แต่ในความเป็นจริงมันคือการเอาอกเอาใจหมอเทวดาหลี่ ถึงเวลาถ้าในงานประชุมหมอใหญ่ได้รับตำรายาหรือยาดีดีอะไรมา ตอนกลับมาก็สามารถพิจารณาขายให้กับพวกเขาได้ถึงอย่างไรบ้านไหนที่ไม่มีคนแก่และเด็ก ไม่มีหญิงสาวที่ต้องคลอดเด็ก ตนเองก็ยากที่จะไม่เจ็บป่วย การมาเจรจากับหมอเทวดาหลี่ได้ก่อนถือเป็นเรื่องดีที่สุดดังนั้นก่อนหน้าที่จะเข้าร่วมงานประชุมหมอใหญ่ทุกครั้ง เหล่าหมอพวกนี้จึงล้วนเก็บเงินกันจนมือไม้อ่อนแรงไปหมด โดยเฉพาะตัวหมอเทวดาหลี่เองนี่ต้องเข้าร่วมงานประชุมหมอใหญ่ถึงจะมีคุณสมบัติไม่ใช่ว่าคนไม่มีคุณสมบัติจะเข้าไปไม่ได้ แต่ยังมีคนที่มีคุณสมบัติทางการตัวตนฐานะทางการ พออยู่ที่นั่นก็มีหน้ามีตา มีเรื่องมากมายที่จัดการได้ง่าย แล้วยังมีคนคอยมาต้อนรับโดยเฉพาะอีก"หมอเทวดาหลี่แน่นอนว่าต้องไป"องค์จักรพรรดิอันที่จริงช่วงนี้ก็ไม่ค่อยชอบหมอเทวดาหลี่นัก แต่เนื่องจากยังไม่มีคนมาแทนที่เขาได้ชั่วคราว จะไม่ให้เขาไปก็ไม่ได้"ได้ยินว่าเขาช่วงนี้ชอบไปที่จวนพระสัสสุระ องค์จักรพรรดิไม่ได้ถามเหตุผลหรือ?"ไทเฮาเองก็รู้มาบ้าง จึงอยากจะเตือนองค์จักรพรรดิให้ไปตรวจสอบหน่อย"ข้าถามพระสัสสุระแล้ว บอกว่าเจียงเจี๋ยบ
หลังจากที่เก๋อชีซิงมาถึงจวนชินอ๋องเซียวได้ไม่เท่าไร เซียวหลันยวนก็ได้ข่าวองครักษ์ลับในชุดทะมัดทะแมงสีดำคนหนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าเขา รายงานข้อมูลของเก๋อชีซิงที่ตรวจสอบมาในปัจจุบันองครักษ์ลับคนนี้ฟู่จาวหนิงก็ยังไม่เคยเห็นหลานหรงเป็นองครักษ์ข้างกายเซียวหลันยวนที่มาพร้อมกับชิงอี แต่ว่าชิงอีกลายเป็องครักษ์ข้างกายอย่างจ่งแจ้งหลังจากออกมาจากเขาอวี้เหิง เซียวหลันยวนก็ให้หลานหรงเลือกคนมายี่สิบสี่คน คอยรับผิดชอบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับตงฉิงหลานหรงหน้าตาดูคล้ายหญิงสาว ใบหน้าอ่อนโยน ตาหูจมูกงดงาม ชอบทำงานในช่วงราตรีมาเป็นเวลานาน ไม่ต้องได้ออกมาเจอแสงตะวันเท่าไร ดังนั้นผิวจึงค่อนข้างขาวถ้าหากเขาแต่งงานเป็นหญิงก็หลอกล่อคนได้ระดับหนึ่งเลยทีเดียวเรื่องของตงฉิงพอเริ่มตรวจสอบ พวกเขาถึงพบว่ายิ่งขุดก็ยิ่งมีของ"เก๋อชีซิงคนนี้ อันที่จิรงไม่กี่วันก่อนหน้าพวกเขาก็ตรวจสอบไปแล้ว เพราะในบันทึกรายชื่อที่นายท่านให้มาชุดนั้นมีตระกูลเก๋อที่เป็นแพทย์ของแคว้นอยู่"ในสิบแปดลังนั้น ยังมีบันทึกอีกหลายเล่มเหล่านี้น่าจะเป็นสิ่งที่เซวียนหยวนซือยายของเซียวหลันยวนย้อนคิดแล้วบันทึกออกมาในนี้มีเล่มหนึ่งเป็นชื่อ
