ไทเฮากำลังจะบอกว่าไม่ต้องแล้ว แต่เซียวหลันยวนก็เอ่ยขึ้นมา""ขนมไหมเงินหรือ? ข้ากินไปแล้วน่ะเขาพูดพลางบอกกับฟู่จาวหนิงว่า "เหลือไว้ให้เจ้าหลายชิ้นด้วย กลับไปจะอุ่นให้กิน แต่ว่า ข้าก็ให้ทางห้องเครื่องรีบทำให้มาบ้างแล้วนะ อีกด้วยตอนพวกเราออกจากวังก้เอาออกไปได้ พวกนั้นเป็นของอร่อยที่สุดของสาวชาววังเลย"ฟู่จาวหนิง:"..."นางนึกออกถึงถาดของว่างที่เขากอดออกไปก่อนเข้าร่วมประชุมเช้าที่แท้ของของไทเฮาก็อยู่ในนั้นด้วยเมื่อเป็นเช่นนี้ ในของว่างเหล่านั้น ก็น่าจะมีอาหารเช้าที่องค์จักรพรรดิและฮองเฮาชอบกินอยู่ด้วยสินะ?"อายวนชอบกินหรือ? เดี๋ยวข้าจะให้คนทำเพิ่มให้" ไทเฮาไม่ได้กิน แต่ก็ยังรู้สึกดีใจ"ไม่ต้องแล้ว"เซียวหลันยวนเอาฝ่ามือวางทาบเบาๆ บนท้องตัวเอง มองฟู่จาวหนิงอย่างสำนึกผิด "หนิงหนิงมียาช่วยย่อยไหม? ข้ากินในตำหนักจินหลวนจนอืดไปหมดแล้ว""พรวด"ฟู่จาวหนิงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่คนที่กินจนอืดได้ในตำหนักจินหลวน น่าจะมีแค่เขาคนเดียวกระมัง?"มีส้ม ยังมีส้มเหลืออยู่หลายกลีบเลย ท่านกินเถอะ" นางบอกหมัวมัวจินรีบนำส้มเข้ามา "พระชายานำมาจากฮองเฮาทางนั้น""ส้มหนิงเถียน? หนิงหนิงยังไปแย่
ฟู่จาวหนิงแน่นอนว่าไม่มีการงอแงไร้เหตุผลแบบนี้แน่นอน เพื่อจะกินส้มถึงกับต้องไปขนมานับพันลี้"ไม่ต้องหรอก หลังจากนี้ถ้ามีโอกาส ข้าจะไปกินด้วยตนเอง นั่นถึงจะเรียกว่าสดใหม่ไง"ผลคือพอนางพูดเช่นนี้ไทเฮากับหมัวมัวจินก็ยิ้มขึ้นมานี่ก็เก่งกาจเหลือเกิน ยังคิดจะเดินทางนับพันลี้ไปแดนใต้เพื่อกินส้มอีก แม้ว่านางน่าจะพูดล้อเล่นก็ตามแต่ว่านางก็ไม่ได้ทำให้เซียวหลันยวนต้องลำบาก ทำให้ไทเฮาชื่นชมขึ้นมาในใจนางมองเซียวหลันยวน เอาแต่รู้สึกว่าน่าเสียดายไม่รู้ว่าสุขภาพของเขาจะดีขึ้นไหม ยังจะร่วมห้องกับฟู่จาวหนิงได้หรือไม่น่าจะมีลูกได้อยู่กระมัง?ทายาทนั้นจำเป็นนะนางเมื่อคืนให้หมัวมัวจินสังเกตฟู่จาวหนิงอย่างละเอียด และก็มองอกว่านางยังคงบริสุทธิ์อยู่จริงๆ ท่าทางเดินเหินยังดูเป็นหญิงสาวอ่อนช้อยอยู่หมัวมัวจินอยู่ในวังมากว่าครึ่งชีวิต สายตาในด้านนี้ก็ถือว่ายอดเยี่ยมอยู่ พอมองอย่างละเอียดก็มองออกดังนั้นไทเฮาเองก็เชื่อมั่นในคำพูดของเซียวหลันยวนอยู่พวกเขาทั้งสองคนยังไม่ได้ร่วมห้องกันก็น่าเสียดายอยู่ แต่ไทเฮาก็มีความรู้สึกดีดีกับฟู่จาวหนิงขึ้นเป็นกองอย่างตัวตนของฟู่จาวหนิง พ่อแม่กับเซียวหลันยวน
