หมัวมัวจินมองอยู่ข้างๆ พอเห็นสถานการณ์ก็ตกตะลึง"พระชายา ด้ายเหล่านี้มันทำไมหรือ? นิ้วของท่านแตะมันไปแล้วไม่เป็นไรหรือ?""ไม่เป็นไร ข้าตรวจสอบแล้ว แต่ว่า ในวังน่าจะไม่มีวิธีฉาบด้ายด้วยอะไรแบบนี้หรอกกระมัง?"ฟู่จาวหนิงถามก่อนให้ชัดเจน"ไม่มี ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย""เช่นนั้นประดับหน้าผากชิ้นนี้ก่อนหน้าเคยเปียก หรือเคยหล่นลงไปในน้ำมันอะไรบ้างไหม?""ไม่มีเลย หลังจากองค์หญิงห้าส่งเข้ามาไทเฮาก็ชอบมาก ก่อนนอนก็จะปลดลงมาให้ข้าน้อยไปวางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง เก็บเอาไว้อย่างดี ไม่มีคนกล้าเข้าไปแตะต้อง"หมัวมัวจินคิดคิด จากนั้นก็ถามสาวใช้เหล่านั้นสาวใช้พวกนั้นล้วนบอกว่าไม่กล้าแตะต้องสิ่งของของไทเฮากัน"ข้าต้องตรวจสอบเส้นด้ายนี้เงียบๆ เสียหน่อย ข้าไปทางนั้นได้ไหม?" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ห้องข้างๆ ด้านนอก"เชิญพระชายา"ฟู่จาวหนิงเดินไปห้องข้างเพียงคนเดียวนางต้องใช้อุปกรณ์ในห้องเภสัชทำการตรวจสอบเสียหน่อย"ท่านอ๋อง"ด้านนอกมีเสียงสาวใช้ชาววังทักทายดังลอดเข้ามา หมัวมัวจินพอกำลังจะบอกกับไทเฮา พอได้ยินเสียงนี้ก็รีบพูดขึ้นมา "อ๋องเจวี้ยนมาแล้วหรือ? ในใจอ๋องเจวี้ยนให้ความสำคัญกับพระชายาจริงๆ ด้ว
ไทเฮากำลังจะบอกว่าไม่ต้องแล้ว แต่เซียวหลันยวนก็เอ่ยขึ้นมา""ขนมไหมเงินหรือ? ข้ากินไปแล้วน่ะเขาพูดพลางบอกกับฟู่จาวหนิงว่า "เหลือไว้ให้เจ้าหลายชิ้นด้วย กลับไปจะอุ่นให้กิน แต่ว่า ข้าก็ให้ทางห้องเครื่องรีบทำให้มาบ้างแล้วนะ อีกด้วยตอนพวกเราออกจากวังก้เอาออกไปได้ พวกนั้นเป็นของอร่อยที่สุดของสาวชาววังเลย"ฟู่จาวหนิง:"..."นางนึกออกถึงถาดของว่างที่เขากอดออกไปก่อนเข้าร่วมประชุมเช้าที่แท้ของของไทเฮาก็อยู่ในนั้นด้วยเมื่อเป็นเช่นนี้ ในของว่างเหล่านั้น ก็น่าจะมีอาหารเช้าที่องค์จักรพรรดิและฮองเฮาชอบกินอยู่ด้วยสินะ?"อายวนชอบกินหรือ? เดี๋ยวข้าจะให้คนทำเพิ่มให้" ไทเฮาไม่ได้กิน แต่ก็ยังรู้สึกดีใจ"ไม่ต้องแล้ว"เซียวหลันยวนเอาฝ่ามือวางทาบเบาๆ บนท้องตัวเอง มองฟู่จาวหนิงอย่างสำนึกผิด "หนิงหนิงมียาช่วยย่อยไหม? ข้ากินในตำหนักจินหลวนจนอืดไปหมดแล้ว""พรวด"ฟู่จาวหนิงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่คนที่กินจนอืดได้ในตำหนักจินหลวน น่าจะมีแค่เขาคนเดียวกระมัง?"มีส้ม ยังมีส้มเหลืออยู่หลายกลีบเลย ท่านกินเถอะ" นางบอกหมัวมัวจินรีบนำส้มเข้ามา "พระชายานำมาจากฮองเฮาทางนั้น""ส้มหนิงเถียน? หนิงหนิงยังไปแย่
