"กลับกันก่อน"เซียวหลันยวนไม่พูดอะไรมาก ตัวเขาเองก็มาช้าเกินไป จะมีหน้าไปโทษพวกเขาได้อย่างไรกัน?ตอนที่ฟู่จาวหนิงตื่นขึ้นมา ด้านนอกก็มืดสนิทแล้ว และยังมีเกล็ดหิมะโปรยลงมาอีกจวนอ๋องเจวี้ยนเองยังสว่างด้วยโคมอยู่เซียวหลันยวนดูแลอยู่หน้าเตียงนาง สีหน้าขาวซีดไปบ้าง"ท่านอ๋อง ท่านไปพักผ่อนสักหน่อยเถิด ท่านถ่ายกำลังภายในให้พระชายาตั้งมากมาย ถ้าล้มเป็นอะไรไป ตอนพระชายาตื่นก็ยังต้องเหนื่อยนางอีก"ผู้ดูแลจงเตือนเซียวหลันยวนขึ้นมาข้างๆเซียวหลันยวนหลังจากพาฟู่จาวหนิงกลับมาก็เชิญท่านหมอมาแล้ว แต่ท่านหมอก็ยังต้องยกมือยอมแพ้กับสภาพของฟู่จาวหนิง เพราะพิษที่บาดแผลนางทำให้เลือดไหลออกมาไม่หยุดกว่าจะรื้อหากล่องยาของนางเจอ แล้วยังต้องไปหาเสิ่นเสวียนอีก รับเอายารักษาที่ฟู่จาวหนิงสกัดให้เขาเป็นพิเศษมาก่อน ถึงทำให้เลือดนางหยุดไหลลงได้แต่เฮ่อเหลียนเฟยกลับไม่ฟื้น สติสัมปชัญญะยังไม่ตื่นตัว ทว่าทั้งตัวกลับร้านผ่าว และยังทำท่าแปลกๆ เพ้อออกมาเป็นระยะด้วย นี่ก็ทำเอาท่านหมอต้องก่ายหน้าผากเหมือนกันท่านหมอยังสามารถตรวจออกมาได้ว่าเฮ่อเหลียนเฟยโดนยาอะไรมา แต่กลับไม่ถอนไม่ได้นั่นเพราะรู้ว่าเฮ่อเหลียนเฟยโ
ฟู่จาวหนิงเบิกตาโพลง พอเหลือบตาก็เห็นเซียวหลันยวน เซียวหลันยวนที่ไม่ได้สวมหน้ากากจากนั้นนางก็เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกเหมือนมือกำนำแข็งเอาไว้แล้วมือของเขาเย็นเกินไป!พิษของเขากำเริบแล้วขณะที่ตกตะลึงเช่นนี้ นางก็นึกขึ้นได้ทันทีเพราะที่หลังของนางด้านหนึ่งบาดเจ็บ ตอนนี้นอนตะแคงอยู่ ด้านหลังมีผ้าห่มหนุนไว้ ตอนนี้พอขยับ ก็ไปฉุดแปลเขา เจ็บจนน้องร้องซี๊ดออกมา"หนิงหนิง!"เซียวหลันยวนพอเห็นนางฟื้นแล้ว ก็ดีใจตื่นเต้นมาก"พระชายาฟื้นแล้วหรือ?" ผู้ดูแลจงเองก็รีบหมุนตัวกลับเข้ามา และเห็นฟู่จาวหนิงเบิกตาโพลงอยู่ แล้วยังคิดจะลุกขึ้นนั่งอีกด้วย"พระชายาฟื้นแล้ว?"ชิงอีหงจั๋วเฝิ่นซิงที่เฝ้าอยู่ด้านนอกก็หลั่งไหลกันเข้ามาอย่างอดไม่อยู่ฟู่จาวหนิงบาดเจ็บหนักจนสลบกลับมาจวนอ๋องเจวี้ยนเป็นครั้งแรก ทำเอาหงจั๋วเฝิ่นซิงตกอกตกใจกันหมดนางไม่ฟื้น พวกเขาก็ไม่กล้าไปไหน คอยเฝ้าอยู่ด้านนอกตลอด"เซียวหลันยวนท่านบ้าไปแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงหลังจากตื่นขึ้นมาก็พลิกจับมือเซียวหลันยวนเอาไว้ นี่เย็นจนเหมือนคนตายแล้วนะ "พิษของท่านกำเริบท่านยังไม่รู้ตัวอีกหรือ?""พระชายา ท่านอ๋องขึ้นไปบนภูเขาหิมะแล้วเกิดอาการพิษ
