"จวนชินอ๋องเซียวที่แท้ก็ต่ำช้าขนาดนี้เชียว! สกุลหลี่อย่างข้าถือว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว!" เพราะรู้ว่าพวกเขาทั้งสองบ้านเปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สนอะไรอีก ยกของเหล่านี้ออกมารับมือ"นี่น่าจะเป็นความหมายของชินอ๋องเซียวแล้ว พี่เซียวไม่มีทางทำกับข้าเช่นนี้" หลี่จื่อเหยาเอ่ยขึ้น"ถุด!"หมอเทวดาหลี่โมโหจนหน้าเขียวไปแล้ว"ทำไมจะไม่มีทาง? พวกเขาแสดงออกมาแล้วว่าดูถูกเจ้า ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเจ้าหรอก ก็แค่จะรับเจ้ากลับไป!""ไม่มีทาง"หมอเทวดาหลี่โมโห หมุนตัวกลับไปที่ห้อง ตอนที่ออกมาก็ส่งกล่องใบหนึ่งให้นาง"ท่านพ่อ นี่คืออะไร?""ในนี้เป็นสมบัติล้ำค่าของข้า ยาอีกมากมาย วิธีใช้กับบทบาทข้าเขียนเอาไว้บนขวดหมดแล้ว สิ่งเหล่านี้เจ้าพกไว้กับตัว ถึงตอนนั้นถ้าคนในจวนชินอ๋องเซียวหรือเซียวเหยียนจิ่งรังแกเจ้า เจ้าก็ค่อยใช้!"จะให้พวกเขามารังแกไม่ได้เด็ดขาด!บนหลังคา เงาร่างหนึ่งบินแฉลบออกไปอย่างรวดเร็วพอมาถึงจวนอ๋องเจวี้ยน เขาก็มารายงานอ๋องเจวี้ยนอย่างละเอียดเซียวหลันยวนพอได้ยินก็หัวเราะเบาๆ"ลูกสาวออกเรือน แต่ให้ยาพกติดตัวไว้กล่องหนึ่ง นี่หาได้ยากในใต้หล้าเสียจริง สมแล้วที่เป็นหมอเท
คนผู้นั้นสวมชุดคลุมผ้าสีม่วงเข้มคนที่สวมชุดสีนี้ได้ในเมืองหลวง ตอนนี้ปรากฎตัวขึ้นที่นี่อีกแล้ว ฟู่จาวหนิงคิดถึงความเป็นไปได้มากที่สุดนั่นก็คือเซียวหลันยวนแต่ว่าเซียวหลันยวนจะว่างเกินไปไหม?ฟู่จาวหนิงเม้มปาก ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร พอนางเห็นเกี้ยวหลี่จื่อเหยาตะแคงล้มแล้วก็รู้สึกเบิกบานอยู่นี่เหมือนกับระบายความอัดอั้นออกไปแทนนางและไม่รู้ว่าหลี่จื่อเหยากระแทกในเกี้ยวแรงเกินไปไหมในโรงน้ำชาหรูหราชั้นสอง ชิงอีเห็นเซียวหลันยวนปรบไม้ปรบมือ ก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้ "ท่านอ๋อง ท่านมาระบายโกรธแทนพระชายาเช่นนี้ คงต้องหาโอกาสบอกพระชายาหน่อยกระมัง?"พระชายาถ้ารู้เข้าก็คงจะซาบซึ้งแน่ ถึงตอนนั้นความรู้สึกของท่านอ๋องกับพระชายาก็จะยิ่งดีขึ้น"ไม่จำเป็น"เสียงของเซียวหลันยวนเย็นเยียบลงมามีอะไรน่าพูดกัน?นางจะทำอะไรก็คิดอย่างชัดเจนกับเขาไปเสียหมด ถึงตอนนั้นคงได้นับเข้าไปในสิบเรื่องนั้นแน่ แล้วมองว่าเขาแค่เสร็จสิ้นสัญญาไปข้อหนึ่งเท่านั้นพอคิดแล้วก็รู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาหน่อยๆชิงอีพอเห็นท่าทางของเขาก็ไม่กล้าพูดต่ออีก ท่านอ๋องสามวันก่อนหลังจากกลับมาจากบ้านตระกูลฟู่ อารมณ์ก็เหมือนจะไม่ดีอยู่ตลอด"ย