ฟู่จาวหนิงแน่นอนว่าไม่มีการงอแงไร้เหตุผลแบบนี้แน่นอน เพื่อจะกินส้มถึงกับต้องไปขนมานับพันลี้"ไม่ต้องหรอก หลังจากนี้ถ้ามีโอกาส ข้าจะไปกินด้วยตนเอง นั่นถึงจะเรียกว่าสดใหม่ไง"ผลคือพอนางพูดเช่นนี้ไทเฮากับหมัวมัวจินก็ยิ้มขึ้นมานี่ก็เก่งกาจเหลือเกิน ยังคิดจะเดินทางนับพันลี้ไปแดนใต้เพื่อกินส้มอีก แม้ว่านางน่าจะพูดล้อเล่นก็ตามแต่ว่านางก็ไม่ได้ทำให้เซียวหลันยวนต้องลำบาก ทำให้ไทเฮาชื่นชมขึ้นมาในใจนางมองเซียวหลันยวน เอาแต่รู้สึกว่าน่าเสียดายไม่รู้ว่าสุขภาพของเขาจะดีขึ้นไหม ยังจะร่วมห้องกับฟู่จาวหนิงได้หรือไม่น่าจะมีลูกได้อยู่กระมัง?ทายาทนั้นจำเป็นนะนางเมื่อคืนให้หมัวมัวจินสังเกตฟู่จาวหนิงอย่างละเอียด และก็มองอกว่านางยังคงบริสุทธิ์อยู่จริงๆ ท่าทางเดินเหินยังดูเป็นหญิงสาวอ่อนช้อยอยู่หมัวมัวจินอยู่ในวังมากว่าครึ่งชีวิต สายตาในด้านนี้ก็ถือว่ายอดเยี่ยมอยู่ พอมองอย่างละเอียดก็มองออกดังนั้นไทเฮาเองก็เชื่อมั่นในคำพูดของเซียวหลันยวนอยู่พวกเขาทั้งสองคนยังไม่ได้ร่วมห้องกันก็น่าเสียดายอยู่ แต่ไทเฮาก็มีความรู้สึกดีดีกับฟู่จาวหนิงขึ้นเป็นกองอย่างตัวตนของฟู่จาวหนิง พ่อแม่กับเซียวหลันยวน
อ๋องเจวี้ยนพูดตรงอย่างไม่อ้อมค้อมฟู่จาวหนิงยื่นมือไปจิ้มเอวเขาแล้วบิด ตนเองรู้ว่าไทเฮาอันที่จริงคอยปกป้องเขามาตลอด ฟู่จาวหนิงก็อดรู้สึกดีกับไทเฮาขึ้นมาไม่ได้เลยยิ่งไปกว่านั้นไทเฮายังไม่ได้เย็นชาจนไม่น่าเข้าใกล้แบบในอดีตแล้ว สีหน้าเองก็ดูเปี่ยมเมตตาขึ้นอย่างน้อยตอนนี้ก็เป็นแบบนั้นนะอายุมากแล้ว ดูแล้วก็เหมือนแค่หญิงชราคนหนึ่ง ฟู่จาวหนิงกังวลที่เซียวหลันยวนพูดอย่างเย็นชาไร้ความปราณีเช่นนี้จะทำให้นางเสียใจในที่สุดก็ยังใจอ่อนลงมาสินะไทเฮากลับมีท่าทีไม่สนใจ ยื่นมือไปทางหมัวมัวจิน"เอามา จาวหนิงเป็นหมอเทวดาเลยนะ แล้วยังเป็นศิษย์ปิดด่านของผู้อาวุโสจี้ด้วยยาที่นางสกัด ข้่าจไม่เชื่อมั่นได้อย่างไรกัน?"นางฟู่จาวหนิงอีกครัง "ตอนนี้กินเลยได้ไหม?"ฟู่จาวหนิงพยักหน้าไทเฮาวางยาบำรุงหัวใจเข้าไปในปาก เคี้ยวช้าๆนางดวงตาเป็นประกาย ยังเอ่ยกับพูดฟู่จาวหนิงอีกว่า "แล้วยังรสชาติดีอีกด้วย? ทำไมเคี้ยวแล้วมีรสเหมือนลูกกวาดงาดำกัน?"ฟู่จาวหนิงเกือบจะหัวเราะออกมา"ก็วัตถุดิบยานั่นล่ะ แต่เพราะต้องข่มรสขมของยาลง จึงใส่น้ำผึ้งเข้าไปนิดหน่อย แต่ปริมาณก็น้อยมาก ทำไมถึงยังบอกว่าอร่อยกัน?"แต่ว่านาง
"ข้าจะให้คนไปตรวจสอบ สิ่งนี้ให้ข้านำไปด้วย ก่อนหน้าที่จะได้ข่าวจากข้าอย่าเพิ่งไปพบนาง บอกกับภายนอกไปว่าร่างกายไม่สบายก็พอ ปฏิเสธเข้าพบอย่างมีมารยาท ส่วนรายการยาข้าจะนำไป อีกเดียวจะนำยาส่งเข้ามาให้"เซียวหลันยวนยื่นมือออกไปทางหมัวมัวจิน พูดไม่กี่คำก็ตัดสินใจออกมาเรียบร้อยหมัวมัวจินมองไทเฮา ไทเฮาก็พยักหน้าให้"เอารายการยาให้อายวนไปเถอะ"นี่เป็นสิ่งที่ฟู่จาวหนิงเขียน เขายังต้องกลัวอะไรอีก?"