"เสี่ยวเฟยล่ะ?"นางคิดถึงเฮ่อเหลียนเฟยขึ้นมาอีกครั้งชิงอีรีบรีบบอกสถานการณ์ของเฮ่อเหลียนเฟยกับนางฟู่จาวหนิงพยักหน้า ถูกหงจั๋วกับเฝิ่นซิงประคองตัวยืนขึ้นมา "พาเขาไปทางนั้น ข้าจะแก้พิษให้เขา"นางเองก็มองไปที่เซียวหลันยวน ถอนหายใจ "ประคองท่านอ๋องของพวกเจ้าไปด้วยกันเลย"ดูสภาพเขาแล้ว ถ้าไม่ฝังเข็มคงไม่ไหวแน่"พระชายา แล้วท่านจะทำอย่างไร? ตัวท่านเองยังบาดเจ็บอยู่เลย ท่านหมอบอกว่าบาดแผลท่านมีพิษปนเปื้อน เขาเองก็ใช้เวลาตั้งนานกว่าจะห้ามเลือดท่านได้ แต่ว่าตอนนี้พิษยังไม่ถูกแก้ออกนะ"หงจั๋วกับเฝิ่นซิงเห็นนางเพิ่งตื่นขึ้นมาก็วุ่นจะช่วยคนอื่นแก้พิษแบบนี้ จึงร้อนรนจนแทบจะร้องไห้"ไม่ต้องห่วงไม่ต้องห่วง ข้ารู้ ข้ามียาแก้พิษอยู่ที่นั่น อีกเดี๋ยวพวกเจ้าช่วยข้าใช้ยาให้ก็พอ"ฟู่จาวหนิงเห็นสองสาวใช้ที่ร้องไห้ขึ้นมา ก็รีบปลอบประโลมทันทีดวงตาของพวกนางบวมแดง ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ร้องไห้ไปนานแค่ไหน"พวกเจ้าคงไม่ได้คิดว่าข้าจะไม่ตื่นขึ้นมาหรอกนะ?" ฟู่จาวหนิงตบลงที่มือของพวกนาง "ไม่มีทางหรอก ไม่มีทาง ในใจข้าคิดเอาไว้แล้ว แค่ก่อนหน้านี้พิษรุนแรงไปหน่อย ดังนั้นจึงสลบไป ตอนนี้ตื่นมาก็จัดการได้แล้ว"
ฟู่จาวหนิงตอนที่แก้พิษให้เฮ่อเหลียนเฟย ก็สังเกตได้แผนการชั่วร้ายของพวกเขา วางยาต่ำช้าเช่นนี้ให้กับเฮ่อเหลียนเฟย เป้าหมายแค่คิดก็รู้แล้วพวกเขาเองก็คิดจะล่อนางออกไปด้วย..."จ้าวเฉินเจ้ามันสมควรตาย"ฟู่จาวหนิงก่นด่าออกมาคำหนึ่งความคิดนี้จะต้องเป็นของจ้าวเฉินแน่เซียวหลันยวนนอนมองอยู่บนเตียงข้างๆ "จ้าวเฉินเองก็ติดพิษด้วย""ท่านคิดจะช่วยเขาหรือ? คิดจะไต่สวนเขาไหม?" ฟู่จาวหนิงถาม"ไม่"เซียวหลันยวนส่ายหัวอย่างไม่ต้องคิด เขาไม่มีความคิดจะช่วยชีวิตจ้าวเฉิน"ที่ข้าคิดก็คือ จะทำอย่างไรให้เขาต้องเจ็บปวดแสนสาหัสที่สุดก่อนตาย" น้ำเสียงเซียวหลันยวนมีจิตสังหารอยู่ด้วย "ถ้าจะให้ตายไปง่ายๆ ก็ดูจะง่ายเกินไปสำหรับเขา""เช่นนั้นก็ไม่ต้องไปสนใจเขาแล้ว" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น "พวกเขาทางนั้นเองก็วางพิษไปไม่น้อย แล้วพิษก็ยังซับซ้อนมากด้วย แต่ว่าจ้าวเฉินน่าจะติดโดนไปทุกชนิดเลย ถัดจากนี้ไม่ต้องไปสนใจเขา เขาก็จะได้รับโทษทัณฑ์มหาศาลไปเอง"ไม่ต้องสนใจเขาหรือ แค่นั้นจะพอได้อย่างไร?เซียวหลันยวนสั่งองครักษ์เงามังกรให้ไปจับคนอื่นในตระกูลจ้าวมาแล้วเขาจะปล่อยจ้าวเฉินตายไปง่ายๆ ได้อย่างไรกัน? ขณะที่บนร่างกาย
"ข้าให้องครักษ์เงามังกรค้นหาทั้งเส้นทางอีกรอบ ทิศทางนั้นถ้าหากตรงไปเรื่อยๆ จะสามารถผ่านไปถึงเมืองชายแดน พวกเขาเป็นไปได้มากว่าจะลอบกลับไปยังต้าชื่อ"ต้าชื่อส่งคนมากมายขนาดนี้ลอบเข้ามาในเมืองหลวงแคว้นเจา พวกเขาจะทำอะไรกัน?"