สีหน้าหมัวมัวเกือบจะเปลี่ยนไปส้มที่ปอกเสร็จแล้ว ฮองเฮากินไปสองสามกลีบเพื่อเปิดกระเพาะ จากนั้นจะเอาไปแขวนไว้ในบ่อ รอช่วงกลางวันค่อยนำมากินทั้งหมดมีอยู่ไม่มาก นี่กินได้ทั้งวันเลยนะผลลัพธ์คือพระชายาอ๋องเจวี้ยนเอาไปหมดเลย?"... ในเมืองหลวงไม่มี" ฮองเฮากัดฟันฟู่จาวหนิงไม่กลัวเปรี้ยว ยิ่งไปกว่านั้นกระเพาะนางยังดีมากอีกด้วย ของอย่างส้ม นางกินตอนท้องว่างไม่มีปัญหาอะไรเลยส้มนี้หวานมาก น้ำทะลัก ในเมืองหลวงไม่มีจริงๆ ดูท่าขนส่งมาก็น่าจะหนักอยู่ ระยะทางก็ห่างไกล แล้วยังต้องเสียไประหว่างทางอีกมาก ดังนั้นจึงล้ำค่าสุดๆด้านนอกไม่มีทางได้เห็น มีแต่ฮองเฮาที่ได้กิน นางทำไมจะต้องเกรงใจกัน?นางก็เลยกินไปทีละกลีบสองกลีบ กินอย่างเบิกบาน"ฮองเฮาเรียกข้าเข้ามา มีเรื่องอะไรหรือ?"ทำไมถึงจ้องนางแบบนี้ล่ะ?ฮองเฮาปวดใจกับส้มเหล่านั้น ใจหดหู่ขึ้นมาเลย "ข้าหลายวันนี้นอนหลับไม่ค่อยดี หลังจากตื่นมาก็หัวก็ปวดท้องก็ปวด ไม่ค่อยอยากอาหารด้วย""หมอหลวงว่าอย่างไรบ้าง?" ฟู่จาวหนิงถาม"หมอหลวงบอกว่าอาจจะเป็นโรคไม่เจริญอาหาร"สภาพอากาศร้อนมากก็เป็นโรคลมแดดได้แต่ฮองเฮาก็รู้อยู่เต็มอก ว่าใจของนางซึมเศร้าจนไ
หมัวมัวคนนั้นรีบเดินเข้ามา สายตาตกไปอยู่บนตัวฟู่จาวหนิง ทั้งตกตะลึงทั้งดีใจ "พระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านอยู่ที่นี่พอดีเลย รบกวนท่านไปดูไทเฮาหน่อย"ฟู่จาวหนิงดีดตัวลุกขึ้น "ไทเฮาเป็นอะไรไป?""จู่ๆ ก็ลุกไม่ขึ้น อ่อนยวบไปทั้งตัวเลย ข้าน้อยเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร""ไปไปไป ข้าไปดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงรีบเอ่ยกับฮองเฮาว่า "ฮองเฮา ท่านทางนี้ล้วนมีหมอหลวงกับหมอเทวดาหลี่คอยดุแล้ว เช่นนั้นข้าไม่เอามะพร้าวห้าวมาขายสวนจะดีกว่า ข้าจะไปดูไทเฮาทางนั้น!"พูดจบนางก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวสายลม"ฮองเฮา ข้าน้อยขอตัวก่อน" หมัวมัวคนนั้นก็คารวะให้ด้วย รีบออกจากตำหนักไปฮองเฮายื่นมือออกมา เดิมทีคิดจะขวางฟู่จาวหนิงไว้ แต่นางก็เร็วเสียเหลือเกิน ห้ามไม่ทันนางเห็นฟู่จาวหนิงพุ่งออกไปคาตาที่น่าโมโหที่สุดก็คือ ฟู่จาวหนิงกลับลืมวางถามส้มนั้นลง! แต่นางกอดออกไปด้วย!ฟู่จาวหนิงเดินออกมาพักหนึ่งจึงผ่อนฝีเท้าลง รอให้หมัวมัวเดินตามมา"พระชายาอ๋องเจวี้ยน นี่ท่าน.." หมัวมัวจินมองส้มครึ่งถาดที่นางกอดอยู่ ไม่ค่อยเข้าใจนัก"ฮองเฮาให้คนปกมาให้ข้า แล้วยังเชิญให้ข้ากินอย่างเป็นมิตรด้วย ข้าไม่กินก็ไม่ได้ นี่เพื่อไม่ให้เสียน้