หลี่จื่อเหยายืนอยู่ในโถงจนขาเริ่มชาแล้ว ขณะกำลังจะระเบิดอารมณ์ จึงได้ยินว่าเซียวเหยียนจิ่งเข้ามาแล้วผ้าแพรแดงในมืออีกด้านหนึ่งถูกจับไว้ อารมณ์โกรธของหลี่จื่อเหยาจึงระงับลงมา ฟังคำกล่าวหนึ่งกราบไหว้ฟ้าดินสองกราบไหว้บุพการีและทำตามพิธีการไปผลลัพธ์คือเมื่อครู่สามีภรรยาเคารพกันและกัน เซียวเหยียนจิ่งที่อยู่ตรงข้ามพอโค้งเอวลงมา ฟ้ากับดินก็หมุนติ้ว ตัวคนยืนไม่อยู่ ล้มกลิ้งลงไปทางนางพริบตาที่ล้มกลิ้งลงไป เขาก็ยื่นมือตะปบไปข้างหน้าอย่างร้อนรนด้วยสัญชาตญาณ ผลลัพธ์คือไปคว้าเอาเข็มขัดของหลี่จื่อเหยาเข้าพอดีได้ยินเสียงแควกของผ้าที่ถูกฉีกขาดดังขึ้นมาหลี่จื่อเหยาไม่เพียงแต่ถูกกระชากผ้าคลุมหัวแดงลงมา กระทั่งชุดมงคลก็ยังถูกฉีกลงมาเป็นรู"อ๊า!"หลี่จื่อเหยาร้องเสียงแหลมตึงเซียวเหยียนจิ่งล้มหนักๆ ลงไปบนพื้นกลิ่นสุราคละคลุ้งชินอ๋องเซียวกับพระชายาสองคนล้วนสะดุ้งยืนขึ้นมา สีหน้าทั้งสองคนดำจนจะบีบน้ำหมึกออกมาแล้ว"ยังไม่รีบไปประคองรัฐทายาทเซียวขึ้นมาอีก!" พระชายารีบร้อนร้องขึ้นจากเสียงเมื่อครู่ เซียวเหยียนจิ่งล้มไปหนักอยู่ หน้าผากกระแทกพื้นอย่างแรง"พี่เซียว!" หลี่จื่อเหยาตอนนี้ก็ได้ส
เสิ่นเสวียนได้รับรังสีมานานเกินไป ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นจะฟื้นฟูก็ยังยากนักฟู่จาวหนิงกล้ายืนยัน ถ้าไม่มาเจอนาง เสิ่นเสวียนคงไม่รอดแล้วเพราะในห้องเภสัชของนางมียาของยุคปัจจุบันอยู่มากมาย มีบางส่วนสามารถกำจัดเซลล์ที่เสียหายทิ้งได้ สนับสนุนการเติบโตของเซลล์ใหม่สิ่งเหล่านี้นางเองก็ไม่สามารถเขียนลงไปในแผนการรักษาได้ แต่สามารถเปลี่ยนวิธีอธิบายให้ชัดเจนขึ้นมาได้คนทั่วไปสามารถมองแล้วไม่เข้าใจ แต่เสิ่นเสวียนเข้าใจแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถได้รับการปลอบประโลมจากจากแผนการรักษาที่นางเขียนด้วย มองออกถึงระดับและความเป็นมืออาชีพของนางนี่ไม่ใช่สิ่งที่คนป่วยทั่วไปจะสามารถทำได้"แผนการรักษานี้ข้าเห็นด้วย" เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้นเพราะฟู่จาวหนิงตอนที่ยื่นแผนการรักษาก็บอกกับเขาไปว่า ต้องให้เขาเห็นด้วยเสียก่อนจึงจะรักษาตามแผนการรักษานี้เรื่องความเสี่ยงนางเองก็เขียนไว้อย่างละเอียด"เช่นนั้นท่านเสิ่นโปรดลงนามด้วย" ฟู่จาวหนิงให้ลุงลั่วเตรียมหมึกพู่กันให้"พระชายาอ๋องเจวี้ยน สิ่งนี้ยังต้องลงนามด้วยหรือ?""แน่นอน ลงนามคือการยอมรับแผนการรักษานี้"เสิ่นเสวียนยิ้มๆ "เข้มงวดดี"เขาลงนามอ
