เพียงแต่เหตุผลจะดีแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ฟู่จาวหนิงออกไปแล้วต่อให้ตอนนี้นางยังอยู่ในเมืองหลวง แล้วถูกขวางไว้จริงๆ เซียวหลันยวนก็จะหาวิธีให้นางออกไปเองให้ฟู่จาวหนิงอยู่ที่นี่เพื่อไปงานเลี้ยงกับองค์หญิงหนานฉือ แล้วยังต้องคอยช่วยนางแปลให้กับคนตั้งมากมาย นั่นมันยุ่งแค่ไหนกัน?ยิ่งไปกว่านั้นในนี้อาจจะไปสร้างความยุ่งยากขึ้นไม่น้อยอีกด้วยพอคิดถึงนางที่ถูกกลุ่มคนล้อมไว้ตรงกลาง พูดคำนี้ทีคำนั้นที ทั้งหมดล้วนต้องรอให้ฟู่จาวหนิงแปล แล้วก็ตอบกลับอีกครั้ง แล้วยังต้องมาคอยถูกสงสัยว่านางแปลมั่วซั่วหรือเปล่าอีก มีแก้ไขความหมายอะไรบ้างไหม เซียวหลันยวนแค่คิดก็เหนื่อยใจแล้วไหนจะเรื่องที่ย่าของนางยังรอนางไปรักษาอยู่อีกล่ะ นั่นอาจจะเป็นกุญแจสำคัญที่ฟู่จาวหนิงจะได้รับการยอมรับจากญาติภายนอกอีกด้วย แล้วนางจะมาอยู่ที่นี่ทำไมกัน?"เช่นนั้นก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ยาของข้าเองก็สำคัญมาก ถ้าหากข้าขาดยาไป แล้วสองขากับใบหน้านี้ไม่ดีขึ้น เจ้ารับผิดชอบได้ไหม?"หัวหน้าองครักษ์อยากจะร้องไห้แล้วเขาจะไปรับผิดชอบอย่างไรไหว? จะว่าไป ทำไมต้องมาให้เขารับผิดชอบล่ะ?"อ๋องเจวี้ยน นี่เป็นความต้องการของจักรพรรดิ...""เจ้าจ
ด้านนอกมีเสียงไทเฮาลอดเข้ามาองค์จักรพรรดิรีบกลืนเสียงก่นด่ากลับลงไปทันที ไทเฮาเข้ามาทำไมถึงไม่มีใครมาแจ้ง? ตายไปกันหมดแล้วหรือ?"เสด็จแม่ ท่านเข้ามามีอะไรหรือ?" แต่เขาก็ยังต้องลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ เข้ามาประคองตัวไทเฮา"ข้าได้ยินว่าองค์จักรพรรดิจะเรียกจาวหนิงมาที่วังเพื่ออยู่กับองค์หญิงหนานฉือ ก็เลยเข้ามาอธิบายกับท่านหน่อย ก่อนหน้านี้จาวหนิงบอกกับข้าไว้ว่า นางจะออกไปหายาให้อายวน เรื่องนี้ข้าเองก็รับปากนางไว้แล้ว"ไทเฮาตบลงไปที่หลังมือองค์จักรพรรดิ "ขาของอายวนตอนนี้ก็เดินไม่ได้ ใบหน้าก็ไปพบปะใครไม่ได้อีก ถ้าหากเขาเป็นเช่นนี้แล้วลุกขึ้นไม่ได้ คนอื่นก็จะบอกว่าองค์จักรพรรดิไม่ให้ความสำคัญกับเขานะ ดังนั้น ดังนั้นก็ต้องยอมให้สามีภรรยาคู่นี้ลงแรงกันสุดความสามารถดีกว่า หลังจากนี้ถ้ารักษาไม่ได้จริงๆ พวกเราก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีก""องค์จักรพรรดิ ท่านว่าใช่ไหม?""ไทเฮาคิดเช่นนี้หรือ?" องค์จักรพรรดิยังสงสัยอยู่หน่อยๆเขารู้สึกว่าหลังจากเรื่องของซ่งอวิ๋นเหยา ไทเฮาก็เหมือนจะไปยืนอยู่ฝั่งของเซียวหลันยวนเสียแล้วสองวันก่อนยังเรียกฟู่จาวหนิงไปหาตั้งหลายรอบ"คิดแบบนี้นั่นล่ะ แล้วก็ ข้าช่วงนี้ก็ไม่
