"เมื่อเป็นเช่นนี้ อ๋องเจวี้ยนก็โชคดีสุดๆ เลย มีพระชายาที่งดงามขนาดนี้สองคนอยู่ด้วยกัน ประกบซ้ายขวา มีชีวิตที่มีความสุขเหลือเกิน""องค์หญิงหนานฉือเองก็ไม่เลว ใจกว้างได้เหมาะสม""หาได้ยากที่คนอย่างนางซึ่งเป็นเจ้าหญิง จะยอมดีกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนก่อน หลังจากนี้ก็ไม่ต้องมีความยุ่งยากอย่างเรื่องหึงหวงแล้ว"คนไม่น้อยล้วนอิจฉาต่อตัวอ๋องเจวี้ยนอย่างมากและมีหญิงสาวรุ้สึกว่าฟู่จาวหนิงก็น่าจะรู้สึกโชคดีด้วยอ๋องเจวี้ยนในฐานะที่เป็นอ๋องคนหนึ่ง เรือนหลังไม่มีทางที่จะมีผู้หญิงเพียงคนเดียว ตอนนี้มีองค์หญิงมาคนหนึ่ง ดีจะตายไปฟู่จาวหนิงมาจากตระกูลเล็กครอบครัวเล็ก ลูกสาวของตระกูลยากจนที่พ่อแม่เป็นตายร้ายดีก็ยังไม่รู้ ได้มารับใช้ปรนนิบัติสามีคนเดียวกับองค์หญิงแคว้นหนึ่ง นี่ถือว่าเป็นเกียรติกับนางมากแล้วฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนสถานการณ์นี้ พวกเขาแม้จะไม่คิดมาก่อนก็ตาม แต่ก็น่าจะมีเตรียมใจไว้บ้างแล้ว"อายวน" องค์จักรพรรดิกดดันทันที "องค์หญิงหนานฉือเป็นองค์หญิงจากแคว้นหนึ่ง เป็นหญิงสาว นางเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้แล้ว พวกเราในฐานะที่เป็นชาย จะทำให้อีกฝ่ายต้องผิดหวังไม่ได้นะ"ฮองเฮาเองก็เลิกคิ้วยิ้ม เ
เซียวหลันยวนยืนขึ้นเพียงครู่เดียวเท่านั้น แค่ชั่วกระพริบตาก็นั่งลงมาแล้วคนทั้งหมดคิดถึงตอนที่เข้าถูกยกเข้าวังมา ตอนนี้ยังเห็นว่าแค่ยืนก็ยังยืนแทบไม่ไหว ขานั่นพิการไปแล้วจริงหรือ?ฟู่จาวหนิงกุมหน้าผากเซียวหลันยวนยังกุมมือของนางอยู่ ยังพูดกับนางอย่างรู้สึกต้องรับผิดชอบว่า "หนิงหนิง ทำให้เจ้าต้องน้อยใจแล้วแท้ๆ"ฟู่จาวหนิงกัดฟัน กดเสียงต่ำ "เซียวหลันยวนพอได้แล้วนะ พูดอีกเดี๋ยวจะโกรธแล้ว"ทักษะแสดงนี่ก็ไม่รู้จักเก็บเอาไว้หน่อย!องค์หญิงหนานฉือได้สติกลับมานางมองอย่างไม่อยากเชื่อไปทางอันเหนียน ถึงอย่างไรนอกจากสามีภรรยาอ๋องเจวี้ยน ตอนนี้ก็มีแค่อันเหนียนที่พูดภาษาหนานฉือกับนางได้"ผู้ตรวจการชิง ที่อ๋องเจวี้ยนพูดมานี่เรื่องจริงหรือ?"ในสมองอันเหนียนเหมือนมีม้าวิ่งตะบึง แต่บนหน้าเขาก็ยังไม่แสดงสีหน้าใด"องค์หญิง อ๋องเจวี้ยนของพวกเรามีสุขภาพอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก ท่านเองก็รู้ เขาเองก็คอยรักษาตัวอยู่ที่ยอดเขาโยวชิงมาโดยตลอด ปีที่แล้วเพิ่งจะกลับมาเมืองหลวง"ส่วนที่ว่าร่างกายไหวหรือไม่ไหว ขอโทษด้วย เขาไม่รู้!องค์หญิงหนานฉือปิดปากร้องอุทานออกมาหลังจากนั้นนางก็มองอ๋องเจวี้ยนอย่างเห็นใจ