อ๋องเจวี้ยนพูดตรงอย่างไม่อ้อมค้อมฟู่จาวหนิงยื่นมือไปจิ้มเอวเขาแล้วบิด ตนเองรู้ว่าไทเฮาอันที่จริงคอยปกป้องเขามาตลอด ฟู่จาวหนิงก็อดรู้สึกดีกับไทเฮาขึ้นมาไม่ได้เลยยิ่งไปกว่านั้นไทเฮายังไม่ได้เย็นชาจนไม่น่าเข้าใกล้แบบในอดีตแล้ว สีหน้าเองก็ดูเปี่ยมเมตตาขึ้นอย่างน้อยตอนนี้ก็เป็นแบบนั้นนะอายุมากแล้ว ดูแล้วก็เหมือนแค่หญิงชราคนหนึ่ง ฟู่จาวหนิงกังวลที่เซียวหลันยวนพูดอย่างเย็นชาไร้ความปราณีเช่นนี้จะทำให้นางเสียใจในที่สุดก็ยังใจอ่อนลงมาสินะไทเฮากลับมีท่าทีไม่สนใจ ยื่นมือไปทางหมัวมัวจิน"เอามา จาวหนิงเป็นหมอเทวดาเลยนะ แล้วยังเป็นศิษย์ปิดด่านของผู้อาวุโสจี้ด้วยยาที่นางสกัด ข้่าจไม่เชื่อมั่นได้อย่างไรกัน?"นางฟู่จาวหนิงอีกครัง "ตอนนี้กินเลยได้ไหม?"ฟู่จาวหนิงพยักหน้าไทเฮาวางยาบำรุงหัวใจเข้าไปในปาก เคี้ยวช้าๆนางดวงตาเป็นประกาย ยังเอ่ยกับพูดฟู่จาวหนิงอีกว่า "แล้วยังรสชาติดีอีกด้วย? ทำไมเคี้ยวแล้วมีรสเหมือนลูกกวาดงาดำกัน?"ฟู่จาวหนิงเกือบจะหัวเราะออกมา"ก็วัตถุดิบยานั่นล่ะ แต่เพราะต้องข่มรสขมของยาลง จึงใส่น้ำผึ้งเข้าไปนิดหน่อย แต่ปริมาณก็น้อยมาก ทำไมถึงยังบอกว่าอร่อยกัน?"แต่ว่านาง
"ข้าจะให้คนไปตรวจสอบ สิ่งนี้ให้ข้านำไปด้วย ก่อนหน้าที่จะได้ข่าวจากข้าอย่าเพิ่งไปพบนาง บอกกับภายนอกไปว่าร่างกายไม่สบายก็พอ ปฏิเสธเข้าพบอย่างมีมารยาท ส่วนรายการยาข้าจะนำไป อีกเดียวจะนำยาส่งเข้ามาให้"เซียวหลันยวนยื่นมือออกไปทางหมัวมัวจิน พูดไม่กี่คำก็ตัดสินใจออกมาเรียบร้อยหมัวมัวจินมองไทเฮา ไทเฮาก็พยักหน้าให้"เอารายการยาให้อายวนไปเถอะ"นี่เป็นสิ่งที่ฟู่จาวหนิงเขียน เขายังต้องกลัวอะไรอีก?"ข้าจะทำตามที่เจ้าบอก รอยาของเจ้าอยู่ในวัง""อืม"หมัวมัวจินไปส่งพวกเขาแทนไทเฮายืนอยู่นอกประตูมองแผ่นหลังของพวกเขาจากไปอ๋องเจวี้ยนยังคงนั่งอยู่บนเกี้ยวเบา พระชายาอ๋องเจวี้ยนเดินตามอยู่ข้างๆ บางครั้งก็หันหน้าไปพูดกับเขาฉากนี้ดูแล้วกลมกลืนดีเหลือเกินนางหมุนตัวกลับเข้าตำหนัก พอเห็นว่าไทเฮายังคงคิดอะไรยิ้มๆ อยู่ อารมณ์เหมือนจะดีขึ้นบ้างแล้ว"ไทเฮาคงเห็นว่าอ๋องเจวี้ยนเริ่มเป็นห่วงท่านแล้วใช่ไหม ดังนั้นจึงดีใจเช่นนี้?" หมัวมัวจินถามนางเองก็ดีใจตามขึ้นมาด้วยอ๋องเจวี้ยนเอารายการยาไป รู้สึกว่าไทเฮาตอนนี้มีคนที่ใช้การได้อยู่ไม่มาก การจะจัดยาในวังก็คงไม่สะดวกนัก ถ้าหากรายการยารั่วไหลออกไป เป็น
องค์ชายคนไหนบ้างที่ไม่อยากเป็นองค์จักรพรรดิ?"ก็ยังมีข้อยกเว้นบ้าง อย่างข้านี่ไง"เซียวหลันยวนอันที่จริงตอนยังเด็กก็พูดกับองค์จักรพรรดิไปแล้วหลายครั้ง ว่าเขาไม่สนใจกับตำแหน่งนั้น แต่องค์จักรพรรดิก็ไม่เชื่อพูดได้ว่า ไม่มีใครเชื่อเลยดีกว่า"ตอนยังเด็กข้าไม่มีความทรงจำดีดีในวังเลย วังจักรพรรดิไม่ใช่บ้านของข้า กระทั่งจวนอ๋องเจวี้ยนเองข้าก็ใช้เวลาตั้งนานกว่าจะมีความรู้สึกร่วมกันกับมัน"รถม้าแล่นออก ห่างจากวังจักรพรรดิขึ้นเรื่อยๆ ฟู่จาวหนิงเองก็เห็นเซียวหลันยวนผ่อนคลายลงมาหน่อยจริงๆ"วันนี้ตอนเช้าในโถงตำหนักองค์จักรพรรดิไม่ได้ถามเรื่องเขาอวี้เหิงหรือ?" ฟู่จาวหนิงอยากรู้ขึ้นมา"ข้าบอกว่าเป็นมรดกของเสด็จแม่ข้า"เซียวหลันยวนเล่าเรื่องในโถงราชสำนักคร่าวๆ ให้กับฟู่จาวหนิง"เช่นนั้นหลังจากกลับไปไม่ใช่ว่าต้องเลือกของส่วนหนึ่งออกมาหรอกหรือ? องค์จักรพรรดิจะต้องส่งคนไปดูแน่ ท่านจะให้เขารู้เรื่องตงฉิงไหม?""ข้ารู้สึกว่า ตงฉิงจะช้าเร็วก็ต้องถูกยกออกมา""เส้นด้ายในเครื่องประดับหน้าผากของไทเฮาฉาบพิษไว้ ดูคล้ายคลึงกับพิษที่ท่านโดนมาเหมือนกัน ในเมืองหลวงจะต้องยังมีขั้วอำนาจลัทธิเทพทำลายล้างอยู่แ
ฟู่จาวหนิงพอจัดการเรื่องของผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวเฟยเรียบร้อย ก็ไปหาเศรษฐีฟางให้หาคนคุ้มครองเรือนมาเพิ่มอีกหน่อย จากนั้นก็ไปหาคนไข้ที่นางเคยรักษาแต่ละคนเพื่อตรวจอาการซ้ำให้ครั้งหนึ่ง และท้ายสุดก็ออกจากเมืองหลวง ตรงไปยังต้าชื่อพวกของไป๋หู่ก็ร้อนรนมาก กลัวว่าเสิ่นเสวียนจะรอจนร้อนรุ่มภายใต้การช่วยเหลือของเซียวหลันยวน พวกเขาซื้อม้าดีมากลุ่มหนึ่ง ยิ่งไปกว่นั้นก่อนหน้านี้ยังส่งข่าวออกไปเจรจาเรียบร้อย คำนวณเวลาที่พวกเขาจะผ่านให้เตรียมม้าให้ดี พอไปถึงจุดก็เปลี่ยนม้าได้ทันทีไม่เช่นนั้นพวกเขาที่ต้องเร่งระยะทางเช่นนี้ อากาศก็ร้อน ม้าจะรับไม่ไหวเอา จะวิ่งไม่ถึงต้าชื่อเอาฟู่จาวหนิงขอยืมตัวสืออีสือซานกับเซียวหลันยวน เซียวหลันยวนรับปากทันที"สืออีสือซานพวกเขารู้วิธีส่งจดหมายให้ข้าในตอนท้าย ถ้าหากมีเรื่องอะไรให้ส่งข่าวมาหาข้าทันที อย่าคิดว่าข้าจะสามารถช่วยได้หรือไม่ เข้าใจไหม?"เซียวหลันยวนนั่งอยู่ในรถม้า ตอนส่งนางออกประตูเมืองก็กำชับไว้หลายคำ"ได้""ทางที่ดีคือเขียนจดหมายหาข้าทุกๆ สองวัน""ถึงตอนนั้นข้าต้องรีบเร่งเดินทางนะ จะเอาเวลาที่ไหนมาเขียนจดหมายกัน" ฟู่จาวหนิงหมดคำจะพูด นางยังต้องรีบเ
