"นายท่านมองที่ไหนกันน่ะ!""นี่ นี่ๆๆๆ นี่ออกมาได้อย่างไรกัน?"ชั่วขณะหนึ่ง คนไม่น้อยในโถงล้วนเอะอะกันขึ้นมา ฮูหยินส่วนมากล้วนไม่สนอะไรแล้ว พอเห็นนางระบำกลุ่มนี้ ก็ร้องหน้าถอดสีกันหมด หลังจากที่ตนเองถลึงตามองอ้าปากค้าง ก็ทยอยกันมองไปทางสามีที่อยู่ข้างๆพอเห็นว่าพวกเขามองกันตาไม่กระพริบ พวกนางก็เริ่มหึงหวงขึ้นมามีคนที่ทนไหว ทำเพียงแอบกัดฟันมีบางคนที่ทนไม่ได้ ยื่นมือไปหยิกสามีและยังมีบางคนแอบทำอะไรแต่ไม่พูดออกมา ทว่าก็มีคนที่กลั้นไม่ไหวจริงๆ ร้องเรียกไปทางสามีแม้ว่าพวกเขาจะไม่กล้าส่งเสียงเอะอะ กดเสียงต่ำเอาไว้ แต่พอคนมากเข้า เสียงจึงเริ่มเซ็งแซ่ขึ้นมาสถานการณ์เริ่มควบคุมไม่ได้ฮองเฮาเองก็ไม่อยากเชื่อ "องค์หญิง พวกนาง ที่พวกนางสวมคือชุดอะไรหรือ?"นี่ยังเรียกว่าเสื้อผ้าได้ด้วยหรือ?องค์หญิงหนานฉือฟังไม่ออกว่าฮองเฮาพูดว่าอะไร เพราะหวางต้าหลางกับฮูหยินเริ่นสองคนตอนนี้ก็ยังตะลึงงันอับนางรำอยู่ ลืมไปเลยว่าต้องแปลให้กับนางทูตหนานฉือเองก็เหมือนจะฟังเข้าใจหน่อยๆ จึงตอบไปคำหนึ่งว่า "ชุดระบำ ชุดระบำ""นี่คือชุดระบำ?" ฮองเฮาไม่อยากจะเชื่อแคว้นเจาของพวกเขาค่นอข้างอนุรักษ์นิยม ไม่ว
พอระบำจบ คนอื่นยังไม่ทันได้สติกลับมา หรือต่อให้ได้สติมาแล้วก็ไม่รู้ว่าควรมีปฏิกิริยาอย่างไร ก็ได้ยินเสียงปรบมือขึ้นมาแปะๆๆๆพระชายาอ๋องเจวี้ยนยังวิจารณ์ขึ้นมาด้วย "ยอดเยี่ยม ระบำได้ดีจริงๆ ให้ความรู้สึกร่วมมากเลย"ดีมากจริงๆแม้ชุดระบำของพวกนางใส่แล้วจะดูนอกกรอบไปหน่อย แต่สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกเกินคาดก็คือ ระบำชุดนี้ไม่ได้ดูฉูดฉาดไร้รสนิยมเลย ถึงอย่างไรก็ยังเริงระบำได้อย่างมีพลัง ยอดเยี่ยมมาก เต้นรัำได้เหมือนนางเงือกที่ต่อสู้กับคลื่นเลยทีเดียวดังนั้นการชื่นชมของนางจึงมาจากใจจริงองค์หญิงหนานฉือมองนางอย่างประหลาดใจ หลังจากเหล่านางรำออกไปแล้วจึงถามขึ้น "พระชายาอ๋องเจวี้ยนเมื่อครู่พูดว่าอะไรนะ?"นางมองออกถึงความหมายของการปรบมือ แต่ไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงพูดว่าอะไรฮูหยินเริ่นเหลือบมองฟู่จาวหนิง เอ่ยภาษาหนานฉือกับองค์หญิงหนานฉือ "องค์หญิง นางบอกว่าระบำชุดนี้ทำลายขนบธรรมเนียมเสียเหลือเกิน"หวางต้าหลางมองฮูหยินอย่างประหลาดใจ แต่ก็เลือกหุบปากลงทันทีถึงอย่างไรที่นี่ก็มีไม่กี่คนที่ฟังภาษาหนานฉือออก ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ตรวจการอันเองก็อยู่ตั้งห่าง ฮูหยินเริ่นเองก็แปลประโยคนี้ออกมาเบาๆ เพื่อ
