม่ใช่ยังต้องมาขอร้
หมอเทวดาหลี่ถอยหลังสองก้าวทำไมเขาจึงรู้สึกว่าแค่คำง่ายๆ สองคำของอ๋องเจวี้ยนถึงได้ดูมีแรงกดดันนัก?"สภาพชีพจรอ๋องเจวี้ยนเดี๋ยวแรงเดี๋ยวอ่อน เดี๋ยวเร่งเดี๋ยวช้า เลือดลมติดขัด ปอดเย็นกระเพาะอาหารพร่อง และม้ามก็ยังอ่อนแออีกด้วย""ดังนั้น?"อ๋องเจวี้ยนย้อนถามตัวเขาเองก็เหมือนป่วยนานจนกลายเป็นหมอไปแล้ว อันที่จริงเขาก็จับชีพจรเป็นด้วย ส่วนสภาพชีพจรตนเองเป็นอย่างไรเขาเองก็รู้อยู่แต่การที่รู้ก็ไม่สู้หมอเก่งๆดังนั้นเขาตอนนี้จึงให้หมอเทวดาหลี่เข้ามาทำการรักษาหมอเทวดาหลี่ถอยหลังออกไปก้าวหนึ่งอย่างควบคุมไม่ได้ "เรื่องนี้ อ๋องเจวี้ยนต้องใช้ของระดับสูงอย่างพวกโสมหลินจือมาชดเชยเลือดลม เสริมม้ามและกระเพาะ ตัวยาที่ต้องการเองก็มีอยู่ไม่น้อย ไม่สะดวกจะไล่เรียงออกมาทีละอย่าง แต่ข้ามีรายการตัวยาของลูกกลอนสิบบำรุงอยู่ น่าจะเหมาะกับท่านอ๋อง แต่ว่าตัวยายังขาดอยู่หลายชนิด""โสม? หลินจือ? ลูกกลอนสิบบำรุง?"อ๋องเจวี้ยนไล่เอ่ยทวนคำพูดของเขาอีกครั้งกระทั่งชิงอีที่ฟังคำพูดนี้อยู่ข้างๆ ในใจก็ยังนิ่งงันไปนี่น่ะหรือหมอเทวดา?"ถูกต้อง ยังขาดตัวยาอยู่หลายอย่าง เป็นไปได้ว่าหมอหลวงในวังจะมีอยู่ทั้งหมด พ
เศรษฐีฟางดีใจมาก ฟู่จิ้นเชินชมลูกสาวตนเองเช่นนี้ เขาเองก็รู้สึกว่าเขาก็เป็นคนดี "คุณชายฟู่ พระชายาอ๋องเจวี้ยนเองก็เป็นคนดีมาก ท่านกับฮูหยินฟู่หลังจากนี้ก็ดีกับนางหน่อยล่ะ เด็กคนนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ""แน่นอน"ยังดีที่ฝนไม่ได้ตกนานมาก พวกเขาคุยกันครู่หนึ่ง ฝนก็หยุดแล้วพวกเขาจึงรีบเดินทางต่อหลังจากนั้นสองชั่วยาม ตอนที่ราตรีเข้ามาก็มาถึงจุดพักม้าแห่งหนึ่ง ใช้ค้างแรมได้"ก่อนหน้านี้ส่งคนเข้ามาแจ้งช่วงเวลาที่น่าจะมาถึง พวกเขาก็น่าจะเตรียมข้าวปลาอาหารไว้แล้ว คุณชายฟู่ พระชายา พวกท่านไปล้างหน้าล้างตากันก่อน อีกเดี๋ยวค่อยลงมาท่านข้าวเถอะ" อันเหนียนเอ่ยขึ้น"ได้" ฟู่จาวหนิงรับขึ้นมาเสียงหนึ่ง"คุณหนู" เสี่ยวเยว่ที่แต่งเป็นเชายเดินเข้ามา "ข้าไปเตรียมน้ำให้ท่านนะ""เสี่ยวเยว่?"ฟู่จาวหนิงมองฟู่จิ้นเชิน เสี่ยวเยว่เดิมทีอยู่ที่บ้านตระกูลฟู่ นางเองก็ไม่ได้เอาสาวใช้มาที่เมืองเจ้อด้วย คิดไม่ถึงว่านางจะตามมาแล้ว"ให้นางติดตามไปเถิด ข้างกายเจ้ามีสาวใช้อยู่บ้างก็ดูสะดวกดี" ฟู่จิ้นเชินทักมาคนก็ตามมาแล้วด้วย จะทำอย่างไรได้อีกกัน?ฟู่จิ้นเชินเสริมขึ้นมาอีกคำหนึ่ง "นี่เป็นความต้องการของอ๋องเจวี้ย