"เจ้าเป็นอะไรไป? ไม่ใช่บอกว่าวิชาแพทย์ดีมากหรอกหรือ? รักษาอายวนมาตั้งนาน ทำไมเขากลับอาการหนักขึ้นล่ะ?"เขาตำหนิฟู่จาวหนิงหน้าแข็งหลังจากนั้นพอเห็นฟู่จาวหนิงก็รู้สึกประหม่าขึ้นในพริบตานางหลบสายตา ไม่กล้าสบตาตรงๆ กับเขาองค์จักรพรรดิอดสงสัยไม่ได้ ฟู่จาวหนิงคงไม่ได้ไม่ตั้งใจรักษาเซียวหลันยวนหรอกกระมัง? ถึงอย่างไรตอนนั้นแม่ของนางก็เป็นผู้ต้องสงสัยที่วางยาพิษเซียวหลันยวนนี่ พวกเขาสองคนยังถือว่าเป็นศัตรูกันอยู่"องค์จักรพรรดิ อาการป่วยนี้ของเซียวหลันยวนรักษายากมาก ร่างกายของเขาแต่ละด้านล้วนอ่อนแอและเจ็บหนัก ตอนนี้ข้าเองก็กำลังอยู่ในขั้นตอนการคลำทางรักษาอยู่ ดังนั้นบางครั้งจึงต้องทดลองยาหลายชนิดอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ยังไม่มีตัวอย่างโรคให้อ้างอิงได้เลย"สายตาของฟู่จาวหนิงหลบไปแวบเดียวเท่านั้น กลับมาขึงขังตั้งใจอธิบายขึ้นทันทีองค์จักรพรรดิรู้สึกว่าคำอธิบายของนางฟังแล้วเหมือนเป็นเรื่องจริง"เจ้าพูดมาก็ถูก แต่อายวนเป็นน้องชายข้า และเป็นอ๋องที่สำคัญยิ่งของแคว้นเจา เจ้าต้องระมัดระวังหน่อย และต้องรอบคอบขึ้นอีกหน่อย รักษาให้ดี ต้องรักษาเขาให้ได้!"องค์จักรพรรดิ ตอนนี้พยายามจะแสดงค
ถ้าเผื่อเป็นแผนร้ายล่ะ?ฟู่จาวหนิงเป็นหมอเทวดานะ ถ้าจะลงไม้ลงมืออะไรสักหน่อยก็น่าจะง่ายไหม?"องค์จักรพรรดิถ้าหากจะดูล่ะก็ ข้าตอนนี้จะเปิดผ้าบนหน้าของเขาออก?" ฟู่จาวหนิงทำท่าเหมือนจะขยับมือองค์จักรพรรดิตกใจถอยออกไปหลายก้าว"ไม่ต้องไม่ต้อง!"เขารู้สึกว่าตนเองเหมือนจะมีปฏิกิริยามากเกินไป จึงรีบเสริมขึ้นมาคำหนึ่ง "ความหมายของข้าคือพวกเจ้าเข้าวังมาก็ไม่ได้พกยาอะไรมาด้วย ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ถ้าเปิดแผลออกมา หน้าของอายวนอาจจะไม่ปลอดภัย เจ้าเองก็ยังต้องมานั่งพันยาให้เขาใหม่อีก มันยุ่งยากเกินไป""โอ้ องค์จักรพรรดิพูดมาก็ถูกต้อง""คืนนี้เจ้ากับอายวนก็พักอยู่ในวังแล้วกัน คนในวังเองก็จัดการตำหนักบรรทมไว้แล้วด้วย หลังจากพวกเจ้าไปพบไทเฮาแล้วก็รีบไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้พวกเราค่อยคุยกันใหม่"องค์จักรพรรดิก่อนหน้านี้ให้คนมาสั่งการด้วยวาจากับพวกเขาแล้ว หลังจากงานเลี้ยงวันนี้ให้พวกเขาพักในวัง จะได้ไม่ต้องลำบากเดินทางเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงเองก็เข้าใจ นี่น่าจะเป็นเพราะองค์จักรพรรดิอยากจะดึงเวลาไว้ เพื่อถามถึงสิ่งของที่ไท่ซ่างหวงทิ้งให้เขาพวกเขาเองก็ไม่ปฏิเสธต้องให้โอกาสกับองค์จักรพรรดิบ้าง ไ