"องค์หญิงหนานฉือบอกว่า นางรังเกียจหญิงสาวสับปลับหน้าเนื้อใจเสืออย่างพระชายาอ๋องเจวี้ยนมาก" หวางต้าหลางเอ่ยขึ้นองค์จักรพรรดิมองไปทางผู้ตรวจการอัน "อันอ้ายชิง ความหมายเป็นเช่นนั้นหรือ?"อันเหนียนพยักหน้า สีหน้าเย็นชาลงมาอันชิงแทบจะลุกขึ้นยืนไร้สาระ องค์หญิงหนานฉือทำไมถึงต้องพูดไร้สาระเช่นนี้? พี่สาวจาวหนิงไม่ใช่หญิงสาวที่สับปลับหน้าเนื้อใจเสือเสียหน่อย!คนอื่นๆ กลับมีสีหน้าเหมือนชมมหรสพขึ้นมา"หน้าเนื้อใจเสือ? สับปลับ?" เซียวหลันยวนค่อยๆ เอ่ยขึ้น "องค์หญิงหนานฉือไม่ชินกับกับดินฟ้าอากาศ ไม่ชินจนสมงสมองกับลูกตาไปหมดแล้วหรือ? พระชายาของข้าเป็นคนที่ตรงไปตรงมาเสมอ แล้วเจ้าใช้ตาข้างไหนถึงมาบอกว่านางหน้าเนื้อใจเสือสับปลับกัน?"อันเหนียนแปลประโยคที่อ๋องเจวี้ยนแปลออกมาทันทีองค์หญิงหนานฉือโมโห ตบโตะ ยังชี้ไปที่ฟู่จาวหนิง "คำพูดกับการกระทำไม่เหมือนกัน คิดจะหลอกองค์หญิงอย่างข้า!"ตอนที่นางโมโห พูดจาก็รวดเร็ว อันเหนียนเองก็ตามไม่ทัน ตั้งตัวไม่ติดทีเดียวหวางต้าหลางกับฮูหยินเริ่นตอนนี้ไม่กล้าพูดอะไรแล้ว องค์จักพรรดิไม่เรียกชื่อพวกเขา พวกเขาสองคนก็หดคอไม่พูดอะไรถ้าเดี๋ยวเรื่องลามมาถึงพว
องค์จักรพรรดิปากขยับพะงาบ ตอนกำลังจะพูด เสียงของเซียวหลันยวนก็ดังขึ้นมาอีก"ไทเฮาอยู่ที่นี่ องค์จักรพรรดิฮองเฮาเองก็อยู่ที่นี่ ต่อนห้าคนตั้งมากมายเช่นนี้ พวกเขาสองคนยังจะเปลี่ยนดำเป็นขาว ใส่ร้ายพระชายา กล้าหลอกลวงองค์หญิงหนานฉือเช่นนี้ ใครมอบความกล้าให้พวกเขากัน? ความกล้านี้พลิกแผ่นฟ้าได้เลยทีเดียว"สายตาของเซียวหลันยวนที่มองพวกเขาเหมือนมองคนตายสองคนอันเหนียนไม่พูดอะไรตอนนี้มีอ๋องเจวี้ยนคนเดียวก็พอแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขาเห็นท่าทางของอ๋องเจวี้ยน สองคนนี้คงจะไม่รอดแน่แล้ววันนี้หวางเก๋อเหล่าไม่มา หลักๆ คืออายุมากแล้ว บวกกับรู้สึกว่าลูกชายตนเองจะวาดลวดลายในงานเลี้ยงวังวันนี้ รู้สึกว่าพรุ่งนี้จะได้ยินคงได้ยินเสียงสรรเสริญของผู้คนแน่นอน ที่หวางเก๋อเหล่าไม่มา ก็เพราะมีอันเหนียนลงมือไปเล็กน้อย เขารู้ว่าไม่กี่วันนี้หวางต้าหลางจะต้องทำพลาดแน่ จัดการกันหวางเก๋อเหล่าออกไป เพื่อไม่ให้ตอนที่เกิดสถานการณ์อะไรขึ้นมาจริงแล้วผู้เฒ่าคนนี้จะเสนอหน้าออกมา แล้วใช้อายุความอาวุโสเข้าขัดขวางตอนนี้ดูท่าผลลัพธ์จะดีมากอันเหนียนประชดประชันในใจ และไม่รู้ว่าหวางเก๋อเหล่าหลังจากรู้สถานการณ์ตอนนี้แล้วจะคิ