"ตอนนั้นเป็นช่วงที่สุขภาพของอ๋องเจวี้ยนเลวร้ายที่สุด อายุก็ยังน้อย น่าจะสักหกเจ็ดขวบ แต่ให้เขาจะฉลาดแค่ไหนแต่ก็ยังเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง"ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้วหมัวมัวจินระลึกไปด้วย "ตอนนั้น บางครั้งก็มีคนเข้ามาหาด้วยสาเหตุต่างๆ นานา บ้างก็พาเด็กผู้หญิงเข้าไปเล่นกับเขา บ้างก็เอาอาหารที่ไม่เข้ากันกับยาไปให้เขากิน แล้วยังมีพวกที่บนตัวพกถุงหอมใส่อะไรบางอย่างเพิ่มเข้าไปด้วย และยังมีพวกที่เอางูไปทิ้งไว้อีก มากมายเต็มไปหมด"ตอนนั้น สุขภาพของอ๋องเจวี้ยนย่ำแย่มากแล้ว คนเหล่านั้นก็ยังสรรหาเรื่องไปทรมานเขา"พวกเขาอยากให้เขาตายหรือ?" ฟู่จาวหนิงสีหน้าเย็นชา"เฮ้อ ไทเฮาตอนนั้นรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ทางแก้ จึงแอบไหว้วานคนไปหาเจ้าอารามยอดเขาโยวชิง ให้เขาพาอ๋องเจวี้ยนไปอยู่ที่ยอดเขาโยวชิง พักฟื้นที่นั่นหลายๆ ปี อ๋องเจวี้ยนอยู่ที่ยอดเขาโยวชิงถึงจะดูสงบใจลงได้"หมัวมัวจินตอบกลับประโยคเมื่อครู่ของฟู่จาวหนิงลำบาก ถึงอย่างไรนางก็เอาเรื่องที่ไทเฮาทำในครั้งนั้นบอกกับฟู่จาวหนิง ให้พวกเขาไม่ต้องเข้าใจไทเฮาผิดไทเฮาทั้งชีวิตนี้ของนางก็ไม่ง่ายเลย"เจ้าอารามยอดเขาโยวชิงคนนั้นเป็นคนอย่างไรหรือ?" ฟู่จาวหนิงพอได้ยินหม
ฟู่จาวหนิงจับชีพจรให้ไทเฮาอย่างละเอียด จากนั้นก็ถามคำถามหลายคำถาม ตรวจสอบตากับลิ้นของนางอย่างละเอียด"ไทเฮาก่อนหน้านี้ใช้สิ่งของอะไรบ้าง?"พอได้ยินฟู่จาวหนิงถามคำถามนี้ ไทเฮากับหมัวมัวจินก็ใจเต้น จากนั้นจึงรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเสียแล้ว"พระชายา ไทเฮา ติดพิษหรือ?" หมัวมัวจินเอ่ยถามเสียงแผ่ว"เล็กน้อย เป็นพิษแค่เล็กน้อย น่าจะเป็นพิษเรื้อรั้งออกผลช้า"ปริมาณน้อยมาก อาจจะไม่ได้ต้องการเอาชีวิตไทเฮา แค่ให้นางป่วยเท่านั้นตอนนี้ถ้าไทเฮาป่วยใครกันที่จะได้ผลประโยชน์ แล้วได้ผลประโยชน์อะไร?ฟู่จาวหนิงแค่คิดๆ จากนั้นก็สะบัดความคิดนี้ทิ้ง เรื่องนี้นางคิดไม่ออก ส่งให้เซียวหลันยวนไปคิดต่อแล้วกัน"ตอนปีใหม่กับหยวนเซียว มีคนไม่น้อยส่งของขวัญเข้ามา" หมัวมัวจินทั้งตกตะลึงทั้งลนลาน "ยิ่งไปกว่าสิ่งของยังมีมากมายหลากหลายอีก ในห้องนี้ก็มีวางอยู่ไม่น้อย อย่างน้ำเต้าลูกนั้น กระถางน้ำแข็งสี่ขานั่น แล้วก็ยังมีเชิงเทียนใหม่นั่นด้วย..."นอกจากที่เจ้าวังแต่ละวังส่งมา ที่องค์จักรพรรดิฮองเฮาส่งมา ก็ญังมีเหล่าองค์หญิงองค์ชายที่กตัญญูต่อไทเฮาอีกยิ่งไปกว่านั้นคนนอกวังก็ยังส่งเข้ามาอีกบางส่วน"แต่สิ่ง