อันเหนียนยื่นมือไปประคองฟู่จาวหนิง แต่เขาเพิ่งยื่นมือออกไป ตอนที่ได้ยินเสียงฝีเท้ากับเสียงฟางซือฉิงด้านหลัง สีหน้าก็จริงจังขึ้นมา หดมือกลับไปเขาเอียงตัว ให้ฟางซือฉิงผ่านเข้าไปจากนั้นก็ส่งสายตากับฟู่จิ้นเชิน"คุณชายฟู่ เข้าไปในวัดหลบฝนก่อนเถิด" อันเหนียนเอ่ยขึ้นเสียงอ่อนโยน"เชิญท่านผู้ตรวจการอัน"ฟู่จิ้นเชินส่งร่มให้ฟู่จาวหนิง ส่วนตนเองก็เข้าไปในร่มของอันเหนียนฟู่จาวหนิงกางร่ม กระโดดลงมาจากรถม้า ยื่นร่มไปกางบนหัวฟางซือฉิง "ทำไมถึงวิ่งมาที่นี่ล่ะ? ระวังเปียก""จาวหนิง" ฟางซือฉิงใช้ศอกสะกิดนาง จากนั้นมองไปทางอันเหนียน ประชิดตัวนางเอ่ยขึ้นเบาๆ "ผู้ตรวจการชิงนี่อ่อนโยนดีจัง"ภาพที่อันเหนียนกางร่ม แล้วยื่นมือไปหาฟู่จาวหนิงนั่น น่าดูจริงๆแต่นางก็กล้าคิดแค่ในใจ ไม่กล้าพูดออกมาแค่คิดเช่นนั้นก็รู้สึกผิดต่ออ๋องเจวี้ยนแล้วฟู่จาวหนิงตีนาง "ผู้ตรวจการอันโอ่นโยนกับองค์หญิงหนานฉือมากกว่าอีก""อืมอืม"ฟางซือฉินเองก็ไม่กล้าพูดมากกว่านี้"พระชายา รีบเดินเร็ว" ฮูหยินฟางกวักมือหาพวกนาง "ซือฉิงเด็กคนนี้นี่ อายุตั้งเท่าไรแล้ว ยังจะกระโดดโลดเต้นแบบนี้อีก"ยืนรออยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว จะวิ่งแจ
ด้านนอกรถม้าจู่ๆ มีเสียงเคาะเปาะแปะ และถี่มากฝนตกแล้วเม็ดฝนค่อนข้างใหญ่ แรงที่กระทบตัวรถม้าไม่เบาเลยเสียงพูดคุยด้านนอกก็ดังเพิ่มขึ้นมา พวกเขาล้วนตะโกนให้เร่งความเร็ว วิ่งตรงไปอีกหน่อย ลองดูว่าข้างหน้ามีจุดให้หลบฝนบ้างไหมสองฟากฝั่งถนนทางการก็โล่งโจ้ง ไม่มีต้นไม้ไม่มีเพิ่งน้ำชา ชั่วขณะหนึ่งยังหาที่หลบฝนไม่ได้หิมะแม้จะละลายไปมากแล้ว แต่ตอนนี้พอฝนตกถนนก็เป็นดินโคลนและยังเปียกลื่นด้วยพวกเขานำของมาไม่น้อย หากพลิกคว่ำไปจะสกปรกเอา"ตอนนี้ทำไมมีฝนตกได้เนี่ย?"สืออีที่ขี่ม้าอยู่ด้านนอกก็พูดกับสือซานขึ้นมา"อากาศช่วงครึ่งปีนี้เดิมทีก็ประหลาดอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะมีผู้ประสบภัยตั้งมากมายได้อย่างไร" สือซานถอนใจ "ไม่เช่นนั้นผู้คนจะพูดหรือว่าดวงชะตาของแคว้นเจาเดินมาถึงปลายทางแล้ว?"ดวงชะตาเดินถึงปลายทางแล้ว เช่นนั้นก็อาจจะเกิดภัยธรรมชาติหรือหายนะจากมนุษย์ได้สินะ?ถึงอย่างไรสถานที่ต่างๆ ก็ล้วนประสับภัยกัน พวกเขาทางนี้จู่ๆ ฝนตกหนักก็เหมือนจะไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไร"อย่าพูดจาไร้สาระ รีบเร่งเดินทางเถอะ เพิ่มความระมัดระวังด้วย" สืออีตะคอกขึ้นมาคนตระกูลฟางที่รออยู่ในวัดภูเขาแห่งหนึ่งด้าน