ข้าจะส่งคำสั่งกลับไป""ท่านลุง ท่านไม่ต้องรีบร้อน ร่างกายของท่านยังต้องพักฟื้นให้ดีอีก" ฟู่จาวหนิงกังวลว่าเขาจากนี้จะไม่สนใจร่างกายที่เจ็บป่วยของตนเอง"วางใจเถอะ""ท่านลุงสู้พักผ่อนเสียก่อนดีกว่า ทั้งหมดรอพรุ่งนี้แล้วค่อยว่ากัน " เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นพอคำพูดส่งออกมา สายตาของเสิ่นเสวียนกับฟู่จาวหนิงก็ตกไปอยู่บนหน้าเขาทันทีทำไมถึงมาเรียกท่านลุงตามกันล่ะ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเสิ่นเสวียน และไม่รู้ว่าเสิ่นเสวียนจะด่าเขาว่าหน้าไม่อายหรือไม่?เสิ่นเสวียนชะงักไปครู่หนึ่ง จึงร้องอืมขึ้นมาเสียงหนึ่ง หมุนตัวเดินออกไปพอประตูปิดลงอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็กระพริบตาปริบใส่ฟู่จาวหนิง "ท่านลุงนาจะยอมรับแล้ว""ท่านทำไมจู่ๆ ก็หน้าด้านขึ้นมาเสียอย่างนั้น"ฟู่จาวหนิงหมุนตัวออกไป ฝังเข็มแก้พิษต่อให้เฮ่อเหลียนเฟย"เรียกท่านลุงตามภรรยา มีอะไรผิดแปลกกัน?" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น"ท่า
ฟู่จาวหนิงรู้ว่าถ้าไม่บอกว่าเฮ่อเหลียนเฟยเป็นอย่างไรบ้าง ท่านปู่คงไม่วางใจดังนั้นนางจึงเลือกเล่าเรื่องราชาเฮ่อเหลียน จากนั้นก็บอกว่าจะไม่ให้เฮ่อเหลียนเฟยกลับไปแล้ว นี่จึงทำให้ผู้เฒ่าฟู่วางใจขึ้นมาได้บ้าง"ใช่ๆๆ พ่อของเขาคนนั้นทำไมจึงไม่ได้เรื่องเช่นนี้? ทำความผิดอย่างสังหารล้างเผ่าด้วยตนเอง แล้วยังไม่คิดอีกว่าลูกชายอยู่ที่ไหน ไม่ยอมส่งคนมาปกป้อง ไม่บอกแจ้งกับเขา ไม่กลัวว่าเสี่ยวเฟยจะเกิดเรื่องเลยหรือ?"ผู้เฒ่าฟู่มองใบหน้าขาวซีดของเฮ่อเหลียนเฟย ปวดใจขึ้นมาสิ่งที่ฟู่จาวหนิงพุดมา ให้เฮ่อเหลียนเฟยอยู่ที่นี่ไม่ต้องกลับไปแล้ว ก็ตรงกับใจเขาพอดีตอนนี้ต่อให้เฮ่อเหลียนเฟยบอกว่าตนเองจะไป ผู้เฒ่าฟู่เองก็คงไม่ยอมให้เขาไปแล้ว"ท่านปู่ ลุงของข้าเองก็อยู่ที่นี่ ท่านไปคุยกับเขาดีไหม?""ได้ได้ได้ เจ้าคงจะเหนื่อยมากแล้ว เจ้าไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะไปหาเสิ่นเสวียนคุยด้วยเสียหน่อย"รอจนผู้เฒ่าฟู่ออกไป เฮ่อเหลียนเฟยก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น"พี่หญิง""ข้าอยู่นี่แล้ว"ฟู่จาวหนิงไม่ขยับตัวนางเหนื่อยมาก เจ็บแผลด้วย ไม่อยากจะขยับแล้วเฮ่อเหลียนเฟยลุกขึ้นนั่งทันที มองไปที่นาง ร้องไห้จ้าขึ้นมา"พี่ พี่หญิงท่
"คนของต้าชื่อ"เซียวหลันยวนหลังจากได้ยินก็นิ่งงันไปครู่หนึ่งฟู่จาวหนิงมองเขา รอจนเขาจัดการความคิดของเขาเสียหน่อย จากนั้นจึงถามขึ้นคำหนึ่ง "เจ้ารู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้ต้องไปถามลุงของข้าไหม?"เสิ่นเสวียนถึงอย่างไรก็เป็นคนจากต้าชื่อ"เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ เรื่องนี้ข้าจัดการเอง ไม่ต้องคิดอะไรมาก" เซียวหลันยวนมองนาง ยื่นมือไปลูบหน้าผากนาง "เจ้าตัวร้อนหน่อยๆ นะ""จริงหรือ?"