องค์หญิงหนานฉือฟังไปฟังมาก็เริ่มรำคาญไม่ใช่ว่ารำคาญอ๋องเจวี้ยน แต่รู้สึกว่าฮูหยินเริ่นคนนี้พูดไม่คล่องฟังเสียงของฮูหยินเริ่น จากนั้นก็มองไปยังชายหนุ่มที่พันหน้าไว้ครึ่งหน้า นางรู้สึกว่าเสียงของฮูหยินเริ่นบรรยายตัวเขาไม่ได้เอาเสียเลย"เอาล่ะไม่ต้องพูดแล้ว เดี๋ยวข้าจะดูเอง"รู้ว่าเป็นอ๋องเจวี้ยนก็พออ๋องเจวี้ยน นางก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินมาอยู่ระหว่างทางที่มาแคว้นเจา คนของพวกเขาก็สำรวจมาแล้ว เพียงแต่ข้อมูลของพวกเขาแย่ไปหน่อย ตอนแรกสุดไม่ได้ให้ความสนใจมาที่อ๋องเจวี้ยนคนนี้ เพราะก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าเขาสุขภาพไม่ค่อยดี ไม่ค่อยจะอยู่ในเมืองหลวงท่านอ๋องขี้โรคคนหนึ่ง ไม่มีสิทธิ์มีอำนาจกับพลังคุกคามเอาเสียเลยดังนั้นองค์หญิงหนานฉือจึงรู้ไม่มากนักตอนแรกสุดที่เห็นอ๋องเจวี้ยน พอนางเห็นใบหน้าที่พันผ้าไว้ครึ่งหนึ่งของเขา ก็หมดความสนใจลงทันทีแต่ตอนนี้ท่าทีของฟู่จาวหนิงทำเอานางต้องเอียงตากลับหลังจากนี้คือการปกป้องต่อตัวฟู่จาวหนิงของอ๋องเจวี้ยนตอนนี้พอเห็นอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าบนตัวอ๋องเจวี้ยนดูสงบและผ่อนคลายมากอย่างหนึ่งในที่แห่งนี้สิ่งนี้องค์จักรรพรรดิไม่มีนางร
"นายท่านมองที่ไหนกันน่ะ!""นี่ นี่ๆๆๆ นี่ออกมาได้อย่างไรกัน?"ชั่วขณะหนึ่ง คนไม่น้อยในโถงล้วนเอะอะกันขึ้นมา ฮูหยินส่วนมากล้วนไม่สนอะไรแล้ว พอเห็นนางระบำกลุ่มนี้ ก็ร้องหน้าถอดสีกันหมด หลังจากที่ตนเองถลึงตามองอ้าปากค้าง ก็ทยอยกันมองไปทางสามีที่อยู่ข้างๆพอเห็นว่าพวกเขามองกันตาไม่กระพริบ พวกนางก็เริ่มหึงหวงขึ้นมามีคนที่ทนไหว ทำเพียงแอบกัดฟันมีบางคนที่ทนไม่ได้ ยื่นมือไปหยิกสามีและยังมีบางคนแอบทำอะไรแต่ไม่พูดออกมา ทว่าก็มีคนที่กลั้นไม่ไหวจริงๆ ร้องเรียกไปทางสามีแม้ว่าพวกเขาจะไม่กล้าส่งเสียงเอะอะ กดเสียงต่ำเอาไว้ แต่พอคนมากเข้า เสียงจึงเริ่มเซ็งแซ่ขึ้นมาสถานการณ์เริ่มควบคุมไม่ได้ฮองเฮาเองก็ไม่อยากเชื่อ "องค์หญิง พวกนาง ที่พวกนางสวมคือชุดอะไรหรือ?"นี่ยังเรียกว่าเสื้อผ้าได้ด้วยหรือ?องค์หญิงหนานฉือฟังไม่ออกว่าฮองเฮาพูดว่าอะไร เพราะหวางต้าหลางกับฮูหยินเริ่นสองคนตอนนี้ก็ยังตะลึงงันอับนางรำอยู่ ลืมไปเลยว่าต้องแปลให้กับนางทูตหนานฉือเองก็เหมือนจะฟังเข้าใจหน่อยๆ จึงตอบไปคำหนึ่งว่า "ชุดระบำ ชุดระบำ""นี่คือชุดระบำ?" ฮองเฮาไม่อยากจะเชื่อแคว้นเจาของพวกเขาค่นอข้างอนุรักษ์นิยม ไม่ว