ฟู่จาวหนิงในเมื่อถามขึ้นมาแล้ว เขาจึงบอกกับนางอย่างตั้งใจ"ยังมีอีกเรื่อง ข้าอยากจะเปิดโรงศึกษา ไปเป็นอาจารย์"ฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าเขาอยากเป็นอาจารย์สอนหนังสือด้วย"อันที่จริงตอนนั้นถ้าหากข้าไม่ได้ออกไป ข้าก็เกือบได้เดินในสองเส้นทางนี้แล้ว ถ้าหากสอบติดขั้นสูง ก็เข้าวังเป็นข้าราชการ ถ้าหากสอบไม่ผ่าน ก็จะทำโรงศึกษาเพื่อสอนผู้คน"ฟู่จิ้นเชินยิ้มๆ นั่งลงให้สบายอีกหน่อยท่าทางของเขาดูมีรสนิยมอย่างเป็นธรรมชาติ แม้จะเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่ก็ยังดูดีมีเสน่ห์กว่าคนหนุ่มสาวเสียอีก"แต่ว่า เรื่องเหล่านี้มันก็เป็นแค่ความฝัน"คำพูดฟู่จิ้นเชินหักเปลี่ยน มองฟู่จาวหนิง "ข้าไม่รีบร้อนตั้งเป้าหมายอะไรให้ตนเอง เพราะข้ายังรู้สึกได้รางๆ ว่าช่วงสองปีนี้สำหรับแคว้นเจาของพวกเราแล้ว อยู่ในจุดเปลี่ยนที่ยากจะคาดเดา""หมายความว่าอย่างไรหรือ?"ฟู่จาวหนิงนั่งตัวตรง"องค์จักรพรรดิไม่ยอมรับอ๋องเจวี้ยน"นี่คือความจริง แต่ที่ทำให้ฟู่จิ้นเชินพูดออกมาตรงๆ ฟู่จาวหนิงเองก็ยังรู้สึกหดหู่ขึ้นมาบ้าง"ใช่ไหมล่ะ? ท่านว่าทำไมองค์จักรพรรดิถึงได้ใจแคบนักนะ? อันที่จริงเซียวหลันยวนไม่ได้คิดจะนั่งตำแหน่งนั้นด้วยซ้ำ แต่องค์
ในเดือนหนึ่ง แถบเมืองหลวงมีฝนตกน้อยมาก น่าจะต้องรอจนถึงเดือนสองแต่ว่าตอนนี้ฟ้าจู่ๆ ก็มืดลง หม่นๆ มืดครึ้ม เหมือนฝนจะตกกลุ่มนี้ของพวกขเายังไม่มีไปรวมกับขบวนพ่อค้าของตระกูลฟาง ยังต้องเดินอีกระยะหนึ่ง ขบวนพ่อค้าตระกูลฟางรอพวกเขาอยู่ที่ริมทางด้านหน้าหลังจากรวมกันต้องเร่งระยะทางอีกครึ่งวันจึงจะไปถึงสถานที่ที่เหมาะจะพักแรม แต่ถ้าถูกฝนนี้ทำให้ล่าช้า พวกเขาคืนนี้คงจะไปกันไม่ถึง แล้วต้องเดินทางกันตลอดทั้งคืน"ไปบอกพระชายาหน่อย พวกเราต้องเพิ่มความเร็ว"อันเหนียนกลัวว่าจู่ๆ ถ้าเพิ่มความเร็วขึ้น ฟู่จาวหนิงจะสงสัย ดังนั้นจึงต้องให้คนไปแจ้งนางหน่อย"่ขอรับ"อันเหนียนครั้งนี้พาผู้ติดตามมาสองคน คนหนึ่งชื่อเสี่ยวเจียง อีกคนหนึ่งชื่อเสี่ยวเจิ้งทั้งสองคนดูแล้วฉลาดเฉลียวคล่องแคล่ว เสียวเจียงพอได้ยินคำพูดของอันเนหียน ก็รีบวิ่งไปทางรถม้าของฟู่จาวหนิง เคาะๆ กำแพงรถม้าเสียก่อน"พระชายา ท้องฟ้าดูไม่ดีเลย เหมือนฝนกำลังจะตก ใต้เท้าของข้าบอกว่าต้องเร่งความเร็วเดินทาง รถม้าอาจจะเขย่าหน่อย พระชายาโปรดให้อภัยด้วย"ฟู่จาวหนิงเลิกม่านออก พอเห็นเสี่ยวเจียง ก็มองไปยังท้องฟ้า พยักหน้าให้"เข้าใจแล้ว"เสี่