"ขอรับ ข้าน้อยยังส่งคนไปหาพวกคนไข้ที่เก๋อชีซิงเคยรักษาไปแล้วอีกหลายคนด้วย หาข้อมูลว่าพวกเขาป่วยเป็นอะไร เก๋อชีซิงรักษาพวกเขาอย่างไร ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง""แล้วเป็นอย่างไร?" เซียวหลันยวนรู้สึกสนใจหน่อยๆหลานหรงสีหน้าเคร่งขรึม "ล้วนป่วยหนักกันหมด การรักษาของเก๋อชีซิงก็ล้วนเห็นผลเช่นกัน คนไข้หลายคนล้วนแสดงยาที่เขาจัดออกมาให้ดู หลังจากกินไปสามครั้งก็ดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ตอนที่พูดถึงเขาก็ยังเรียกกันว่าหมอเทวดาเก๋อ""น่าสนใจ มีหมอเทวดาเพิ่มมาอีกคนแล้ว"นิ้วของเซียวหลันยวนเคาะเบาๆ ลงบนโต๊ะ เขารู้สึกว่าน่าสนใจจริงๆก่อนหน้านี้เขาเรียกฟู่จาวหนิงว่าหมอเทวดาฟู่ ฟู่จาวหนิงยังบอกกับเขาเลยว่า หมอเทวดาไม่ได้เรียกกันง่ายขนาดนั้น นางเองก็ยังมีอีกหลายขอบเขตที่ไม่ถนัด อย่างเช่นแผลเป็นของเขา นางไม่มีข้อมูลอะไรเลย"เขาเก็บค่ารักษาอย่างไร?" เซียวหลันยวนอยากถามคำถามนี้หมอเทวดาหลี่ในเมืองหลวง เวลาเก็บค่ารักษาก็ใจดำอยู่ ไม่เช่นนั้นเขาคงจะเลี้ยงดูปรนเปรอลูกสาวอย่างหลี่จื่อเหยาออกมาไม่ได้หรอก ถึงอย่างไรเสื้อผ้าเครื่องประดับของนางก็ดูร้ายกาจอยู่"ส่วนคนป่วยที่เหลือ มีสองตระกูลที่ฐานะค่อนข้างดี เก๋อชี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้เพระาอะไรถึงรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนัก เพราะสืออีสือซานก็ล้วนมองนางอย่างกังวลสืออียังกำข้าวสารมากำหนึ่ง โปรยให้กับนกพิราบสื่อสารทั้งสองตัวนางมองเลื่อนลงไปอีกประโยคที่สอง: ข้าหลายวันนี้อยู่แต่นจวนอ๋อง ไม่ได้ออกไปไหนเลย ปิดประตูไม่พบแขก อาบน้ำยาตามเวลา กินยาตรงเวลา นอนตามเวลาฟู่จาวหนิงมองไปทางนกพิราบสื่อสารที่กำลังก้มหน้าจิกข้าวสารอย่างเหนื่อยอ่อนทั้งสองตัวนั้น รู้สึกขึ้นมาฉับพลันว่าพวกมันน่าสงสารจริงๆส่งจดหมายตอนนี้ คำพูดเหล่านี้ไม่ต้องพูดก็ได้ แค่บอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีก็จบไหม?"ท่านผู้เฒ่ากับเสี่ยวเฟยกลับบ้านตระกูลฟู่ ข้าให้จงเจี้ยนติดตามไปอยู่ที่บ้านตระกูลฟู่แล้ว มีจงเจี้ยนอยู่ เชื่อว่าเจ้าคงจะวางใจได้หน่อย""แล้วก็ ในเมืองหลวงเนื่องจากองค์หญิงหนานฉือเดินสาย งานเลี้ยงมากมายจัดขึ้นไม่หยุดหย่อน คึกคักมาก แต่ข้าก็ไม่ได้สนใจ"อ่านถึงตรงนี้ก้ยังไม่เข้าเรื่องทางการเสียทีสืออีทนไม่ไหวแล้ว ถามขึ้น "พระชายา ท่านอ๋องเขียนอะไรหรือ?""...ตอนนี้ยังไม่เห็นสิ่งที่สำคัญเลย"ฟู่จาวหนิงตอบกลับไปคำหนึ่งเอาล่ะ ยังไม่พูดว่าสำคัญหรือไม่สำคัญ แต่คำพูดพวกนี้ข้ามไ
ฟู่จาวหนิงสุดท้ายก็สองจิตสองใจ เขียนไปอีกครึ่งแผ่นแล้วก็ยื่นส่งให้เขาเซียวหลันยวนได้รับจดหมายนาง ก็เห็นภาพดินสอถ่านรูปนั้นก่อน จากนั้นก็มองเห็นตัวหนังสือหลายบรรทัดข้างๆ"นี่เป็นหน้าตาของเก๋อชีซิงที่วาออกมาตามที่ไป๋หู่บรรยาย ท่านลองเทียบดูว่าใช่คนนี้ไหม ไป๋หู่บอกว่าตอนอยู่ที่ต้าชื่อไม่เคยรู้ว่าเก๋อชีซิงรู้วิชาแพทย์ ท่านลุงก็ไม่เคยให้เขารักษามาก่อน เรื่องนี้ทำให้คนผู้นี้น่าสงสัย ลองตรวจสอบดูได้"แค่นี้หรือ?