พอระบำจบ คนอื่นยังไม่ทันได้สติกลับมา หรือต่อให้ได้สติมาแล้วก็ไม่รู้ว่าควรมีปฏิกิริยาอย่างไร ก็ได้ยินเสียงปรบมือขึ้นมาแปะๆๆๆพระชายาอ๋องเจวี้ยนยังวิจารณ์ขึ้นมาด้วย "ยอดเยี่ยม ระบำได้ดีจริงๆ ให้ความรู้สึกร่วมมากเลย"ดีมากจริงๆแม้ชุดระบำของพวกนางใส่แล้วจะดูนอกกรอบไปหน่อย แต่สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกเกินคาดก็คือ ระบำชุดนี้ไม่ได้ดูฉูดฉาดไร้รสนิยมเลย ถึงอย่างไรก็ยังเริงระบำได้อย่างมีพลัง ยอดเยี่ยมมาก เต้นรัำได้เหมือนนางเงือกที่ต่อสู้กับคลื่นเลยทีเดียวดังนั้นการชื่นชมของนางจึงมาจากใจจริงองค์หญิงหนานฉือมองนางอย่างประหลาดใจ หลังจากเหล่านางรำออกไปแล้วจึงถามขึ้น "พระชายาอ๋องเจวี้ยนเมื่อครู่พูดว่าอะไรนะ?"นางมองออกถึงความหมายของการปรบมือ แต่ไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงพูดว่าอะไรฮูหยินเริ่นเหลือบมองฟู่จาวหนิง เอ่ยภาษาหนานฉือกับองค์หญิงหนานฉือ "องค์หญิง นางบอกว่าระบำชุดนี้ทำลายขนบธรรมเนียมเสียเหลือเกิน"หวางต้าหลางมองฮูหยินอย่างประหลาดใจ แต่ก็เลือกหุบปากลงทันทีถึงอย่างไรที่นี่ก็มีไม่กี่คนที่ฟังภาษาหนานฉือออก ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ตรวจการอันเองก็อยู่ตั้งห่าง ฮูหยินเริ่นเองก็แปลประโยคนี้ออกมาเบาๆ เพื่อ
"องค์หญิงหนานฉือบอกว่า นางรังเกียจหญิงสาวสับปลับหน้าเนื้อใจเสืออย่างพระชายาอ๋องเจวี้ยนมาก" หวางต้าหลางเอ่ยขึ้นองค์จักรพรรดิมองไปทางผู้ตรวจการอัน "อันอ้ายชิง ความหมายเป็นเช่นนั้นหรือ?"อันเหนียนพยักหน้า สีหน้าเย็นชาลงมาอันชิงแทบจะลุกขึ้นยืนไร้สาระ องค์หญิงหนานฉือทำไมถึงต้องพูดไร้สาระเช่นนี้? พี่สาวจาวหนิงไม่ใช่หญิงสาวที่สับปลับหน้าเนื้อใจเสือเสียหน่อย!คนอื่นๆ กลับมีสีหน้าเหมือนชมมหรสพขึ้นมา"หน้าเนื้อใจเสือ? สับปลับ?" เซียวหลันยวนค่อยๆ เอ่ยขึ้น "องค์หญิงหนานฉือไม่ชินกับกับดินฟ้าอากาศ ไม่ชินจนสมงสมองกับลูกตาไปหมดแล้วหรือ? พระชายาของข้าเป็นคนที่ตรงไปตรงมาเสมอ แล้วเจ้าใช้ตาข้างไหนถึงมาบอกว่านางหน้าเนื้อใจเสือสับปลับกัน?"อันเหนียนแปลประโยคที่อ๋องเจวี้ยนแปลออกมาทันทีองค์หญิงหนานฉือโมโห ตบโตะ ยังชี้ไปที่ฟู่จาวหนิง "คำพูดกับการกระทำไม่เหมือนกัน คิดจะหลอกองค์หญิงอย่างข้า!"ตอนที่นางโมโห พูดจาก็รวดเร็ว อันเหนียนเองก็ตามไม่ทัน ตั้งตัวไม่ติดทีเดียวหวางต้าหลางกับฮูหยินเริ่นตอนนี้ไม่กล้าพูดอะไรแล้ว องค์จักพรรดิไม่เรียกชื่อพวกเขา พวกเขาสองคนก็หดคอไม่พูดอะไรถ้าเดี๋ยวเรื่องลามมาถึงพว
องค์จักรพรรดิปากขยับพะงาบ ตอนกำลังจะพูด เสียงของเซียวหลันยวนก็ดังขึ้นมาอีก"ไทเฮาอยู่ที่นี่ องค์จักรพรรดิฮองเฮาเองก็อยู่ที่นี่ ต่อนห้าคนตั้งมากมายเช่นนี้ พวกเขาสองคนยังจะเปลี่ยนดำเป็นขาว ใส่ร้ายพระชายา กล้าหลอกลวงองค์หญิงหนานฉือเช่นนี้ ใครมอบความกล้าให้พวกเขากัน? ความกล้านี้พลิกแผ่นฟ้าได้เลยทีเดียว"สายตาของเซียวหลันยวนที่มองพวกเขาเหมือนมองคนตายสองคนอันเหนียนไม่พูดอะไรตอนนี้มีอ๋องเจวี้ยนคนเดียวก็พอแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขาเห็นท่าทางของอ๋องเจวี้ยน