"เซียวหลันยวนรับปากแล้วว่าจะปกป้องเสี่ยวเฟย เช่นนั้นเขาจะไม่เกิดเรื่องอะไร"ฟู่จิ้นเชินเทน้ำให้ตนเองบ้าง ดื่มลงไปสองอึก ถึงหัวเราะเบาๆ มองฟู่จาวหนิง"เชื่อเขาขนาดนั้นเลยหรือ?""เชื่อสิ""เล่าเรื่องพวกเจ้าให้ข้าฟังบ้างสิ" ฟู่จิ้นเชินเอ่ยขึ้นมาตามสถานการณ์ฟู่จาวหนิงชะงักไป "เล่าอะไรล่ะ?""ข้ารู้คร่าวๆ ว่าพวกเจ้าเจอกันได้อย่างไร แต่งงานกันอย่างไร แต่เกิดเรื่องอะไรที่ทำให้เจ้าเชื่อใจเขาขนาดนี้ พวกนี้ไม่รู้เลย"น่าจะเพราะน้ำเสียงฟู่จิ้นเชินดูจริงใจ อยากจะรู้เรื่องราวของนางจริงๆ และเพราะเนื่องจากเพิ่งจะพูดเรื่องเฉพาะทางไปมากมาย ทำให้นางอยากจะคุยเรื่องอื่นบ้าง ฟู่จาวหนิงก็เลยเล่าออกมาจริงๆนางกับเซียวหลันยวนเหมือนจะผ่านเรื่องมาไม่น้อยเลย แต่เวลาที่ทั้งสองคนได้เปิดใจคุยกันก็ไม่นานนักแต่พวกเขาก็ผ่านความเป็นความตายด้วยกันมาไปเขาอวี้เหิงครั้งนั้น เซียวหลันยวนเกือบจะตายไปแล้วตอนที่นางถูกผู้บัญชาการกองธงมู่ที่ถูกลัทธิเทพทำลายล้างส่งมาจากต้าชื่อพาขึ้นไปบนภูเขาหิมะ เซียวหลันยวนก็หานางเจอแล้วช่วยนางไว้"อ๋องเจวี้ยนมาเจอกับเจ้า ไม่ใช่ว่าเขาก็โชคดีด้วยหรือ? ข้าได้ยินลุงเจ้าบอกว่า ถ้าไม่ม
ห้องขังนั้น ก็จริง...เก๋อมู่กวงเองก็ไม่สงสังจะว่าป เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่สู้กับโป๋จี แขนของโป๋จีก็มีแผลอยู่จริงๆ"ดูแผลเขาหน่อย ถ้ามันหนักนักก็ให้ยาห้ามเลือดเสีย" ก่อนที่จะสอบสวนชัดเจน จะให้โป๋จีตายไม่ได้ยิ่งไปกว่นั้นยังต้องให้เขาตอบคำถามอีก"ขอรับ"ผู้คุมไปดูบาดแผลของโป๋จี จากนั้นจึงเห็นสิ่งแปลกปลอมชิ้นหนึ่งแหลมออกมาชิงอีดูถึงตรงนี้ก็วางใจ จดหมายนั่นถูกพบแล้ว"รองแม่ทัพเก๋อ! ในแผลนี้ยัดของเอาไว้!" ผู้คุมร้องขึ้นมาเก๋อมู่กวงตื่นเต้นขึ้นทันที รีบเดินเข้าไปดู ตรวจสอบด้วยตนเอง ดึงม้วนกระดาษนั่นออกมา"จดหมาย! ที่แท้เขาก็ซ่อนจดหมายไว้ในแผล! ฮ่าๆๆ! เจ้านี่มันใจหาญเสียจริง!"แต่จะมีประโยชน์อะไร? พระเจ้ายืนอยู่ข้างเขา นี่ไง เขาก็พบแล้วไม่ใช่เรอะ!เก๋อมู่กวงลิงโลดขึ้นมา แม้จดหมายนั่นจะชุ่มไปด้วยเลือด แต่เขาก็ยังดีอกดีใจถ้าหากบนจดหมายมีคำว่าเฮ่อเหลียนเฟยสามคำ ไม่ว่าจะเขียนอะไรไว้ ขอแค่มีชื่อนี้ เขาก็จะเข้าวังทันที!อ๋องเจวี้ยนก็จะกำเริบเสิบสานไม่ได้อีก!"ฮ่าๆๆ! คิดจะหลบรอดสายตาข้าเรอะ! อย่าหวัง!"เก๋อมกวงลิงโลดขึ้นมา กางจดหมายออกพอจดหมายกางออก ตาของเขาก็ปูดขึ้นมานี่