เซียวหลันยวนพลิกจดหมายดูด้านหลัง ด้านหลังก็ไม่มีอะไรเขียนไว้เขามองชิงอี "หมดแล้วหรือ?"ชิงอีไม่เข้าใจ "ท่านอ๋อง น่าจะยังมีอีกอย่างนั้นหรือ?"พระชายาบอกว่าจะเขียนจดหมายหลายหน้าหรือ?เซียวหลันยวนเม้มริมฝีปากขึ้นทันที ไม่เบิกบานเสียแล้ว เขาเขียนไปตั้งมากมาย ฟู่จาวหนิงตอบมาแค่หน้าเดียว ยิ่งไปกว่านั้นด้านครึ่งจดหมายยังเป็นรูปของเก๋อชีซิงอีกด้วย แต่สักคำเดียวก็ไม่พูดถึงเขาเลย ไม่สนใจเขาเลยหรือว่าพวกเขาแยกกันเช่นนี้ ความรู้สึกก็จืดจางลงไปด้วย?"ไปถามชินอ๋องเซียวดูว่าเก๋อชีซิงคนนั้นหน้าตาเป็นแบบนี้หรือเปล่า" เขายื่นจดหมายส่งออกไป"ขอรับ" ชิงอีรับจดหมายมา เหลือบมองผาดหนึ่งที่แท
องค์จักรพรรดิตอนนี้จำเป็นต้องมีคนหนึ่งมาแทนที่ตำแหน่งของหมอเทวดาหลี่หมอเทวดาหลี่ตอนนี้กำเริบเสิบสานไปหน่อยจริงๆ ลูกสาวของเขาออกเรือนกับเซียวเหยียนจิ่งก็ถือว่าได้แต่งงานสูงเกินตัวแล้ว แต่พวกเขาพ่อลูกก็ยังอาละวาดอยู่ในจวนชินอ๋องเซียว ทำให้คนในเมืองหลวงต้องมาเห็นเรื่องตลกอยู่นานสองนานจวนชินอ๋องเซียวก็ถือเป็นครอบครัวของราชวงศ์นะพอเห็นเรื่องตลกของจวนชินอ๋องเซียวก้เท่ากับเห็นเรื่องตลกของราชวงศ์ชินอ๋องเซียวไม่ได้มาฟ้ององค์จักรพรรดแค่ครั้งเดียว แต่องค์จักรพรรดิไม่สามารถให้ความเป็นธรรมกับเขาได้ ใครทำให้พวกเขาต้องเอาแต่พึ่งหมอเทวดาหลี่กันล่ะ?แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามีอาการป่วยบางอย่าง หมอเทวดาหลี่รักษาไม่ได้ พวกเขาแค่คิดว่าอาการป่วยนี้หนักมาก ถ้าไม่ใช่หมอใหญ่ไม่มีทางรักษาได้ จึงทำได้เพียงยอมรับไปหลังจากที่ฟู่จาวหนิงปรากฎตัว พวกเขาจึงพบว่า ที่แท้ยังมีอีกหนึ่งความเป็นไปได้คือวิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่อันที่จริงก็ไม่ได้ดีสักเท่าไรตอนนี้องค์จักรพรรดิก็หวังว่าจะมีหมอใหญ่ที่วิชาแพทย์เก่งกว่าหมอเทวดาหลี่อีกสักคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นเก๋อชีซิงก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วตอนนี้"ชินอ๋องเซียว เจ้าไปพบกับหมอเก
องค์จักรพรรดิฟังแล้วมึนหัวหน่อยๆนี่ทำไมเหมือนฟังเรื่องเหลือเชื่ออยู่เลย?"หลังจากนั้นล่ะ?""ของในห้องลับนั้นมีไม่น้อยเลย หลังจากข้าจัดการออกมาจึงพบถึงสถานที่ที่พ่อของข้าจากมา เขาบอกว่าตนเองไม่ใช่คนต้าชื่อ เป็นคนของตงฉิง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผู้สืบทอดตระกูลขุนนางแพทย์แห่งแคว้นตงฉิงด้วย ตอนนั้นเขากับปู่ของข้าติดตามใต้ฝ่าพระบาทไปทำการทูตที่ต้าชื่อ นำคัมภีร์ยาหนังสือแพทย์มาด้วยส่วนหนึ่ง คิดจะส่งมอบให้กับต้าชื่อ"ซู๊ดองค์จักรพรรดิฟังถึงตรงนี้แล้วอดสูดปากไม่ได้ตงฉิง!เป็นคนตงฉิงจริงหรือ?