ข้าจะทำตามที่เจ้าบอก รอยาของเจ้าอยู่ในวัง""อืม"หมัวมัวจินไปส่งพวกเขาแทนไทเฮายืนอยู่นอกประตูมองแผ่นหลังของพวกเขาจากไปอ๋องเจวี้ยนยังคงนั่งอยู่บนเกี้ยวเบา พระชายาอ๋องเจวี้ยนเดินตามอยู่ข้างๆ บางครั้งก็หันหน้าไปพูดกับเขาฉากนี้ดูแล้วกลมกลืนดีเหลือเกินนางหมุนตัวกลับเข้าตำหนัก พอเห็นว่าไทเฮายังคงคิดอะไรยิ้มๆ อยู่ อารมณ์เหมือนจะดีขึ้นบ้างแล้ว"ไทเฮาคงเห็นว่าอ๋องเจวี้ยนเริ่มเป็นห่วงท่านแล้วใช่ไหม ดังนั้นจึงดีใจเช่นนี้?" หมัวมัวจินถามนางเองก็ดีใจตามขึ้นมาด้วยอ๋องเจวี้ยนเอารายการยาไป รู้สึกว่าไทเฮาตอนนี้มีคนที่ใช้การได้อยู่ไม่มาก การจะจัดยาในวังก็คงไม่สะดวกนัก ถ้าหากรายการยารั่วไหลออกไป เป็น
องค์ชายคนไหนบ้างที่ไม่อยากเป็นองค์จักรพรรดิ?"ก็ยังมีข้อยกเว้นบ้าง อย่างข้านี่ไง"เซียวหลันยวนอันที่จริงตอนยังเด็กก็พูดกับองค์จักรพรรดิไปแล้วหลายครั้ง ว่าเขาไม่สนใจกับตำแหน่งนั้น แต่องค์จักรพรรดิก็ไม่เชื่อพูดได้ว่า ไม่มีใครเชื่อเลยดีกว่า"ตอนยังเด็กข้าไม่มีความทรงจำดีดีในวังเลย วังจักรพรรดิไม่ใช่บ้านของข้า กระทั่งจวนอ๋องเจวี้ยนเองข้าก็ใช้เวลาตั้งนานกว่าจะมีความรู้สึกร่วมกันกับมัน"รถม้าแล่นออก ห่างจากวังจักรพรรดิขึ้นเรื่อยๆ ฟู่จาวหนิงเองก็เห็นเซียวหลันยวนผ่อนคลายลงมาหน่อยจริงๆ"วันนี้ตอนเช้าในโถงตำหนักองค์จักรพรรดิไม่ได้ถามเรื่องเขาอวี้เหิงหรือ?" ฟู่จาวหนิงอยากรู้ขึ้นมา"ข้าบอกว่าเป็นมรดกของเสด็จแม่ข้า"เซียวหลันยวนเล่าเรื่องในโถงราชสำนักคร่าวๆ ให้กับฟู่จาวหนิง"เช่นนั้นหลังจากกลับไปไม่ใช่ว่าต้องเลือกของส่วนหนึ่งออกมาหรอกหรือ? องค์จักรพรรดิจะต้องส่งคนไปดูแน่ ท่านจะให้เขารู้เรื่องตงฉิงไหม?""ข้ารู้สึกว่า ตงฉิงจะช้าเร็วก็ต้องถูกยกออกมา""เส้นด้ายในเครื่องประดับหน้าผากของไทเฮาฉาบพิษไว้ ดูคล้ายคลึงกับพิษที่ท่านโดนมาเหมือนกัน ในเมืองหลวงจะต้องยังมีขั้วอำนาจลัทธิเทพทำลายล้างอยู่แ
ฟู่จาวหนิงพอจัดการเรื่องของผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวเฟยเรียบร้อย ก็ไปหาเศรษฐีฟางให้หาคนคุ้มครองเรือนมาเพิ่มอีกหน่อย จากนั้นก็ไปหาคนไข้ที่นางเคยรักษาแต่ละคนเพื่อตรวจอาการซ้ำให้ครั้งหนึ่ง และท้ายสุดก็ออกจากเมืองหลวง ตรงไปยังต้าชื่อพวกของไป๋หู่ก็ร้อนรนมาก กลัวว่าเสิ่นเสวียนจะรอจนร้อนรุ่มภายใต้การช่วยเหลือของเซียวหลันยวน พวกเขาซื้อม้าดีมากลุ่มหนึ่ง ยิ่งไปกว่นั้นก่อนหน้านี้ยังส่งข่าวออกไปเจรจาเรียบร้อย คำนวณเวลาที่พวกเขาจะผ่านให้เตรียมม้าให้ดี พอไปถึงจุดก็เปลี่ยนม้าได้ทันทีไม่เช่นนั้นพวกเขาที่ต้องเร่งระยะทางเช่นนี้ อากาศก็ร้อน ม้าจะรับไม่ไหวเอา จะวิ่งไม่ถึงต้าชื่อเอาฟู่จาวหนิงขอยืมตัวสืออีสือซานกับเซียวหลันยวน เซียวหลันยวนรับปากทันที"สืออีสือซานพวกเขารู้วิธีส่งจดหมายให้ข้าในตอนท้าย ถ้าหากมีเรื่องอะไรให้ส่งข่าวมาหาข้าทันที อย่าคิดว่าข้าจะสามารถช่วยได้หรือไม่ เข้าใจไหม?"