"ลากพวกเขาออกไป ตัดหัวทิ้งเสีย" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเสียงเย็นเยียบ"ขอรับ"องครักษ์เงามังกรเดินไปยังหวางต้าหลางกับฮูหยินเริ่นทันทีพวกเขาตกใจจนพับลงไปบนพื้นทันที"ไม่ ไม่ ฮองเฮาโปรดละเว้นด้วย!""องค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดิ เห็นแก่สิ่งที่พ่อข้าทำให้แคว้นเจาด้วย..."คำพูดของหวางต้าหลางยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกองครักษ์เงามังกรใช้มือฟันจนสลบไปแล้ว ทั้งสองคนถูกลากออกไป ต่อหน้าคนทั้งตำหนัก ลากออกไปทั้งอย่างนั้นเลยแม้ฉากที่พวกเขาถูกตัดหัว คนเหล่านี้คงไม่ได้เห็นด้วยตนเอง แต่พวกเขาก็ยืนยันได้ ว่าอ๋องเจวี้ยนพูดได้ทำได้ สองคนนั้นไม่รอดแล้วแน่นอนพวกเขานิ่งเงียบเป็นเป่าสากอ๋องเจวี้ยนน่ากลัวเหลือเกิน อย่าได้ไปยั่วโมโหเชียวแล้วก็พระชายาอ๋องเจวี้ยนด้วย ตอนนี้เคยกลัวสถานการณ์เคยกลัวใครที่ไหน? สองสามีภรรยานี้ กำเริบเสิบสานมากจริงๆองค์หญิงหนานฉือเองก็รู้สึกสนใจตัวอ๋องเจวี้ยนมากโดยไม่สนใจสีหน้าเขียวปั๊ดขององค์จักรพรรดิและฮองเฮา นางเอ่ยกับอ๋องเจวี้ยนขึ้นว่า "อ๋องเจวี้ยน ข้าชอบนิสัยของท่าน ตรงไปตรงมาดี! ข้าแต่งเข้ากับจวนอ๋องเจวี้ยนดีไหม?"อันเหนียนพอได้ยินคำนี้ ใจก็เต้นผางขึ้นมา มองไปทางฟู่จาว
"เมื่อเป็นเช่นนี้ อ๋องเจวี้ยนก็โชคดีสุดๆ เลย มีพระชายาที่งดงามขนาดนี้สองคนอยู่ด้วยกัน ประกบซ้ายขวา มีชีวิตที่มีความสุขเหลือเกิน""องค์หญิงหนานฉือเองก็ไม่เลว ใจกว้างได้เหมาะสม""หาได้ยากที่คนอย่างนางซึ่งเป็นเจ้าหญิง จะยอมดีกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนก่อน หลังจากนี้ก็ไม่ต้องมีความยุ่งยากอย่างเรื่องหึงหวงแล้ว"คนไม่น้อยล้วนอิจฉาต่อตัวอ๋องเจวี้ยนอย่างมากและมีหญิงสาวรุ้สึกว่าฟู่จาวหนิงก็น่าจะรู้สึกโชคดีด้วยอ๋องเจวี้ยนในฐานะที่เป็นอ๋องคนหนึ่ง เรือนหลังไม่มีทางที่จะมีผู้หญิงเพียงคนเดียว ตอนนี้มีองค์หญิงมาคนหนึ่ง ดีจะตายไปฟู่จาวหนิงมาจากตระกูลเล็กครอบครัวเล็ก ลูกสาวของตระกูลยากจนที่พ่อแม่เป็นตายร้ายดีก็ยังไม่รู้ ได้มารับใช้ปรนนิบัติสามีคนเดียวกับองค์หญิงแคว้นหนึ่ง นี่ถือว่าเป็นเกียรติกับนางมากแล้วฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนสถานการณ์นี้ พวกเขาแม้จะไม่คิดมาก่อนก็ตาม แต่ก็น่าจะมีเตรียมใจไว้บ้างแล้ว"อายวน" องค์จักรพรรดิกดดันทันที "องค์หญิงหนานฉือเป็นองค์หญิงจากแคว้นหนึ่ง เป็นหญิงสาว นางเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้แล้ว พวกเราในฐานะที่เป็นชาย จะทำให้อีกฝ่ายต้องผิดหวังไม่ได้นะ"ฮองเฮาเองก็เลิกคิ้วยิ้ม เ
