เซียวหลันยวนเม้มปาก ไม่ตอบอะไร"พิษบนตัวท่าน ก่อนหน้านี้ข้าพูดไว้แล้ว ถ้าหากถูกกระตุ้นขึ้นมาท่านจะหนาวตายเอา ทำไมท่านถึงเข้ามาในสถานที่อย่างภูเขาหิมะกันกัน?"เซียวหลันยวนตอบ นางเองก็รับไปอย่างมึนๆ "แต่ว่าข้าเองก็อยากรู้อยากเห็นมาตลอด บนยอดเขาโยวชิงนั่นเป็นอย่างไรกัน? ไม่หนาวหรือ? ฟังจากชื่อแล้วน่าะจะหนาวอยู่นะ ท่านทำไมถึงพักฟื้นอยู่ที่นั่นได้ตั้งหลายปีล่ะ?""เจ้าหยุดพูดก่อนเถอะ"เซียวหลันยวนถอนหายใจอย่างจำใจ เขารู้สึกว่าตนเองถ้าไม่เอ่ยออกมา นางคงเอาแต่พูดปาวปาวแน่ เห็นๆ อยู่ว่าเจ็บหนัก เห็นๆ อยู่ว่าแทบจะสลบไปอยู่แล้ว ทำไมถึงได้พูดมากกว่าปกติเสียล่ะนี่?"จู่ๆ ก็คิดถึงปัญหานี้ขึ้นมาได้น่ะ ก่อนหน้านี้ไม่ได้ถามมาตลอด" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"รอให้อาการบาดเจ็บเจ้าดีขึ้นก่นอ แล้วข้าจะบอกกับเจ้าเอง" เซียวหลันยวนแบกนาง รู้สึกได้ว่าเลือดบนหลังนางหยุดลงมาที่หลังมือตนเองแล้ว ใจก็เจ็บปวดเสียเหลือเกินในคืนที่หนาวขนาดนี้ ถ้าหากเลือดออกไม่มากนัก ไหลมาเพียงครู่เดียวก็แห้งแล้ว ไม่มีทางหยดลงมาแน่ ตอนนี้เลือดนางยังไหลอยู่ อธิบายได้ว่าบาดแผลนั้นหนักหนาเอาการทีเดียวตัวฟู่จาวหนิงเองมียาอยู่ แต่ยาห้ามเ
"กลับกันก่อน"เซียวหลันยวนไม่พูดอะไรมาก ตัวเขาเองก็มาช้าเกินไป จะมีหน้าไปโทษพวกเขาได้อย่างไรกัน?ตอนที่ฟู่จาวหนิงตื่นขึ้นมา ด้านนอกก็มืดสนิทแล้ว และยังมีเกล็ดหิมะโปรยลงมาอีกจวนอ๋องเจวี้ยนเองยังสว่างด้วยโคมอยู่เซียวหลันยวนดูแลอยู่หน้าเตียงนาง สีหน้าขาวซีดไปบ้าง"ท่านอ๋อง ท่านไปพักผ่อนสักหน่อยเถิด ท่านถ่ายกำลังภายในให้พระชายาตั้งมากมาย ถ้าล้มเป็นอะไรไป ตอนพระชายาตื่นก็ยังต้องเหนื่อยนางอีก"ผู้ดูแลจงเตือนเซียวหลันยวนขึ้นมาข้างๆเซียวหลันยวนหลังจากพาฟู่จาวหนิงกลับมาก็เชิญท่านหมอมาแล้ว แต่ท่านหมอก็ยังต้องยกมือยอมแพ้กับสภาพของฟู่จาวหนิง เพราะพิษที่บาดแผลนางทำให้เลือดไหลออกมาไม่หยุดกว่าจะรื้อหากล่องยาของนางเจอ แล้วยังต้องไปหาเสิ่นเสวียนอีก รับเอายารักษาที่ฟู่จาวหนิงสกัดให้เขาเป็นพิเศษมาก่อน ถึงทำให้เลือดนางหยุดไหลลงได้แต่เฮ่อเหลียนเฟยกลับไม่ฟื้น สติสัมปชัญญะยังไม่ตื่นตัว ทว่าทั้งตัวกลับร้านผ่าว และยังทำท่าแปลกๆ เพ้อออกมาเป็นระยะด้วย นี่ก็ทำเอาท่านหมอต้องก่ายหน้าผากเหมือนกันท่านหมอยังสามารถตรวจออกมาได้ว่าเฮ่อเหลียนเฟยโดนยาอะไรมา แต่กลับไม่ถอนไม่ได้นั่นเพราะรู้ว่าเฮ่อเหลียนเฟยโ