ฟู่จาวหนิงงงงัน จึงยกมือตนเองขึ้นอังหน้าผากนางเป็นไข้จริงๆ แล้วกลับไม่รุ้ตัวเลยเฮ่อเหลียนเฟยรีบเอ่ยขึ้น "พี่หญิง เช่นนั้นท่านต้องรีบกินยาแล้ว ไปจับไข้มาบนภูเขาหิมะใช่ไหม?""ให้คนจัดให้เสี่ยวเฟยพักที่นี่ก่อนได้ไหม?" ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวน"พักที่นี่ไปก่อนทั้งหมดนั่นล่ะ" เซียวหลันยวนอุ้มนางขึ้นมา "ปู่ของเจ้าก็พักที่นี่ไปก่อน เจ้าไม่ต้องกังวลมาก ข้าจะอุ้มเจ้ากลับเรือนเจียนเจีย"เขาไม่รู้เลยว่าที่แท้นางจะมีนิสัยขี้กังวลขนาดนี้ ตัวเองเจ็บจนเป็นไข้แล้วแท้ๆ ในสมองกลับยังคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้เต็มไปหมด"ใช่ใช่ใช่ พี่หญิง ข้าจะตามพี่เขยไป ท่านไม่ต้องกังวล" เฮ่อเหลียนเฟยเอ่ยขึ้น"พี่เขย?"เซียวหลันยวนหันมามองเขาผา
เฮ่อเหลียนเฟยเองก็แปลกใจ อยู่ต่อหน้าคนอื่นก็ยังดีหน่อย แต่พออยู่ต่อหน้าเสิ่นเสวียนกลับปอดแหกขึ้นมาเสียอย่างนั้นเซียวหลันยวนมองพวกเขาอย่างละเอียด ตอนนี้ดูแล้วเฮ่อเหลียนเฟยไม่ได้คล้ายเสิ่นเสวียนเท่าไรน่าจะเพราะสังเกตได้ถึงการพิจารณาของเขา เสิ่นเสวียนก็เข้าใจขึ้นมาว่าเขากำลังมองอะไร"ข้าตอนนี้หน้าตาไม่ค่อยเหมือนสมัยเด็กๆ""ความหมายของท่านลุงคือ เสี่ยวเฟยดูคล้ายกับท่านตอนเด็กหรือ?" เซียวหลันยวนถามเฮ่อเหลียนเฟยมองเสิ่นเสวียนด้วยอาการตื่นเต้นและใจตุ้มต่อม รอคำตอบของเขาเสิ่นเสวียนไม่ทำให้เขาผิดหวัง พยักหน้ายอมรับ"ก็ดูคล้ายมากจริงๆ""เช่นนั้นข้า ข้า" จะเป็นหลานชายของเขาจริงไหม แล้วจะเป็นน้องชายแท้ๆ ของพี่หญิงจริงไหม?"เมื่อครู่ข้าถามเขาไปคำถามหนึ่ง เผ่าเฮ่อเหลียนเวลานี้มีเรื่อง เขาคิดจะกลับไปไหม" เสิ่นเสวียนบอกเซียวหลันยวน "เขายังพิจารณาอยู่"เซียวหลันยวนเองก็มองไปทางเฮ่อเหลียนเฟยเฮ่อเหลียนเฟยตึงเครียดขึ้นมา"ข้า ข้า ข้ากับท่านพ่อไม่มีความรู้สึกอะไรให้กัน เขาเองก็ไม่ได้รักข้าเท่าไร ถึงแม้คนนอกจะล้วนคิดว่าเขาน่าจะยกตำแหน่งราชาเฮ่อเหลียนให้ข้า แต่ข้ารู้ อันที่จริงเขาคิดจะให้ข้า
"หมอเทวดาฟู่"ทุกคนราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน ทำความเคารพฟู่จาวหนิงกันอย่างระมัดระวังพวกเขาอันที่จริงอยากจะคุกเข่าลงโขกศีรษะด้วยซ้ำ แต่พวกสืออีกประคองตัวไว้ เป็นสัญญาณว่าพวกเขายืนไว้ก็พอ"เรียท่านหมอฟู่ก็พอแล้ว"ฟู่จาวหนิงเองก็จนใจหน่อยๆ พวกเขาเหล่านี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากฏพวกนี้ตั้งขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ที่ว่าพอเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ จะถูกเรียกว่าหมอเทวดาอันที่จริง เทวดาก็ไม่ได้เป็นเทวดาอะไร นางเองก็มีโรคที่รักษาไม่ได้เหมือนกัน"ทุกคนรู้จักกันไว้ก่อนก็พอ อีกเดี๋ยวข้าจะจับชีพจรให้พวกเจ้าทั้งสิบคน