ให้อ๋องเจวี้ยนเป็นสามี?ลากร่างกายที่พิกลพิการนั่นออกมาทรมานหรือ?ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็มีนิสัยเย็นชาด้วย ตั้งแต่เล็กจนโตก็ไม่ค่อยจะเข้าสังคมกับใครสักเท่าไร พวกกิจกรรมเล่นสนุกของเหล่าคุณชายกับพวกหญิงสาวชั้นสูงในเมืองหลวงนี้เขาก็แทบจะไม่ได้ไปเข้าร่วมเลย คนอื่นๆ ที่ไม่คุ้นเคยกับเขา พออยู่ต่อหน้าถ้าไม่กลัวก็คือระแวดระวัง ทั้งสองฝ่ายล้วนอยู่ในสภาพลำบากใจ"ไร้สาระ"หลังจากไทเฮารู้เรื่องนี้ก็คัดค้านทันที"ตอนนี้ร่างกายของอายวนพวกเจ้าไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร ถ้ายังต้องมาล้มป่วยลงเพราะเรื่องนี้ ถึงตอนนั้นเรื่องดีจะกลายเป็นเรื่องร้ายไป ท่านไปขึ้นประกาศของวังหลวงหาคนเสีย ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเมืองหลวงที่ใหญ่ขนาดนี้จะไม่มีคนเข้าใจภาษาหนานฉือ จะเป็นไม่กี่คำก็ได้ทั้งนั้น"นางเรียกองค์จักรพรรดิเข้ามา แล้วพูดประโยคเหล่านี้กับองค์จักรพรรดิในใจองค์จักรพรรดิรู้สึกกลัดกลุ้ม และดูจะหมดความอดทนอยู่หน่อยๆไทเฮาตอนนี้ไม่ใช่ว่ายุ่งมากไปหน่อยแล้วหรือ?ก่อนหน้านี้คำอธิบายของนางก็มีเหตุผลอยู่ แต่ว่าตอนนี้ พอเกี่ยวกับอ๋องเจวี้ยน นางก็ล้วนออกมาขวางให้หมดเลยหรือ?"ข้าเข้าใจแล้ว""อายวนตอนนี้ยิ่งต้องพักฟื้นเงียบๆ
แต่ในความเป็นจริงมันคือการเอาอกเอาใจหมอเทวดาหลี่ ถึงเวลาถ้าในงานประชุมหมอใหญ่ได้รับตำรายาหรือยาดีดีอะไรมา ตอนกลับมาก็สามารถพิจารณาขายให้กับพวกเขาได้ถึงอย่างไรบ้านไหนที่ไม่มีคนแก่และเด็ก ไม่มีหญิงสาวที่ต้องคลอดเด็ก ตนเองก็ยากที่จะไม่เจ็บป่วย การมาเจรจากับหมอเทวดาหลี่ได้ก่อนถือเป็นเรื่องดีที่สุดดังนั้นก่อนหน้าที่จะเข้าร่วมงานประชุมหมอใหญ่ทุกครั้ง เหล่าหมอพวกนี้จึงล้วนเก็บเงินกันจนมือไม้อ่อนแรงไปหมด โดยเฉพาะตัวหมอเทวดาหลี่เองนี่ต้องเข้าร่วมงานประชุมหมอใหญ่ถึงจะมีคุณสมบัติไม่ใช่ว่าคนไม่มีคุณสมบัติจะเข้าไปไม่ได้ แต่ยังมีคนที่มีคุณสมบัติทางการตัวตนฐานะทางการ พออยู่ที่นั่นก็มีหน้ามีตา มีเรื่องมากมายที่จัดการได้ง่าย แล้วยังมีคนคอยมาต้อนรับโดยเฉพาะอีก"หมอเทวดาหลี่แน่นอนว่าต้องไป"องค์จักรพรรดิอันที่จริงช่วงนี้ก็ไม่ค่อยชอบหมอเทวดาหลี่นัก แต่เนื่องจากยังไม่มีคนมาแทนที่เขาได้ชั่วคราว จะไม่ให้เขาไปก็ไม่ได้"ได้ยินว่าเขาช่วงนี้ชอบไปที่จวนพระสัสสุระ องค์จักรพรรดิไม่ได้ถามเหตุผลหรือ?"ไทเฮาเองก็รู้มาบ้าง จึงอยากจะเตือนองค์จักรพรรดิให้ไปตรวจสอบหน่อย"ข้าถามพระสัสสุระแล้ว บอกว่าเจียงเจี๋ยบ