ฟู่จาวหนิงเบิกตาโพลง พอเหลือบตาก็เห็นเซียวหลันยวน เซียวหลันยวนที่ไม่ได้สวมหน้ากากจากนั้นนางก็เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกเหมือนมือกำนำแข็งเอาไว้แล้วมือของเขาเย็นเกินไป!พิษของเขากำเริบแล้วขณะที่ตกตะลึงเช่นนี้ นางก็นึกขึ้นได้ทันทีเพราะที่หลังของนางด้านหนึ่งบาดเจ็บ ตอนนี้นอนตะแคงอยู่ ด้านหลังมีผ้าห่มหนุนไว้ ตอนนี้พอขยับ ก็ไปฉุดแปลเขา เจ็บจนน้องร้องซี๊ดออกมา"หนิงหนิง!"เซียวหลันยวนพอเห็นนางฟื้นแล้ว ก็ดีใจตื่นเต้นมาก"พระชายาฟื้นแล้วหรือ?" ผู้ดูแลจงเองก็รีบหมุนตัวกลับเข้ามา และเห็นฟู่จาวหนิงเบิกตาโพลงอยู่ แล้วยังคิดจะลุกขึ้นนั่งอีกด้วย"พระชายาฟื้นแล้ว?"ชิงอีหงจั๋วเฝิ่นซิงที่เฝ้าอยู่ด้านนอกก็หลั่งไหลกันเข้ามาอย่างอดไม่อยู่ฟู่จาวหนิงบาดเจ็บหนักจนสลบกลับมาจวนอ๋องเจวี้ยนเป็นครั้งแรก ทำเอาหงจั๋วเฝิ่นซิงตกอกตกใจกันหมดนางไม่ฟื้น พวกเขาก็ไม่กล้าไปไหน คอยเฝ้าอยู่ด้านนอกตลอด"เซียวหลันยวนท่านบ้าไปแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงหลังจากตื่นขึ้นมาก็พลิกจับมือเซียวหลันยวนเอาไว้ นี่เย็นจนเหมือนคนตายแล้วนะ "พิษของท่านกำเริบท่านยังไม่รู้ตัวอีกหรือ?""พระชายา ท่านอ๋องขึ้นไปบนภูเขาหิมะแล้วเกิดอาการพิษ
"เสี่ยวเฟยล่ะ?"นางคิดถึงเฮ่อเหลียนเฟยขึ้นมาอีกครั้งชิงอีรีบรีบบอกสถานการณ์ของเฮ่อเหลียนเฟยกับนางฟู่จาวหนิงพยักหน้า ถูกหงจั๋วกับเฝิ่นซิงประคองตัวยืนขึ้นมา "พาเขาไปทางนั้น ข้าจะแก้พิษให้เขา"นางเองก็มองไปที่เซียวหลันยวน ถอนหายใจ "ประคองท่านอ๋องของพวกเจ้าไปด้วยกันเลย"ดูสภาพเขาแล้ว ถ้าไม่ฝังเข็มคงไม่ไหวแน่"พระชายา แล้วท่านจะทำอย่างไร? ตัวท่านเองยังบาดเจ็บอยู่เลย ท่านหมอบอกว่าบาดแผลท่านมีพิษปนเปื้อน เขาเองก็ใช้เวลาตั้งนานกว่าจะห้ามเลือดท่านได้ แต่ว่าตอนนี้พิษยังไม่ถูกแก้ออกนะ"หงจั๋วกับเฝิ่นซิงเห็นนางเพิ่งตื่นขึ้นมาก็วุ่นจะช่วยคนอื่นแก้พิษแบบนี้ จึงร้อนรนจนแทบจะร้องไห้"ไม่ต้องห่วงไม่ต้องห่วง ข้ารู้ ข้ามียาแก้พิษอยู่ที่นั่น อีกเดี๋ยวพวกเจ้าช่วยข้าใช้ยาให้ก็พอ"ฟู่จาวหนิงเห็นสองสาวใช้ที่ร้องไห้ขึ้นมา ก็รีบปลอบประโลมทันทีดวงตาของพวกนางบวมแดง ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ร้องไห้ไปนานแค่ไหน"พวกเจ้าคงไม่ได้คิดว่าข้าจะไม่ตื่นขึ้นมาหรอกนะ?" ฟู่จาวหนิงตบลงที่มือของพวกนาง "ไม่มีทางหรอก ไม่มีทาง ในใจข้าคิดเอาไว้แล้ว แค่ก่อนหน้านี้พิษรุนแรงไปหน่อย ดังนั้นจึงสลบไป ตอนนี้ตื่นมาก็จัดการได้แล้ว"
ฟู่จาวหนิงตอนที่แก้พิษให้เฮ่อเหลียนเฟย ก็สังเกตได้แผนการชั่วร้ายของพวกเขา วางยาต่ำช้าเช่นนี้ให้กับเฮ่อเหลียนเฟย เป้าหมายแค่คิดก็รู้แล้วพวกเขาเองก็คิดจะล่อนางออกไปด้วย..."