ได้ยินว่าแคว้นเจาตอนนั้นก็ได้รับของดีดีมาจากตงฉิงด้วยเหมือนกัน เรื่องนี้พูดขึ้นมาก็ไม่ค่อยน่าภูมิใจเท่าไร ประชาชนแคว้นเจาไม่รู้กัน ตัวเขาเองก็ยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไรนักน่าจะต้องเป็นพวกเหล่าขุนนางเก่าในราชวงศ์ที่แก่หง่อมจนฟันหลุดหมดปากแล้วเท่านั้นที่จะรู้อยู่บ้างแต่องค์จักรพรรดิก็ยังรู้ว่าไม่น่าภาคภูมิใจเท่าไร ดังนั้นเขาจึงไม่อยากจะไปถามให้ชัดเจน ตงฉิงหายไปนานแล้ว และไม่ใช่แคว้นเจาที่ทำให้มันล่มสลาย ใครจะยังไปสนใจอดีตกันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?เพียงแต่ตอนนี้พอเผชิญหน้ากับคนของตงฉิงคนหนึ่ง องค์จั
องค์จักรพรรดิก่อนหน้านี้ที่เห็นหมอเก๋อ ก็เป็นแค่ผู้เฒ่าที่มีวิชาแพทย์คนหนึ่ง แน่นอนว่าเป็นชายชราที่มีประโยชน์กับเขา แต่ตอนนี้พอมองหมอเก๋ออีกครั้ง กลับดูมีแสงประกายแห่งผู้วิเศษที่ดูเหมือนเซียนขึ้นมาเสียอย่างนั้น"หมอเก๋อ จะยืนพูดกันอยู่ทำไม? นั่งลงคุยกันเถิด"องค์จักรพรรดิร้องเรียกขึ้นทันที "ใครก็ได้ ยกน้ำชามา ยังต้องให้ข้าสอนพวกเจ้าทำงานอีกหรือ?"เก๋อชีซิงนั่งลง ดื่มชา และรู้สึกว่าที่ตนเองเลือกมาแคว้นเจาคือถูกต้องแล้ว หลังจากนี้เขาก็จะเป็นคนเหนือคนแล้วที่ต้าชื่อ เขากังวลว่าถ้าจักรพรรดิต้าชื่อถูกโค่นไป ของทั้งหมดคงถูกแย่งไปทั้งหมดราชวงศ์ต้าชื่อ เดิมทีก็มีสัญชาตญาณสัตว์ป่าแย่งชิงของชาวบ้านอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นต้าชื่อก่อนหน้านี้จะต้องทำเรื่องที่แม้แต่ฟ้าก็ยังรับไม่ได้กับตงฉิงอย่างแน่นอน พวกเขายิ่งต้อนรับคนรุ่นหลังของตงฉิงไม่ลง กลัวว่าความลับในอดีตจะถูกเปิดโปงออกมามากกว่าแคว้นเจาแน่นอนพวกเขาไม่มีทางให้รุ่นหลังของตงฉิงได้เห็นแสงเดือนแสงตะวันดังนั้นถ้าเขาเปิดเผยจุดนี้กับต้าชื่อ คงได้ตายแบบไม่มีหลุมฝังแน่นอนลองดูบทลงเอ่ยของตระกูลเสิ่นที่แต่เดิมโดดเด่นแต่ต้องมาตกอับเหมือนปัจจุบั
อ๋องฉยงพอเห็นเซียวหลันยวนเข้ามา ใจก็ขรึมลงมาแล้ว ขณะเดียวกันก็ยังแอบเคืองกับองค์จักรพรรดิไม่ใช่บอกว่าจะขวางเซียวหลันยวนไว้หรือไรกัน? ไม่ใช่ว่ามีเรื่องที่จะขังเซียวหลันยวนไว้ได้สามวันหรือ?ทำไมยังไม่ทันถึงชั่วยาม เขาก็รีบกลับมาแล้วกัน?ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย!เซียวหลันยวนหันตัวกลับมาอ๋องฉยงรู้สึกใจสั่นวาบกับหน้ากากของเขาเจ้าเด็กที่เหมือนจะตายแหล่มิตายแหล่ตอนนั้น ดันโตขึ้นมาได้อย่างยากลำบาก แล้วยังดีมีท่วงท่าทรงพลังเสียด้วย"หลันยวน เมื่อครู่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?" อ๋องฉยงเสียงขรึม ตัดสินใจลงมือก่อน "นี่เจ้ายิงธนูใส่ข้ารึ!""เจ้าไม่รู้หรือว่าหมายความว่าอะไร?"