หลังจากที่เก๋อชีซิงมาถึงจวนชินอ๋องเซียวได้ไม่เท่าไร เซียวหลันยวนก็ได้ข่าวองครักษ์ลับในชุดทะมัดทะแมงสีดำคนหนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าเขา รายงานข้อมูลของเก๋อชีซิงที่ตรวจสอบมาในปัจจุบันองครักษ์ลับคนนี้ฟู่จาวหนิงก็ยังไม่เคยเห็นหลานหรงเป็นองครักษ์ข้างกายเซียวหลันยวนที่มาพร้อมกับชิงอี แต่ว่าชิงอีกลายเป็องครักษ์ข้างกายอย่างจ่งแจ้งหลังจากออกมาจากเขาอวี้เหิง เซียวหลันยวนก็ให้หลานหรงเลือกคนมายี่สิบสี่คน คอยรับผิดชอบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับตงฉิงหลานหรงหน้าตาดูคล้ายหญิงสาว ใบหน้าอ่อนโยน ตาหูจมูกงดงาม ชอบทำงานในช่วงราตรีมาเป็นเวลานาน ไม่ต้องได้ออกมาเจอแสงตะวันเท่าไร ดังนั้นผิวจึงค่อนข้างขาวถ้าหากเขาแต่งงานเป็นหญิงก็หลอกล่อคนได้ระดับหนึ่งเลยทีเดียวเรื่องของตงฉิงพอเริ่มตรวจสอบ พวกเขาถึงพบว่ายิ่งขุดก็ยิ่งมีของ"เก๋อชีซิงคนนี้ อันที่จิรงไม่กี่วันก่อนหน้าพวกเขาก็ตรวจสอบไปแล้ว เพราะในบันทึกรายชื่อที่นายท่านให้มาชุดนั้นมีตระกูลเก๋อที่เป็นแพทย์ของแคว้นอยู่"ในสิบแปดลังนั้น ยังมีบันทึกอีกหลายเล่มเหล่านี้น่าจะเป็นสิ่งที่เซวียนหยวนซือยายของเซียวหลันยวนย้อนคิดแล้วบันทึกออกมาในนี้มีเล่มหนึ่งเป็นชื่อ
"ขอรับ ข้าน้อยยังส่งคนไปหาพวกคนไข้ที่เก๋อชีซิงเคยรักษาไปแล้วอีกหลายคนด้วย หาข้อมูลว่าพวกเขาป่วยเป็นอะไร เก๋อชีซิงรักษาพวกเขาอย่างไร ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง""แล้วเป็นอย่างไร?" เซียวหลันยวนรู้สึกสนใจหน่อยๆหลานหรงสีหน้าเคร่งขรึม "ล้วนป่วยหนักกันหมด การรักษาของเก๋อชีซิงก็ล้วนเห็นผลเช่นกัน คนไข้หลายคนล้วนแสดงยาที่เขาจัดออกมาให้ดู หลังจากกินไปสามครั้งก็ดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ตอนที่พูดถึงเขาก็ยังเรียกกันว่าหมอเทวดาเก๋อ""น่าสนใจ มีหมอเทวดาเพิ่มมาอีกคนแล้ว"นิ้วของเซียวหลันยวนเคาะเบาๆ ลงบนโต๊ะ เขารู้สึกว่าน่าสนใจจริงๆก่อนหน้านี้เขาเรียกฟู่จาวหนิงว่าหมอเทวดาฟู่ ฟู่จาวหนิงยังบอกกับเขาเลยว่า หมอเทวดาไม่ได้เรียกกันง่ายขนาดนั้น นางเองก็ยังมีอีกหลายขอบเขตที่ไม่ถนัด อย่างเช่นแผลเป็นของเขา นางไม่มีข้อมูลอะไรเลย"เขาเก็บค่ารักษาอย่างไร?" เซียวหลันยวนอยากถามคำถามนี้หมอเทวดาหลี่ในเมืองหลวง เวลาเก็บค่ารักษาก็ใจดำอยู่ ไม่เช่นนั้นเขาคงจะเลี้ยงดูปรนเปรอลูกสาวอย่างหลี่จื่อเหยาออกมาไม่ได้หรอก ถึงอย่างไรเสื้อผ้าเครื่องประดับของนางก็ดูร้ายกาจอยู่"ส่วนคนป่วยที่เหลือ มีสองตระกูลที่ฐานะค่อนข้างดี เก๋อชี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้เพระาอะไรถึงรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนัก เพราะสืออีสือซานก็ล้วนมองนางอย่างกังวลสืออียังกำข้าวสารมากำหนึ่ง โปรยให้กับนกพิราบสื่อสารทั้งสองตัวนางมองเลื่อนลงไปอีกประโยคที่สอง: ข้าหลายวันนี้อยู่แต่นจวนอ๋อง ไม่ได้ออกไปไหนเลย ปิดประตูไม่พบแขก อาบน้ำยาตามเวลา กินยาตรงเวลา นอนตามเวลาฟู่จาวหนิงมองไปทางนกพิราบสื่อสารที่กำลังก้มหน้าจิกข้าวสารอย่างเหนื่อยอ่อนทั้งสองตัวนั้น รู้สึกขึ้นมาฉับพลันว่าพวกมันน่าสงสารจริงๆส่งจดหมายตอนนี้ คำพูดเหล่านี้ไม่ต้องพูดก็ได้ แค่บอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีก็จบไหม?"ท่านผู้เฒ่ากับเสี่ยวเฟยกลับบ้านตระกูลฟู่ ข้าให้จงเจี้ยนติดตามไปอยู่ที่บ้านตระกูลฟู่แล้ว มีจงเจี้ยนอยู่ เชื่อว่าเจ้าคงจะวางใจได้หน่อย""แล้วก็ ในเมืองหลวงเนื่องจากองค์หญิงหนานฉือเดินสาย งานเลี้ยงมากมายจัดขึ้นไม่หยุดหย่อน คึกคักมาก แต่ข้าก็ไม่ได้สนใจ"อ่านถึงตรงนี้ก้ยังไม่เข้าเรื่องทางการเสียทีสืออีทนไม่ไหวแล้ว ถามขึ้น "พระชายา ท่านอ๋องเขียนอะไรหรือ?""...ตอนนี้ยังไม่เห็นสิ่งที่สำคัญเลย"ฟู่จาวหนิงตอบกลับไปคำหนึ่งเอาล่ะ ยังไม่พูดว่าสำคัญหรือไม่สำคัญ แต่คำพูดพวกนี้ข้ามไ
ฟู่จาวหนิงสุดท้ายก็สองจิตสองใจ เขียนไปอีกครึ่งแผ่นแล้วก็ยื่นส่งให้เขาเซียวหลันยวนได้รับจดหมายนาง ก็เห็นภาพดินสอถ่านรูปนั้นก่อน จากนั้นก็มองเห็นตัวหนังสือหลายบรรทัดข้างๆ"นี่เป็นหน้าตาของเก๋อชีซิงที่วาออกมาตามที่ไป๋หู่บรรยาย ท่านลองเทียบดูว่าใช่คนนี้ไหม ไป๋หู่บอกว่าตอนอยู่ที่ต้าชื่อไม่เคยรู้ว่าเก๋อชีซิงรู้วิชาแพทย์ ท่านลุงก็ไม่เคยให้เขารักษามาก่อน เรื่องนี้ทำให้คนผู้นี้น่าสงสัย ลองตรวจสอบดูได้"แค่นี้หรือ?เซียวหลันยวนพลิกจดหมายดูด้านหลัง ด้านหลังก็ไม่มีอะไรเขียนไว้เขามองชิงอี "หมดแล้วหรือ?"ชิงอีไม่เข้าใจ "ท่านอ๋อง น่าจะยังมีอีกอย่างนั้นหรือ?"พระชายาบอกว่าจะเขียนจดหมายหลายหน้าหรือ?เซียวหลันยวนเม้มริมฝีปากขึ้นทันที ไม่เบิกบานเสียแล้ว เขาเขียนไปตั้งมากมาย ฟู่จาวหนิงตอบมาแค่หน้าเดียว ยิ่งไปกว่านั้นด้านครึ่งจดหมายยังเป็นรูปของเก๋อชีซิงอีกด้วย แต่สักคำเดียวก็ไม่พูดถึงเขาเลย ไม่สนใจเขาเลยหรือว่าพวกเขาแยกกันเช่นนี้ ความรู้สึกก็จืดจางลงไปด้วย?"ไปถามชินอ๋องเซียวดูว่าเก๋อชีซิงคนนั้นหน้าตาเป็นแบบนี้หรือเปล่า" เขายื่นจดหมายส่งออกไป"ขอรับ" ชิงอีรับจดหมายมา เหลือบมองผาดหนึ่งที่แท