สองคนนี้คงจะไม่รอดแน่แล้ววันนี้หวางเก๋อเหล่าไม่มา หลักๆ คืออายุมากแล้ว บวกกับรู้สึกว่าลูกชายตนเองจะวาดลวดลายในงานเลี้ยงวังวันนี้ รู้สึกว่าพรุ่งนี้จะได้ยินคงได้ยินเสียงสรรเสริญของผู้คนแน่นอน ที่หวางเก๋อเหล่าไม่มา ก็เพราะมีอันเหนียนลงมือไปเล็กน้อย เขารู้ว่าไม่กี่วันนี้หวางต้าหลางจะต้องทำพลาดแน่ จัดการกันหวางเก๋อเหล่าออกไป เพื่อไม่ให้ตอนที่เกิดสถานการณ์อะไรขึ้นมาจริงแล้วผู้เฒ่าคนนี้จะเสนอหน้าออกมา แล้วใช้อายุความอาวุโสเข้าขัดขวางตอนนี้ดูท่าผลลัพธ์จะดีมากอันเหนียนประชดประชันในใจ และไม่รู้ว่าหวางเก๋อเหล่าหลังจากรู้สถานการณ์ตอนนี้แล้วจะคิ
"ลากพวกเขาออกไป ตัดหัวทิ้งเสีย" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเสียงเย็นเยียบ"ขอรับ"องครักษ์เงามังกรเดินไปยังหวางต้าหลางกับฮูหยินเริ่นทันทีพวกเขาตกใจจนพับลงไปบนพื้นทันที"ไม่ ไม่ ฮองเฮาโปรดละเว้นด้วย!""องค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดิ เห็นแก่สิ่งที่พ่อข้าทำให้แคว้นเจาด้วย..."คำพูดของหวางต้าหลางยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกองครักษ์เงามังกรใช้มือฟันจนสลบไปแล้ว ทั้งสองคนถูกลากออกไป ต่อหน้าคนทั้งตำหนัก ลากออกไปทั้งอย่างนั้นเลยแม้ฉากที่พวกเขาถูกตัดหัว คนเหล่านี้คงไม่ได้เห็นด้วยตนเอง แต่พวกเขาก็ยืนยันได้ ว่าอ๋องเจวี้ยนพูดได้ทำได้ สองคนนั้นไม่รอดแล้วแน่นอนพวกเขานิ่งเงียบเป็นเป่าสากอ๋องเจวี้ยนน่ากลัวเหลือเกิน อย่าได้ไปยั่วโมโหเชียวแล้วก็พระชายาอ๋องเจวี้ยนด้วย ตอนนี้เคยกลัวสถานการณ์เคยกลัวใครที่ไหน? สองสามีภรรยานี้ กำเริบเสิบสานมากจริงๆองค์หญิงหนานฉือเองก็รู้สึกสนใจตัวอ๋องเจวี้ยนมากโดยไม่สนใจสีหน้าเขียวปั๊ดขององค์จักรพรรดิและฮองเฮา นางเอ่ยกับอ๋องเจวี้ยนขึ้นว่า "อ๋องเจวี้ยน ข้าชอบนิสัยของท่าน ตรงไปตรงมาดี! ข้าแต่งเข้ากับจวนอ๋องเจวี้ยนดีไหม?"อันเหนียนพอได้ยินคำนี้ ใจก็เต้นผางขึ้นมา มองไปทางฟู่จาว
"เมื่อเป็นเช่นนี้ อ๋องเจวี้ยนก็โชคดีสุดๆ เลย มีพระชายาที่งดงามขนาดนี้สองคนอยู่ด้วยกัน ประกบซ้ายขวา มีชีวิตที่มีความสุขเหลือเกิน""องค์หญิงหนานฉือเองก็ไม่เลว ใจกว้างได้เหมาะสม""หาได้ยากที่คนอย่างนางซึ่งเป็นเจ้าหญิง จะยอมดีกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนก่อน หลังจากนี้ก็ไม่ต้องมีความยุ่งยากอย่างเรื่องหึงหวงแล้ว"คนไม่น้อยล้วนอิจฉาต่อตัวอ๋องเจวี้ยนอย่างมากและมีหญิงสาวรุ้สึกว่าฟู่จาวหนิงก็น่าจะรู้สึกโชคดีด้วยอ๋องเจวี้ยนในฐานะที่เป็นอ๋องคนหนึ่ง เรือนหลังไม่มีทางที่จะมีผู้หญิงเพียงคนเดียว ตอนนี้มีองค์หญิงมาคนหนึ่ง