เซียวหลันยวนนั่งอยู่ในรถม้า ตอนส่งนางออกประตูเมืองก็กำชับไว้หลายคำ"ได้""ทางที่ดีคือเขียนจดหมายหาข้าทุกๆ สองวัน""ถึงตอนนั้นข้าต้องรีบเร่งเดินทางนะ จะเอาเวลาที่ไหนมาเขียนจดหมายกัน" ฟู่จาวหนิงหมดคำจะพูด นางยังต้องรีบเ
"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิมีเรื่องด่วน โปรดหยุดก่อน!"เซียวหลันยวนที่เตรียมจะปลดม่านลง พอได้ยินคำพูดนี้ก็ไม่เคลื่อนไหวแล้วมาอีกแล้วหรือ? องค์จักรพรรดิจะมาไม้ไหนอีกล่ะนี่?คนที่เข้ามาพอถึงหน้ารถม้าก็กระโดดลง รีบเดินเข้ามาหา ยื่นหัวเข้ามามองในรถม้า"อ๋องเจวี้ยน ได้ยินว่าพระชายาจะออกจากเมืองหลวงวันนี้หรือ?"คนผู้นี้คือหัวหน้าคนหนึ่งของราชองครักษ์ ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยจะมีตัวตนเท่าไรนัก"เกี่ยวอะไรกับเจ้า?" เซียวหลันยวนถามเสียงเรียบเฉย เขามองไปยังอีกคนหนึ่งที่กระโดดลงจากรถม้าแล้วเดินเข้ามา คนผู้นี้เป็นคนจากหนานฉือ น่าจะเป็นทูตจากหนานฉือเขาพูดภาษาแคว้นเจาไม่ได้ หลังจากเดินเข้ามาก็ทำได้แค่ยืนอยู่ข้างๆ"อ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิเชิญพระชายาอ๋องเจวี้ยนเข้าวัง โปรดให้พระชายากลับมาที่เมืองก่อน...""องค์จักรพรรดิมาหาพระชายาของข้า แต่ไม่ใช่ข้าหรือ?" เซียวหลันยวนกลับดูสนใจขึ้นมา จะหาฟู่จาวหนิงไปทำไมกัน?"ถูกต้อง ต้องการพบพระชายา""โอ้ เช่นนั้นก็ช้าไปแล้ว พระชายาเพิ่งจะออกไป" เซียวหลันยวนปล่อยม่านรถลงองค์จักรพรรดิน่าจะไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงจะออกเดินทาง ตอนนี้จึงเพิ่งเข้ามาขวางทาง น่าเ
อ๋องฉยงพอเห็นเซียวหลันยวนเข้ามา ใจก็ขรึมลงมาแล้ว ขณะเดียวกันก็ยังแอบเคืองกับองค์จักรพรรดิไม่ใช่บอกว่าจะขวางเซียวหลันยวนไว้หรือไรกัน? ไม่ใช่ว่ามีเรื่องที่จะขังเซียวหลันยวนไว้ได้สามวันหรือ?ทำไมยังไม่ทันถึงชั่วยาม เขาก็รีบกลับมาแล้วกัน?ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย!เซียวหลันยวนหันตัวกลับมาอ๋องฉยงรู้สึกใจสั่นวาบกับหน้ากากของเขาเจ้าเด็กที่เหมือนจะตายแหล่มิตายแหล่ตอนนั้น ดันโตขึ้นมาได้อย่างยากลำบาก แล้วยังดีมีท่วงท่าทรงพลังเสียด้วย"หลันยวน เมื่อครู่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?" อ๋องฉยงเสียงขรึม ตัดสินใจลงมือก่อน "นี่เจ้ายิงธนูใส่ข้ารึ!""เจ้าไม่รู้หรือว่าหมายความว่าอะไร?"เซียวหลันยวนเสียงเย็นเยียบ "แน่นอนว่าสั่งสอนเจ้าน่ะสิ""เจ้า! เจ้าบังอาจ! ถ้าข้าเป็นอะไรไป บาดเจ็บหรือว่าตายไป เจ้าก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว!""จะลองดูไหมล่ะ?" น้ำเสียงเซียวหลันยวนขรึมเย็นชา"ลองอะไร?""ลองว่าถ้าข้าสังหารเจ้าแล้ว จะยังมีชีวิตต่อไปได้ไหม"พอพูดจบ จิตสังหารบนตัวเขาก็พุ่งเข้ามาอย่างแรงกล้า แม้จะไม่มีลม ไม่มีการขยับ แต่อ๋องฉยงกับองครักษ์ข้างกายเขาก็ยังถอยออกไปก้าวหนึ่งพร้อมกันพวกเขาล้วนสัมผัสได้ถึงแรง
