ให้อ๋องเจวี้ยนเป็นสามี?ลากร่างกายที่พิกลพิการนั่นออกมาทรมานหรือ?ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็มีนิสัยเย็นชาด้วย ตั้งแต่เล็กจนโตก็ไม่ค่อยจะเข้าสังคมกับใครสักเท่าไร พวกกิจกรรมเล่นสนุกของเหล่าคุณชายกับพวกหญิงสาวชั้นสูงในเมืองหลวงนี้เขาก็แทบจะไม่ได้ไปเข้าร่วมเลย คนอื่นๆ ที่ไม่คุ้นเคยกับเขา พออยู่ต่อหน้าถ้าไม่กลัวก็คือระแวดระวัง ทั้งสองฝ่ายล้วนอยู่ในสภาพลำบากใจ"ไร้สาระ"หลังจากไทเฮารู้เรื่องนี้ก็คัดค้านทันที"ตอนนี้ร่างกายของอายวนพวกเจ้าไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร ถ้ายังต้องมาล้มป่วยลงเพราะเรื่องนี้ ถึงตอนนั้นเรื่องดีจะกลายเป็นเรื่องร้ายไป ท่านไปขึ้นประกาศของวังหลวงหาคนเสีย ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเมืองหลวงที่ใหญ่ขนาดนี้จะไม่มีคนเข้าใจภาษาหนานฉือ จะเป็นไม่กี่คำก็ได้ทั้งนั้น"นางเรียกองค์จักรพรรดิเข้ามา แล้วพูดประโยคเหล่านี้กับองค์จักรพรรดิในใจองค์จักรพรรดิรู้สึกกลัดกลุ้ม และดูจะหมดความอดทนอยู่หน่อยๆไทเฮาตอนนี้ไม่ใช่ว่ายุ่งมากไปหน่อยแล้วหรือ?ก่อนหน้านี้คำอธิบายของนางก็มีเหตุผลอยู่ แต่ว่าตอนนี้ พอเกี่ยวกับอ๋องเจวี้ยน นางก็ล้วนออกมาขวางให้หมดเลยหรือ?"ข้าเข้าใจแล้ว""อายวนตอนนี้ยิ่งต้องพักฟื้นเงียบๆ
แต่ในความเป็นจริงมันคือการเอาอกเอาใจหมอเทวดาหลี่ ถึงเวลาถ้าในงานประชุมหมอใหญ่ได้รับตำรายาหรือยาดีดีอะไรมา ตอนกลับมาก็สามารถพิจารณาขายให้กับพวกเขาได้ถึงอย่างไรบ้านไหนที่ไม่มีคนแก่และเด็ก ไม่มีหญิงสาวที่ต้องคลอดเด็ก ตนเองก็ยากที่จะไม่เจ็บป่วย การมาเจรจากับหมอเทวดาหลี่ได้ก่อนถือเป็นเรื่องดีที่สุดดังนั้นก่อนหน้าที่จะเข้าร่วมงานประชุมหมอใหญ่ทุกครั้ง เหล่าหมอพวกนี้จึงล้วนเก็บเงินกันจนมือไม้อ่อนแรงไปหมด โดยเฉพาะตัวหมอเทวดาหลี่เองนี่ต้องเข้าร่วมงานประชุมหมอใหญ่ถึงจะมีคุณสมบัติไม่ใช่ว่าคนไม่มีคุณสมบัติจะเข้าไปไม่ได้ แต่ยังมีคนที่มีคุณสมบัติทางการตัวตนฐานะทางการ พออยู่ที่นั่นก็มีหน้ามีตา มีเรื่องมากมายที่จัดการได้ง่าย แล้วยังมีคนคอยมาต้อนรับโดยเฉพาะอีก"หมอเทวดาหลี่แน่นอนว่าต้องไป"องค์จักรพรรดิอันที่จริงช่วงนี้ก็ไม่ค่อยชอบหมอเทวดาหลี่นัก แต่เนื่องจากยังไม่มีคนมาแทนที่เขาได้ชั่วคราว จะไม่ให้เขาไปก็ไม่ได้"ได้ยินว่าเขาช่วงนี้ชอบไปที่จวนพระสัสสุระ องค์จักรพรรดิไม่ได้ถามเหตุผลหรือ?"ไทเฮาเองก็รู้มาบ้าง จึงอยากจะเตือนองค์จักรพรรดิให้ไปตรวจสอบหน่อย"ข้าถามพระสัสสุระแล้ว บอกว่าเจียงเจี๋ยบ