ดีจะตายไปฟู่จาวหนิงมาจากตระกูลเล็กครอบครัวเล็ก ลูกสาวของตระกูลยากจนที่พ่อแม่เป็นตายร้ายดีก็ยังไม่รู้ ได้มารับใช้ปรนนิบัติสามีคนเดียวกับองค์หญิงแคว้นหนึ่ง นี่ถือว่าเป็นเกียรติกับนางมากแล้วฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนสถานการณ์นี้ พวกเขาแม้จะไม่คิดมาก่อนก็ตาม แต่ก็น่าจะมีเตรียมใจไว้บ้างแล้ว"อายวน" องค์จักรพรรดิกดดันทันที "องค์หญิงหนานฉือเป็นองค์หญิงจากแคว้นหนึ่ง เป็นหญิงสาว นางเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้แล้ว พวกเราในฐานะที่เป็นชาย จะทำให้อีกฝ่ายต้องผิดหวังไม่ได้นะ"ฮองเฮาเองก็เลิกคิ้วยิ้ม เ
เซียวหลันยวนยืนขึ้นเพียงครู่เดียวเท่านั้น แค่ชั่วกระพริบตาก็นั่งลงมาแล้วคนทั้งหมดคิดถึงตอนที่เข้าถูกยกเข้าวังมา ตอนนี้ยังเห็นว่าแค่ยืนก็ยังยืนแทบไม่ไหว ขานั่นพิการไปแล้วจริงหรือ?ฟู่จาวหนิงกุมหน้าผากเซียวหลันยวนยังกุมมือของนางอยู่ ยังพูดกับนางอย่างรู้สึกต้องรับผิดชอบว่า "หนิงหนิง ทำให้เจ้าต้องน้อยใจแล้วแท้ๆ"ฟู่จาวหนิงกัดฟัน กดเสียงต่ำ "เซียวหลันยวนพอได้แล้วนะ พูดอีกเดี๋ยวจะโกรธแล้ว"ทักษะแสดงนี่ก็ไม่รู้จักเก็บเอาไว้หน่อย!องค์หญิงหนานฉือได้สติกลับมานางมองอย่างไม่อยากเชื่อไปทางอันเหนียน ถึงอย่างไรนอกจากสามีภรรยาอ๋องเจวี้ยน ตอนนี้ก็มีแค่อันเหนียนที่พูดภาษาหนานฉือกับนางได้"ผู้ตรวจการชิง ที่อ๋องเจวี้ยนพูดมานี่เรื่องจริงหรือ?"ในสมองอันเหนียนเหมือนมีม้าวิ่งตะบึง แต่บนหน้าเขาก็ยังไม่แสดงสีหน้าใด"องค์หญิง อ๋องเจวี้ยนของพวกเรามีสุขภาพอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก ท่านเองก็รู้ เขาเองก็คอยรักษาตัวอยู่ที่ยอดเขาโยวชิงมาโดยตลอด ปีที่แล้วเพิ่งจะกลับมาเมืองหลวง"ส่วนที่ว่าร่างกายไหวหรือไม่ไหว ขอโทษด้วย เขาไม่รู้!องค์หญิงหนานฉือปิดปากร้องอุทานออกมาหลังจากนั้นนางก็มองอ๋องเจวี้ยนอย่างเห็นใจ
อ๋องฉยงพอเห็นเซียวหลันยวนเข้ามา ใจก็ขรึมลงมาแล้ว ขณะเดียวกันก็ยังแอบเคืองกับองค์จักรพรรดิไม่ใช่บอกว่าจะขวางเซียวหลันยวนไว้หรือไรกัน? ไม่ใช่ว่ามีเรื่องที่จะขังเซียวหลันยวนไว้ได้สามวันหรือ?ทำไมยังไม่ทันถึงชั่วยาม เขาก็รีบกลับมาแล้วกัน?ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย!เซียวหลันยวนหันตัวกลับมาอ๋องฉยงรู้สึกใจสั่นวาบกับหน้ากากของเขาเจ้าเด็กที่เหมือนจะตายแหล่มิตายแหล่ตอนนั้น ดันโตขึ้นมาได้อย่างยากลำบาก แล้วยังดีมีท่วงท่าทรงพลังเสียด้วย"หลันยวน เมื่อครู่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?" อ๋องฉยงเสียงขรึม ตัดสินใจลงมือก่อน "นี่เจ้ายิงธนูใส่ข้ารึ!""เจ้าไม่รู้หรือว่าหมายความว่าอะไร?"