เก๋อมู่กวงรู้สึกว่าต้องเรียกฟู่จาวหนิงออกมา เรื่องก็น่าจะง่ายขึ้นเขารู้สึกว่าด้วยท่วงท่าของตนเอง ทหารหยาบกร้านที่คุ้มครองชายแดนมาหลายปี จะทำให้ฟู่จาวหนิงต้องกลั้นหายใจไม่กล้าส่งเสียงดังได้ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเช่นนี้ ดังั้นจึงตบลงที่ต้นขา พูดคำพูดในใจตนเองออกมาราชองครักษ์ในที่สุดก็ทนฟังต่อไม่ได้ ทำลายจินตนาการของเขาขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่"รองแม่ทัพเก๋อ พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็กำเริบเสิบสานไม่แพ้กันเลย!""ชู่!"พอคนแรกร้องออกมา คนอื่นก็รีบชู่ใส่เขา เป็นสัญญาณว่าอย่าพูดเสียงดังนักถ้าอ๋องเจวี้ยนได้ยินเข้า ต้องมาหาเรื่องพวกเขาแน่"อ๋องเจวี้ยนปกป้องพระชายาแค่ไหนไม่รู้รึ?"เก๋อมู่กวงมองปฏิกิริยาพวกเขาแล้วก็ไม่อยากเชื่อ "ไม่ใช่สิ พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็แค่หญิงสาวอ่อนแอคนหนึ่ง กล้ากำเริบเสิบสานขนาดนั้นเชียวหรือ?""หญิงสาวอ่อนแอ?""รองแม่ทัพเก๋ท่านเข้าใจอะไรผิดกับหญิงสาวอ่อนแอหรือเปล่า?""ใช่ ข้ารู้ว่านางเป็นหมอเทวดา วิชารักษาเก่งเกินใคร แต่นี่มันอาจจะมีส่วนที่เกินจริงหน่อยไหม? ถ้าหากคุยโม้ออกมาโดยอ้างชื่อเสียงของพระชายาอ๋องเจวี้ยน ใช้วิธีการบางอย่างเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ เช่นนั้นกระทั่งวิชา
พวกเขารู้สึกว่านี่ถึงจะเป็นสายเลือดแท้จริงของเผ่าเฮ่อเหลียน ดังนั้นคนที่มีดวงตาสีนี้ถึงจะได้รับความสำคัญและได้รับความเชื่อถือที่ราชาเฮ่อเหลียนก่อนหน้านี้ค่อนข้างปล่อยปละฟู่จาวเฟย ไม่ได้คิดจะชุบเขาให้มาสืบทอดต่อแต่เนิ่นๆ ก็เพราะฟู่จาวเฟยไม่มีดวงตาเช่นนี้เก๋อมู่กวงก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดจุดนี้เลย จนเซียวหลันยวนทักขึ้นมา เขาจึงเพิ่งนึกออกเหมือนจะเป็นเช่นนี้จริง!เขาที่เขาสังเกตเห็นโป๋จีระหว่าง อันที่จริงก็เพราะดวงตาเขาไม่เช่นนั้นโป๋จีที่แตี่งตัวเป็นประชาชนแคว้นเจาธรรมดา เขาจะมองออกได้อย่างไร"ไม่มีอะไรพูดแล้วหรือ?"เก๋อมู่กวงปากขยับ หันกลับมาเหลือบมองราชองครักษ์ที่ไม่กล้าขึ้นหน้า ในใจจู่ๆ ก็หมดเรี่ยวแรงขึ้นมาวันนี้ถ้าคิดจะดึงดันเอาตัวฟู่จาวเฟยกลับไป ดูท่านจะยากเสียแล้ว"แต่ไม่ว่าอย่างไร ฟู่จาวเฟยก็ยังเป็นผู้ต้องสงสัยอยู่ ดังนั้นข้าต้องพาเขาไปสอบสวน ให้เขากับโป๋จีเผชิญหน้ากัน ถ้าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ข้าก็จะปล่อยคนทันที"เก๋อมู่กวงเจอเข้ากับสายตาของเซียวหลันยวน กัดเหงือก เอ่ยต่อว่า "ถ้าหากอ๋องเจวี้ยนยังไม่วางใจ จะส่งคนไปตรวจสอบตามไปตรวจสอบก้ได้ พวกเรา พวกเราไม่ลงโทษนอกกฏหมายอ