ฟู่จาวฟังหลินอันห่าวไปด้วย ตรวจสอบให้นางอย่างละเอียดไปด้วยการฝังเข็มหลายครั้งก่อนหน้านี้ได้ผลอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังพบว่ายาที่เก็บมาในแคว้นเจานี้ ประสิทธิภาพดีกว่ายาที่หาได้ในโลกปัจจุบันเสียอีกดีขึ้นมากเลยเป็นไปได้ว่านี่อาจจะเป็นสาเหตุที่หลินอันห่าวดีขึ้นเร็วมากกว่าที่นางคาดการณ์ไว้เพราะนางใช้การพิจารณาตัดสินจากประสบการณ์ก่อนหน้า แต่ว่าวัตถุดิบยาของที่นี่ดีกว่าที่นางรู้จัก ประสิทธิภาพดีกว่ามากมายนักยิ่งไปกว่านั้น ยังได้รับเรื่องดีจากเรื่องแย่ๆ อีก จังหวะที่หลินอันห่าวกระแทกไปนั้น กลับทำให้ลิ่มเลือดแต่เดิมแตกกระจายออกบางส่วนเพียงแต่ยังไม่ได้กระจายออกอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นสมองของนางจึงยังมีบางส่วนที่หมุนไม่ทัน ปฏิกิริยาจึงยังมีช้าอยู่บ้าง"หลินอี๋เจินทำไมถึงมาทำร้ายเจ้ากัน?" ฟู่จาวหนิงถาม"นางพูดให้ร้ายพี่หญิงจาวหนิง ข้าโมโหมาก"สาเหตุนี้ เซี่ยจื่อเดิมทีไม่อยากบอกฟู่จาวหนิง เพื่อไม่ให้ฟู่จาวหนิงต้องมาโทษตัวเอง รู้สึกว่านี่เป็นความรับผิดชอบของนางแต่หลินอันห่าวไม่คิดมากขนาดนั้น นางตอนนี้รู้สึกว่าพี่หญิงจาวหนิงถามแล้ว นางต้องตอบให้ดี"นางพูดให้ร้ายข้าอย่างไรหรือ?""นางบอ
ฟู่จาวหนิงประคองตัวหลินอันห่าว ฝังเข็มให้กับนาง หลินอันห่าวสองวันนี้ก็ดูเส้นประสาทตึงเกินไป แล้วยังนอนไม่หลับมาตลอดด้วย ตอนนี้พอผ่อนคลายลงมา ครู่หนึ่งจับผลอยหลับลึกไปฟู่จาวหนิงออกมาจากห้องของนาง ปิดประตูลง หลังจากออกมากลับไม่เห็นเซี่ยซื่อแล้วนางเดินออกไป ขณะกำลังเตรียมตัวหาตัวคน ก็มีคนรีบร้อนวิ่งเข้ามา พอเห็นนางก็รีบร้องเรียกขึ้น "คุณหนูรีบไปดูฮูหยินรองเร็ว นางกับฮูหยินใหญ่ตบตีกันแล้ว!"หา?ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ รีบร้อนตรงไปที่เรือนฮูหยินใหญ่หลินยังไม่ทันเข้าไปก็ไ้ดยินเสียงร้องแหลมเสียงร้องไห้ก่นด่าและยังมีเสียงเตือน ปนเปวุ่นวายไปหมดนางรีบเข้าประตูไป ก็เห็นเหล่าหญิงสาวกำลังฟัดตีนัวเนียกันอยู่ในนี้ เซี่ยซื่อกระชากผมของหลินอี๋เจินอย่างแรง แล้วยังคอยหาจังหวะตบตีหน้าของนางอีกคนไม่น้อยข้างๆ ล้วนกำลังดึงรั้ง ฮูหยินที่รูปร่างใหญ่ล่ำสันคนหนึ่งกำลังดึงผมของเซี่ยซื่อ ปากก็ก่นด่าไม่หยุด"เซี่ยซื่อ! เจ้ายังไม่ปล่อยมืออีกหรือ? ถ้าเจ้าดึงผมอี๋เจินของข้าร่วงลงมา ข้าจะเล่นงานเจ้าให้ตายเลย! เจ้าเองอย่างไรก็อาสะใภ้นะ? มีผู้อาวุโสคนไหนบ้างที่เข้ามาด่ากราดหลานสาวตนเองเช่นนี้? ปล่อยมือ!""ข้า
ฮูหยินใหญ่หลินตอนนี้ก็ราวกับตื่นจากฝัน พุ่งตัวเข้ามาฉับพลัน "เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?!""สือซาน!" ฟู่จาวหนิงร้องขึ้นมาร่างของสือซานบินแฉลบเข้ามาจากด้านนอก ร่อนลงมาเบื้องหน้าฟู่จาวหนิง ชักกระบี่รูดออกมาประกายเย็นวาบ เกือบแยงตาฮูหยินใหญ่หลิน นางตกใจจนร้องขึ้น ถอยตัวอย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์คือยังไม่ทันได้ยืนนิ่ง ก็ล้มจ้ำเบ้าลงกับพื้น"ใครกล้าทำร้ายพระชายา?" สือซานกวาดสายตาเย็นชาออกไปคนในนี้ทั้งหมดล้วนเงียบเสียงพวกนางสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าฟู่จาวหนิงเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนคือเรื่องจริง"ไม่ ไม่มี"ฮูหยินใหญ่หลินเสียงสั่นเทาฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่งหน้าของหลินอี๋เจินแดงก่ำไปแล้ว รอยน้ิวสามรอยชัดเจนมาก เจ็บจนน้ำตาของนางร่วงผล็อยเลยทีเดียวเพราะอะไรฟู่จาวหนิงถึงเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนได้!"