เซียวหลันยวนเสียงเย็นเยียบ "แน่นอนว่าสั่งสอนเจ้าน่ะสิ""เจ้า! เจ้าบังอาจ! ถ้าข้าเป็นอะไรไป บาดเจ็บหรือว่าตายไป เจ้าก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว!""จะลองดูไหมล่ะ?" น้ำเสียงเซียวหลันยวนขรึมเย็นชา"ลองอะไร?""ลองว่าถ้าข้าสังหารเจ้าแล้ว จะยังมีชีวิตต่อไปได้ไหม"พอพูดจบ จิตสังหารบนตัวเขาก็พุ่งเข้ามาอย่างแรงกล้า แม้จะไม่มีลม ไม่มีการขยับ แต่อ๋องฉยงกับองครักษ์ข้างกายเขาก็ยังถอยออกไปก้าวหนึ่งพร้อมกันพวกเขาล้วนสัมผัสได้ถึงแรง
"บังอาจ! ทำไมจึงมาพูดกับอ๋องอย่างข้าเช่นนี้?!" องครักษ์ข้างกายอ๋องฉยงชักกระบี่ออกมาส่วนทางนี้ สืออีกับไป๋หู่ก็ชักกระบี่ทันที เดินขึ้นหน้ามาก้าวหนึ่งชั่วพริบตา ก็ชักกระบี่ง้างธนูกันแล้ว บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาอ๋องฉยงชะงักไป ยื่นมือไปกดกดด้ามกระบี่องครักษ์ลง หัวเราะเหอะๆ ขึ้น "เสียมารยาทกับผู้อาวุโสจี้ไม่ได้""ขอรับ!" องครักษ์ของเขาถอยลงไปทันทีผู้อาวุโสจี้ไม่ได้ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย กลับยิ่งดำกว่าเดิม"ข้าเองก็เป็นคนของราชวงศ์ เป็นครอบครัวเดียวกับอายวน จึงเป็นครอบครัวเดียวกันกับจาวหนิงด้วยเช่นกัน ผู้อาวุโสจี้ ความสัมพันธ์นี้ยังใกล้ชิดกว่าท่านเสียอีกนะ จริงไหม จาวหนิง?"อ๋องฉยงถาม ยังเขย่งเท้ายื่นหน้า อยากจะมองไปทางฟู่จาวหนิงที่ถูกคนบังเอาไว้อีกคนเหล่านี้ขวางหูขวางตาจริงๆ แต่ละจะมาขวางหน้าเขาไว้ทำไมกัน?เขามาเมืองหลวงได้ครึ่งปี เพราะสถานที่ไม่ถูกต้อง แล้วยังกลัวคนอื่นจะจับผิดอีก ก่อนหน้าที่นางจะได้เจรจาเงื่อนไขกับองค์จักรพรรดิ เขายังก่อเรื่องอะไรจนถูกไล่ออกจากเมืองหลวงไม่ได้ ดังนั้นครึ่งปีนี้เขาจึงชุบตัวใสสะอาด ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับหญิงสาวคนไหนเลยแต่เดิมทีเขาก็อยู่ห่างจนคนสวย
ฟู่จาวหนิงไม่รู้เลยว่าองค์จักรพรรดิมีแผนร้ายอะไรขึ้นมาอีกแล้วนางกับผู้อาวุโสจี้อยู่ในเขาจันทร์ลับขุดสมุนไพรมาได้ไม่น้อยเลยตอนนี้กองหิมะยังไม่ละลาย แต่ยังดีที่พวกเขาสองปีก่อนเคยขุดมาแล้วครั้งหนึ่ง วัตถุดิบยาส่วนใหญ่จำได้แล้วว่าขึ้นอยู่ตรงไหน ผ่านการเติบโตมาสองปี จุดที่เคยถูกพวกเขาขุดไปก็งอกขึ้นมาใหม่กันแล้วสถานที่เหล่านั้นหลายจุดไม่มีหิมะทับถม นางพาพวกไป๋หูมาก็ล้วนได้ใช้งานทั้งสิ้นสิ่งที่ขุดขึ้นมาตอนนี้คือวัตถุดิบยาที่ทนอากาศหนาวได้ และยังมีบางส่วนที่ดูเหมือนพวกเปลือกไม้ด้วยในช่วงสองวันนี้ ผู้อาวุโสจี้เองก็ทำเวลารีบสอนให้กับนาง ให้นางได้รู้จักกับวัตถุดิบยาที่มากขึ้นไปอีกสองวันต่อมาพวกเขาก็กวาดเก็บจนเต็มที่แล้วลงจากเขา แต่ก็ได้เห็นอ๋องฉยงที่กำลังก่อกองไฟตั้งกระโจมอยู่อ๋องฉยงน่าจะได้ยินการเคลื่อนไหว จึงออกจากกระโจมมารอแล้วพอเห็นขบวนคนล้วนแบกตะกร้ายากันเต็ม ดวงตาเขาก็เปล่งประกายแล้วก็เห็นฟู่จาวหนิงที่อยู่ในกลุ่มนี้ต่อให้เข้าไปขุดยาในเขาถึงสองวัน นางก็ไม่ได้ดูซมซานแต่อย่างใด แค่เหลือบมองในกลุ่มคนนั้นก็เห็นนางได้ทันทีพระชายาอ๋องเจวี้ยนคนนี้ งดงามจนโดดเด่นจริงๆแล้วยังท