แต่ตอนนี้พอเห็นว่าเสิ่นเสวียนเป็นเช่นนี้ นางเองก็ทำได้เพียงถอนหายใจ ดังนั้นตระกูลเสิ่นจึงไม่มีทางที่จะสงบได้ขนาดนั้น"ตอนนั้น จี้คู่นี้ ท่านลุงเคยเล่นอยู่พักหนึ่ง ลูกชายเขา ลูกพี่ลูกน้องข้า ตอนนั้นก็พูดมาคำหนึ่ง บอกว่าหินดารานี้เหมาะกับข้ามาก ดังนั้นท่านลุงจึงพูดว่า เช่นนั้นก็มอบให้อาเสวียนแล้วกัน"เสิ่นเสวียนคิดถึงสถานการณ์ในวันนั้น แล้วก็หัวเราะขึ้นมาอย่างจำใจ"ทั้งหมดดูแล้วก็เป็นธรรมชาติดี ดูปกติมาก"คำพูดของเขายังพูดไม่จบ ฟู่จาวหนิงกลับส่ายหัว "ทันที่จริงไม่เหมาะกับท่าน""หืม?" เสิ่นเสวียนมองนางอย่างไม่เข้าใจจี้หินดาราคู่นี้หลังจากมาอยู่ในมือเขา คนไม่น้อยก็ล้วนบอกว่าเหมาะกับเขา ล้วนถามกันว่าเขาได้มาจากไหน หลังจากบอกว่ามีคนมอบให้ คนเหล่านั้นก็ล้วนพูดว่า ถ้าเช่นนั้นของขวัญชิ้นนี้ก็มอบให้ได้เหมาะสมมากแล้วฟู่จาวหนิงเป็นคนแรกที่บอกว่าไม่เหมาะกับเขา"ท่านเสิ่น ท่านไม่เห็นหรือ ว่าฝ่ามือของท่านกับนิ้วของท่านยาวมาก?"ฟุ่จาวหนิงชี้ไปที่มือของเขานางเห็นมานานแล้ว เสิ่นเสวียนมีมือที่ดูดีมาก นิ้วมือเรียวยาว กระดูกข้อนิ้วชัดเจน ถ้าอยู่ในยุคปัจจุบันล่ะก็นี่คือมือที่เหมาะกับการเล่นเปีย
"สมัยก่อนท่านลุง เหมือนจะไม่ค่อยชอบของสีดำนัก"เสิ่นเสวียนรู้สึกว่าตนเองถูกใบไม้บังตาเข้าแล้วท่านลุงหลังจากอายุมากขึ้นก็กลัวตายเป็นพิเศษ รวมถึงของที่เกี่ยวข้องกับความตาย กระทั่งเสื้อผ้าเองส่วนใหญ่ก็เป็นสีแดง น้ำเงินเข้ม เทาอ่อนอะไรพวกนี้ ไม่เคยชอบสีดำเลยรองเท้ายาวกับรองเท้าก็ล้วนเป็นสีน้ำเงินเข้มแล้วเขาทำไมจึงไปหาจี้ธรรมชาติสีดำมาคู่หนึ่งล่ะ แล้วยังคอยเอามาคลึงเล่นในมืออยู่ตลอดด้วย?ลุงลั่วเองก็หน้าเปลี่ยนสี"นายท่าน"เขาไม่กล้าพูดต่อแต่ว่า ความหมายก็คือ หินดาราคู่นั้น ก็เป็นสิ่งที่ท่านผู้เฒ่ารองตระเตรียมมาให้นายท่านจริงๆ น่ะหรือ?ครู่หนึ่ง สีหน้าพวกเขาล้วนเคร่งขรึมขึ้นมาเสิ่นเสวียนสีหน้าดูใจเย็นกว่าพวกเขาเขาคิดๆ พูดกับฟู่จาวหนิงว่า "พระชายาอ๋องเจวี้ยน ระหว่างนี้ข้ากลับไปต้าชื่อสักครั้งได้หรือไม่ จะส่งผลกระทบกับการรักษาไหม?""ไม่ได้ ร่างกายของท่านจะรับไม่ไหวเอา" ฟู่จาวหนิงส่ายหัวทันที"นายท่าน ตอนนี้การรักษาเร่งด่วนกว่า" ลุงลั่วพวกเขาเองก็รีบเตือน"เรื่องอื่นยังไม่ต้องพูด ต้องส่งคนพาท่านพ่อท่านแม่ออกจากบ้านสองเสียก่อน" เสิ่นเสวียนพูดเช่นนี้ก็คือสงสัยในตัวท่านผู้เฒ่า
ฟู่จาวหนิงถูกเชิญเข้าประตูใหญ่อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกบ้านตระกูลหลินแสดงการเลือกปฏิบัติออกมาอย่างเต็มที่แล้วจริงๆเพราะตอนนี้นางคือพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ?เช่นนั้นถ้าภายหลังนางกับเซียวหลันยวนหย่าร้างกัน ดูท่าประตูใหญ่บ้านตระกูลหลินนี้นางคงจะเข้ามาไม่ได้แน่"คุณหนูมาดื่มชาที่โถงหน้าก่อนเถิด ข้าน้อยจะไปเชิญฮูหยินมา" คนใช้คนหนึ่งที่พาฟู่จาวหนิงเข้ามาเอ่ยขึ้นตระกูลหลินไม่ใช่ตระกูลใหญ่อะไร เรือนนี้ก็ไม่ใหญ่ คนใช้ก็น้อย คนที่พักก็มีไม่มากด้วยฟู่จาวหนิงไม่ได้มาหาคนอื่นเสียด้วย จึงให้นางพาไปหาเซี่ยซื่อทางนั้นเซี่ยซื่อกำลังเช็ดน้ำตากลัดกลุ้ม พอได้ยินว่าฟู่จาวหนิงมาหาๆ จึงค่อยๆ ลุกขึ้นมา"จาวหนิงมาหรือ?"