"บังอาจ! ทำไมจึงมาพูดกับอ๋องอย่างข้าเช่นนี้?!" องครักษ์ข้างกายอ๋องฉยงชักกระบี่ออกมาส่วนทางนี้ สืออีกับไป๋หู่ก็ชักกระบี่ทันที เดินขึ้นหน้ามาก้าวหนึ่งชั่วพริบตา ก็ชักกระบี่ง้างธนูกันแล้ว บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาอ๋องฉยงชะงักไป ยื่นมือไปกดกดด้ามกระบี่องครักษ์ลง หัวเราะเหอะๆ ขึ้น "เสียมารยาทกับผู้อาวุโสจี้ไม่ได้""ขอรับ!" องครักษ์ของเขาถอยลงไปทันทีผู้อาวุโสจี้ไม่ได้ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย กลับยิ่งดำกว่าเดิม"ข้าเองก็เป็นคนของราชวงศ์ เป็นครอบครัวเดียวกับอายวน จึงเป็นครอบครัวเดียวกันกับจาวหนิงด้วยเช่นกัน ผู้อาวุโสจี้ ความสัมพันธ์นี้ยังใกล้ชิดกว่าท่านเสียอีกนะ จริงไหม จาวหนิง?"อ๋องฉยงถาม ยังเขย่งเท้ายื่นหน้า อยากจะมองไปทางฟู่จาวหนิงที่ถูกคนบังเอาไว้อีกคนเหล่านี้ขวางหูขวางตาจริงๆ แต่ละจะมาขวางหน้าเขาไว้ทำไมกัน?เขามาเมืองหลวงได้ครึ่งปี เพราะสถานที่ไม่ถูกต้อง แล้วยังกลัวคนอื่นจะจับผิดอีก ก่อนหน้าที่นางจะได้เจรจาเงื่อนไขกับองค์จักรพรรดิ เขายังก่อเรื่องอะไรจนถูกไล่ออกจากเมืองหลวงไม่ได้ ดังนั้นครึ่งปีนี้เขาจึงชุบตัวใสสะอาด ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับหญิงสาวคนไหนเลยแต่เดิมทีเขาก็อยู่ห่างจนคนสวย
ฟู่จาวหนิงไม่รู้เลยว่าองค์จักรพรรดิมีแผนร้ายอะไรขึ้นมาอีกแล้วนางกับผู้อาวุโสจี้อยู่ในเขาจันทร์ลับขุดสมุนไพรมาได้ไม่น้อยเลยตอนนี้กองหิมะยังไม่ละลาย แต่ยังดีที่พวกเขาสองปีก่อนเคยขุดมาแล้วครั้งหนึ่ง วัตถุดิบยาส่วนใหญ่จำได้แล้วว่าขึ้นอยู่ตรงไหน ผ่านการเติบโตมาสองปี จุดที่เคยถูกพวกเขาขุดไปก็งอกขึ้นมาใหม่กันแล้วสถานที่เหล่านั้นหลายจุดไม่มีหิมะทับถม นางพาพวกไป๋หูมาก็ล้วนได้ใช้งานทั้งสิ้นสิ่งที่ขุดขึ้นมาตอนนี้คือวัตถุดิบยาที่ทนอากาศหนาวได้ และยังมีบางส่วนที่ดูเหมือนพวกเปลือกไม้ด้วยในช่วงสองวันนี้ ผู้อาวุโสจี้เองก็ทำเวลารีบสอนให้กับนาง ให้นางได้รู้จักกับวัตถุดิบยาที่มากขึ้นไปอีกสองวันต่อมาพวกเขาก็กวาดเก็บจนเต็มที่แล้วลงจากเขา แต่ก็ได้เห็นอ๋องฉยงที่กำลังก่อกองไฟตั้งกระโจมอยู่อ๋องฉยงน่าจะได้ยินการเคลื่อนไหว จึงออกจากกระโจมมารอแล้วพอเห็นขบวนคนล้วนแบกตะกร้ายากันเต็ม ดวงตาเขาก็เปล่งประกายแล้วก็เห็นฟู่จาวหนิงที่อยู่ในกลุ่มนี้ต่อให้เข้าไปขุดยาในเขาถึงสองวัน นางก็ไม่ได้ดูซมซานแต่อย่างใด แค่เหลือบมองในกลุ่มคนนั้นก็เห็นนางได้ทันทีพระชายาอ๋องเจวี้ยนคนนี้ งดงามจนโดดเด่นจริงๆแล้วยังท