จ้าวเฉินเจ้ามันสมควรตาย"ฟู่จาวหนิงก่นด่าออกมาคำหนึ่งความคิดนี้จะต้องเป็นของจ้าวเฉินแน่เซียวหลันยวนนอนมองอยู่บนเตียงข้างๆ "จ้าวเฉินเองก็ติดพิษด้วย""ท่านคิดจะช่วยเขาหรือ? คิดจะไต่สวนเขาไหม?" ฟู่จาวหนิงถาม"ไม่"เซียวหลันยวนส่ายหัวอย่างไม่ต้องคิด เขาไม่มีความคิดจะช่วยชีวิตจ้าวเฉิน"ที่ข้าคิดก็คือ จะทำอย่างไรให้เขาต้องเจ็บปวดแสนสาหัสที่สุดก่อนตาย" น้ำเสียงเซียวหลันยวนมีจิตสังหารอยู่ด้วย "ถ้าจะให้ตายไปง่ายๆ ก็ดูจะง่ายเกินไปสำหรับเขา""เช่นนั้นก็ไม่ต้องไปสนใจเขาแล้ว" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น "พวกเขาทางนั้นเองก็วางพิษไปไม่น้อย แล้วพิษก็ยังซับซ้อนมากด้วย แต่ว่าจ้าวเฉินน่าจะติดโดนไปทุกชนิดเลย ถัดจากนี้ไม่ต้องไปสนใจเขา เขาก็จะได้รับโทษทัณฑ์มหาศาลไปเอง"ไม่ต้องสนใจเขาหรือ แค่นั้นจะพอได้อย่างไร?เซียวหลันยวนสั่งองครักษ์เงามังกรให้ไปจับคนอื่นในตระกูลจ้าวมาแล้วเขาจะปล่อยจ้าวเฉินตายไปง่ายๆ ได้อย่างไรกัน? ขณะที่บนร่างกาย
"ข้าให้องครักษ์เงามังกรค้นหาทั้งเส้นทางอีกรอบ ทิศทางนั้นถ้าหากตรงไปเรื่อยๆ จะสามารถผ่านไปถึงเมืองชายแดน พวกเขาเป็นไปได้มากว่าจะลอบกลับไปยังต้าชื่อ"ต้าชื่อส่งคนมากมายขนาดนี้ลอบเข้ามาในเมืองหลวงแคว้นเจา พวกเขาจะทำอะไรกัน?"ข้าจะส่งคำสั่งกลับไป""ท่านลุง ท่านไม่ต้องรีบร้อน ร่างกายของท่านยังต้องพักฟื้นให้ดีอีก" ฟู่จาวหนิงกังวลว่าเขาจากนี้จะไม่สนใจร่างกายที่เจ็บป่วยของตนเอง"วางใจเถอะ""ท่านลุงสู้พักผ่อนเสียก่อนดีกว่า ทั้งหมดรอพรุ่งนี้แล้วค่อยว่ากัน " เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นพอคำพูดส่งออกมา สายตาของเสิ่นเสวียนกับฟู่จาวหนิงก็ตกไปอยู่บนหน้าเขาทันทีทำไมถึงมาเรียกท่านลุงตามกันล่ะ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเสิ่นเสวียน และไม่รู้ว่าเสิ่นเสวียนจะด่าเขาว่าหน้าไม่อายหรือไม่?เสิ่นเสวียนชะงักไปครู่หนึ่ง จึงร้องอืมขึ้นมาเสียงหนึ่ง หมุนตัวเดินออกไปพอประตูปิดลงอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็กระพริบตาปริบใส่ฟู่จาวหนิง "ท่านลุงนาจะยอมรับแล้ว""ท่านทำไมจู่ๆ ก็หน้าด้านขึ้นมาเสียอย่างนั้น"ฟู่จาวหนิงหมุนตัวออกไป ฝังเข็มแก้พิษต่อให้เฮ่อเหลียนเฟย"เรียกท่านลุงตามภรรยา มีอะไรผิดแปลกกัน?" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น"ท่า
ฟู่จาวหนิงรู้ว่าถ้าไม่บอกว่าเฮ่อเหลียนเฟยเป็นอย่างไรบ้าง ท่านปู่คงไม่วางใจดังนั้นนางจึงเลือกเล่าเรื่องราชาเฮ่อเหลียน จากนั้นก็บอกว่าจะไม่ให้เฮ่อเหลียนเฟยกลับไปแล้ว นี่จึงทำให้ผู้เฒ่าฟู่วางใจขึ้นมาได้บ้าง"ใช่ๆๆ พ่อของเขาคนนั้นทำไมจึงไม่ได้เรื่องเช่นนี้? ทำความผิดอย่างสังหารล้างเผ่าด้วยตนเอง แล้วยังไม่คิดอีกว่าลูกชายอยู่ที่ไหน ไม่ยอมส่งคนมาปกป้อง ไม่บอกแจ้งกับเขา ไม่กลัวว่าเสี่ยวเฟยจะเกิดเรื่องเลยหรือ?"ผู้เฒ่าฟู่มองใบหน้าขาวซีดของเฮ่อเหลียนเฟย ปวดใจขึ้นมาสิ่งที่ฟู่จาวหนิงพุดมา ให้เฮ่อเหลียนเฟยอยู่ที่นี่ไม่ต้องกลับไปแล้ว ก็ตรงกับใจเขาพอดีตอนนี้ต่อให้เฮ่อเหลียนเฟยบอกว่าตนเองจะไป ผู้เฒ่าฟู่เองก็คงไม่ยอมให้เขาไปแล้ว"ท่านปู่ ลุงของข้าเองก็อยู่ที่นี่ ท่านไปคุยกับเขาดีไหม?""