เซียวหลันยวนเหลือบมองฟู่จาวหนิงเรื่องนี้ถ้าให้นางที่เป็นหมอมาพูดก็ยังดูมีน้ำหนักหน่อยฟู่จาวหนิงจึงทำได้แค่เล่าเรื่องที่พูดกับจักรพรรดิออกไปอีกรอบหนึ่งไทเฮาน้ำตาร่วงลงมาเสียแล้ว"เรื่องนี้เจ้าลำบากเสียแล้ว อายวน""ไม่เป็นไร" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบฟู่จาวหนิงมองมองไทเฮาตอนนี้มองออกแล้วว่าไทเฮาเป็นห่วงเซียวหลันยวนจริงๆ แต่ก่อนหน้านี้ไม่ใช่เช่นนี้นี่นาไทเฮาเห็นเซียวหลันยวนเย็นชากับตนเองขนาดนี้ ในใจก็รู้สึกเสียใจอยู่"จาวหนิง สิ่งนี้รักษาได้ไหม?"ฟู่จาวหนิงคิดคิด คิดจะเอาเรื่องที่ตนเองอีกไม่กี่วันจะออกจากเมืองหลวงบอกกับไท่เฮาพอดี เซียวหลันยวนเองอาจจะต้องให้ไทเฮาคอยปกป้อง แต่ถ้าหากมีใครมาพูดอะไรถึงนาง หรือว่ามีข่าวลืออะไรขึ้นมา ไม่แน่ว่าไทเฮาอาจจะสามารถออกโรงได้ถึงอย่างไรเขาตอนนี้ก็รู้สึกว่าไทเฮาเหมือนจะกังวลเซียวหลันยวนจริงๆนางมองคนแม่นอยู่ ลางสังหรณ์เองก็แม่นด้วย"พูดความจริงนี่ยากอยู่" ฟู่จาวหนิงประโยคนี้พูดออกมาจริงๆตัวนางตอนนี้ไม่ค่อยจะมั่นใจนัก พูดได้แค่ว่ามีความหวังอยู่ห้าหกส่วนเท่านั้น ยังต้องออกไปหาวัตถุดิบยาอีก ลองดูว่าจะหาเอ็นมังกรหยกเจอหรือไม่ หลังจา
"ใช่แล้ว ข้าจะไปหายา ยิ่งไปกว่านั้นอาจารย์ของข้ายังไปหายาอีกที่หนึ่งด้วย ข้าได้ยินว่าทางนั้นเจอกับยาดีดีมากมาย ข้าต้องไปหาเขาเสียหน่อย ถ้าสามารถหายาที่มีประโยชนืกับการฟื้นฟูผิวหนังได้ หลังจากนี้ก็อาจจะรักษาหน้าตาของอายวนจนสมบูรณ์ได้ก็เป็นได้""นั่น เช่นนั้นก็ต้องไป สมควรไปน่ะสิ""เพียงแต่ไปครั้งนี้คงไม่ได้กลับมาเร็วนัก""เจ้าไปเถอะ อายวนทางนี้ ข้าจะคอยดูแลให้ แต่ว่า เขาตอนนี้เป็นเช่นนี้ เจ้าเองก็ไม่อยู่ในเมืองหลวงด้วย มันจะ..."มีอันตรายไหม?ถ้าเผื่อมีเรื่องอะไรขึ้นมา ฟู่จาวหนิงไม่อยู่ ใครจะควบคุมสุขภาพของเขาได้?"จะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นชั่วคราว"ขอแค่เขาคอยอาบน้ำยาให้ดี ไม่กระตุ้นวิชายุทธ์ อย่าเอาร่างกายไปทำเรื่องนั่นเรื่องนี่ คอยพักฟื้นดีดีก็พอแล้วไทเฮาจะน้อยจะมากก็ยังวางใจไม่ลง"บางที ถ้าลองให้คนอื่นออกไปหายา?" นางลองถามหยั่งเชิง"มีใครจะรู้จักยาดีกว่าข้าหรือ?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นอย่างไม่เกรงใจ "ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังรู้อาการป่วยของอายวนดีที่สุดด้วย รู้ว่ายาไหนเหมาะกับเขาที่สุด เป็นสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด เรื่องนี้ต้องเป็นตอนที่เจอยาเท่านั้นจึงจะรู้ ตอนนี้เองยังนึกไม่ออก ถ
หลังจากฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนออกไปแล้ว นางเองก็ยังถามเกี่ยวกับเรื่องนี้"นางอยากจะทำอย่างไรก็เป็นเรื่องของนาง"เซียวหลันยวนพูดมาประโยคหนึ่ง เขาไม่ค่อยสนใจว่าท่าทีของไทเฮาต่อตัวเขาจะเปลี่ยนหรือไม่"ข้ากลับรู้สึกว่านางตอนนี้ดูจริงใจมาก คิดว่าไทเฮาก่อนหน้านี้คงจะจงใจทำเช่นนั้น ให้ดูเหมือนใจเดียวกับองค์จักรพรรดิฮองเฮา เช่นนี้อาจสามารถทำให้นางไม่รู้สึกโดดเดี่ยว ทำให้องค์จักรพรรดิไม่รู้สึกเกรงกลัวท่านมากนัก ทำให้เขารู้สึกอดกลั้นกับท่านในตอนเด็กๆ ได้"ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเรื่องราวน่าจะเป็นเช่นนี้ถึงอย่างไรไทเฮาเองก็เป็นหญิงสาวที่พยายามปีนป่ายในวังหลังมากว่าครึ่งชีวิต หญิงสาวของที่นี่ก็น่าจะไม่ใช่คนธรรมดาเซียวหลันยวนตอนเด็กๆ ในมือก็มีสิ่งของอยู่มากมาย แล้วร่างกายก็ยังอ่อนแออีก ถ้าหากเบื้องหลังไม่มีคนคอยปกป้อง ก็ไม่น่าจะรอดมาจนถึงปัจจุบันรอจนเขารู้ความจนตนเองสามารถวางแผนการอย่างหลักแหลมได้ นั่นเป็นเรื่องในภายหลังแล้วตอนที่เขายังเด็กมากล่ะ?เซียวหลันยวนไม่พูดอะไรฟู่จาวหนิงเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง "ไทเฮามีอาการปวดหัวอยู่ เมื่อครู่ข้ามองนาง เปลือกตาใต้ตาคล้ำเทาไปหน่อย ตอนแรกข้าพิจารณา
พอได้ยินเสียงองครักษ์ลับ สาวใช้วังสองคนหน้าขาวซีดไปแล้ว ทั้งสองคนหมอบลงบนพื้น รีบร้อนโขกหัว"อ๋องเจวี้ยนไว้ชีวิตด้วย!""พระชายา ช่วยข้าน้อยด้วย"ฟู่จาวหนิงจุ๊ปาก และเดินเข้ามาอีก ยื่นมือเชิดหน้าสาวใช้วังคนหนึ่งขึ้นมา เป็นสาวชาววังที่หน้าตาสดใสเอามากๆ ดูแล้วอายุน่าจะเพิ่งสิบสี่สิบห้าเท่านั้นใบหน้าขาวซีด ตกใจขึ้นมาแต่ว่าร่างกายของพวกนางก็ดูจะแดงระเรื่อขึ้นมา ผิวหนังดูร้อนๆ ตอนนี้สายตาดูสับสนหน่อยๆสาวใช้วังคนหนึ่งรีบหยิกขาของตนเอง"อายวน พวกนางทำอะไรน่ะ?"เซียวหลันยวนถูกฟู่จาวหนิงถามเช่นนี้ ทั้งโกรธทั้งน้อยใจทั้งรู้สึกไม่ได้ทำผิด "เมื่อครู่เจ้าบอกให้ข้านอนก่อน ข้าก็เลยขึ้นไปนอนบนเตียงก่อน แต่ครู่หนึ่ง พวกนางก็แอบเข้ามา บอกว่าจะมาวางน้ำแข็งให้สองถังในตำหนัก กลัวเจ้าจะนอนแล้วร้อน"นี่ยังฉลาดอยู่ รู้จักยกฟู่จาวหนิงออกมาพูดด้วยเซียวหลันยวนตอนนั้นรู้สึกว่าอากาศเช่นนี้ ตัวเขาเพราะปัญหาที่สุขภาพอ่อนแอจึงไม่น่ารู้สึกร้อน แต่ฟู่จาวหนิงที่เป็นคนเลือดลมแข็งแรง ไม่แน่ว่าอาจจะรู้สึกร้อนขึ้นมาเขาเองก็อยากจะให้พวกนางเอาน้ำแข็งสองถังมาวางไว้ก็ดีเหมือนกัน ก็เลยให้พวกนางสองคนเข้ามา"คิดไม่
แม้จะผ่านไปเกือบสิบแปดปีแล้ว แต่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวก็ยังเป็นคนที่กาลเวลารักใคร่อยู่พวกเขาแม้จะอายุมากแล้ว หน้าตาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง แต่พอเทียบกับสมัยก่อนแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เยอะมากมองหลายๆ ครั้งก็มองออกได้คนที่เซียวเหยียนจิ่งเตรียมไว้ยังมองออก ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยซื่อเลยเซี่ยซื่อเคยเป็นครอบครัวของพวกเขาด้วยนะหลังจากนางจำได้แล้วยังสงสัยว่าตาตนเองฝาดไปหรือไม่ ยังสงสัยว่าตนเองคงตาลาย ดังนั้นเลยนวดตาทันที จากนั้นจึงมองพวกเขาอย่างละเอียดอีกครั้งไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นสองคนนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็จำเซี่ยซื่อได้ แม้ว่านางจะรู้ตัวตนฐานะของตนเองแล้ว แต่ยังคงโพล่งออกมาว่า "พี่สะใภ้รอง!"เซี่ยซื่อคือภรรยาของผู้เฒ่ารองตระกูลหลินและเป็นคนเดียวในตระกูลหลินที่อ่อนโยนเป็นห่วงเสิ่นเชี่ยว ดังนั้นเสิ่นเชี่ยวพอเห็นนาง ดวงตาจึงแดงรื้นขึ้นมาคำว่าพี่สะใภ้รอง ก็ทำเอาเซี่ยซื่อใจสั่นระริกเช่นกันรีบวางตะกร้าที่หิ้วไว้ลงมา เดินตรงไปหานาง"ให้ตายเถอะ อา อาเล็กหรือ?"ไม่ ไม่ใช่อาเล็กชองนางแล้วสิ เซี่ยซื่อยืนอยู่หน้าเสิ่นเชี่ยว ถลึงตาโตอ้าปากค้าง"พี่สะใภ้รอง ข้าข้าเจอครอบครัวของข้าแ
ฟู่จาวหนิงสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย "ดูท่า น่าจะมีคนไม่น้อยที่ยังไม่ลืมพวกเขา คอยจับตาดูจนถึงทุกวันนี้""ข้าเตรียมการเสร็จแล้ว รอบบ้านตระกูลฟู่วางองครักษ์ลับเอาไว้แล้ว วางใจเถอะ" เซียวหลันยวนพานางเข้ามา สองมือโอบข้างเอวนาง จ้องมองนาง "องค์จักรพรรดิน่าจะลงมือกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพ่อลูกชินอ๋องเซียวยังคอยจับตาดูพวกเขาขนาดนี้ มันดูแปลกไปหน่อย""ตรวจสอบดูก็รู้ พวกเขาถ้าหากมีความคิดอะไร มีแผนอะไร มีเป้าหมายอะไร เดี๋ยวก็ได้รู้เอง"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ใส่ใจนักเซียวหลันยวนพยักหน้าสายตาเขามองออกไปไกลๆ ถัดจากนี้ต้องดูว่าสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินจะรับมืออย่างไร เมืองหลวงยังมีคนที่มีเป้าหมายต่างๆ อยู่ และยังมีขั้วอำนาจที่ใช้วิธีการต่างๆ อยู่อีกด้วยเขาถึงแม้จะเชื่อว่าครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่วางยาพิษ แต่ว่าพวกเขาตอนนั้นถูกใครบางคนหรือเรื่องบางอย่างหนีบเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีทางดึงตัวออกมาอย่างหมดจดได้ พวกเขาเองก็เป็นคนในเหตุการณ์ตอนนี้พอมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับเขา เซียวหลันยวนก็ยังพิจารณานาว่าพวกเขาจะแบกรับไหวไหม หลังจากนี้จะไม่ถ่วงแข้งขาฟู่จาวหนิงได้จริงไหม จะไม่ทำร้ายนางจริงไหมเซียวหลันยวนไม่ได้