นี่ดีมากจริงๆ"น่าสะใภ้รอง"ฟู่จาวหนิงเดินเข้ามา และเห็นดวงตาที่แดงก่ำของนาง"อันห่าวเป็นอะไรไปหรือ?"เซี่ยซื่อพอเห็นว่าสาวใช้คนนั้นที่พานางเข้ามาไม่ยอมออกไป จึงรีบกลืนคำพูดลงไปแล้วพูดมาคำหนึ่ง "ไม่ ไม่มีอะไร"จากนั้นนางจึงเอ่ยกับสาวใช้ว่า "ไปทำงานของเจ้าเถอะ"สาวใช้คนนั้นยังยืดยาดไม่คิดจะเดินออกไป ดูก็รู้ว่าคิดจะแอบฟัง"ยังไม่ไปอีกหรือ?" เซี่ยซื่อสีหน้าเด็ดขาด น้ำเสียงขรึ
ในห้องมีเสียงโครมคราม"อะไรเกิดอะไรขึ้น?" เซี่ยซื่อเครียดขึ้นมาทันที "ไม่ต้องรีบ ค่อยๆ เดินมาเปิดประตูก็พอ"ก่อนหน้านี้หลินอันห่าวเวลาอยู่ในห้องจะไม่ลงดาลประตู แต่สองวันนี้กลับลงดาลประตูเสียแล้วในห้องไม่มีการเคลื่อนไหวแล้วหลินอันห่าวเองก็ไม่ได้มาเปิดประตู"อันห่าว?" เซี่ยซื่อจึงตบประตูอีกครั้งในห้องครู่หนึ่งจึงมีเสียงอันห่าวดังขึ้น "พี่หญิงจาวหนิง ข้านอนแล้ว"พรวดถึงแม้สถานการณ์จะไม่ชัดเจน แต่ฟู่จาวหนิงก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่เซี่ยซื่อเองก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก"น้าสะใภ้รอง ข้าเอง ท่านหลบไปก่อน" ฟู่จาวหนิงเอ่ยกับเซี่ยซื่อเซี่ยซื่อแม้จะยังกังวล แต่กลับเชื่อมั่นฟู่จาวหนิง"ได้ เช่นนั้นข้าจะไปเตรียมของว่างให้เจ้านะ" นางพูดกับในห้องว่า "อันห่าว แม่ไปเตรียมของว่างให้พี่หญิงจาวหนิงนะ เจ้าอยู่กับนางก่อนล่ะ"พูดจบก็ไม่รอให้หลินอันห่าวตอบกลับ นางก็เดินออกไปด้วยอาการตุ้มต่อมรอจนนางออกไป ฟู่จาวหนิงจึงตบประตูอีกครั้ง"อันห่าว เปิดประตูให้ข้าได้ไหม? เจ้าอยากรู้อะไร ข้าจะบอกเจ้าเอง ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังจะบอกแผนการกับเจ้าอีกแผนด้วยนะ แผนการเล่นงานคนชั่ว อันห่าวอยากจะเข้าร่วมด
พอเห็นสีหน้าเฉินฮ่าวปิง ใจของต่งฮ่วนจือก็เย็นลงมาทันทีทั้งที่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟู่จาวหนิงแล้วแท้ๆ แต่ว่าตอนนี้ เฉินฮ่าวปิงก็ยังใช้ประโยชน์จากเขา คิดจะให้เขาขัดขวางศิษย์น้องหญิงต่อให้เป็นเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้ นางก็ยังพูดออกมาโดยไม่หนักใจ แล้วขอให้เขาทำตามสิ่งที่นางต้องการต่งฮ่วนจือมองไปทางฮูหยินเฉิน เขายังดูคาดหวังอยู่ถึงอย่างไรฮูหยินเฉินก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว น่าจะรู้จักขอบเขตบ้างกระมัง?"เจ้าเองก็คิดแบบนี้หรือ? จะให้ข้าเก็บวัตถุดิบยาไว้จนกว่าฮ่าวปิงจะรวมเงินได้?"