หลังจากที่เก๋อชีซิงมาถึงจวนชินอ๋องเซียวได้ไม่เท่าไร เซียวหลันยวนก็ได้ข่าวองครักษ์ลับในชุดทะมัดทะแมงสีดำคนหนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าเขา รายงานข้อมูลของเก๋อชีซิงที่ตรวจสอบมาในปัจจุบันองครักษ์ลับคนนี้ฟู่จาวหนิงก็ยังไม่เคยเห็นหลานหรงเป็นองครักษ์ข้างกายเซียวหลันยวนที่มาพร้อมกับชิงอี แต่ว่าชิงอีกลายเป็องครักษ์ข้างกายอย่างจ่งแจ้งหลังจากออกมาจากเขาอวี้เหิง เซียวหลันยวนก็ให้หลานหรงเลือกคนมายี่สิบสี่คน คอยรับผิดชอบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับตงฉิงหลานหรงหน้าตาดูคล้ายหญิงสาว ใบหน้าอ่อนโยน ตาหูจมูกงดงาม ชอบทำงานในช่วงราตรีมาเป็นเวลานาน ไม่ต้องได้ออกมาเจอแสงตะวันเท่าไร ดังนั้นผิวจึงค่อนข้างขาวถ้าหากเขาแต่งงานเป็นหญิงก็หลอกล่อคนได้ระดับหนึ่งเลยทีเดียวเรื่องของตงฉิงพอเริ่มตรวจสอบ พวกเขาถึงพบว่ายิ่งขุดก็ยิ่งมีของ"เก๋อชีซิงคนนี้ อันที่จิรงไม่กี่วันก่อนหน้าพวกเขาก็ตรวจสอบไปแล้ว เพราะในบันทึกรายชื่อที่นายท่านให้มาชุดนั้นมีตระกูลเก๋อที่เป็นแพทย์ของแคว้นอยู่"ในสิบแปดลังนั้น ยังมีบันทึกอีกหลายเล่มเหล่านี้น่าจะเป็นสิ่งที่เซวียนหยวนซือยายของเซียวหลันยวนย้อนคิดแล้วบันทึกออกมาในนี้มีเล่มหนึ่งเป็นชื่อ
"ขอรับ ข้าน้อยยังส่งคนไปหาพวกคนไข้ที่เก๋อชีซิงเคยรักษาไปแล้วอีกหลายคนด้วย หาข้อมูลว่าพวกเขาป่วยเป็นอะไร เก๋อชีซิงรักษาพวกเขาอย่างไร ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง""แล้วเป็นอย่างไร?" เซียวหลันยวนรู้สึกสนใจหน่อยๆหลานหรงสีหน้าเคร่งขรึม "ล้วนป่วยหนักกันหมด การรักษาของเก๋อชีซิงก็ล้วนเห็นผลเช่นกัน คนไข้หลายคนล้วนแสดงยาที่เขาจัดออกมาให้ดู หลังจากกินไปสามครั้งก็ดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ตอนที่พูดถึงเขาก็ยังเรียกกันว่าหมอเทวดาเก๋อ""น่าสนใจ มีหมอเทวดาเพิ่มมาอีกคนแล้ว"นิ้วของเซียวหลันยวนเคาะเบาๆ ลงบนโต๊ะ เขารู้สึกว่าน่าสนใจจริงๆก่อนหน้านี้เขาเรียกฟู่จาวหนิงว่าหมอเทวดาฟู่ ฟู่จาวหนิงยังบอกกับเขาเลยว่า หมอเทวดาไม่ได้เรียกกันง่ายขนาดนั้น นางเองก็ยังมีอีกหลายขอบเขตที่ไม่ถนัด อย่างเช่นแผลเป็นของเขา นางไม่มีข้อมูลอะไรเลย"เขาเก็บค่ารักษาอย่างไร?" เซียวหลันยวนอยากถามคำถามนี้หมอเทวดาหลี่ในเมืองหลวง เวลาเก็บค่ารักษาก็ใจดำอยู่ ไม่เช่นนั้นเขาคงจะเลี้ยงดูปรนเปรอลูกสาวอย่างหลี่จื่อเหยาออกมาไม่ได้หรอก ถึงอย่างไรเสื้อผ้าเครื่องประดับของนางก็ดูร้ายกาจอยู่"ส่วนคนป่วยที่เหลือ มีสองตระกูลที่ฐานะค่อนข้างดี เก๋อชี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้เพระาอะไรถึงรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนัก เพราะสืออีสือซานก็ล้วนมองนางอย่างกังวลสืออียังกำข้าวสารมากำหนึ่ง โปรยให้กับนกพิราบสื่อสารทั้งสองตัวนางมองเลื่อนลงไปอีกประโยคที่สอง: ข้าหลายวันนี้อยู่แต่นจวนอ๋อง ไม่ได้ออกไปไหนเลย ปิดประตูไม่พบแขก อาบน้ำยาตามเวลา กินยาตรงเวลา นอนตามเวลาฟู่จาวหนิงมองไปทางนกพิราบสื่อสารที่กำลังก้มหน้าจิกข้าวสารอย่างเหนื่อยอ่อนทั้งสองตัวนั้น รู้สึกขึ้นมาฉับพลันว่าพวกมันน่าสงสารจริงๆส่งจดหมายตอนนี้ คำพูดเหล่านี้ไม่ต้องพูดก็ได้ แค่บอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีก็จบไหม?"ท่านผู้เฒ่ากับเสี่ยวเฟยกลับบ้านตระกูลฟู่ ข้าให้จงเจี้ยนติดตามไปอยู่ที่บ้านตระกูลฟู่แล้ว มีจงเจี้ยนอยู่ เชื่อว่าเจ้าคงจะวางใจได้หน่อย""แล้วก็ ในเมืองหลวงเนื่องจากองค์หญิงหนานฉือเดินสาย งานเลี้ยงมากมายจัดขึ้นไม่หยุดหย่อน คึกคักมาก แต่ข้าก็ไม่ได้สนใจ"อ่านถึงตรงนี้ก้ยังไม่เข้าเรื่องทางการเสียทีสืออีทนไม่ไหวแล้ว ถามขึ้น "พระชายา ท่านอ๋องเขียนอะไรหรือ?""...ตอนนี้ยังไม่เห็นสิ่งที่สำคัญเลย"ฟู่จาวหนิงตอบกลับไปคำหนึ่งเอาล่ะ ยังไม่พูดว่าสำคัญหรือไม่สำคัญ แต่คำพูดพวกนี้ข้ามไ
ฟู่จาวหนิงสุดท้ายก็สองจิตสองใจ เขียนไปอีกครึ่งแผ่นแล้วก็ยื่นส่งให้เขาเซียวหลันยวนได้รับจดหมายนาง ก็เห็นภาพดินสอถ่านรูปนั้นก่อน จากนั้นก็มองเห็นตัวหนังสือหลายบรรทัดข้างๆ"นี่เป็นหน้าตาของเก๋อชีซิงที่วาออกมาตามที่ไป๋หู่บรรยาย ท่านลองเทียบดูว่าใช่คนนี้ไหม ไป๋หู่บอกว่าตอนอยู่ที่ต้าชื่อไม่เคยรู้ว่าเก๋อชีซิงรู้วิชาแพทย์ ท่านลุงก็ไม่เคยให้เขารักษามาก่อน เรื่องนี้ทำให้คนผู้นี้น่าสงสัย ลองตรวจสอบดูได้"แค่นี้หรือ?เซียวหลันยวนพลิกจดหมายดูด้านหลัง ด้านหลังก็ไม่มีอะไรเขียนไว้เขามองชิงอี "หมดแล้วหรือ?"ชิงอีไม่เข้าใจ "ท่านอ๋อง น่าจะยังมีอีกอย่างนั้นหรือ?"พระชายาบอกว่าจะเขียนจดหมายหลายหน้าหรือ?เซียวหลันยวนเม้มริมฝีปากขึ้นทันที ไม่เบิกบานเสียแล้ว เขาเขียนไปตั้งมากมาย ฟู่จาวหนิงตอบมาแค่หน้าเดียว ยิ่งไปกว่านั้นด้านครึ่งจดหมายยังเป็นรูปของเก๋อชีซิงอีกด้วย แต่สักคำเดียวก็ไม่พูดถึงเขาเลย ไม่สนใจเขาเลยหรือว่าพวกเขาแยกกันเช่นนี้ ความรู้สึกก็จืดจางลงไปด้วย?"ไปถามชินอ๋องเซียวดูว่าเก๋อชีซิงคนนั้นหน้าตาเป็นแบบนี้หรือเปล่า" เขายื่นจดหมายส่งออกไป"ขอรับ" ชิงอีรับจดหมายมา เหลือบมองผาดหนึ่งที่แท
องค์จักรพรรดิตอนนี้จำเป็นต้องมีคนหนึ่งมาแทนที่ตำแหน่งของหมอเทวดาหลี่หมอเทวดาหลี่ตอนนี้กำเริบเสิบสานไปหน่อยจริงๆ ลูกสาวของเขาออกเรือนกับเซียวเหยียนจิ่งก็ถือว่าได้แต่งงานสูงเกินตัวแล้ว แต่พวกเขาพ่อลูกก็ยังอาละวาดอยู่ในจวนชินอ๋องเซียว ทำให้คนในเมืองหลวงต้องมาเห็นเรื่องตลกอยู่นานสองนานจวนชินอ๋องเซียวก็ถือเป็นครอบครัวของราชวงศ์นะพอเห็นเรื่องตลกของจวนชินอ๋องเซียวก้เท่ากับเห็นเรื่องตลกของราชวงศ์ชินอ๋องเซียวไม่ได้มาฟ้ององค์จักรพรรดแค่ครั้งเดียว แต่องค์จักรพรรดิไม่สามารถให้ความเป็นธรรมกับเขาได้ ใครทำให้พวกเขาต้องเอาแต่พึ่งหมอเทวดาหลี่กันล่ะ?แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามีอาการป่วยบางอย่าง หมอเทวดาหลี่รักษาไม่ได้ พวกเขาแค่คิดว่าอาการป่วยนี้หนักมาก ถ้าไม่ใช่หมอใหญ่ไม่มีทางรักษาได้ จึงทำได้เพียงยอมรับไปหลังจากที่ฟู่จาวหนิงปรากฎตัว พวกเขาจึงพบว่า ที่แท้ยังมีอีกหนึ่งความเป็นไปได้คือวิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่อันที่จริงก็ไม่ได้ดีสักเท่าไรตอนนี้องค์จักรพรรดิก็หวังว่าจะมีหมอใหญ่ที่วิชาแพทย์เก่งกว่าหมอเทวดาหลี่อีกสักคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นเก๋อชีซิงก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วตอนนี้"ชินอ๋องเซียว เจ้าไปพบกับหมอเก
องค์จักรพรรดิฟังแล้วมึนหัวหน่อยๆนี่ทำไมเหมือนฟังเรื่องเหลือเชื่ออยู่เลย?"หลังจากนั้นล่ะ?""ของในห้องลับนั้นมีไม่น้อยเลย หลังจากข้าจัดการออกมาจึงพบถึงสถานที่ที่พ่อของข้าจากมา เขาบอกว่าตนเองไม่ใช่คนต้าชื่อ เป็นคนของตงฉิง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผู้สืบทอดตระกูลขุนนางแพทย์แห่งแคว้นตงฉิงด้วย ตอนนั้นเขากับปู่ของข้าติดตามใต้ฝ่าพระบาทไปทำการทูตที่ต้าชื่อ นำคัมภีร์ยาหนังสือแพทย์มาด้วยส่วนหนึ่ง คิดจะส่งมอบให้กับต้าชื่อ"ซู๊ดองค์จักรพรรดิฟังถึงตรงนี้แล้วอดสูดปากไม่ได้ตงฉิง!เป็นคนตงฉิงจริงหรือ?ได้ยินว่าแคว้นเจาตอนนั้นก็ได้รับของดีดีมาจากตงฉิงด้วยเหมือนกัน เรื่องนี้พูดขึ้นมาก็ไม่ค่อยน่าภูมิใจเท่าไร ประชาชนแคว้นเจาไม่รู้กัน ตัวเขาเองก็ยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไรนักน่าจะต้องเป็นพวกเหล่าขุนนางเก่าในราชวงศ์ที่แก่หง่อมจนฟันหลุดหมดปากแล้วเท่านั้นที่จะรู้อยู่บ้างแต่องค์จักรพรรดิก็ยังรู้ว่าไม่น่าภาคภูมิใจเท่าไร ดังนั้นเขาจึงไม่อยากจะไปถามให้ชัดเจน ตงฉิงหายไปนานแล้ว และไม่ใช่แคว้นเจาที่ทำให้มันล่มสลาย ใครจะยังไปสนใจอดีตกันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?เพียงแต่ตอนนี้พอเผชิญหน้ากับคนของตงฉิงคนหนึ่ง องค์จั
แม้จะผ่านไปเกือบสิบแปดปีแล้ว แต่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวก็ยังเป็นคนที่กาลเวลารักใคร่อยู่พวกเขาแม้จะอายุมากแล้ว หน้าตาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง แต่พอเทียบกับสมัยก่อนแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เยอะมากมองหลายๆ ครั้งก็มองออกได้คนที่เซียวเหยียนจิ่งเตรียมไว้ยังมองออก ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยซื่อเลยเซี่ยซื่อเคยเป็นครอบครัวของพวกเขาด้วยนะหลังจากนางจำได้แล้วยังสงสัยว่าตาตนเองฝาดไปหรือไม่ ยังสงสัยว่าตนเองคงตาลาย ดังนั้นเลยนวดตาทันที จากนั้นจึงมองพวกเขาอย่างละเอียดอีกครั้งไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นสองคนนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็จำเซี่ยซื่อได้ แม้ว่านางจะรู้ตัวตนฐานะของตนเองแล้ว แต่ยังคงโพล่งออกมาว่า "พี่สะใภ้รอง!"เซี่ยซื่อคือภรรยาของผู้เฒ่ารองตระกูลหลินและเป็นคนเดียวในตระกูลหลินที่อ่อนโยนเป็นห่วงเสิ่นเชี่ยว ดังนั้นเสิ่นเชี่ยวพอเห็นนาง ดวงตาจึงแดงรื้นขึ้นมาคำว่าพี่สะใภ้รอง ก็ทำเอาเซี่ยซื่อใจสั่นระริกเช่นกันรีบวางตะกร้าที่หิ้วไว้ลงมา เดินตรงไปหานาง"ให้ตายเถอะ อา อาเล็กหรือ?"ไม่ ไม่ใช่อาเล็กชองนางแล้วสิ เซี่ยซื่อยืนอยู่หน้าเสิ่นเชี่ยว ถลึงตาโตอ้าปากค้าง"พี่สะใภ้รอง ข้าข้าเจอครอบครัวของข้าแ
ฟู่จาวหนิงสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย "ดูท่า น่าจะมีคนไม่น้อยที่ยังไม่ลืมพวกเขา คอยจับตาดูจนถึงทุกวันนี้""ข้าเตรียมการเสร็จแล้ว รอบบ้านตระกูลฟู่วางองครักษ์ลับเอาไว้แล้ว วางใจเถอะ" เซียวหลันยวนพานางเข้ามา สองมือโอบข้างเอวนาง จ้องมองนาง "องค์จักรพรรดิน่าจะลงมือกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพ่อลูกชินอ๋องเซียวยังคอยจับตาดูพวกเขาขนาดนี้ มันดูแปลกไปหน่อย""ตรวจสอบดูก็รู้ พวกเขาถ้าหากมีความคิดอะไร มีแผนอะไร มีเป้าหมายอะไร เดี๋ยวก็ได้รู้เอง"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ใส่ใจนักเซียวหลันยวนพยักหน้าสายตาเขามองออกไปไกลๆ ถัดจากนี้ต้องดูว่าสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินจะรับมืออย่างไร เมืองหลวงยังมีคนที่มีเป้าหมายต่างๆ อยู่ และยังมีขั้วอำนาจที่ใช้วิธีการต่างๆ อยู่อีกด้วยเขาถึงแม้จะเชื่อว่าครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่วางยาพิษ แต่ว่าพวกเขาตอนนั้นถูกใครบางคนหรือเรื่องบางอย่างหนีบเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีทางดึงตัวออกมาอย่างหมดจดได้ พวกเขาเองก็เป็นคนในเหตุการณ์ตอนนี้พอมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับเขา เซียวหลันยวนก็ยังพิจารณานาว่าพวกเขาจะแบกรับไหวไหม หลังจากนี้จะไม่ถ่วงแข้งขาฟู่จาวหนิงได้จริงไหม จะไม่ทำร้ายนางจริงไหมเซียวหลันยวนไม่ได้