เซียวหลันยวนยืนขึ้นเพียงครู่เดียวเท่านั้น แค่ชั่วกระพริบตาก็นั่งลงมาแล้วคนทั้งหมดคิดถึงตอนที่เข้าถูกยกเข้าวังมา ตอนนี้ยังเห็นว่าแค่ยืนก็ยังยืนแทบไม่ไหว ขานั่นพิการไปแล้วจริงหรือ?ฟู่จาวหนิงกุมหน้าผากเซียวหลันยวนยังกุมมือของนางอยู่ ยังพูดกับนางอย่างรู้สึกต้องรับผิดชอบว่า "หนิงหนิง ทำให้เจ้าต้องน้อยใจแล้วแท้ๆ"ฟู่จาวหนิงกัดฟัน กดเสียงต่ำ "เซียวหลันยวนพอได้แล้วนะ พูดอีกเดี๋ยวจะโกรธแล้ว"ทักษะแสดงนี่ก็ไม่รู้จักเก็บเอาไว้หน่อย!องค์หญิงหนานฉือได้สติกลับมานางมองอย่างไม่อยากเชื่อไปทางอันเหนียน ถึงอย่างไรนอกจากสามีภรรยาอ๋องเจวี้ยน ตอนนี้ก็มีแค่อันเหนียนที่พูดภาษาหนานฉือกับนางได้"ผู้ตรวจการชิง ที่อ๋องเจวี้ยนพูดมานี่เรื่องจริงหรือ?"ในสมองอันเหนียนเหมือนมีม้าวิ่งตะบึง แต่บนหน้าเขาก็ยังไม่แสดงสีหน้าใด"องค์หญิง อ๋องเจวี้ยนของพวกเรามีสุขภาพอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก ท่านเองก็รู้ เขาเองก็คอยรักษาตัวอยู่ที่ยอดเขาโยวชิงมาโดยตลอด ปีที่แล้วเพิ่งจะกลับมาเมืองหลวง"ส่วนที่ว่าร่างกายไหวหรือไม่ไหว ขอโทษด้วย เขาไม่รู้!องค์หญิงหนานฉือปิดปากร้องอุทานออกมาหลังจากนั้นนางก็มองอ๋องเจวี้ยนอย่างเห็นใจ
"เจ้าเป็นอะไรไป? ไม่ใช่บอกว่าวิชาแพทย์ดีมากหรอกหรือ? รักษาอายวนมาตั้งนาน ทำไมเขากลับอาการหนักขึ้นล่ะ?"เขาตำหนิฟู่จาวหนิงหน้าแข็งหลังจากนั้นพอเห็นฟู่จาวหนิงก็รู้สึกประหม่าขึ้นในพริบตานางหลบสายตา ไม่กล้าสบตาตรงๆ กับเขาองค์จักรพรรดิอดสงสัยไม่ได้ ฟู่จาวหนิงคงไม่ได้ไม่ตั้งใจรักษาเซียวหลันยวนหรอกกระมัง? ถึงอย่างไรตอนนั้นแม่ของนางก็เป็นผู้ต้องสงสัยที่วางยาพิษเซียวหลันยวนนี่ พวกเขาสองคนยังถือว่าเป็นศัตรูกันอยู่"องค์จักรพรรดิ อาการป่วยนี้ของเซียวหลันยวนรักษายากมาก ร่างกายของเขาแต่ละด้านล้วนอ่อนแอและเจ็บหนัก ตอนนี้ข้าเองก็กำลังอยู่ในขั้นตอนการคลำทางรักษาอยู่ ดังนั้นบางครั้งจึงต้องทดลองยาหลายชนิดอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ยังไม่มีตัวอย่างโรคให้อ้างอิงได้เลย"สายตาของฟู่จาวหนิงหลบไปแวบเดียวเท่านั้น กลับมาขึงขังตั้งใจอธิบายขึ้นทันทีองค์จักรพรรดิรู้สึกว่าคำอธิบายของนางฟังแล้วเหมือนเป็นเรื่องจริง"เจ้าพูดมาก็ถูก แต่อายวนเป็นน้องชายข้า และเป็นอ๋องที่สำคัญยิ่งของแคว้นเจา เจ้าต้องระมัดระวังหน่อย และต้องรอบคอบขึ้นอีกหน่อย รักษาให้ดี ต้องรักษาเขาให้ได้!"องค์จักรพรรดิ ตอนนี้พยายามจะแสดงค
แม้จะผ่านไปเกือบสิบแปดปีแล้ว แต่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวก็ยังเป็นคนที่กาลเวลารักใคร่อยู่พวกเขาแม้จะอายุมากแล้ว หน้าตาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง แต่พอเทียบกับสมัยก่อนแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เยอะมากมองหลายๆ ครั้งก็มองออกได้คนที่เซียวเหยียนจิ่งเตรียมไว้ยังมองออก ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยซื่อเลยเซี่ยซื่อเคยเป็นครอบครัวของพวกเขาด้วยนะหลังจากนางจำได้แล้วยังสงสัยว่าตาตนเองฝาดไปหรือไม่ ยังสงสัยว่าตนเองคงตาลาย ดังนั้นเลยนวดตาทันที จากนั้นจึงมองพวกเขาอย่างละเอียดอีกครั้งไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นสองคนนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็จำเซี่ยซื่อได้ แม้ว่านางจะรู้ตัวตนฐานะของตนเองแล้ว แต่ยังคงโพล่งออกมาว่า "พี่สะใภ้รอง!"เซี่ยซื่อคือภรรยาของผู้เฒ่ารองตระกูลหลินและเป็นคนเดียวในตระกูลหลินที่อ่อนโยนเป็นห่วงเสิ่นเชี่ยว ดังนั้นเสิ่นเชี่ยวพอเห็นนาง ดวงตาจึงแดงรื้นขึ้นมาคำว่าพี่สะใภ้รอง ก็ทำเอาเซี่ยซื่อใจสั่นระริกเช่นกันรีบวางตะกร้าที่หิ้วไว้ลงมา เดินตรงไปหานาง"ให้ตายเถอะ อา อาเล็กหรือ?"ไม่ ไม่ใช่อาเล็กชองนางแล้วสิ เซี่ยซื่อยืนอยู่หน้าเสิ่นเชี่ยว ถลึงตาโตอ้าปากค้าง"พี่สะใภ้รอง ข้าข้าเจอครอบครัวของข้าแ
ฟู่จาวหนิงสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย "ดูท่า น่าจะมีคนไม่น้อยที่ยังไม่ลืมพวกเขา คอยจับตาดูจนถึงทุกวันนี้""ข้าเตรียมการเสร็จแล้ว รอบบ้านตระกูลฟู่วางองครักษ์ลับเอาไว้แล้ว วางใจเถอะ" เซียวหลันยวนพานางเข้ามา สองมือโอบข้างเอวนาง จ้องมองนาง "องค์จักรพรรดิน่าจะลงมือกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพ่อลูกชินอ๋องเซียวยังคอยจับตาดูพวกเขาขนาดนี้ มันดูแปลกไปหน่อย""ตรวจสอบดูก็รู้ พวกเขาถ้าหากมีความคิดอะไร มีแผนอะไร มีเป้าหมายอะไร เดี๋ยวก็ได้รู้เอง"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ใส่ใจนักเซียวหลันยวนพยักหน้าสายตาเขามองออกไปไกลๆ ถัดจากนี้ต้องดูว่าสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินจะรับมืออย่างไร เมืองหลวงยังมีคนที่มีเป้าหมายต่างๆ อยู่ และยังมีขั้วอำนาจที่ใช้วิธีการต่างๆ อยู่อีกด้วยเขาถึงแม้จะเชื่อว่าครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่วางยาพิษ แต่ว่าพวกเขาตอนนั้นถูกใครบางคนหรือเรื่องบางอย่างหนีบเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีทางดึงตัวออกมาอย่างหมดจดได้ พวกเขาเองก็เป็นคนในเหตุการณ์ตอนนี้พอมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับเขา เซียวหลันยวนก็ยังพิจารณานาว่าพวกเขาจะแบกรับไหวไหม หลังจากนี้จะไม่ถ่วงแข้งขาฟู่จาวหนิงได้จริงไหม จะไม่ทำร้ายนางจริงไหมเซียวหลันยวนไม่ได้