ฟังเอาเถอะ เขาพูดซ้ำออกมาอีกรอบหนึ่งก็ยังรู้สึว่าเป็นเรื่องไร้สาระเลยฮูหยินเฉินขมวดคิ้ว มองนางด้วยสายตาเศร้าๆแต่ก่อนพอเห็นสีหน้าเช่นนี้ของนาง ต่งฮ่วนจือก็จะรู้สึกปวดใจ อยากจะปกป้องนางขึ้นมา เขารู้ ว่านางเป็นผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง มีลูกสาวติดหนึ่งคน คอยหนีคนตามล่าอยู่ตลอด มันลำบากแค่ไหนถ้าหากเป็นไปได้ เขาเองก็อยากจะยืนบังลมบังฝนให้นาง เพราะแรกสุดเขารู้สึกชื่นชมนาง ชื่นชมความแข็งแกร่งและความรักของแม่จากตัวนางแต่สีหน้าต่อตัวเขาของฮูหยินเฉินตอนนี้ ต่งฮ่วนจือจู่ๆ ก็คิดขึ้นมาว่า อ๋องฉยงถึงอย่างไรก็หาพวกนางเจอแ
เฉินฮ่าวปิงมองต่งฮ่วนจือนางสามารถใช้วัตถุดิบยาของพันธมิตรโอสถทำการกุศลต่อได้ และยังพังแผนการของฟู่จาวหนิงได้อีก ทำให้นางไม่ได้รับวัตถุดิบยาหลังจากเฉินฮ่าวปิงกลับมาพูดเรื่องวันนี้กับฮูหยินเฉิน ฮูหยินเฉินโกรธมากดังนั้นนางจึงคิดวิธีนี้ออกมา รู้สึกว่าพวกนางตอนนี้รับมือฟู่จาวหนิงไม่ไหว แต่ถ้าลงแรงกับต่งฮ่วนจือทางนี้สักหน่อย สร้างความลำบากให้กับฟู่จาวหนิงได้บ้างก็ยังดีมีสิทธิ์อะไรที่จะยอมให้ฟู่จาวหนิงทำทุกอย่างได้ราบรื่นขนาดนั้น?ต่งฮ่วนจือถ้าหากขัดฟู่จาวหนิงได้ ไม่ใช่แค่ฟู่จาวหนิงจะไม่ชอบใจ แต่ผู้อาวุโสจี้ก็จะโกรธด้วย ถ้าผู้อาวุโสจี้โกรธ ฟู่จาวหนิงก็จะอารมณ์ไม่ดีดังนั้น ขอแค่กล่อมต่งฮ่วนจือ ก็จะทำได้ฟู่จาวหนิงอึดอัดได้ ดีจะตาย?ดังนั้น จึงได้เห็นเฉินฮ่าวปิงที่มาแสดงความอ่อนแอออดอ้อนต่งฮ่วนจือในตอนนี้นางรู้สึกว่า ความรักทีต่งฮ่วนจือมีให้นาง เรื่องนี้ไม่ใช่จะทำไม่สำเร็จแต่ตอนได้ยินคำพูดของนาง ต่งฮ่วนจือก็งงงันไปครู่หนึ่ง"ลุงต่ง..." เฉินฮ่าวปิงดึงแขนเสื้อของเขา "ได้ไหม?"ต่งฮ่วนจือดึงแขนเสื้อในมือนางกลับมา"เรื่องนี้ไม่ได้""ทำไมล่ะ?""อันดับแรก วัตถุดิบยาที่เจ้าคิดจะเอาไ
หลายปีก่อนที่เขาช่วยพวกนางแม่ลูกไว้ เฉินฮ่าวปิงยังเป็นเด็กสาวร่างผ่อนอ่อนแอ หลายปีนี้ยังถือว่าเขาเลี้ยงดูมาจนโต เขาแทบจะมองเฉินฮ่าวปิงเป็นลูกสาวตนเองไปแล้วแม้ตอนนี้นางเจอกับพ่อแท้ๆ แล้ว แต่พ่อแท้ๆ คนนั้นก็ไม่ใช่จะได้เรื่องกระมัง ต่งฮ่วนจือยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่เขาคิดคิด ยังคิดจะไปบ้านเล็กในซอยนั่นเพื่อหาเฉินฮ่าวปิงหลายวันนี้เฉินฮ่าวปิงก็ไม่ยอมพบเขา ทุกครั้งที่เขามา คนใช้ก็จะบอกว่าท่านหญิงไม่อยู่วันนี้เขามา แต่เฉินฮ่าวปิงกลับอยู่ และยังยอมพบเขาด้วยพอเข้ามาในบ้าน มาถึงเรือนหน้า ฮูหยินเฉินก็อยู่ด้วยแม่ลูกหันมามองนางพร้อมกัน สายตาของคนทั้งคู่ล้วนแดงก่ำ ดูแล้วน่าสงสารมาก เฉินฮ่าวปิงพอเห็นเขาก็ร้องไห้โฮออกมา"ลุงต่ง!"