ถ้ามีตรงไหนไม่สบาย มีโรคระบาดอะไรให้บอกข้าไว้ก่อน"ในเมื่อต้องใช้พวกเขา ฟู่จาวหนิงก็ต้องตรวจอาการพวกเขาก่อน"ข้าไม่มีโรคอะไร ข้าชื่ออาเหอ ใต้เท้าอันให้ขาพาพวกเขามา แล้วต้องฟังการกำชับจากหมอ ท่านหมอฟู่"อาเหอมองฟู่จาวหนิง รู้สึกประหม่าหน่อยๆหมอเทวดาหญิงที่สูงส่งเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะรังเกียจพวกเขาไหม"ได้ ไม่ต้องเครียดนัก บอกชื่อของตัวเองมาหน่อย"อาเหออันที่จริงก็ไม่ค่อยเชื่อนักว่าพูดเพียงรอบเดียว ฟู่จาวหนิงก็จะจำชื่อพวกเขาได้ แต่ว่า ได้พูดชื่อของตนเองออกมารอบหนึ่งต่อหน้านาง พวกเขากลับรู้สึกว่า
อันเหนียนเองก็เป็นคนมีความสามารถ ฟู่จิ้นเชินเองก็ด้วย สองวันต่อมาพวกเขาก็ไม่อยู่บนรถม้าแล้ว แต่ออกไปเดินกับพวกผู้ประสบภัยเวลาสองวัน พวกเขาสองคนก็เลือกผู้ประสบภัยมาสิบคน ถึงเวลาสามารถนำมาใช้งานได้เป็นพวกที่ซื่อๆ คล่องแคล่วไม่พูดมาก เนื่องจากในบ้านประสบภัยจนไปต่อไม่ไหวแล้วจึงตรงมาที่เมืองเจ้อ แต่พวกเขาก็ไม่อยากจะเอาแต่ขอความช่วยเหลือจากจวนทางการ แต่ยังคิดว่าหลังจากถึงเมืองเจ้อแล้วจะทำอะไรได้บ้าง เอามาแลกข้าวไปกินฤดูใบไม้ผลเมืองเจ้อหนาวเย็น พวกเขาอย่างน้อยยังต้องผ่านมันไปอีกสองเดือนภายใต้สิ่งแวดล้อมเช่นนี้ อากาศเย็นๆ เอาชีวิตพวกเขาไปได้ ถึงอย่างไรก็กลัวจะไม่มีที่คุ้มกะลาหัว กลัวไม่มีข้าวต้มร้อนๆ กิน และยิ่งไม่มีเงินที่จะหาหมอซื้อยาด้วยอันเหนียนกับฟู่จิ้นเชินเลือกผู้ประสบภัยมาสิบคน ว่าจ้างพวกเขาชั่วคราว ถึงเวลาถ้าช่วยเหลือได้ ก็รับประกันว่าได้กินอิ่ม เจ็บป่วยมียาให้สิ่งนี้ถือว่าดีมากๆ สำหรับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นในใจก็เกิดความปลอดภัยขึ้นมาทันทีพวกเขาอย่างน้อยยังมีประโยชน์บ้าง ยังมีความรู้สึกพึ่งพาได้ ตอนมาถึงเมืองเจ้อก็ไม่ต้องชะเง้อซ้ายขวา ไม่รู้ว่าควรไปที่ไหน จะถูกจัดแจงที่พั
"จาวหนิง พวกเราต้องเร่งเดินทางแล้วกระมัง?"ฟู่จิ้นเชินให้พวกสืออีไปตรวจสอบรถม้าแต่ละคันอีกหน่อย ดูว่าสัมภาระมัดแน่นดีหรือไม่เขาเองก็ไม่คิดจะเปลืองน้ำลายอธิบายเรื่องนี้ความจริงมันเกิดขึ้นแล้ว เมื่อครู่จูเฉียนเฉี่ยนก็พูดเรื่องที่พวกเขาเคยเจอกันออกมาชัดเจนแล้ว ไม่มีอะไรให้อธิบายอีกยิ่งไปกว่านั้น ปฏิกิริยากับการจัดการของฟู่จาวหนิงก็เด็ดขาดไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรอีก"รีบเดินทางเถอะ" ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ติดใจกับเรื่องนี้อันที่จริง เรื่องราวก็แค่นี้เอง ทุกคนเข้าใจแล้ว พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ ต่อให้เป็นเซียวหลันยวนเองถ้าเจอกับเรื่องนี้ หลังจากนางชัดเจนแล้วก็จะปล่อยมันไปเหมือนกัน