เซียวหลันยวนเสียงเย็นเยียบ "แน่นอนว่าสั่งสอนเจ้าน่ะสิ""เจ้า! เจ้าบังอาจ! ถ้าข้าเป็นอะไรไป บาดเจ็บหรือว่าตายไป เจ้าก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว!""จะลองดูไหมล่ะ?" น้ำเสียงเซียวหลันยวนขรึมเย็นชา"ลองอะไร?""ลองว่าถ้าข้าสังหารเจ้าแล้ว จะยังมีชีวิตต่อไปได้ไหม"พอพูดจบ จิตสังหารบนตัวเขาก็พุ่งเข้ามาอย่างแรงกล้า แม้จะไม่มีลม ไม่มีการขยับ แต่อ๋องฉยงกับองครักษ์ข้างกายเขาก็ยังถอยออกไปก้าวหนึ่งพร้อมกันพวกเขาล้วนสัมผัสได้ถึงแรง
"บังอาจ! ทำไมจึงมาพูดกับอ๋องอย่างข้าเช่นนี้?!" องครักษ์ข้างกายอ๋องฉยงชักกระบี่ออกมาส่วนทางนี้ สืออีกับไป๋หู่ก็ชักกระบี่ทันที เดินขึ้นหน้ามาก้าวหนึ่งชั่วพริบตา ก็ชักกระบี่ง้างธนูกันแล้ว บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาอ๋องฉยงชะงักไป ยื่นมือไปกดกดด้ามกระบี่องครักษ์ลง หัวเราะเหอะๆ ขึ้น "เสียมารยาทกับผู้อาวุโสจี้ไม่ได้""ขอรับ!" องครักษ์ของเขาถอยลงไปทันทีผู้อาวุโสจี้ไม่ได้ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย กลับยิ่งดำกว่าเดิม"ข้าเองก็เป็นคนของราชวงศ์ เป็นครอบครัวเดียวกับอายวน จึงเป็นครอบครัวเดียวกันกับจาวหนิงด้วยเช่นกัน ผู้อาวุโสจี้ ความสัมพันธ์นี้ยังใกล้ชิดกว่าท่านเสียอีกนะ จริงไหม จาวหนิง?"อ๋องฉยงถาม ยังเขย่งเท้ายื่นหน้า อยากจะมองไปทางฟู่จาวหนิงที่ถูกคนบังเอาไว้อีกคนเหล่านี้ขวางหูขวางตาจริงๆ แต่ละจะมาขวางหน้าเขาไว้ทำไมกัน?เขามาเมืองหลวงได้ครึ่งปี เพราะสถานที่ไม่ถูกต้อง แล้วยังกลัวคนอื่นจะจับผิดอีก ก่อนหน้าที่นางจะได้เจรจาเงื่อนไขกับองค์จักรพรรดิ เขายังก่อเรื่องอะไรจนถูกไล่ออกจากเมืองหลวงไม่ได้ ดังนั้นครึ่งปีนี้เขาจึงชุบตัวใสสะอาด ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับหญิงสาวคนไหนเลยแต่เดิมทีเขาก็อยู่ห่างจนคนสวย
ฟู่จาวหนิงไม่รู้เลยว่าองค์จักรพรรดิมีแผนร้ายอะไรขึ้นมาอีกแล้วนางกับผู้อาวุโสจี้อยู่ในเขาจันทร์ลับขุดสมุนไพรมาได้ไม่น้อยเลยตอนนี้กองหิมะยังไม่ละลาย แต่ยังดีที่พวกเขาสองปีก่อนเคยขุดมาแล้วครั้งหนึ่ง วัตถุดิบยาส่วนใหญ่จำได้แล้วว่าขึ้นอยู่ตรงไหน ผ่านการเติบโตมาสองปี จุดที่เคยถูกพวกเขาขุดไปก็งอกขึ้นมาใหม่กันแล้วสถานที่เหล่านั้นหลายจุดไม่มีหิมะทับถม นางพาพวกไป๋หูมาก็ล้วนได้ใช้งานทั้งสิ้นสิ่งที่ขุดขึ้นมาตอนนี้คือวัตถุดิบยาที่ทนอากาศหนาวได้ และยังมีบางส่วนที่ดูเหมือนพวกเปลือกไม้ด้วยในช่วงสองวันนี้ ผู้อาวุโสจี้เองก็ทำเวลารีบสอนให้กับนาง ให้นางได้รู้จักกับวัตถุดิบยาที่มากขึ้นไปอีกสองวันต่อมาพวกเขาก็กวาดเก็บจนเต็มที่แล้วลงจากเขา แต่ก็ได้เห็นอ๋องฉยงที่กำลังก่อกองไฟตั้งกระโจมอยู่อ๋องฉยงน่าจะได้ยินการเคลื่อนไหว จึงออกจากกระโจมมารอแล้วพอเห็นขบวนคนล้วนแบกตะกร้ายากันเต็ม ดวงตาเขาก็เปล่งประกายแล้วก็เห็นฟู่จาวหนิงที่อยู่ในกลุ่มนี้ต่อให้เข้าไปขุดยาในเขาถึงสองวัน นางก็ไม่ได้ดูซมซานแต่อย่างใด แค่เหลือบมองในกลุ่มคนนั้นก็เห็นนางได้ทันทีพระชายาอ๋องเจวี้ยนคนนี้ งดงามจนโดดเด่นจริงๆแล้วยังท