"หนิงหนิง มีเรื่องอะไรถึงคุยกันนานสองนาน?"ในห้องขังมีเสียงเซียวหลันยวนดังออกมา"มาแล้ว"ฟู่จาวหนิงขานรับคำหนึ่ง เตรียมจะกลับห้องขังเซียวเหยียนจิ่งไม่อยากเชื่อ "เจ้าไม่ไปกับข้าจริงหรือ? เจ้าไม่สนใจพ่อแม่เจ้าหรือไรกัน?"ปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงเกินจากที่เขาคาดไว้เขาเดิมทีคิดว่าพอได้ยินว่าพ่อแม่ไม่เป็นไร แล้วยังกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงอย่างน้อยต้องตาแดงรื้นบ้าง ไม่ก็ร้องไห้ออกมา รีบร้อนตามเขาออกไปอย่างตื่นเต้น เพื่อรีบไปพบพ่อแม่ของนาง"อ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็ยังต้องอยู่ในห้องขัง ไม่มีอะไรหรอก เจ้าจัดที่นี่จนดูอยู่สบายไปแล้ว แล้วเขาทำไมยังต้องให้เจ้ามาอยู่ด้วยกันอีก?""ข้ามาอยู่เอง เขาเป็นสามีข้า ข้าไม่อยู่กับเขาแล้วใครจะอยู่กัน?"ฟู่จาวหนิงหลังจากที่รู้เจตนาการมาของเขาก็ขี้เกียจจะคุยกับเขาแล้ว ผลักเขาออก แล้วเดินไปทางห้องขังเซียวเหยียนจิ่งนี่ก็จุ้นจ้านเสียจริง"เจ้าทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้" เซียวเหยียนจิ่งตะโกนใส่หลังนาง "เจ้าเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว ถ้าเจ้ายินยอม มีคนตั้งมากมายที่ยินดีจะรักและเอ็นดูเจ้า ทำไมต้องมาอยู่ในคุกกับเขาแบบนี้ด้วย"เดิมทีหญิงสาวคนนี้ควรจะควรจะม
"ใช่ พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว" เซียวเหยียนจิ่งจ้องมองฟู่จาวหนิง "เป็นอย่างไร เจ้าอยากรีบกลับบ้านไหม? ได้ยินว่าปู่ของเจ้ากับเด็กที่ชื่อเสี่ยวเฟยก็อยู่กันที่จวนอ๋องเจวี้ยนนี่? ถ้าเจ้าไม่กลับไป พ่อแม่ของเจ้าคงจะหาคนไม่เจอแน่"ฟู่จาวหนิงทำท่าทางตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม? พวกเขากลับมาแล้วจริงหรือ?""ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน? ไม่เชื่อข้าตอนนี้เจ้าก็ไปกับข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขา"เซียวเหยียนจิ่งพูด มือเองก็คันยุบยิบ เขาอยากจะยื่นมือไปจูงนางเหลือเกิน จูงนางออกจากคุกใหญ่ถ้าเขาสามารถจูงมือนางออกไปได้ เซียวหลันยวนคงได้กระอักเลือดตายกระมัง?แต่เขาเพิ่งจะขยับ ฟู่จาวหนิงก็ถอยออกไปแล้วสองก้าว"พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง เช่นนั้นก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ที่บ้านตระกูลฟู่มีคนอยู่ พวกเขาจะหาคนไม่เจอได้อย่างไรกัน?""เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?""เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าวิ่งแจ้นเข้ามาบอกข้าหรอกกระมัง? พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง คนใช้บ้านตระกูลฟู่อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาบอกข้าเอง""เจ้าลืมอ๋องเจวี้ยนไปแล้วหรือ?""เขาก็อยู่ที่นี่ ลืมอะไรกัน?""ความ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