แล้วนี่ก็เป็นพ่อของนางด้วยนะเพียงไม่นาน ทุกหลังจากที่พวกเขาจัดขบวนเรียบร้อยก็เดินทางต่อ ทิ้งจูเฉียนเฉี่ยนทั้งขบวนไว้ด้านหลังจูเฉียนเฉี่ยนมองเงาของพวกเขาที่จากไป ยืนนิ่งอยู่ที่นั่น"แม่นาง ช่างมันดีกว่าไหม?" ไฉ่เอ๋อร์อดเตือนนางขึ้นมาไม่ได้ "คุณชายฟู่คนนั้น ดูแล้วก็ไม่ได้ต้องการให้แม่นางตอบแทนนี่นา แล้วก็แม่นางข้างๆ เขาคนนั้น ข้ากลัวอยู่หน่อยๆ ด้วย"ฟู่จาวหนิงหน้าตาสะสวย ดูแล้วยังอายุน้อย ไม่ได้ลงไม้ลงมืออะ
"ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เช่นนั้นแม่นางจูก็มาตอบแทนบุญคุณด้วยการทำร้ายสินะ"อะไรนะ?จูเฉียนเฉี่ยนมองนางอย่างงงงัน"ข้า ข้าจะมาตอบแทนด้วยการทำร้ายได้อย่างไร?" นางยังไม่ได้เริ่มเลยนะ"เมื่อครู่ถ้าไม่ใช่คนของข้าลงมือ เจ้ารู้ไหมว่าจะมีผลลัพธ์อย่างไร?" ฟู่จาวหนิงเดิมทีก็ใช้ท่าทีคนแปลกหน้ากับนางอยู่แล้ว พอตอนนี้มารู้อดีตเข้า ท่าทีของนางก็ยิ่งเย็นชากว่าเดิมเสียอีก"ข้าเองก็ไม่ได้เจตนานี่นา ข้าไม่รู้จริงๆ ว่ายาที่คนคนนั้นขายให้ข้าจะรุนแรงขนาดนี้""เจ้าจะเจตนาหรือไม่มันเป็นเรื่องของเจ้า แต่พวกเรามองแค่ผลลัพธ์ เพราะไม่ว่าเจ้าจะมีหรือไม่มีเจตนา เรื่องราวสุดท้ายก็เป็นเจ้าที่ทำมันขึ้น ก่อนหน้าที่เจ้าจะทำเรื่องนี้ก็ได้พิจารณาที่จะไล่ตามมาไว้แล้ว ถ้าไม่พิจารณาเลยว่าจะส่งผลกระทบอะไรกับพวกเราบ้าง"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างไม่เกรงใจ "พวกเราตอนนี้เท่ากับช่วยชีวิตพวกเจ้าไว้แล้วครั้งหนึ่ง ครั้งที่แล้วเขาช่วยเจ้า สิ่งที่แลกมาคืออันตรายครั้งหนึ่ง ครั้งนี้พวกเราช่วยเจ้า ใครจะรู้ว่าครั้งต่อไปเจ้าจก่อเรื่องอะไรออกมาอีก? การเดินทางพวกเราตอนนี้ถูกเจ้าทำให้ล่าช้า ถ้าหากพวกเรามีเรื่องที่เร่งด่วนเกี่ยวกับชีวิตคน เช
ข้ารู้ว่าท่านไม่น่าจะลืมข้าคำพูดนี้มันคลุมเครือเสียเหลือเกินฟู่จาวหนิงมองพ่อนาง สีหน้าเองก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกหน่อยๆฟู่จิ้นเชินรักหวานชื่นกับเสิ่นเชี่ยวมาตลอด แล้วยังมีภาพลักษณ์ที่ซ์่อสัตย์มั่นคงด้วย พวกเขาปกติตอนที่อยู่ด้วยกัน ก็มองออกได้ง่ายมากกว่ามีความรู้สึกให้กันดีมากๆอย่าให้จู่ๆ ก็มีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ขึ้นมาเชียว ความสงบสุขที่ตระกูลฟู่ได้มาอย่างยากลำบากอาจจะพังทลายลงได้ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเสิ่นเชี่ยวน่าจะไม่ใช่คนที่จะยอมรับหญิงสาวคนอื่นมาแบ่งสามีตัวเองไปได้ด้วยฟู่จิ้นเชินหลังจากได้ยินประโยคนั้นของจู่เฉียนเฉี่ยน ก็มองไปทางฟู่จาวหนิงทันทีพอสบกับสีหน้านาง เขาก็อธิบายออกมา แน่นอนว่าเป็นการอธิบายถึงเหตุการณ์ตอนนั้น"ตอนนั้นแม่ของเจ้าป่วย