ฟู่จาวหนิงคิดๆ จากนั้นจึงเดินไปทางสาวใช้วังสองคนผ่านไปพักหนึ่ง พวกนางก็นอนแผ่ไปบนพื้นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังลูบร่างกายตัวเองอีกด้วยเซียวหลันยวนแค่เหลือบตามอง ขมวดคิ้ว "ให้คนมาหิ้วพวกนางออกไป"จะมามองอยู่ที่นี่ทำไมกัน?ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเซียวหลันยวนเองก็มีความเย็นชาไร้ปราณีของคนในราชวงศ์อยู่ สาวใช้วังสองคนนี้บางทีอาจจะร่างกายอาจจะไม่เป็นตัวของตัวเองด้วยกระมัง?ตัวตนฐานะเช่นนี้ พวกนางจะไปทำอะไรได้?ต่อให้ใจของพวกนางจะพังไปแล้ว ฟู่จาวหนิงในฐานะที่เป็นหญิงสาวเหมือนกัน ก็ทนดูพวกนางถูกทิ้งไว้ในสภาพนี้ไม่ได้เหมือนกัน"ข้าจะแก้พิษนี้ให้พวกนาง"นางเองก็รังเกียจการใช้ยาเช่นนี้กับคนมากด้วยนางหยิบเข็มเงินออกมา ปักฉึกๆ ลงไปบนตัวพวกนางคนละเล่ม ทำให้พวกเนางสงบลงมา การเคลื่อนไหวจึงหยุดลง"กินยานี้ลงไปเสีย" นางยัดยาให้พวกนางคนละเม็ดอย่างไม่ค่อยจะอ่อนโยนนัก มองชุดกระโปรงผ้าบางบนตัวพวกนาง เดินไปข้างๆ ยื่นมือดึงม่านสองชิ้นลงมาปิดไว้บนตัวพวกนางเซียวหลันยวนจัดระเบียบเสื้อผ้า พิงตัวบนเตียง เพียงแต่หูฟังการเคลื่อนไหวตรงนี้ ไม่หันมามองแม้แต่ผาดหนึ่งจนกระทั่งฟู่จาวหนิงโยนผ้าลงมาปิดบนตัวนาง เขาจ
"หยุดก่อน!"ฟู่จาวหนิงเองก็เอ่ยขึ้นบ้าง นางคิดจะห้ามพวกนาง แต่สาวใช้วังสองคนนี้กลับเป็นวิชายุทธ์ ยิ่งไปกว่านั้นนางเองก็คิดไม่ถึงเลย ดังนั้นจึงช้าไปก้าวหนึ่งสาวใช้วังสองคนตบไปที่หัวของอีกฝ่ายอย่างรุนแรงพร้อมกันเสียงโพละดังขึ้น ทั้งสองคนล้มลงพื้นพร้อมกันฟู่จาวหนิงคิดจะไปเข้าไปช่วยทันที แต่เซียวหลันยวนเหลือบมาผาดหนึ่ง น้ำเสียงขรึมเล็กน้อย ห้ามนางเอาไว้"ไม่มีประโยชน์แล้ว"สาวใช้วังสองคนนี้ทำใจเตรียมตัวตายไว้เรียบร้อย ดังนั้นจึงลงมือหนักมาก พวกนางเดิมทีไม่คิดจะมีชีวิตรอดอยู่แล้ว หรือก็คือ พวกนางเข้าใจอย่างดีว่าถ้าตนเองออกจากที่นี่ไปก็คงไม่รอดยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นไปได้ว่ายังต้องเจอโทษที่หนักยิ่งกว่าอีกเจ้านายไม่มีทางปล่อยพวกนางแน่ฟู่จาวหนิงยืนอยู่ที่นั่นรู้สึกใจเย็นวาบแม้ว่าสาวใช้วังสองคนนี้ได้รับคำสั่งให้มาลงมือกับเซียวหลันยวน แต่นางก็ยังรู้สึกใจเย็นวาบขึ้นมามองดูสภาพพวกนางที่หมดลมหายใจล้มอยู่บนพื้นแล้ว นางรู้สึกว่าชีวิตคนมันช่างเล็กจ้อยเหลือเกิน"ชิงอี"เซียวหลันยวนออกคำสั่ง เพียงไม่นานชิงอีก็พาคนมาแบกสาวใช้วังสองคนนี้ออกไป"อยากจะเปลี่ยนสถานที่นอนไหม?" เซียวหลันยวนถ