ได้ได้ได้ เจ้าคงจะเหนื่อยมากแล้ว เจ้าไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะไปหาเสิ่นเสวียนคุยด้วยเสียหน่อย"รอจนผู้เฒ่าฟู่ออกไป เฮ่อเหลียนเฟยก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น"พี่หญิง""ข้าอยู่นี่แล้ว"ฟู่จาวหนิงไม่ขยับตัวนางเหนื่อยมาก เจ็บแผลด้วย ไม่อยากจะขยับแล้วเฮ่อเหลียนเฟยลุกขึ้นนั่งทันที มองไปที่นาง ร้องไห้จ้าขึ้นมา"พี่ พี่หญิงท่
"คนของต้าชื่อ"เซียวหลันยวนหลังจากได้ยินก็นิ่งงันไปครู่หนึ่งฟู่จาวหนิงมองเขา รอจนเขาจัดการความคิดของเขาเสียหน่อย จากนั้นจึงถามขึ้นคำหนึ่ง "เจ้ารู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้ต้องไปถามลุงของข้าไหม?"เสิ่นเสวียนถึงอย่างไรก็เป็นคนจากต้าชื่อ"เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ เรื่องนี้ข้าจัดการเอง ไม่ต้องคิดอะไรมาก" เซียวหลันยวนมองนาง ยื่นมือไปลูบหน้าผากนาง "เจ้าตัวร้อนหน่อยๆ นะ""จริงหรือ?"ฟู่จาวหนิงงงงัน จึงยกมือตนเองขึ้นอังหน้าผากนางเป็นไข้จริงๆ แล้วกลับไม่รุ้ตัวเลยเฮ่อเหลียนเฟยรีบเอ่ยขึ้น "พี่หญิง เช่นนั้นท่านต้องรีบกินยาแล้ว ไปจับไข้มาบนภูเขาหิมะใช่ไหม?""ให้คนจัดให้เสี่ยวเฟยพักที่นี่ก่อนได้ไหม?" ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวน"พักที่นี่ไปก่อนทั้งหมดนั่นล่ะ" เซียวหลันยวนอุ้มนางขึ้นมา "ปู่ของเจ้าก็พักที่นี่ไปก่อน เจ้าไม่ต้องกังวลมาก ข้าจะอุ้มเจ้ากลับเรือนเจียนเจีย"เขาไม่รู้เลยว่าที่แท้นางจะมีนิสัยขี้กังวลขนาดนี้ ตัวเองเจ็บจนเป็นไข้แล้วแท้ๆ ในสมองกลับยังคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้เต็มไปหมด"ใช่ใช่ใช่ พี่หญิง ข้าจะตามพี่เขยไป ท่านไม่ต้องกังวล" เฮ่อเหลียนเฟยเอ่ยขึ้น"พี่เขย?"เซียวหลันยวนหันมามองเขาผา
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ
"หวานจัง"องค์หญิงนานฉือกินไปคำหนึ่ง ตาก็เป็นประกายขึ้นมา"ลูกชิ้นนี่เหนียวหนึบหนับดี เด้งและอ่อนนุ่ม น้ำแกงก็หวาดดี อร่อยจัง""ลูกชิ้นนี้ต้องใช้น้ำอุ่นที่อุณหภูมิพอดีมานวด ส่วนเวลาและแรงตอนที่นวดก็ต้องพิถีพิถันด้วย ท่านพี่เองก็ชอบกิน พีสะใภ้กินเยอะหน่อยๆ"องค์หญิงหนานฉือชอบกิน อันชิงจึงดีใจมากนางนั่งอยู่ตรงข้ามมององค์หญิงหนานฉือ รู้สึกว่านางดุมีเสน่ห์กว่าก่อนที่แต่งงานเสียอีก สวยจับใจจริงๆ"พี่ชายของเจ้า..."