ไข้ขึ้นจนมึนไปหมด ข้าให้นางพักอยู่ในโรงเตี๊ยม ส่วนข้าเองก็ออกไปซื้อยา แล้วที่ด้านนอกร้านยานั้นก็เจอกับแม่นางคนนี้ โอ้ ตอนนั้นนางแต่งตัวเป็นชาย นางกำลังนำยาห่อหนึ่งให้กับหมอพเนจรคนหนึ่งดู""ตอนนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นหมอพเนจรอะไร เขาบอกว่าเขาเป็นหมอเทวดาจากสมาคมหมอใหญ่" จูเฉียนเฉี่ยนอธิบายมาคำหนึ่ง"วัตถุดิบยาห่อนั้นของนางมองแล้วดูดีมีค
จูเฉียนเฉี่ยนเห็นพวกเขาเข้ามา ก็ทำท่าทางน่าสงสารขึ้นหลักๆ คือมองไปทางฟู่จิ้นเชินอันเหนียนเพิ่งจะถามไปไม่กี่คำ พอเห็นท่าทางนางเช่นนี้จึงถอยออกไปสองก้าว ให้ฟู่จาวหนิงขึ้นหน้ามา"แม่นางจูสินะ?" ฟู่จาวหนิงยืนอยู่ด้านหน้าจูเฉียนเฉี่ยน สายตาเย็นเยียบ"ใช่แล้ว จูเฉียนเฉี่ยน" จูเฉียนเฉี่ยนรีบตอบ"พูดมา เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?"ฟู่จาวหนิงถามออกมาตรงๆ สายตามีอาการบีบคั้นเล็กน้อย ไม่ยอมให้นางได้มีโอกาสเลี่ยง"ข้า ข้า...""เจ้าคิดให้ดีแล้วค่อยตอบ ข้าไม่ยอมรับคำโกหก เพราะพวกเจ้าเมื่อครู่เกือบทำพวกเราแย่ไปด้วย" ฟู่จาวหนิงเห็นตาของนางหลุกไปหลิกมา จึงตัดบทคำพูดนางทันทีสายตานางเฉียบคมขนาดนี้เลยหรือ?จูเฉียนเฉี่ยนมองฟู่จาวหนิง รู้สึกแค่ว่าตนเองตอนอยู่ต่อหน้านางไม่เหลือความลับอะไรอยู่อีกแล้วอย่างไรอย่างนั้น สายตาฟู่จาวหนิงมองมาอย่างคมกริบ แล้วยังดูน่าเกรงขามอีกด้วยแม่นางคนนี้ดูแล้วเหมือนไม่ได้โตกว่านางเลย ทำไมถึงดูน่าเกรงขามขนาดนี้กัน?"ม้าของเจ้ากินยาแล้วคลั่งขึ้นมา เจ้าอย่าบอกข้า ว่าพวกเจ้าไม่รู้" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นมาให้ชัดเจนหน่อยไฉ่เอ๋อร์ถลึงตาโตอย่างตกใจ มองไปทางแม่นางของนางโดยสัญชา
จูเฉียนเฉี่ยนใจเย็นลงมา ก็รู้ว่าคงเลี่ยงไม่พ้นแล้ว เลิกม่านรถขึ้น สบตากับอันเหนียนคุณชายคนนี้เมื่อคืนก็ดูสุภาพเรียบร้อยดี แต่ตอนนี้กลับดูมีอำนาจน่าเกรงขาม ทำเอาเธอกลัวตัวสั่นจนไม่กล้าลงจากรถม้าเลย"แม่นางจูไม่เป็นไรใช่ไหม?"ใครจะคิด ว่าพออันเหนียนเอ่ยปากก็ถามไถ่อย่างเป็นห่วงจูเฉียนเฉี่ยนถอนใจโล่งออกมา "ยัง ยังไหว""ลงจากรถม้าก่อนดีไหม?"ถึงอย่างไรรถม้าาคันนี้ ม้าที่ลากรถก็ล้มไปแล้ว ตอนนี้คงเดินไม่ได้ ลงมาก่อนน่าจะดีกว่าคนใช้อีกสามคนของนางยังอยู่บนรถม้า อันเหนียนรู้สึกว่าคุยอะไรมากไม่ได้"พวกเราจะลงไปเดี๋ยวนี้"จูเฉียนเฉี่ยนนิ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วภายใต้ปฏิกิริยาที่สงบอ่อนโยนของอันเหนียนอดพูดไม่ได้เลย ท่าทีของอันเหนียนสามารถปลอบอารมณ์ให้เย็นได้ดีจริงๆพอนางลงจากรถม้า ยังยื่นมือมาประคองสาวใช้ไฉ่เอ๋อร์อีก แล้วยังประคองหญิงรับใช้กับไฉ่เอ๋อร์ลงมาด้วยกัน"ไปพักทางนั้นก่อนเถอะ"อันเหนียนตอนที่ลงจากรถพวกนางก็มองไปรอบๆ เห็นว่าไม่ไกลนักที่พื้นหญ้าที่ค่อนข้างสะอาดอยู่ ที่นั่งยังมีหินอีกหลายก้อน บางทีก่อนหน้านี้อาจจะมีคนผ่านทางมาพักตรงนั้น หินจึงค่อนข้างเรียบ"เสี่ยวเจียง ไปเอาพรมม