"ไม่ต้องสนใจพวกเขา"เซียวหลันยวนยังนอนอยู่บนเตียงไม่ขยับ"อ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิเชิญท่านไปเข้าร่วมประชุมเช้า" ด้านนอกมีแหลมของคนในวังดังลอดเข้ามาที่นี่ถึงอย่างไรก็เป็นวังจักรพรรดิ พวกของชิงอีไม่กล้าไม่กล้าสะกดจุดชีพจรให้พวกเขาพูดไม่ได้ ถึงอย่างไรนี่ก็มาส่งพระประสงค์ขององค์จักรพรรดิการจะก่อกบฎซึ่งๆ หน้า ทำไม่ได้อยู่แล้วพอได้ยินขันทีเรียกเช่นนี้ สีหน้าชิงอีก็ย่ำแย่ไปแล้วเมื่อคืนส่งสาวใช้สองคนเข้ามา วุ่นวายกันกลางดึกจนท่านอ๋องกับพระชายาไม่ได้หลับไม่ได้นอน แล้ววันนี้ฟ้ายังไม่ทันสาง ก็ยังส่งคนเข้ามาเอะอะอีกอยากทำให้ท่านอ๋องกับพระชายาไม่ได้หลับไม่ได้นอนสิกระมัง?"กงกง ตอนนี้ใกล้ประชุมเช้าแล้วหรือ" ชิงอีเข้าขวางเบื้องหน้าขันที ไม่เช่นนั้นอีกฝ่ายคงดึงดันจะเข้ามาอีก"ยัง ยัง วันนี้องค์จักรพรรดิบอกกับทุกคนว่ายังจะต้องหารือเรื่องภัยพิบัติทางหอไป่กุย อยากจะฟังความเห็นของอ๋องเจวี้ยน แล้วก็องค์หญิงหนานฉือควรจะอภิเษกเพื่อสันติกับใคร ก็อยากจะถามอ๋องเจวี้ยนด้วย"หอไป่กุย?ในห้อง ฟู่จาวหนิงพอได้ยินก็ถามไปทางเซียวหลันยวนหอไป่กุยนางไม่เคยได้ยินมาก่อน และไม่รู้ว่าเป็นสถานที่แบบไหน"หอ
แต่วว่าฟู่จาวหนิงตอนนี้ก็ไม่ได้คิดจะโต้เถียงกับเขา"ให้หงจั๋วเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ท่านไหม?""เจ้ามาช่วยนั่นล่ะ" เซียวหลันยวนส่ายหัว "แค่ช่วยข้ารวบผมก็พอ เสื้อผ้าเดี๋ยวข้าเปลี่ยนเอง"ตอนที่เขานอนหลับอย่างสงบ สามารถนอนนิ่งไม่ขยับได้ทั้งคืน เสื้อผ้าก็ไม่ได้ยับยู่ยี่ด้วยฟู่จาวหนิงเอียงตามองเขา "ได้เลย ท่านอ๋อง"ขันทีด้านนอกเรียกขึ้นมาอีกครั้ง "อ๋องเจวี้ยน!""ข้าจะไปเดี๋ยวนี้"เสียงของเซียวหลันยวนดังลอดออกมาจากในห้อง ขันทีตอนนี้จึงเพิ่งจะผ่อนลมโล่งลงมาถ้าเขาเรียกอ๋องเจวี้ยนออกมาไม่ได้ กลับไปก็คงอธิบายกับองค์จักรพรรดิลำบาก ถึงตอนนั้นเข้าคงถูกดุด่าอีก ไม่แน่อาจจะไม่ใช่แค่ด่าด้วยเซียวหลันยวนเพียงไม่นานก็ให้คนเข้ามาองครักษ์ประคองเขาไปที่เกี้ยวเบาแล้วยกแบกเขานั่งอยู่บนเกี้ยวเหลือบมองขันทีคนนั้น "วันนี้อยู่ต่อหน้าข้าเจ้าอย่าได้ส่งเสียง ข้าฟังเสียงเจ้าแล้วปวดหูเหลือเกิน"ขันทีอ้าปากพะงาบๆ แต่ก็รีบปิดลงไปทันทีเขาไม่กล้าขัดคำสั่งอ๋องเจวี้ยนหรอกอ๋องเจวี้ยนถูกเขาเอะอะจนโมโหขึ้นแล้วจริงๆฟู่จาวหนิงเองก็เดินออกมาแล้ว "ให้คนหยิบของว่างมาให้กินด้วย ท่านต้องกินยา จะให้หิวไส้กิ่วไม่