นางพุ่งเข้ามาหาต่งฮ่วนจือ สองมือดึงแขนเสื้อเขา ร้องไห้ตัวโยน "ท่านมาได้เสียที!"ก่อนหน้านี้เขาเข้ามาตั้งหลายครั้ง ก็ไม่ยอมออกมาเจอ ไม่ได้ว่าเขาไม่เคยมาเสียหน่อยแต่ต่งฮ่วนจือก็ไม่ได้พูดออกมา มองสภาพเฉินฮ่าวปิงแล้วเขาก็ยังคงปวดใจอยู่"ทำไมหรือ? เกิดอะไรขึ้น? อ๋อง อ๋องฉยงไม่ได้ช่วยเจ้าหรือ?"พอพูดถึงอ๋องฉยง เฉินฮ่าวปิงก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาเพราะวันนี้อ๋อง
ก่อนค่ำวันเดียวกันฟู่จาวหนิงให้สืออีไปเก็บตั๋วเงินพวกนี้มาแล้วกระทั่งองค์หญิงเจ็ดก็ยังไม่กล้าที่จะไม่ให้หลังจากให้สามพันตำลึงมาแล้ว คนเหล่านี้ก็ล้วนรู้สึกเหมือนเสียปราณชี่ขนานใหญ่ไป ไม่มีทั้งหน้าไม่มีทั้งเงิน แล้วยังหวาดผวา ไม่รู้หลังจากนี้จะมีเรื่องอะไรอีกถ้าเผื่อพระชายาอ๋องเจวี้ยนเอาเรื่องนี้ไปฟ้องอ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนมาหาเรื่องบ้านพวกเขาอีกจะทำอย่างไร?โดยเฉพาะคุณหนูสี่หลิน หลังจากกลับมาก็ได้ยินพี่สาวคนโตกับคนรองพูดถึงเฉินฮ่าวปิง จึงได้รู้ว่าพวกนางเดิมทีก็ดูถูกท่านหญิงปิงอวี้อยู่แล้วพ่อของนางกับพี่สาวนางเองก็กำลังเดาว่าอ๋องฉยงทำไมจึงยังอยู่ในเมืองหลวง ยังพูดอีกว่า ไม่ว่าจะเพราะเรื่องอะไร การที่องค์จักรพรรดิให้อ๋องฉยงอยู่ในเมืองต่อโดยไม่สนกฏ ต้องไม่ใช่เรื่องดี พวกเขากำลังพูดว่า หลังจากนี้จะต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่อ๋องฉยงอาจจะก่อความวุ่นวายอะไรขึ้น ไม่ต้องพูดถึงลูกสาวบ้านน้อยของเขาคนนั้นเลย?ในคำพูด คืออ๋องฉยงทำเรื่องไม่ถูกต้อง ลูกสาวบ้านน้อย ยังไม่ได้ทำเรื่องอะไรดีดีเลย แต่ดันไปขอยศท่านหญิงมาองค์จักรพรรดิก็ยังรับปากอีก ดูจะเลอะเลือนหน่อยๆแน่นอน พวกเขาแอบคุยเรื่องน
เซียวหลันยวนพูดพลางหัวเราะเสียงต่ำฟู่จาวหนิงเองก็ตกตะลึงไป "ผู้ตรวจการอันไปคุกคามองค์จักรพรรดิหรือ?"ถ้าหากผู้ประสบภัยทะลักเข้าเมืองหลวง เมืองหลวงก็จะวุ่นวาย องค์จักรพรรดิไม่อยากจะสนใจก็คงต้องสนใจแล้วแค่โรคระบาด องค์จักรพรรดิก็ยังกลัวจนไม่ประชุมเช้า ไม่ต้องพูดเรื่องผู้ประสบภัยนับหมื่นเลย? เขาได้ตกใจจนตายกันพอดี"ก็จริงนั่นล่ะ แต่นี่ก็เป็นเรื่องจริง แต่รายละเอียดด้านในที่นำไปปฏิบัติได้ก็มีเยอะมาก""แล้วองค์จักรพรรดิให้เงินบรรเทาภัยมาเท่าไร?""หนึ่งหมื่นตำลึง""ขี้เหนียว" ฟู่จาวหนิงเบ้ปากนางเองก็ยอมแล้ว ผู้ประสบภัยนับหมื่น แต่ให้เงินบรรเทาภัยมาหมื่นตำลึง? นางเค้นจากตัวพวกองค์หญิงเจ็ดยังได้มาตั้งสามหมื่นตำลึง"คลังหลวงว่างเปล่าแล้วจริงๆ""เอาเถะ พวกเราเองก็ลองไปเตรียมตัวดูก่อน ถ้าเงินไม่พอจริง ค่อยให้ผู้ตรวจการชิงกลับไปปล้นองค์จักรพรรดิอีก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นถ้ายังไม่เห็นสถานการณ์เมืองเจ้อกับตา ใต้เท้าอันหากคิดจะปล้นก็ปล้นลำบาก"อันเหนียนบอกว่าสามวันนั้นรีบไปหน่อย ขอเลื่อนไปวันหนึ่ง ข้าส่งคนไปดูลาดเลาก่อน ตอนพวกเจ้าไปถึงจะมีคนรอรับอยู่"เอาของไปด้วยตั้งมากมาย ตอนไปถึงต้อง