"หนิงหนิง มีเรื่องอะไรถึงคุยกันนานสองนาน?"ในห้องขังมีเสียงเซียวหลันยวนดังออกมา"มาแล้ว"ฟู่จาวหนิงขานรับคำหนึ่ง เตรียมจะกลับห้องขังเซียวเหยียนจิ่งไม่อยากเชื่อ "เจ้าไม่ไปกับข้าจริงหรือ? เจ้าไม่สนใจพ่อแม่เจ้าหรือไรกัน?"ปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงเกินจากที่เขาคาดไว้เขาเดิมทีคิดว่าพอได้ยินว่าพ่อแม่ไม่เป็นไร แล้วยังกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงอย่างน้อยต้องตาแดงรื้นบ้าง ไม่ก็ร้องไห้ออกมา รีบร้อนตามเขาออกไปอย่างตื่นเต้น เพื่อรีบไปพบพ่อแม่ของนาง"อ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็ยังต้องอยู่ในห้องขัง ไม่มีอะไรหรอก เจ้าจัดที่นี่จนดูอยู่สบายไปแล้ว แล้วเขาทำไมยังต้องให้เจ้ามาอยู่ด้วยกันอีก?""ข้ามาอยู่เอง เขาเป็นสามีข้า ข้าไม่อยู่กับเขาแล้วใครจะอยู่กัน?"ฟู่จาวหนิงหลังจากที่รู้เจตนาการมาของเขาก็ขี้เกียจจะคุยกับเขาแล้ว ผลักเขาออก แล้วเดินไปทางห้องขังเซียวเหยียนจิ่งนี่ก็จุ้นจ้านเสียจริง"เจ้าทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้" เซียวเหยียนจิ่งตะโกนใส่หลังนาง "เจ้าเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว ถ้าเจ้ายินยอม มีคนตั้งมากมายที่ยินดีจะรักและเอ็นดูเจ้า ทำไมต้องมาอยู่ในคุกกับเขาแบบนี้ด้วย"เดิมทีหญิงสาวคนนี้ควรจะควรจะม
"ใช่ พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว" เซียวเหยียนจิ่งจ้องมองฟู่จาวหนิง "เป็นอย่างไร เจ้าอยากรีบกลับบ้านไหม? ได้ยินว่าปู่ของเจ้ากับเด็กที่ชื่อเสี่ยวเฟยก็อยู่กันที่จวนอ๋องเจวี้ยนนี่? ถ้าเจ้าไม่กลับไป พ่อแม่ของเจ้าคงจะหาคนไม่เจอแน่"ฟู่จาวหนิงทำท่าทางตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม? พวกเขากลับมาแล้วจริงหรือ?""ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน? ไม่เชื่อข้าตอนนี้เจ้าก็ไปกับข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขา"เซียวเหยียนจิ่งพูด มือเองก็คันยุบยิบ เขาอยากจะยื่นมือไปจูงนางเหลือเกิน จูงนางออกจากคุกใหญ่ถ้าเขาสามารถจูงมือนางออกไปได้ เซียวหลันยวนคงได้กระอักเลือดตายกระมัง?แต่เขาเพิ่งจะขยับ ฟู่จาวหนิงก็ถอยออกไปแล้วสองก้าว"พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง เช่นนั้นก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ที่บ้านตระกูลฟู่มีคนอยู่ พวกเขาจะหาคนไม่เจอได้อย่างไรกัน?""เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?""เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าวิ่งแจ้นเข้ามาบอกข้าหรอกกระมัง? พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง คนใช้บ้านตระกูลฟู่อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาบอกข้าเอง""เจ้าลืมอ๋องเจวี้ยนไปแล้วหรือ?""เขาก็อยู่ที่นี่ ลืมอะไรกัน?""ความ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