"ถ้าหากรับปากว่าจะให้เงินพวกเขาล่ะ?"องค์จักรพรรดิพอได้ยิน "นี่ข้ายังต้องให้เงินพวกเขาอีกหรือ?!"เขาขี้งกจะแย่เขาเดิมทีรู้สึกว่าหลังจากที่ไท่ซ่างหวงสละบัลลังก์ให้เขาเมื่อครั้งนั้นคลังหลวงไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไร หลายปีมานี้พวกเขาเองก็ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยมากด้วย บวกกับช่วงสองปีนี้แคว้นเล็กๆ ในสังกัดเหล่านั้น รวมถึงเผ่าเฮ่อเหลียนด้วย ล้วนเริ่มมีความคิดต่อต้านขึ้นมาบ้างแล้ว ที่เด่นชัดที่สุดก็คือของบรรณาการที่ส่งเข้ามาตอนนี้น้อยลงหลายปีก่อนหน้านี้ เนื่องจากเขาหงุดหงิดและโกรธเคือง คิดจะให้ไท่ซ่างหวงได้เห็น ดังนั้นจึงทุ่มเงินสร้างผลงานด้านการปกครอง อย่างเช่นการสร้างถนนทางการในพื้นที่่ต่างๆ สร้างเขื่อนอะไรพวกนี้ ทุ่มเงินก้อนใหญ่ลงไปเขาอยากจะให้ไท่ซ่างหวงกับพวกอ๋องขุนนางเก่าที่ไม่ค่อยจะสนับสนุนเขาในตอนนั้นได้เห็น ว่าเขาเป็นจักรพรรดิได้ดีแค่ไหนแต่ต่อมาเขากลับถูกเหล่าขุนนางเก่าบอกว่าเป็นพวกทำงานไม่ใช้สมอง ถลุงคลังหลวงจนเกลี้ยง สายตาไม่กว้างไกลโมโหจนแทบบ้าถึงอย่างไรคลังหลวงตอนนี้ก็โล่งโจ้ง โล่งเอามากๆถ้ายังให้เขาต้องควักเงินออกไปอีก จะเป็นไปได้อย่างไร?"ไม่อย่างนั้น ก็ให้เหล่าขุนนางให
อันที่จริง ตั้งแต่ที่อ๋องเจวี้ยนกลับเมืองหลวง ทุกคนก็อยากจะรู้ว่าสิ่งที่ไท่ซ่างหวงทิ้งไว้ให้เขาคืออะไรเพียงแต่ว่า องค์จักรพรรดิไม่ยอมถาม ใครก็จะกล้าเข้าไปถามกัน?แต่ว่าตอนนี้พระสัสสุระเสนอออกมาแล้ว องค์จักรพรรดิก็ถือว่ามีข้ออ้างที่จะถามอ๋องเจวี้ยนพอดีใช่ไหม?มิน่าองค์จักรพรรดิถึงดูสีหนาแช่มชื่นนัก พระสัสสุระถามขึ้นมาตรงจุดพอดี"ดูท่าพระสัสสุระกับเหล่าขุนนางจะสนอกสนใจกันมาก อยากรู้ว่าไท่ซ่างหวงทิ้งอะไรไว้หใ้กับอ๋องเจวี้ยนสินะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็รอให้อ๋องเจวี้ยนมาก่อน ข้ากับเหล่าขุนนางก็ร่วมกันถามเขาดีไหม?"องค์จักรพรรดิพูดออกมาอย่างผ่อนคลายในใจเหล่าขุนนางกลับกำลังคิด เช่นนั้นก็ดูหน้าไม่อายสิ คำพูดนี้พูดออกมาเหมือนพวกเราอยากรู้ เป็นสิ่งที่พวกเขาอยากถามเสียอย่างนั้นยิ่งไปกว่นั้นยังบอกว่าจะถามร่วมกับพวกเขาอีก ทำอย่างกับตัวเองไม่อยากรู้แต่เขาเป็นองค์จักรพรรดิ พวกเขาจะพูดอะไรได้? แน่นอนว่าทำได้แค่ทยอยกันรับคำไปอันเหนียนเหลือบมององค์จักรพรรดิผาดหนึ่ง รู้สึกว่าองค์จักรพรรดิดูจะลูบไม้ลูบมืออยากริอยากลองจริงๆ อยากจะถามถึงความลับบางส่วนของอ๋องเจวี้ยนออกมา"อ๋องเจวี้ยนมาถึงแล้ว!"