"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิมีเรื่องด่วน โปรดหยุดก่อน!"เซียวหลันยวนที่เตรียมจะปลดม่านลง พอได้ยินคำพูดนี้ก็ไม่เคลื่อนไหวแล้วมาอีกแล้วหรือ? องค์จักรพรรดิจะมาไม้ไหนอีกล่ะนี่?คนที่เข้ามาพอถึงหน้ารถม้าก็กระโดดลง รีบเดินเข้ามาหา ยื่นหัวเข้ามามองในรถม้า"อ๋องเจวี้ยน ได้ยินว่าพระชายาจะออกจากเมืองหลวงวันนี้หรือ?"คนผู้นี้คือหัวหน้าคนหนึ่งของราชองครักษ์ ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยจะมีตัวตนเท่าไรนัก"เกี่ยวอะไรกับเจ้า?" เซียวหลันยวนถามเสียงเรียบเฉย เขามองไปยังอีกคนหนึ่งที่กระโดดลงจากรถม้าแล้วเดินเข้ามา คนผู้นี้เป็นคนจากหนานฉือ น่าจะเป็นทูตจากหนานฉือเขาพูดภาษาแคว้นเจาไม่ได้ หลังจากเดินเข้ามาก็ทำได้แค่ยืนอยู่ข้างๆ"อ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิเชิญพระชายาอ๋องเจวี้ยนเข้าวัง โปรดให้พระชายากลับมาที่เมืองก่อน...""องค์จักรพรรดิมาหาพระชายาของข้า แต่ไม่ใช่ข้าหรือ?" เซียวหลันยวนกลับดูสนใจขึ้นมา จะหาฟู่จาวหนิงไปทำไมกัน?"ถูกต้อง ต้องการพบพระชายา""โอ้ เช่นนั้นก็ช้าไปแล้ว พระชายาเพิ่งจะออกไป" เซียวหลันยวนปล่อยม่านรถลงองค์จักรพรรดิน่าจะไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงจะออกเดินทาง ตอนนี้จึงเพิ่งเข้ามาขวางทาง น่าเ
เพียงแต่เหตุผลจะดีแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ฟู่จาวหนิงออกไปแล้วต่อให้ตอนนี้นางยังอยู่ในเมืองหลวง แล้วถูกขวางไว้จริงๆ เซียวหลันยวนก็จะหาวิธีให้นางออกไปเองให้ฟู่จาวหนิงอยู่ที่นี่เพื่อไปงานเลี้ยงกับองค์หญิงหนานฉือ แล้วยังต้องคอยช่วยนางแปลให้กับคนตั้งมากมาย นั่นมันยุ่งแค่ไหนกัน?ยิ่งไปกว่านั้นในนี้อาจจะไปสร้างความยุ่งยากขึ้นไม่น้อยอีกด้วยพอคิดถึงนางที่ถูกกลุ่มคนล้อมไว้ตรงกลาง พูดคำนี้ทีคำนั้นที ทั้งหมดล้วนต้องรอให้ฟู่จาวหนิงแปล แล้วก็ตอบกลับอีกครั้ง แล้วยังต้องมาคอยถูกสงสัยว่านางแปลมั่วซั่วหรือเปล่าอีก มีแก้ไขความหมายอะไรบ้างไหม เซียวหลันยวนแค่คิดก็เหนื่อยใจแล้วไหนจะเรื่องที่ย่าของนางยังรอนางไปรักษาอยู่อีกล่ะ นั่นอาจจะเป็นกุญแจสำคัญที่ฟู่จาวหนิงจะได้รับการยอมรับจากญาติภายนอกอีกด้วย แล้วนางจะมาอยู่ที่นี่ทำไมกัน?"เช่นนั้นก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ยาของข้าเองก็สำคัญมาก ถ้าหากข้าขาดยาไป แล้วสองขากับใบหน้านี้ไม่ดีขึ้น เจ้ารับผิดชอบได้ไหม?"หัวหน้าองครักษ์อยากจะร้องไห้แล้วเขาจะไปรับผิดชอบอย่างไรไหว? จะว่าไป ทำไมต้องมาให้เขารับผิดชอบล่ะ?"อ๋องเจวี้ยน นี่เป็นความต้องการของจักรพรรดิ...""เจ้าจ