พระชายาเยว่ดูเหมือนอยากจะอาเจียน ถึงอย่างไรนางก็ยังเป็นสาวสะพรั่งสวยสด อายุขององค์จักรพรรดิมากกว่าพ่อนางเสียอีก แล้วตอนนี้ยังมีสภาพนี้อีกพริบตานี้เอง นางก็รู้สึกอยากจะรับปากแม่นมเยว่ขึ้นมา"พระชายาเยว่ ทำของว่างอะไรมาหรือ?" องค์จักรพรรดิยิ้มให้กับพระชายาเยว่ จนมีรอยย่นเพิ่มขึ้นมา "ข้าเองก็หิวแล้วเหมือนกัน"พระชายาเยว่กดอารมณ์นั่นลงไปก่อน ยกของว่างเข้ามา "องค์จักรพรรดิ ข้าทำขนมเป๋าฮื้อหัวไชเท้ามา เสวยตอนที่ร้อนๆ เถิด""ดีเลย ไม่ใช่ของหวาน กินแล้วกระเพาะไม่รู้สึกแย่"องค์จักรพรรดิพอใจมาก ช่วงนี้ท้องเขาก็ใหญ่ขึ้น เข็มขัดแทบจะคาดไม่ได้แล้ว กินแต่ของหวานคงไม่ดีนัก"องค์จักรพรรดิชอบก็เสวยให้เยอะหน่อย หม่อมฉันรินชาให้"พระชายาเยว่อยู่ดื่มกินเป็นเพื่อนกับฝ่าบาท สนทนาด้วยครู่หนึ่ง จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปบนตัวอ๋องฉยงอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจ"อ๋องฉยงจะอยู่ในเมืองหลวงตลอดเลยหรือไม่? ฝ่าบาท หม่อมฉันค่อนข้างกังวล ว่าพระชายาอ๋องฉยงจะไล่ตามมาหรือไม่?""ไม่หรอก" องค์จักรพรรดิเอ่ยยืนยันขึ้นมา"หม่อมฉันได้ยินว่าพระชายาอ๋องฉยงกวดขันอ๋องฉยงเข้มงวดมาก นี่เพราะรักอ๋องฉยงหรือเปล่า?""รักอะไรกัน เป็
พระชายาเยว่รู้สึกว่า แม่นมเยว่อดทนอยู่ในวังมายี่สิบปี คงวางแผนงานใหญ่อะไรอยู่นางถึงแม้จะเคยเห็นฝีมือแม่นมเยว่มาบ้างแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าแม่นมเยว่เองก็ไม่ได้มีฝีมือมากขนาดนั้น ถ้าหากนางร้ายกาจจริง จำเป็นต้องมาซุ่มอยู่ในวังหลวงยี่สิบปี แต่ก็ยังทำเรื่องไม่เสร็จแบบนี้หรือ?แม่นมเยว่น่าจะเป็นยอดฝืมือในการใช้ยา ยิ่งไปกว่านั้นยังยอดเยี่ยมในด้านการสกัดยาชนิดนั้น ยาที่ไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจเท่าไร ถึงอย่างไรก็ทำให้แค่ผู้ชายมีความสุขล่องลอยได้มากเท่านั้น ทำเรื่องใหญ่โตอะไรให้สำเร็จไม่ได้ตอนนี้ นางได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิแล้ว ยังต้องคอยฟังแม่นมเยว่อยู่อีกหรือ?แต่ถ้าแม่นมเยว่ก็มีวิธีการที่จะให้องค์จักรพรรดิรับมือกับอ๋องเจวี้ยนจริงล่ะ?จะว่าไป ยาชนิดนั้นของแม่นมเยว่ ถ้าหากใช้กับอ๋องเจวี้ยน ไม่รู้ว่าจะมีประสิทธิผลไหมชั่วขณะหนึ่ง พระชายาเยว่คิดไปร้อยแปดจากนั้นนางก็ไปที่ครัวเล็ก ลงมือทำของว่างขึ้นมาถาดหนึ่ง เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งเนื้อแต่งตัวอย่างประณีต ยกของว่างเข้าไปในห้องหนังสือหลวงองค์จักรพรรดิเพิ่งฟังรายงานลับจบเขาให้คนจับตาดูคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของคนหลายคนในเมืองหลวง
"จุ๊ๆ เรื่องนี้..." พระชายาเยว่คิดๆ ยังไม่รู้จะจัดการอย่างไรก่อนดีชั่วคราว"เจ้ากลับไปอยู่ข้างๆ เฉินฮ่าวปิงก่อนแล้วกัน คอยจับตาดูนางไว้ มีเรื่องอะไรก็มาบอกกับข้า" พระชายาเยว่รู้สึกว่าตอนนี้ใช้งานชิวอวิ๋นไปก่อนแล้วกัน ถึงอย่างไรนางก็ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว"่เจ้าค่ะ"รอจนชิวอวิ๋นออกไป พระชายาเยว่ก็เรียกคนเข้ามาคนคนนี้ดูแล้วปกติดี แต่ว่าการเดินเหินในวังนั้นไม่ถูกใครสังเกตหรือสนใจเลยเป็นแม่นมที่หน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง"แม่นมเยว่ เมื่อครู่เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม?"แม่นมเยว่คนนี้ก้มหน้าต่ำเล็กน้อย เอ่ยขึ้นน้ำเสียงราบเรียบ"ได้ยินแล้วพะย่ะค่ะ""เรื่องนี้ ควรจะเผยกับองค์จักรพรรดิไหม?""ได้พะย่ะค่ะ""แต่ถ้าองค์จักรพรรดิรู้ อาจจะกริ้วอย่างรุนแรงได้ อ๋องฉยงที่มีความคิดไม่ดีกับพระชายาอ๋องเจวี้ยน เรื่องนี้ถ้าลือออกไปจะไม่ดีกับราชวงศ์""เรื่องนี้มีประโยชน์กับการที่พวกเราจะสืบค้นระดับความอดทนของจักรพรรดิต่ออ๋องฉยงได้ว่าอยู่ที่ไหน เพราะอะไรอ๋องฉยงจึงยังอยู่ในเมืองหลวง เรื่องนี้ยังต้องตรวจสอบให้ชัดเจน""เนื้อหาการคุยกันของอ๋องฉยงกับองค์จักรพรรดิทำไมจึงเปิดเผยไม่ได้" พระชายาเยว่ถอนหายใจ"ดังนั้น
"อะไรนะ?!"พระชายาเยว่พอได้ยินประโยคนั้นของชิวอวิ๋น ทิ้งมารยาทอะไรไปเกือบหมดจนแทบกระโจนขึ้นมา"เจ้าอย่ามาพูดมั่วซั่วนะ! ถ้าให้คนอื่นได้ยินข้าเองก็ช่วยเจ้าไม่ได้!"อันที่จริงนางเองก็ไม่อยากได้ชิวอวิ๋นแล้ว ดูแล้วเหมือนทำเรื่องอะไรก็ไม่สำเร็จ ไร้ประโยชน์สิ้นดีแต่ว่าตอนนี้พอได้ยินชิวอวิ๋นพูดประโยคนี้ออกมา ก็ทำเอานางลืมเรื่องที่จะโยนชิวอวิ๋นทิ้งไปทันที"เป็นเรื่องจริง พระชายา เรื่องนี้ถ้าไม่ได้ยินเองกับหู ข้าน้อยจะกล้าแต่งขึ้นมาได้อย่างไรกัน?" ชิวอวิ๋นรีบพูด"อ๋องฉยงชอบพระชายาอ๋องเจวี้ยนรึ?""พะย่ะค่ะ ตอนที่ออกมาจากวังราชนิเวศน์ ข้าไปเจอที่หน้าประตูใหญ่"พระชายาเยว่คิดถึงใบหน้า รูปร่างของฟู่จาวหนิง ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เชื่อ"ได้ยินว่าอ๋องฉยงเป็นพวกชื่นชอบสาวงาม ไม่เช่นนั้นพระชายาอ๋องฉยงคงไม่คุมเขาไว้อย่างเข้มงวด ราวกับอยู่ในคุกแน่นอน"เพราะพอหย่อนยาน ไม่ทันระวังหน่อย อ๋องฉยงก็อาจจะไปหลับนอนกับสาวสวยคนไหนแล้วก็คอยเลี้ยงไว้ด้านนอกแต่พระชายาอ๋องฉยงเข้มงวดเสียขนาดนั้นแล้ว อ๋องฉยงก็ยังมีอวิ๋นจูกับเฉินฮ่าวปิงลูกนอกสมรสสองคนนี้ได้ที่โตแล้วมีอยู่สองคน แล้วที่ยังไม่โตล่ะ? อธิบายได้ว่าอ๋อง