องค์หญิงหนานฉือหน้าร้อนขึ้นมาเดิมทีนางก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย แต่พอเจอกับเรื่องนี้ก็อดเขินอายขึ้นมาไม่ได้เหมือนักนพูดพูดถึงผู้ตรวจการอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือก็รู้สึกปากร้อนขึ้นมาหน่อยๆ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ตรวจการอันที่มีหน้าตางดงามอ่อนโยนมีการศึกษา จะเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์หนักหน่วงคนหนึ่งแบบนี้!หลายวันนี้ ทุกวันตอนกลางคืนเขาก็จะมาทรมานนางสองครั้ง หลังจากเสร็จประชุมเช้า เขาก็ยังกลับมาทรมานนางอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งก็ยังใช้เวลานาน นี่ทำเอานางหลายวันนี้มึนๆ งงๆ ร่างกายเมื่อยขบนอนไม่พอ ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยทุกมื้อล้วนมีคนส่งอาหารเข้ามาในห้อง นางเองก็ขี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนใจว่าองค์จักรพรรดิจะถามพวกอวิ๋นจูอย่างไรนางกลับมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง ครั้งนี้ย้ายของไปมากกว่าเดิม ถึงกับตกแต่งห้องขังนั้นขึ้นมาแล้วประตูห้องขังยังแขวนม่านเอาไว้ด้วย บนพื้นปูพรม บนเตียงยังมีฉากกั้นลมสูงครึ่งตัวคนอีก แล้วยังกั้นเป็นห้องเล็กๆ สามารถวางถังปลดทุกข์ใบหนึ่งได้ด้วยที่มุมยังมีแจกันดอกไม้ บนกำแพงติดเชิงเทียนเอาไว้ แล้วยังแขวนเครื่องหอมไว้อีกย้ายโต๊ะมาหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว แล้วยังมีเบาะรองนั่งอีกพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกก็ยังติดมา แล้วยังมีเตาเล็กสำหรับอุ่นชาอุ่นสุราอีกชุดหนึ่ง วางเครื่องลายครามที่ประณีตสวยงามเอาไว้องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนหลังจากย้ายของพวกนี้เข้ามาจัดวางแล้ว ห้องขังนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวหน้าคุกกับผู้คุมมองจนตาตั้งพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้ห้ามปราม แต่ฟู่จาวหนิงพูดมาคำเดียวว่า "ข้าบอกกับองค์จักรพรรดิแล้วว่ามาอยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋อง" พวกเขาก็ต้องก้มหน้ากลับไปหัวหน้าคุกรู้สึกว่าผิดปกติไปจริงๆ วิ่งไปรายงานกับหัวหน้า ตอนกลับมายังคิดจะรื้อของเหล่านี้ของฟู่จาวหนิงออก"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิให้อ๋องเจวี้ยนมาทบทวนตนเองให้
"ที่แท้การขังเอาไว้ในคุกใหญ่ก็ไม่เรียกว่าการลงโทษสินะ?""ฟู่จาวหนิง วันนี้เจ้าคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ข้ามีงานการอีกตั้งมาก ไม่มีเวลามาเสวนาไร้สาระกับเจ้านะ!" องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าแค่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็ปวดหัวเสียแล้วเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรนางจริงๆวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงสูงส่งมาก! ในใจเขายังรู้สึกว่าโชคดีมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของแคว้นเจา