ผู้อาวุโสจี้รู้ว่า จะเตือนไม่ให้ฟู่จาวหนิงไปเมืองเจ้อนั้นเป็นไปไม่ได้การตัดสินใจที่นางพูดออกมา ไม่มีทางเปลี่ยนยิ่งไปวก่านั้น วิชาหมอของนางเองก็ดีขนาดนี้ ไปสถานที่แบบนั้นจะต้องช่วยเหลือชีวิตได้มากมายแน่นอน ผู้อาวุโสจี้ที่ทั้งใจเต็มไปด้วยความดีงามก็ไม่กล้าที่จะห้ามปรามแต่เขาเองก็ยังเป็นห่วงฟู่จาวหนิง"เมืองเจ้อทางนั้นผู้ประสบภัยมากเกินไป จะต้องวุ่นวายแน่นอน เจ้าไปที่นั่นความปลอดภัยเป็นปัญหา ต้องระวังหน่อย แล้วอ๋องเจวี้ยนจัดแจงให้แล้วหรือยัง? เจ้าคงต้องพาองครักษ์ไปมากหน่อย"ถึงแม้ถ้าผู้ประสบภัยก่อจราจลขึ้นมา ต่อให้มีองครักษ์มากแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้ แต่พาไปหน่อยก็ยังดีกว่าไม่พาไป"เจ้ามีของแปลกๆ ตอนสกัดยาเยอะไม่ใช่หรือ? ทำยาที่เอาไว้ทำให้คนล้มวงกว้างๆ ไว้เยอะหน่อย ถ้าถึงเวลาต้องใช้จริง เจ้าก็ไม่ต้องสนอะไร สาดยาออกไปเลย รักษาตัวเองไว้ก่อนเป็นสำคัญ""ฮ่าๆ ท่านอาจารย์ สอนลูกศิษย์แบบนี้ได้เหรอ?"ฟู่จาวหนิงอดขำขึ้นมาไม่ได้ ผู้อาวุโสจี้สอนให้นางใช้ยาสลบกับผู้ประสบภัยเนี่ยนะผู้อาวุโสจี้ถลึงตา "แค่นี้จะเป็นอะไรไป? ทำอะไรก็ต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อน ความปลอดภัยของเจ้าสำคัญที่สุด!""ข้าย
"ศิษย์น้องหญิงเจ้าไปงานรับบริจาคของฮ่าวปิงมาหรือ?" ต่งฮ่วนจือเงยหน้ามองนาง"เปล่า ข้าตบนางไปฉาดหนึ่งด้วยซ้ำ"ฟู่จาวหนิงไม่ไว้หน้าเขาเลย เอาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ตั้งแต่ต้นจนจบเล่าออกมาอย่างละเอียดรอบหนึ่ง"ดังนั้น ศิษย์พี่รอง ข้าตอนนี้ข้าจะเน้นกับท่านอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เข้าไม่ถูกกับเฉินฮ่าวปิง ถ้านางยังคิดจะมาทำอะไรต่อหน้าข้าอีกจะไม่จบแค่ตบหน้าแล้ว เรื่องที่นางทำมันโง่เง่ามาก ยิ่งไปกว่นั้นนางยังโกรธแค้นแล้วมองข้าเป็ฯศัตรูอีก"ฟู่จาวหนิงกดเสียงต่ำ "ก่อนหน้านี้ศิษย์พี่เป็นอะไรกับพวกนางข้าไม่สนใจ แต่หลังจากนี้ ถ้าหากศิษย์พี่ยังยืนยันจะยืนอยู่ฝั่งนางทางนั้น ยังคิดจะปกป้องนาง เช่นนั้นข้าก็จะขีดเส้นกั้นกับศิษย์พี่แล้ว"ผู้อาวุโสจี้มองต่งฮ่วนจือหน้าขรึม"หลายปีนี้เจ้าเอาแต่ปกป้องแม่ลูกอย่างพวกนาง แล้วมองไม่ออกถึงความใจร้ายของนังเด็กนั่นเลยหรือ? หลังจากนางถูกแต่งตั้งเป็นท่านหญิงก็ไม่มาสนใจเจ้าอีก เจ้าคิดว่านางยังจำบุญคุณของเจ้าได้ไหม? เจ้าคิดว่าตนเองกับนางมีความสัมพันธ์ฉันท์ครอบครัว แต่นางก็แค่หลอกใช้เจ้า""ถึงอย่างไรคนที่โง่แบบเจ้าก็มีไม่เยอะ! ต่งฮ่วนจือ ศิษย์น้องหญิงของเจ้าพู