หมัวมัวจินมองอยู่ข้างๆ พอเห็นสถานการณ์ก็ตกตะลึง"พระชายา ด้ายเหล่านี้มันทำไมหรือ? นิ้วของท่านแตะมันไปแล้วไม่เป็นไรหรือ?""ไม่เป็นไร ข้าตรวจสอบแล้ว แต่ว่า ในวังน่าจะไม่มีวิธีฉาบด้ายด้วยอะไรแบบนี้หรอกกระมัง?"ฟู่จาวหนิงถามก่อนให้ชัดเจน"ไม่มี ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย""เช่นนั้นประดับหน้าผากชิ้นนี้ก่อนหน้าเคยเปียก หรือเคยหล่นลงไปในน้ำมันอะไรบ้างไหม?""ไม่มีเลย หลังจากองค์หญิงห้าส่งเข้ามาไทเฮาก็ชอบมาก ก่อนนอนก็จะปลดลงมาให้ข้าน้อยไปวางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง เก็บเอาไว้อย่างดี ไม่มีคนกล้าเข้าไปแตะต้อง"หมัวมัวจินคิดคิด จากนั้นก็ถามสาวใช้เหล่านั้นสาวใช้พวกนั้นล้วนบอกว่าไม่กล้าแตะต้องสิ่งของของไทเฮากัน"ข้าต้องตรวจสอบเส้นด้ายนี้เงียบๆ เสียหน่อย ข้าไปทางนั้นได้ไหม?" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ห้องข้างๆ ด้านนอก"เชิญพระชายา"ฟู่จาวหนิงเดินไปห้องข้างเพียงคนเดียวนางต้องใช้อุปกรณ์ในห้องเภสัชทำการตรวจสอบเสียหน่อย"ท่านอ๋อง"ด้านนอกมีเสียงสาวใช้ชาววังทักทายดังลอดเข้ามา หมัวมัวจินพอกำลังจะบอกกับไทเฮา พอได้ยินเสียงนี้ก็รีบพูดขึ้นมา "อ๋องเจวี้ยนมาแล้วหรือ? ในใจอ๋องเจวี้ยนให้ความสำคัญกับพระชายาจริงๆ ด้ว
ไทเฮากำลังจะบอกว่าไม่ต้องแล้ว แต่เซียวหลันยวนก็เอ่ยขึ้นมา""ขนมไหมเงินหรือ? ข้ากินไปแล้วน่ะเขาพูดพลางบอกกับฟู่จาวหนิงว่า "เหลือไว้ให้เจ้าหลายชิ้นด้วย กลับไปจะอุ่นให้กิน แต่ว่า ข้าก็ให้ทางห้องเครื่องรีบทำให้มาบ้างแล้วนะ อีกด้วยตอนพวกเราออกจากวังก้เอาออกไปได้ พวกนั้นเป็นของอร่อยที่สุดของสาวชาววังเลย"ฟู่จาวหนิง:"..."นางนึกออกถึงถาดของว่างที่เขากอดออกไปก่อนเข้าร่วมประชุมเช้าที่แท้ของของไทเฮาก็อยู่ในนั้นด้วยเมื่อเป็นเช่นนี้ ในของว่างเหล่านั้น ก็น่าจะมีอาหารเช้าที่องค์จักรพรรดิและฮองเฮาชอบกินอยู่ด้วยสินะ?"อายวนชอบกินหรือ? เดี๋ยวข้าจะให้คนทำเพิ่มให้" ไทเฮาไม่ได้กิน แต่ก็ยังรู้สึกดีใจ"ไม่ต้องแล้ว"เซียวหลันยวนเอาฝ่ามือวางทาบเบาๆ บนท้องตัวเอง มองฟู่จาวหนิงอย่างสำนึกผิด "หนิงหนิงมียาช่วยย่อยไหม? ข้ากินในตำหนักจินหลวนจนอืดไปหมดแล้ว""พรวด"ฟู่จาวหนิงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่คนที่กินจนอืดได้ในตำหนักจินหลวน น่าจะมีแค่เขาคนเดียวกระมัง?"มีส้ม ยังมีส้มเหลืออยู่หลายกลีบเลย ท่านกินเถอะ" นางบอกหมัวมัวจินรีบนำส้มเข้ามา "พระชายานำมาจากฮองเฮาทางนั้น""ส้มหนิงเถียน? หนิงหนิงยังไปแย่