ฟู่จาวหนิงเองก็ได้ยินการเคลื่อนไหวด้านอกแล้ว ขบวนรถของพวกเขาหยุดลงมา องครักษ์ควบม้าเข้ามา เอ่ยขึ้นเสียงร้อนรน "พระชายา ม้าของพวกเขาเสียการควคุม ดูผิดปกติมาก"ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว กระโจนลงจากรถ เดินออกมาไม่กี่ก้าวมองไปด้านหลัง แล้วก็เห็นรถม้าหลายคันทะยานย่ำโคลนพุ่งเข้ามาจริงๆ"พวกเจ้ามั่นใจว่าช่วยได้ไหม?" นางถาม"ลองดูได้""เดี๋ยวก่อน" ฟู่จาวหนิงขึ้นไปบนรถม้าแล้วหยิบเข็มกำหนึ่งลงมาทันที "เข็มยาชา แทงใส่ม้า ระวังด้วย"พวกเขามีกำลังภายใน ใช้สิ่งนี้จะดูเก่งกาจกว่านางหน่อยองครักษ์รับเข็มไปทันที หลายคนหันม้าเข้าไปหาพวกของจูเฉียนเฉี่ยนคนใช้ของอีกฝ่ายลนลานไปแล้ว "หลีก หลีกไป! พวกเราหยุดไม่ได้!"ถ้าทั้งสองฝ่ายควบม้ามาชนกัน ต้องมีคนตายแน่การปะทะเช่นนี้ ถ้าล้มจากม้า จะต้องถูกเหยียบตายแหง"จับให้แน่น!" องครักษ์สองมือยกขึ้น เข็มก็พุ่งสาดออกไปราวห่าฝน แทงไปบนตัวม้าองครักษ์สองคนด้านหลังก็ไม่ลดความเร็ว พุ่งเข้าไปหาต่อ ควบม้าเอียงตัวหลบ จากนั้นยื่นมือไปคว้าอีกฝ่ายดึงขึ้นมาบนหลังม้าของตนเอง ยกเท้าเตะหัวม้า ให้ม้าเบนออกไปข้างทางส่วนม้าที่ลากรถม้าด้านหลังก็ถูกแทงไปหลายเข็ม ชั่วเวลาครู่เดียว
เพราะเมื่อคืนนี้ฝนตกทั้งคืน ตอนเช้าในช่วงเส้นทางนี้ ความเร็วขบวนรถจึงเน้นไปที่ความเสถียรเป็นหลักฟู่จาวหนิงเดิมทีคิดว่าจากเมืองหลวงไปเมืองเจ้อน่าจะสามสี่วันก็ไปถึง แต่ต่อมาพอถามฟู่จิ้นเชินกับอันเหนียน จึงรู้ว่าที่เซียวหลันยวนบอกว่าสามสี่วันไปถึง นั่นคือความเร็วของการขี่ม้าคนเดียวแต่แบบพวกเขาที่ขนสัมภาระมากมายเช่นนี้ กลางคืนยังต้องเข้าพัก หยุดพักเพื่อกินข้าวสามมือ ก็ต้องใช้เวลาประมาณหกวัน บวกกับเรื่องฝนหรืออย่างอื่น ความเร็วก็จะยิ่งช้าลง อาจจะไปถึงเจ็ดแปดวันดังนั้นนางจึงส่งองครักษ์สองคนขี่ม้านำไปสำรวจทางข้างหน้าก่อนแล้ว ถึงแม้จะไม่ถึงในสามสี่วัน แต่ก็หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกและเพราะไปได้ช้า จึงถูกคนอื่นตามขึ้นมาแล้วรถม้าของอันเหนียนอยู่หน้าขบวน ฟู่จาวหนิงนั่งอยู่รถม้าคันกลาง เดิมทียังมีรถม้าของฟู่จิ้นเชินตามอยู่ด้านหลังอีก แต่เพราะระหว่างทางพวกเขาต้องรีบเรียนรู้ ดังนั้นฟู่จิ้นเชินจึงอยู่บนรถม้าฟู่จาวหนิงเป็นส่วนใหญ่ด้านหลังมีรถสัมภาระอีกหลายคัน ด้านหลังก็เป็นองครักษ์จวนอ๋องคุมท้ายเพราะล้วนเป็นคนที่ฝึกยุทธ์มา พวกเขาอยู่ท้ายขบวนจึงได้ยินการเคลื่อนไหวด้านหลัง ว่ามีคนไ