"อ๋องเจวี้ยน พระสัสสุระช่วงนี้ที่บ้านเกิดเรื่องอยู่ จึงพูดจาโผงผางไปหน่อย ไม่ได้มีเจตนาร้ายหรอก และเขาเป็นห่วงเจ้าจริงๆ จะว่าไป หน้ากับขาของเจ้า ถ้าข้าไม่ได้ถามพระชายาเมื่อคืน ก็คงเป็นห่วงอย่างมากเช่นกัน"พอจักรพรรดิพูดออกไป ทุกคนก็อดมองไปที่ใบหน้าของอ๋องเจวี้ยนไม่ได้ที่พันไว้ยังคงเป็นผ้าพันแผลเมื่อวานนี้ ดูท่าเมื่อคืนนี้ในวังหลวงคงไม่ได้เปลี่ยนยา"โฮ้ เช่นนั้นข้าก็จะพูดที่นี่เสียหน่อย จะได้ไม่ต้องมาสนอกสนใจกัน" เซียวหลันยวนกอดของว่างบนขา ตอนระหว่างทางเขาไม่ได้กิน ตอนนี้เตรียมจะกิน "พระชายาของข้าบอกว่า เ็นเพราะร่างกายของข้าอ่อนแอมาหลายปี ใช้ยาที่รุนแรง ผลลัพธ์ก็ยังธรรมดา แต่นางหลังจากนี้จะออกไปหายา แล้วค่อยๆ รักษาข้า และเป็นไปได้ด้วยที่จะรักษาจนหาย"พอพูดออกมา ในใจเหล่าขุนนางก็เต้นตึกตักขึ้นความหมายก็คือสุขภาพของอ๋องเจวี้ยนป่วยหนักมาตลอดอย่างนั้นหรือตอนนี้รักษาแล้วยังมีผลที่ไม่ค่อยดีเช่นนี้ แต่ไม่รักษาก็จะไม่รอดเอาส่วนที่พระชายาอ๋องเจวี้ยนพูดว่าหลังจากนี้อาจจะรักษาจนหาย นี่ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ แต่อย่างน้อยก็อธิบายได้จุดหนึ่ง นั่นคือในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ยังรักษาไม่ได้ยิ่งไ
ชิ้นนี้เป็นของเขา!เมื่อคืนนี้เขาถูกยั่วโมโห จึงอยากจะกินสิ่งนี้เพื่อดับไฟเสียหน่อย ดังนั้นจึงไปกำชับพ่อครัวหลวงไว้ตอนนี้ของวางมาอยู่ในมือเซียวหลันยวนเสียแล้ว"ไอ้เจ้าแจ๊บๆ สีเขียวในนี้คืออะไรกัน?" เซียวหลันยวนยังลองดมดู "มีกลิ่นของชาหอมเสียด้วย?""เหอะๆ" องค์จักรพรรดิสีหน้าใกล้จะตึงจนไม่ไหวแล้ว "อ๋องเจวี้ยน นี่เป็นขนมที่ทำจากชาหลงจิ่งคุณภาพสูงที่เก็บมาตอนเช้าแล้วชงด้วยน้ำค้าง บวกกับเนื้อลำไยและเครื่องปรุงดอกกุ้ยกับรากบัวบด มีชื่อว่ามรกตเสวย""องค์จักรพรรดิช่างรอบรู้เสียจริง เช่นนั้นข้าขอชิมหน่อย"เซียวหลันยวนกัดขนมชิ้นค่อนข้างใหญ่นั้นไปคำหนึ่ง ด้านในมีความใสสะอดอยู่จริงๆ หอมสดชื่นเตะจมูก"อร่อย" เขาเอ่ยขึ้นคำหนึ่ง "ข้าชอบมาก ขนมชิ้นนี้ปริมาณเยอะดี หวา มีสองชิ้นด้วย ข้าจะเหลืออีกชิ้นไว้ให้พระชายาลองชิมดู"สองชิ้นนี้มันเป็นของเขานะ! นี่ถูกเอาไปหมดเลยหรือ! หน้าองค์จักรพรรดิดำมะเมี่ยมไปแล้ว"องค์จักรพรรดิ" เซียวหลันยวนกินไปด้วยถามเขาไปด้วย "ข้าจะหิวไม่ได้ ดังนั้นจึงสั่งคนให้ไปที่ห้องเครื่องหยิบมาส่งๆ ไม่รู้ว่าหยิบอาหารเช้าของใครมา คงไม่ถูกด่ากระมัง? กลับไปรบกวนท่านไปบอกกับเจ้าขอ