ฟู่จาวหนิงแน่นอนว่าไม่มีการงอแงไร้เหตุผลแบบนี้แน่นอน เพื่อจะกินส้มถึงกับต้องไปขนมานับพันลี้"ไม่ต้องหรอก หลังจากนี้ถ้ามีโอกาส ข้าจะไปกินด้วยตนเอง นั่นถึงจะเรียกว่าสดใหม่ไง"ผลคือพอนางพูดเช่นนี้ไทเฮากับหมัวมัวจินก็ยิ้มขึ้นมานี่ก็เก่งกาจเหลือเกิน ยังคิดจะเดินทางนับพันลี้ไปแดนใต้เพื่อกินส้มอีก แม้ว่านางน่าจะพูดล้อเล่นก็ตามแต่ว่านางก็ไม่ได้ทำให้เซียวหลันยวนต้องลำบาก ทำให้ไทเฮาชื่นชมขึ้นมาในใจนางมองเซียวหลันยวน เอาแต่รู้สึกว่าน่าเสียดายไม่รู้ว่าสุขภาพของเขาจะดีขึ้นไหม ยังจะร่วมห้องกับฟู่จาวหนิงได้หรือไม่น่าจะมีลูกได้อยู่กระมัง?ทายาทนั้นจำเป็นนะนางเมื่อคืนให้หมัวมัวจินสังเกตฟู่จาวหนิงอย่างละเอียด และก็มองอกว่านางยังคงบริสุทธิ์อยู่จริงๆ ท่าทางเดินเหินยังดูเป็นหญิงสาวอ่อนช้อยอยู่หมัวมัวจินอยู่ในวังมากว่าครึ่งชีวิต สายตาในด้านนี้ก็ถือว่ายอดเยี่ยมอยู่ พอมองอย่างละเอียดก็มองออกดังนั้นไทเฮาเองก็เชื่อมั่นในคำพูดของเซียวหลันยวนอยู่พวกเขาทั้งสองคนยังไม่ได้ร่วมห้องกันก็น่าเสียดายอยู่ แต่ไทเฮาก็มีความรู้สึกดีดีกับฟู่จาวหนิงขึ้นเป็นกองอย่างตัวตนของฟู่จาวหนิง พ่อแม่กับเซียวหลันยวน
อ๋องเจวี้ยนพูดตรงอย่างไม่อ้อมค้อมฟู่จาวหนิงยื่นมือไปจิ้มเอวเขาแล้วบิด ตนเองรู้ว่าไทเฮาอันที่จริงคอยปกป้องเขามาตลอด ฟู่จาวหนิงก็อดรู้สึกดีกับไทเฮาขึ้นมาไม่ได้เลยยิ่งไปกว่านั้นไทเฮายังไม่ได้เย็นชาจนไม่น่าเข้าใกล้แบบในอดีตแล้ว สีหน้าเองก็ดูเปี่ยมเมตตาขึ้นอย่างน้อยตอนนี้ก็เป็นแบบนั้นนะอายุมากแล้ว ดูแล้วก็เหมือนแค่หญิงชราคนหนึ่ง ฟู่จาวหนิงกังวลที่เซียวหลันยวนพูดอย่างเย็นชาไร้ความปราณีเช่นนี้จะทำให้นางเสียใจในที่สุดก็ยังใจอ่อนลงมาสินะไทเฮากลับมีท่าทีไม่สนใจ ยื่นมือไปทางหมัวมัวจิน"เอามา จาวหนิงเป็นหมอเทวดาเลยนะ แล้วยังเป็นศิษย์ปิดด่านของผู้อาวุโสจี้ด้วยยาที่นางสกัด ข้่าจไม่เชื่อมั่นได้อย่างไรกัน?"นางฟู่จาวหนิงอีกครัง "ตอนนี้กินเลยได้ไหม?"ฟู่จาวหนิงพยักหน้าไทเฮาวางยาบำรุงหัวใจเข้าไปในปาก เคี้ยวช้าๆนางดวงตาเป็นประกาย ยังเอ่ยกับพูดฟู่จาวหนิงอีกว่า "แล้วยังรสชาติดีอีกด้วย? ทำไมเคี้ยวแล้วมีรสเหมือนลูกกวาดงาดำกัน?"ฟู่จาวหนิงเกือบจะหัวเราะออกมา"ก็วัตถุดิบยานั่นล่ะ แต่เพราะต้องข่มรสขมของยาลง จึงใส่น้ำผึ้งเข้าไปนิดหน่อย แต่ปริมาณก็น้อยมาก ทำไมถึงยังบอกว่าอร่อยกัน?"แต่ว่านาง
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้