พระชายาเยว่ดูเหมือนอยากจะอาเจียน ถึงอย่างไรนางก็ยังเป็นสาวสะพรั่งสวยสด อายุขององค์จักรพรรดิมากกว่าพ่อนางเสียอีก แล้วตอนนี้ยังมีสภาพนี้อีกพริบตานี้เอง นางก็รู้สึกอยากจะรับปากแม่นมเยว่ขึ้นมา"พระชายาเยว่ ทำของว่างอะไรมาหรือ?" องค์จักรพรรดิยิ้มให้กับพระชายาเยว่ จนมีรอยย่นเพิ่มขึ้นมา "ข้าเองก็หิวแล้วเหมือนกัน"พระชายาเยว่กดอารมณ์นั่นลงไปก่อน ยกของว่างเข้ามา "องค์จักรพรรดิ ข้าทำขนมเป๋าฮื้อหัวไชเท้ามา เสวยตอนที่ร้อนๆ เถิด""ดีเลย ไม่ใช่ของหวาน กินแล้วกระเพาะไม่รู้สึกแย่"องค์จักรพรรดิพอใจมาก ช่วงนี้ท้องเขาก็ใหญ่ขึ้น เข็มขัดแทบจะคาดไม่ได้แล้ว กินแต่ของหวานคงไม่ดีนัก"องค์จักรพรรดิชอบก็เสวยให้เยอะหน่อย หม่อมฉันรินชาให้"พระชายาเยว่อยู่ดื่มกินเป็นเพื่อนกับฝ่าบาท สนทนาด้วยครู่หนึ่ง จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปบนตัวอ๋องฉยงอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจ"อ๋องฉยงจะอยู่ในเมืองหลวงตลอดเลยหรือไม่? ฝ่าบาท หม่อมฉันค่อนข้างกังวล ว่าพระชายาอ๋องฉยงจะไล่ตามมาหรือไม่?""ไม่หรอก" องค์จักรพรรดิเอ่ยยืนยันขึ้นมา"หม่อมฉันได้ยินว่าพระชายาอ๋องฉยงกวดขันอ๋องฉยงเข้มงวดมาก นี่เพราะรักอ๋องฉยงหรือเปล่า?""รักอะไรกัน เป็
พระชายาเยว่รู้สึกว่า แม่นมเยว่อดทนอยู่ในวังมายี่สิบปี คงวางแผนงานใหญ่อะไรอยู่นางถึงแม้จะเคยเห็นฝีมือแม่นมเยว่มาบ้างแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าแม่นมเยว่เองก็ไม่ได้มีฝีมือมากขนาดนั้น ถ้าหากนางร้ายกาจจริง จำเป็นต้องมาซุ่มอยู่ในวังหลวงยี่สิบปี แต่ก็ยังทำเรื่องไม่เสร็จแบบนี้หรือ?แม่นมเยว่น่าจะเป็นยอดฝืมือในการใช้ยา ยิ่งไปกว่านั้นยังยอดเยี่ยมในด้านการสกัดยาชนิดนั้น ยาที่ไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจเท่าไร ถึงอย่างไรก็ทำให้แค่ผู้ชายมีความสุขล่องลอยได้มากเท่านั้น ทำเรื่องใหญ่โตอะไรให้สำเร็จไม่ได้ตอนนี้ นางได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิแล้ว ยังต้องคอยฟังแม่นมเยว่อยู่อีกหรือ?แต่ถ้าแม่นมเยว่ก็มีวิธีการที่จะให้องค์จักรพรรดิรับมือกับอ๋องเจวี้ยนจริงล่ะ?จะว่าไป ยาชนิดนั้นของแม่นมเยว่ ถ้าหากใช้กับอ๋องเจวี้ยน ไม่รู้ว่าจะมีประสิทธิผลไหมชั่วขณะหนึ่ง พระชายาเยว่คิดไปร้อยแปดจากนั้นนางก็ไปที่ครัวเล็ก ลงมือทำของว่างขึ้นมาถาดหนึ่ง เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งเนื้อแต่งตัวอย่างประณีต ยกของว่างเข้าไปในห้องหนังสือหลวงองค์จักรพรรดิเพิ่งฟังรายงานลับจบเขาให้คนจับตาดูคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของคนหลายคนในเมืองหลวง
"จุ๊ๆ เรื่องนี้..." พระชายาเยว่คิดๆ ยังไม่รู้จะจัดการอย่างไรก่อนดีชั่วคราว"เจ้ากลับไปอยู่ข้างๆ เฉินฮ่าวปิงก่อนแล้วกัน คอยจับตาดูนางไว้ มีเรื่องอะไรก็มาบอกกับข้า" พระชายาเยว่รู้สึกว่าตอนนี้ใช้งานชิวอวิ๋นไปก่อนแล้วกัน ถึงอย่างไรนางก็ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว"่เจ้าค่ะ"รอจนชิวอวิ๋นออกไป พระชายาเยว่ก็เรียกคนเข้ามาคนคนนี้ดูแล้วปกติดี แต่ว่าการเดินเหินในวังนั้นไม่ถูกใครสังเกตหรือสนใจเลยเป็นแม่นมที่หน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง"แม่นมเยว่ เมื่อครู่เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม?"แม่นมเยว่คนนี้ก้มหน้าต่ำเล็กน้อย เอ่ยขึ้นน้ำเสียงราบเรียบ"ได้ยินแล้วพะย่ะค่ะ""เรื่องนี้ ควรจะเผยกับองค์จักรพรรดิไหม?""ได้พะย่ะค่ะ""แต่ถ้าองค์จักรพรรดิรู้ อาจจะกริ้วอย่างรุนแรงได้ อ๋องฉยงที่มีความคิดไม่ดีกับพระชายาอ๋องเจวี้ยน เรื่องนี้ถ้าลือออกไปจะไม่ดีกับราชวงศ์""เรื่องนี้มีประโยชน์กับการที่พวกเราจะสืบค้นระดับความอดทนของจักรพรรดิต่ออ๋องฉยงได้ว่าอยู่ที่ไหน เพราะอะไรอ๋องฉยงจึงยังอยู่ในเมืองหลวง เรื่องนี้ยังต้องตรวจสอบให้ชัดเจน""เนื้อหาการคุยกันของอ๋องฉยงกับองค์จักรพรรดิทำไมจึงเปิดเผยไม่ได้" พระชายาเยว่ถอนหายใจ"ดังนั้น
"อะไรนะ?!"พระชายาเยว่พอได้ยินประโยคนั้นของชิวอวิ๋น ทิ้งมารยาทอะไรไปเกือบหมดจนแทบกระโจนขึ้นมา"เจ้าอย่ามาพูดมั่วซั่วนะ! ถ้าให้คนอื่นได้ยินข้าเองก็ช่วยเจ้าไม่ได้!"อันที่จริงนางเองก็ไม่อยากได้ชิวอวิ๋นแล้ว ดูแล้วเหมือนทำเรื่องอะไรก็ไม่สำเร็จ ไร้ประโยชน์สิ้นดีแต่ว่าตอนนี้พอได้ยินชิวอวิ๋นพูดประโยคนี้ออกมา ก็ทำเอานางลืมเรื่องที่จะโยนชิวอวิ๋นทิ้งไปทันที"เป็นเรื่องจริง พระชายา เรื่องนี้ถ้าไม่ได้ยินเองกับหู ข้าน้อยจะกล้าแต่งขึ้นมาได้อย่างไรกัน?" ชิวอวิ๋นรีบพูด"อ๋องฉยงชอบพระชายาอ๋องเจวี้ยนรึ?""พะย่ะค่ะ ตอนที่ออกมาจากวังราชนิเวศน์ ข้าไปเจอที่หน้าประตูใหญ่"พระชายาเยว่คิดถึงใบหน้า รูปร่างของฟู่จาวหนิง ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เชื่อ"ได้ยินว่าอ๋องฉยงเป็นพวกชื่นชอบสาวงาม ไม่เช่นนั้นพระชายาอ๋องฉยงคงไม่คุมเขาไว้อย่างเข้มงวด ราวกับอยู่ในคุกแน่นอน"เพราะพอหย่อนยาน ไม่ทันระวังหน่อย อ๋องฉยงก็อาจจะไปหลับนอนกับสาวสวยคนไหนแล้วก็คอยเลี้ยงไว้ด้านนอกแต่พระชายาอ๋องฉยงเข้มงวดเสียขนาดนั้นแล้ว อ๋องฉยงก็ยังมีอวิ๋นจูกับเฉินฮ่าวปิงลูกนอกสมรสสองคนนี้ได้ที่โตแล้วมีอยู่สองคน แล้วที่ยังไม่โตล่ะ? อธิบายได้ว่าอ๋อง