พระชายาเยว่ดูเหมือนอยากจะอาเจียน ถึงอย่างไรนางก็ยังเป็นสาวสะพรั่งสวยสด อายุขององค์จักรพรรดิมากกว่าพ่อนางเสียอีก แล้วตอนนี้ยังมีสภาพนี้อีกพริบตานี้เอง นางก็รู้สึกอยากจะรับปากแม่นมเยว่ขึ้นมา"พระชายาเยว่ ทำของว่างอะไรมาหรือ?" องค์จักรพรรดิยิ้มให้กับพระชายาเยว่ จนมีรอยย่นเพิ่มขึ้นมา "ข้าเองก็หิวแล้วเหมือนกัน"พระชายาเยว่กดอารมณ์นั่นลงไปก่อน ยกของว่างเข้ามา "องค์จักรพรรดิ ข้าทำขนมเป๋าฮื้อหัวไชเท้ามา เสวยตอนที่ร้อนๆ เถิด""ดีเลย ไม่ใช่ของหวาน กินแล้วกระเพาะไม่รู้สึกแย่"องค์จักรพรรดิพอใจมาก ช่วงนี้ท้องเขาก็ใหญ่ขึ้น เข็มขัดแทบจะคาดไม่ได้แล้ว กินแต่ของหวานคงไม่ดีนัก"องค์จักรพรรดิชอบก็เสวยให้เยอะหน่อย หม่อมฉันรินชาให้"พระชายาเยว่อยู่ดื่มกินเป็นเพื่อนกับฝ่าบาท สนทนาด้วยครู่หนึ่ง จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปบนตัวอ๋องฉยงอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจ"อ๋องฉยงจะอยู่ในเมืองหลวงตลอดเลยหรือไม่? ฝ่าบาท หม่อมฉันค่อนข้างกังวล ว่าพระชายาอ๋องฉยงจะไล่ตามมาหรือไม่?""ไม่หรอก" องค์จักรพรรดิเอ่ยยืนยันขึ้นมา"หม่อมฉันได้ยินว่าพระชายาอ๋องฉยงกวดขันอ๋องฉยงเข้มงวดมาก นี่เพราะรักอ๋องฉยงหรือเปล่า?""รักอะไรกัน เป็
พระชายาเยว่รู้สึกว่า แม่นมเยว่อดทนอยู่ในวังมายี่สิบปี คงวางแผนงานใหญ่อะไรอยู่นางถึงแม้จะเคยเห็นฝีมือแม่นมเยว่มาบ้างแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าแม่นมเยว่เองก็ไม่ได้มีฝีมือมากขนาดนั้น ถ้าหากนางร้ายกาจจริง จำเป็นต้องมาซุ่มอยู่ในวังหลวงยี่สิบปี แต่ก็ยังทำเรื่องไม่เสร็จแบบนี้หรือ?แม่นมเยว่น่าจะเป็นยอดฝืมือในการใช้ยา ยิ่งไปกว่านั้นยังยอดเยี่ยมในด้านการสกัดยาชนิดนั้น ยาที่ไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจเท่าไร ถึงอย่างไรก็ทำให้แค่ผู้ชายมีความสุขล่องลอยได้มากเท่านั้น ทำเรื่องใหญ่โตอะไรให้สำเร็จไม่ได้ตอนนี้ นางได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิแล้ว ยังต้องคอยฟังแม่นมเยว่อยู่อีกหรือ?แต่ถ้าแม่นมเยว่ก็มีวิธีการที่จะให้องค์จักรพรรดิรับมือกับอ๋องเจวี้ยนจริงล่ะ?จะว่าไป ยาชนิดนั้นของแม่นมเยว่ ถ้าหากใช้กับอ๋องเจวี้ยน ไม่รู้ว่าจะมีประสิทธิผลไหมชั่วขณะหนึ่ง พระชายาเยว่คิดไปร้อยแปดจากนั้นนางก็ไปที่ครัวเล็ก ลงมือทำของว่างขึ้นมาถาดหนึ่ง เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งเนื้อแต่งตัวอย่างประณีต ยกของว่างเข้าไปในห้องหนังสือหลวงองค์จักรพรรดิเพิ่งฟังรายงานลับจบเขาให้คนจับตาดูคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของคนหลายคนในเมืองหลวง
"จุ๊ๆ เรื่องนี้..." พระชายาเยว่คิดๆ ยังไม่รู้จะจัดการอย่างไรก่อนดีชั่วคราว"เจ้ากลับไปอยู่ข้างๆ เฉินฮ่าวปิงก่อนแล้วกัน คอยจับตาดูนางไว้ มีเรื่องอะไรก็มาบอกกับข้า" พระชายาเยว่รู้สึกว่าตอนนี้ใช้งานชิวอวิ๋นไปก่อนแล้วกัน ถึงอย่างไรนางก็ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว"่เจ้าค่ะ"รอจนชิวอวิ๋นออกไป พระชายาเยว่ก็เรียกคนเข้ามาคนคนนี้ดูแล้วปกติดี แต่ว่าการเดินเหินในวังนั้นไม่ถูกใครสังเกตหรือสนใจเลยเป็นแม่นมที่หน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง"แม่นมเยว่ เมื่อครู่เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม?"แม่นมเยว่คนนี้ก้มหน้าต่ำเล็กน้อย เอ่ยขึ้นน้ำเสียงราบเรียบ"ได้ยินแล้วพะย่ะค่ะ""เรื่องนี้ ควรจะเผยกับองค์จักรพรรดิไหม?""ได้พะย่ะค่ะ""แต่ถ้าองค์จักรพรรดิรู้ อาจจะกริ้วอย่างรุนแรงได้ อ๋องฉยงที่มีความคิดไม่ดีกับพระชายาอ๋องเจวี้ยน เรื่องนี้ถ้าลือออกไปจะไม่ดีกับราชวงศ์""เรื่องนี้มีประโยชน์กับการที่พวกเราจะสืบค้นระดับความอดทนของจักรพรรดิต่ออ๋องฉยงได้ว่าอยู่ที่ไหน เพราะอะไรอ๋องฉยงจึงยังอยู่ในเมืองหลวง เรื่องนี้ยังต้องตรวจสอบให้ชัดเจน""เนื้อหาการคุยกันของอ๋องฉยงกับองค์จักรพรรดิทำไมจึงเปิดเผยไม่ได้" พระชายาเยว่ถอนหายใจ"ดังนั้น
"อะไรนะ?!"พระชายาเยว่พอได้ยินประโยคนั้นของชิวอวิ๋น ทิ้งมารยาทอะไรไปเกือบหมดจนแทบกระโจนขึ้นมา"เจ้าอย่ามาพูดมั่วซั่วนะ! ถ้าให้คนอื่นได้ยินข้าเองก็ช่วยเจ้าไม่ได้!"อันที่จริงนางเองก็ไม่อยากได้ชิวอวิ๋นแล้ว ดูแล้วเหมือนทำเรื่องอะไรก็ไม่สำเร็จ ไร้ประโยชน์สิ้นดีแต่ว่าตอนนี้พอได้ยินชิวอวิ๋นพูดประโยคนี้ออกมา ก็ทำเอานางลืมเรื่องที่จะโยนชิวอวิ๋นทิ้งไปทันที"เป็นเรื่องจริง พระชายา เรื่องนี้ถ้าไม่ได้ยินเองกับหู ข้าน้อยจะกล้าแต่งขึ้นมาได้อย่างไรกัน?" ชิวอวิ๋นรีบพูด"อ๋องฉยงชอบพระชายาอ๋องเจวี้ยนรึ?""พะย่ะค่ะ ตอนที่ออกมาจากวังราชนิเวศน์ ข้าไปเจอที่หน้าประตูใหญ่"พระชายาเยว่คิดถึงใบหน้า รูปร่างของฟู่จาวหนิง ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เชื่อ"ได้ยินว่าอ๋องฉยงเป็นพวกชื่นชอบสาวงาม ไม่เช่นนั้นพระชายาอ๋องฉยงคงไม่คุมเขาไว้อย่างเข้มงวด ราวกับอยู่ในคุกแน่นอน"เพราะพอหย่อนยาน ไม่ทันระวังหน่อย อ๋องฉยงก็อาจจะไปหลับนอนกับสาวสวยคนไหนแล้วก็คอยเลี้ยงไว้ด้านนอกแต่พระชายาอ๋องฉยงเข้มงวดเสียขนาดนั้นแล้ว อ๋องฉยงก็ยังมีอวิ๋นจูกับเฉินฮ่าวปิงลูกนอกสมรสสองคนนี้ได้ที่โตแล้วมีอยู่สองคน แล้วที่ยังไม่โตล่ะ? อธิบายได้ว่าอ๋อง