ฟู่จาวหนิงถอนหายใจ"ศิษย์พี่ พวกเราจะซื้อวัตถุดิบยาในราคาเดิม ไม่ต้องลดราคา แค่นี้ได้ไหม?""ถ้าอย่างนี้ก็ได้อยู่...""ต่ง ! ฮ่วน ! จือ!"ผู้อาวุโสจี้โกรธเป็นฟืนไฟแล้วจริงๆ"ท่านอาจารย์ สงบลงก่อน" ฟู่จาวหนิงรีบเดินไปอยู่ข้างๆ ผู้อาวุโสจี้ รินน้ำชาให้กับเขา "ศิษย์พี่ทำงานอย่างเข้มงวด เข้าต้องทำตามกฏการทำงานของพันธมิตรโอสถ อย่าทำให้เขาลำบากใจเลย""อาจารย์ เรื่องนี้ไม่ได้จะคุยกันลกบาก ข้าแค่ต้องใช้เวลาไปคำนวณต้นทุนของวัตถุดิบยาชนิดต่างๆ หน่อย ถึงตอนนั้นก็จะคำนวณส่วนลดลงมาได้"ต่งฮ่วนจือลุกขึ้นยืน ไม่กล้านั่งลงมา"แต่ถ้าศิษย์น้องหญิงไม่ต้องการลดต้นทุนสี่ส่วนล่ะก็ ข้าทางนี้จะหักกำไรทั้งหมดออกได้ ยิ่งไปกว่นั้น พวกเรายังสามารถบริจาควัตถุดิบยาที่ค่อนข้างพิเศษบางอย่างได้นิดหน่อยด้วย ข้าทางนี้ยังมีส่วนที่เหลืออยู่ เพราะสาขาย่อยเมืองเจ้อทางนั้นไม่มีวัตถุดิบยาชนิดนี้ ดังนั้นสิ่งนี้ข้ามอบให้ได้..."ต่งฮ่วนจือพยายามจะอธิบาย"ตัวข้าเองก็ยังบริจาคเงินช่วยได้ เงินพวกนี้เอาไปเพิ่มกับเงินที่ซื้อวัตถุดิบยาก็พอแล้ว ท่านอาจารย์ ข้าไม่ได้ตระหนี่ถี่เหนียวเสียหน่อย""เฮอะ" ผู้อาวุโสจี้โมโหจนหัวเราะ "
ต่งฮ่วนจือหลายวันนี้ดูผ่านไปแบบซึมเศร้าอยู่ ตอนนี้สีหน้าก็ยังไม่ค่อยดีนัก พูดจาเองก็ยังไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเขาพยายามอธิบายจุดนี้"วัตถุดิบยาชุดใหญ่ที่อ๋องเจวี้ยนต้องการ ก็ล้วนเป็นวัตถุดิบยารักษาหวัดหรืออาการบาดเจ็บภายนอกทั้งนั้น เป็นของที่หาได้ทั่วไป แล้วก็เป็นพวกที่ราคาถูกำไรน้อยพวกนั้น หลายอย่างพวกเราเก็บกำไรแค่หนึ่งถึงสองส่วน รักษาไม่ให้พันธมิตรโอสถต้องขาดทุน ถ้าหากวัตถุดิบยาเหล่านี้ลดราคาต้นทุนไปสี่ส่วน บัญชีของพันธมิตรก็จะมีช่องว่างเบ้อเร่อเลย"ต่งฮ่วนจือบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างจนใจ "ศิษย์น้องหญิง ถ้าแบบนี้บัญชีที่ข้าต้องส่งให้พันธมิตรสาขาตอนครึ่งปีจะอธิบายลำบากเอา"เข้าใจ ก็คือ ขาดทุนนั่นล่ะฟู่จาวหนิงยังไม่ทันพูด ผู้อาวุโสจี้ก็ร้องเชอะขึ้นมา "นี่มีอะไรพูดลำบากกัน? ข้าบอกให้เจ้าโยนทั้งหมดมาที่ตัวข้าแล้ว""ท่านอาจารย์ นี่มันทำได้ที่ไหนกัน? ถึงอย่างไรข้าก็ดูแลสาขาของเมืองหลวงนะ เป็นข้าที่ต้องรับผิดชอบ" ต่งฮ่วนจือเองก็ทำเรื่องอย่างการผลักภาระทุกอย่างไปให้อาจารย์หมดไม่ได้"เจ้าเอาแต่กลัวนั่นกลัวนี่ กล้าๆ กลัวๆ ก็แค่เพราะเจ้าเพิ่งมารับช่วงดูแลที่นี่ กลัวจะทำเรื่องโดดเด่นออกมาไม่ได้