ถึงอย่างไรนางก็ยังมีญาติอยู่ที่เมืองหลวง ถึงอย่างไรตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีรากฐานอะไร ดังนั้นตอนที่เขาต้องการนางจริงๆ เขายังมั่นใจว่าตนเองจะบีบจุดอ่อนของนาง แล้วนำนางมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเองได้ใครให้วิชาแพทย์ต้องมาเจอกับหายนะเข้าในใต้หล้านี้กัน ปัจจุบันพวกหมอเก่งๆ ล้ำค่าจะตายไปก่อนหน้านี้แคว้นเจามีหมอเทวดาหลี่ พวกเขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอยู่ แต่พอเทียบกับฟู่จาวหนิง วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่กลับห่างชั้นอยู่ไกลโขเลยทีเดียวเพื่อวิชาแพทย์ของนาง ขอแค่นางไม่มาเหยียบเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำ องค์จักรพรรดิก็ยังมีความอ่อนข้อให้สูงลิบอยู่เพียงแต่ว่า นางนี่มันน่าโมโหเสียจริงองค์จักรพรรดิรู้สึกว่ายิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงมากแค่ไหนชีวิตเขาก็สั้นลงไปอีกหลายปี"แค่อยากจ
องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำของฟู่จาวหนิง หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดตึงขึ้นมา"อายวนเขามีอะไรต้องทุกข์ใจกัน? ไม่พอใจข้าที่ให้เขาไปนั่งทบทวนตนเองในคุกหรือ?"ถ้านางกล้าบอกว่าไม่พอใจล่ะก็...ในใจองค์จักรพรรดิยังกำลังคิด ว่าตอนที่นางพูดว่าไม่พอใจแล้วจะตอกนางกลับไปอย่างไร ก็ได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดออกมาคำหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ ใครบ้างที่ยินดีจะอยู่ในคุก?"องค์จักรพรรดิ: นี่ยังจะย้อนถามมาอีกหรือ?"แต่ต่อให้ไม่ยินดีก็มิอาจขัดราชโองการได้" ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ดูจำใจอย่างมาก "เขาเป็นทุกข์ก็คือพวกสาวงามที่องค์จักรพรรดิยัดเข้ไาปข้างกายนั่นมันน่าโมโหมาก องค์จักรพรรรดิให้พวกนางไปดูแลเขา ผลลัพธ์คือพวกนางทั้งหมดก็หนีไปกันเกลี้ยง!""หนีหรือ?"องค์จักรพรรดิเองก็เดินตามแนวคิดของนางโดยไม่รู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเลียนเสียงนางขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเขาจึงได้สติกลับมา อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ"ใช่ไหมล่ะ เกินไปจริงๆ องค์จักรพรรดิ อายวนอยู่ในคุำำใหญ่ออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเข้าวังมาบอกกับองค์จักรพรรดิ จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ต้อนรับสาวงามพวกนี้ แต่เจอเรื่องครั้งนี้เข้าไปก็ส่งผลกระทบกั