"ข้าต้องการวัตถุดิบยาเหล่านี้เดิมทีก็จะให้นางส่งไปที่เมืองเจ้อ แล้วนางปฏิเสธเอง เดิมทีนี่เป็นความคิดของข้า! ท่านบอกว่าข้ารับมือไม่ไหว นางเองก็ไม่ใช่ว่าพึ่งพาคนอื่นหรือ ก็แค่เพราะนางแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนที่มีอำนาจ! ท่านให้นางเอาอ๋องเจวี้ยนให้ข้าสิ! ถ้าหากข้าเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน ข้าเองยังทำได้ดีกว่านางเสียอีก!"ต่งฮ่วนจือถูกเสียงแหลมของนางแผดใส่จนปวดหูไปหมดแล้วเขามองอย่างตกตะลึงไปทางเฉินฮ่าวปิง ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้มาก่อนว่านางเป็นคนแบบนี้"เจ้าคิดว่าที่ศิษย์น้องหญิงมีความสามารถขนาดนี้ เป็นเพราะแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนหรือไรกัน?""แล้วไม่ใช่หรือ? นางก็แค่พึ่งพาอ๋องเจวี้ยนเหมือนกัน ด้านหลังมีต้นไม้ใหญ่ให้พักพิงร่มเย็น! ถ้าหากไม่ใช่อ๋องเจวี้ยน ตอนนั้นที่นางถอนหมั้นกับรัฐทายาทเซียวไปก็คงจะเอาตัวไม่รอดแล้ว ต่อมานางจะได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์เรียนหมอจนเข้าพันธมิตรโอสถได้อย่างไรกัน?!"ต่งฮ่วนจือมองนางลึกๆ ส่ายหัวถอนหายใจ"บนโลกนี้ไม่มีรัฐทายาทเซียวอีกแล้ว"ขนาดรัฐทายาทเซียวไม่อยู่แล้ว ก็ยังไม่รู้หรือ?"ช่างเถอะ วันนี้เจ้าเป็นท่านหญิงไปแล้ว ข้าก็แค่ประชาชนธรรมดา ช่วยอะไรไม่ได้หรอก ขอตัวแค่นี้
พอเห็นสีหน้าเฉินฮ่าวปิง ใจของต่งฮ่วนจือก็เย็นลงมาทันทีทั้งที่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟู่จาวหนิงแล้วแท้ๆ แต่ว่าตอนนี้ เฉินฮ่าวปิงก็ยังใช้ประโยชน์จากเขา คิดจะให้เขาขัดขวางศิษย์น้องหญิงต่อให้เป็นเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้ นางก็ยังพูดออกมาโดยไม่หนักใจ แล้วขอให้เขาทำตามสิ่งที่นางต้องการต่งฮ่วนจือมองไปทางฮูหยินเฉิน เขายังดูคาดหวังอยู่ถึงอย่างไรฮูหยินเฉินก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว น่าจะรู้จักขอบเขตบ้างกระมัง?"เจ้าเองก็คิดแบบนี้หรือ? จะให้ข้าเก็บวัตถุดิบยาไว้จนกว่าฮ่าวปิงจะรวมเงินได้?"ฟังเอาเถอะ เขาพูดซ้ำออกมาอีกรอบหนึ่งก็ยังรู้สึว่าเป็นเรื่องไร้สาระเลยฮูหยินเฉินขมวดคิ้ว มองนางด้วยสายตาเศร้าๆแต่ก่อนพอเห็นสีหน้าเช่นนี้ของนาง ต่งฮ่วนจือก็จะรู้สึกปวดใจ อยากจะปกป้องนางขึ้นมา เขารู้ ว่านางเป็นผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง มีลูกสาวติดหนึ่งคน คอยหนีคนตามล่าอยู่ตลอด มันลำบากแค่ไหนถ้าหากเป็นไปได้ เขาเองก็อยากจะยืนบังลมบังฝนให้นาง เพราะแรกสุดเขารู้สึกชื่นชมนาง ชื่นชมความแข็งแกร่งและความรักของแม่จากตัวนางแต่สีหน้าต่อตัวเขาของฮูหยินเฉินตอนนี้ ต่งฮ่วนจือจู่ๆ ก็คิดขึ้นมาว่า อ๋องฉยงถึงอย่างไรก็หาพวกนางเจอแ