"หนิงหนิง มีเรื่องอะไรถึงคุยกันนานสองนาน?"ในห้องขังมีเสียงเซียวหลันยวนดังออกมา"มาแล้ว"ฟู่จาวหนิงขานรับคำหนึ่ง เตรียมจะกลับห้องขังเซียวเหยียนจิ่งไม่อยากเชื่อ "เจ้าไม่ไปกับข้าจริงหรือ? เจ้าไม่สนใจพ่อแม่เจ้าหรือไรกัน?"ปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงเกินจากที่เขาคาดไว้เขาเดิมทีคิดว่าพอได้ยินว่าพ่อแม่ไม่เป็นไร แล้วยังกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงอย่างน้อยต้องตาแดงรื้นบ้าง ไม่ก็ร้องไห้ออกมา รีบร้อนตามเขาออกไปอย่างตื่นเต้น เพื่อรีบไปพบพ่อแม่ของนาง"อ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็ยังต้องอยู่ในห้องขัง ไม่มีอะไรหรอก เจ้าจัดที่นี่จนดูอยู่สบายไปแล้ว แล้วเขาทำไมยังต้องให้เจ้ามาอยู่ด้วยกันอีก?""ข้ามาอยู่เอง เขาเป็นสามีข้า ข้าไม่อยู่กับเขาแล้วใครจะอยู่กัน?"ฟู่จาวหนิงหลังจากที่รู้เจตนาการมาของเขาก็ขี้เกียจจะคุยกับเขาแล้ว ผลักเขาออก แล้วเดินไปทางห้องขังเซียวเหยียนจิ่งนี่ก็จุ้นจ้านเสียจริง"เจ้าทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้" เซียวเหยียนจิ่งตะโกนใส่หลังนาง "เจ้าเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว ถ้าเจ้ายินยอม มีคนตั้งมากมายที่ยินดีจะรักและเอ็นดูเจ้า ทำไมต้องมาอยู่ในคุกกับเขาแบบนี้ด้วย"เดิมทีหญิงสาวคนนี้ควรจะควรจะม
"ใช่ พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว" เซียวเหยียนจิ่งจ้องมองฟู่จาวหนิง "เป็นอย่างไร เจ้าอยากรีบกลับบ้านไหม? ได้ยินว่าปู่ของเจ้ากับเด็กที่ชื่อเสี่ยวเฟยก็อยู่กันที่จวนอ๋องเจวี้ยนนี่? ถ้าเจ้าไม่กลับไป พ่อแม่ของเจ้าคงจะหาคนไม่เจอแน่"ฟู่จาวหนิงทำท่าทางตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม? พวกเขากลับมาแล้วจริงหรือ?""ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน? ไม่เชื่อข้าตอนนี้เจ้าก็ไปกับข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขา"เซียวเหยียนจิ่งพูด มือเองก็คันยุบยิบ เขาอยากจะยื่นมือไปจูงนางเหลือเกิน จูงนางออกจากคุกใหญ่ถ้าเขาสามารถจูงมือนางออกไปได้ เซียวหลันยวนคงได้กระอักเลือดตายกระมัง?แต่เขาเพิ่งจะขยับ ฟู่จาวหนิงก็ถอยออกไปแล้วสองก้าว"พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง เช่นนั้นก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ที่บ้านตระกูลฟู่มีคนอยู่ พวกเขาจะหาคนไม่เจอได้อย่างไรกัน?""เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?""เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าวิ่งแจ้นเข้ามาบอกข้าหรอกกระมัง? พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง คนใช้บ้านตระกูลฟู่อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาบอกข้าเอง""เจ้าลืมอ๋องเจวี้ยนไปแล้วหรือ?""เขาก็อยู่ที่นี่ ลืมอะไรกัน?""ความ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