"ข้าต้องการวัตถุดิบยาเหล่านี้เดิมทีก็จะให้นางส่งไปที่เมืองเจ้อ แล้วนางปฏิเสธเอง เดิมทีนี่เป็นความคิดของข้า! ท่านบอกว่าข้ารับมือไม่ไหว นางเองก็ไม่ใช่ว่าพึ่งพาคนอื่นหรือ ก็แค่เพราะนางแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนที่มีอำนาจ! ท่านให้นางเอาอ๋องเจวี้ยนให้ข้าสิ! ถ้าหากข้าเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน ข้าเองยังทำได้ดีกว่านางเสียอีก!"ต่งฮ่วนจือถูกเสียงแหลมของนางแผดใส่จนปวดหูไปหมดแล้วเขามองอย่างตกตะลึงไปทางเฉินฮ่าวปิง ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้มาก่อนว่านางเป็นคนแบบนี้"เจ้าคิดว่าที่ศิษย์น้องหญิงมีความสามารถขนาดนี้ เป็นเพราะแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนหรือไรกัน?""แล้วไม่ใช่หรือ? นางก็แค่พึ่งพาอ๋องเจวี้ยนเหมือนกัน ด้านหลังมีต้นไม้ใหญ่ให้พักพิงร่มเย็น! ถ้าหากไม่ใช่อ๋องเจวี้ยน ตอนนั้นที่นางถอนหมั้นกับรัฐทายาทเซียวไปก็คงจะเอาตัวไม่รอดแล้ว ต่อมานางจะได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์เรียนหมอจนเข้าพันธมิตรโอสถได้อย่างไรกัน?!"ต่งฮ่วนจือมองนางลึกๆ ส่ายหัวถอนหายใจ"บนโลกนี้ไม่มีรัฐทายาทเซียวอีกแล้ว"ขนาดรัฐทายาทเซียวไม่อยู่แล้ว ก็ยังไม่รู้หรือ?"ช่างเถอะ วันนี้เจ้าเป็นท่านหญิงไปแล้ว ข้าก็แค่ประชาชนธรรมดา ช่วยอะไรไม่ได้หรอก ขอตัวแค่นี้
พอเห็นสีหน้าเฉินฮ่าวปิง ใจของต่งฮ่วนจือก็เย็นลงมาทันทีทั้งที่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟู่จาวหนิงแล้วแท้ๆ แต่ว่าตอนนี้ เฉินฮ่าวปิงก็ยังใช้ประโยชน์จากเขา คิดจะให้เขาขัดขวางศิษย์น้องหญิงต่อให้เป็นเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้ นางก็ยังพูดออกมาโดยไม่หนักใจ แล้วขอให้เขาทำตามสิ่งที่นางต้องการต่งฮ่วนจือมองไปทางฮูหยินเฉิน เขายังดูคาดหวังอยู่ถึงอย่างไรฮูหยินเฉินก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว น่าจะรู้จักขอบเขตบ้างกระมัง?"เจ้าเองก็คิดแบบนี้หรือ? จะให้ข้าเก็บวัตถุดิบยาไว้จนกว่าฮ่าวปิงจะรวมเงินได้?"ฟังเอาเถอะ เขาพูดซ้ำออกมาอีกรอบหนึ่งก็ยังรู้สึว่าเป็นเรื่องไร้สาระเลยฮูหยินเฉินขมวดคิ้ว มองนางด้วยสายตาเศร้าๆแต่ก่อนพอเห็นสีหน้าเช่นนี้ของนาง ต่งฮ่วนจือก็จะรู้สึกปวดใจ อยากจะปกป้องนางขึ้นมา เขารู้ ว่านางเป็นผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง มีลูกสาวติดหนึ่งคน คอยหนีคนตามล่าอยู่ตลอด มันลำบากแค่ไหนถ้าหากเป็นไปได้ เขาเองก็อยากจะยืนบังลมบังฝนให้นาง เพราะแรกสุดเขารู้สึกชื่นชมนาง ชื่นชมความแข็งแกร่งและความรักของแม่จากตัวนางแต่สีหน้าต่อตัวเขาของฮูหยินเฉินตอนนี้ ต่งฮ่วนจือจู่ๆ ก็คิดขึ้นมาว่า อ๋องฉยงถึงอย่างไรก็หาพวกนางเจอแ