"ข้าต้องการวัตถุดิบยาเหล่านี้เดิมทีก็จะให้นางส่งไปที่เมืองเจ้อ แล้วนางปฏิเสธเอง เดิมทีนี่เป็นความคิดของข้า! ท่านบอกว่าข้ารับมือไม่ไหว นางเองก็ไม่ใช่ว่าพึ่งพาคนอื่นหรือ ก็แค่เพราะนางแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนที่มีอำนาจ! ท่านให้นางเอาอ๋องเจวี้ยนให้ข้าสิ! ถ้าหากข้าเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน ข้าเองยังทำได้ดีกว่านางเสียอีก!"ต่งฮ่วนจือถูกเสียงแหลมของนางแผดใส่จนปวดหูไปหมดแล้วเขามองอย่างตกตะลึงไปทางเฉินฮ่าวปิง ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้มาก่อนว่านางเป็นคนแบบนี้"เจ้าคิดว่าที่ศิษย์น้องหญิงมีความสามารถขนาดนี้ เป็นเพราะแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนหรือไรกัน?""แล้วไม่ใช่หรือ? นางก็แค่พึ่งพาอ๋องเจวี้ยนเหมือนกัน ด้านหลังมีต้นไม้ใหญ่ให้พักพิงร่มเย็น! ถ้าหากไม่ใช่อ๋องเจวี้ยน ตอนนั้นที่นางถอนหมั้นกับรัฐทายาทเซียวไปก็คงจะเอาตัวไม่รอดแล้ว ต่อมานางจะได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์เรียนหมอจนเข้าพันธมิตรโอสถได้อย่างไรกัน?!"ต่งฮ่วนจือมองนางลึกๆ ส่ายหัวถอนหายใจ"บนโลกนี้ไม่มีรัฐทายาทเซียวอีกแล้ว"ขนาดรัฐทายาทเซียวไม่อยู่แล้ว ก็ยังไม่รู้หรือ?"ช่างเถอะ วันนี้เจ้าเป็นท่านหญิงไปแล้ว ข้าก็แค่ประชาชนธรรมดา ช่วยอะไรไม่ได้หรอก ขอตัวแค่นี้
พอเห็นสีหน้าเฉินฮ่าวปิง ใจของต่งฮ่วนจือก็เย็นลงมาทันทีทั้งที่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟู่จาวหนิงแล้วแท้ๆ แต่ว่าตอนนี้ เฉินฮ่าวปิงก็ยังใช้ประโยชน์จากเขา คิดจะให้เขาขัดขวางศิษย์น้องหญิงต่อให้เป็นเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้ นางก็ยังพูดออกมาโดยไม่หนักใจ แล้วขอให้เขาทำตามสิ่งที่นางต้องการต่งฮ่วนจือมองไปทางฮูหยินเฉิน เขายังดูคาดหวังอยู่ถึงอย่างไรฮูหยินเฉินก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว น่าจะรู้จักขอบเขตบ้างกระมัง?"เจ้าเองก็คิดแบบนี้หรือ? จะให้ข้าเก็บวัตถุดิบยาไว้จนกว่าฮ่าวปิงจะรวมเงินได้?"ฟังเอาเถอะ เขาพูดซ้ำออกมาอีกรอบหนึ่งก็ยังรู้สึว่าเป็นเรื่องไร้สาระเลยฮูหยินเฉินขมวดคิ้ว มองนางด้วยสายตาเศร้าๆแต่ก่อนพอเห็นสีหน้าเช่นนี้ของนาง ต่งฮ่วนจือก็จะรู้สึกปวดใจ อยากจะปกป้องนางขึ้นมา เขารู้ ว่านางเป็นผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง มีลูกสาวติดหนึ่งคน คอยหนีคนตามล่าอยู่ตลอด มันลำบากแค่ไหนถ้าหากเป็นไปได้ เขาเองก็อยากจะยืนบังลมบังฝนให้นาง เพราะแรกสุดเขารู้สึกชื่นชมนาง ชื่นชมความแข็งแกร่งและความรักของแม่จากตัวนางแต่สีหน้าต่อตัวเขาของฮูหยินเฉินตอนนี้ ต่งฮ่วนจือจู่ๆ ก็คิดขึ้นมาว่า อ๋องฉยงถึงอย่างไรก็หาพวกนางเจอแ