เจ้าก็แค่อาศัยอำนาจของอ๋องเจวี้ยน" ริมฝีปากนางเองก็สั่นระริก แต่สีหน้าเขียนความไม่ยินยอมไว้เต็มที่ "ถ้าหากไม่มีอ๋องเจวี้ยน เจ้าก็ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น!""แล้วมันทำไมกันเล่า?" ฟู่จาวหนิงยิ้มเสียงเรียบ "ตอนนี้ข้าก็ใช้อำนาจของอ๋องเจวี้ยนนี่ล่ะ ถ้าไม่ยอมเจ้าก็มากัดข้าดูไหม?""นี่เจ้า!""ไม่ว่าข้าจะอา
หลินอี๋เจินในที่สุดก็ไปคุกเข่าตรงหน้าหลินอันห่าว ร้องห่มร้องไห้ขอโทษนางเซี่ยซื่อเองก็รู้ว่าอาการป่วยของอันห่าวดีขึ้นมาก ตื่นเต้นจนร้องไห้ขึ้นมา น้ำตาเองก็ห้ามไว้ไม่อยู่ ดวงตาเองก็ร้องไห้จนแทบจะบวมขึ้นมาแล้วฟู่จาวหนิงจึงจำใจต้องอยู่ต่ออีกครึ่งวัน กว่าจะทำให้อารมณ์ของพวกนางสงบลงมาได้ หลินอันห่าวเองก็กินยาหลับไปแล้ว ฟู่จาวหนิงจึงนำรูปของเสิ่นเสวียนสองรูปนั้นออกมาผลคือพอเปิดดูรูปแรก ที่เป็นรูปเสิ่นเซียวตอนเด็ก เซี่ยซื่อกลับยิ้มขึ้นมา"เด็กผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนเจ้าตอนสองสามขวบเลย โดยเฉพาะดวงตาคู้นี้!"เซี่ยซื่อมองดูรูป จากนั้นก็มองไปทางฟู่จาวหนิง แล้วจึงยิ้มขึ้นมา "แต่ว่าเจ้าตอนเด็กดูคล้ายกว่า ตอนนั้นสายตาของเจ้าไม่เหมือนกับตอนนี้ ดูคล้ายกับในรูปมากกว่า"ฟู่จาวหนิงตอนนี้สายตาเป็นประกายมั่นคง ดูแล้วเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเองมากแต่ว่าตอนเด็กสายตาของนางดูเหมือนสายน้ำ น่ารักน่าชังในใจฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าน่าจะเป็นไปได้หกถึงเจ็ดส่วนแล้ว เสิ่นเชี่ยวก็คือฟู่หลินซื่อไม่เช่นนั้นจะดูคล้ายนางตอนเด็กได้อย่างไร?นางเองก็เปิดรูปที่สองออก "แล้วรูปนี้ล่ะน้าสะใภ้รอง?"เซี่ยซื่อไม่เคยเห็นเ
เฮ่อเหลียนเฟยมองฟู่จาวหนิงยิ้มคิกคัก"พี่หญิง ถึงจะอย่างไร ข้าก็มองท่านเป็นพี่สาวแท้ๆ ไปแล้ว มองท่านปู่เป็นปู่แท้ๆ ไปแล้วด้วย""ฮ่าๆ ข้าเห็นเสี่ยวเฟยคนนี้แล้วก็รู้สึกชิดเชื้อจริงๆ มีวาสนากับพวกเรา ไม่ผิดแน่แล้ว"ท่านผู้เฒ่าฟู่เองก็เอ่ยยิ้มขึ้นมาเช่นกันฟู่จาวหนิงสังเกตเขาอยู่พักหนึ่ง พบว่าที่ผู้เฒ่าฟู่ไม่ได้รู้สึกเศร้าโศกสูญเสียจากการที่คนบ้านสองบ้านสามบ้านสี่ถูกไล่ออกไป ก็น่าจะเป็นความดีความชอบของเฮ่อเหลี่ยนเฟยล่ะนะแต่ว่า ตอนแรกก็แค่เพื่อเลี้ยงดูประคับประคองดุจเครือญาติเท่านั้น แค่อยากให้ในบ้านคึกคักขึ้นมาหน่อยเท่านั้น ให้ในบ้านใหญ่โตขึ้นเท่านั้น ผลลัพธ์กลับพาคนอกตัญญูเข้ามาในรังเสียอย่างนั้น ตอนนี้ไล่ออกไปหมดแล้ว ผู้เฒ่าฟู่ในใจคงรู้สึกทอดถอนอยู่บ้าง"ท่านปู่ ลองดูสองรูปนี้"นางนำรูปทั้งสองหยิบออกมาให้กับผู้เฒ่าฟู่ดูความรู้สึกตอนเห็นภาพของผู้เฒ่าฟู่เหมือนกับเซี่ยซื่อ"สาวน้อยคนนี้ดูคล้ายแม่เจ้ามาก" เขาเพ่งดูอย่างละเอียด "แตกต่างนิดหน่อย แต่ก็คล้ายไปถึงเจ็ดแปดส่วน""ใช่ไหมใช่ไหม?" เฮ่อเหลียนเฟยรีบชิดตัวเข้ามา "พี่หญิง นี่คือภาพของท่านแม่หรือ?"ฟู่จาวหนิงยอมเขาแล้วจริงๆ นาง
แต่ว่าเขาไม่เหมือนกัน เขาสามารถแบกหน้าไปอ้อนวอนเสิ่นเสวียนได้"ท่านเสิ่นตอนนี้ร่างกายก็ไม่ดีนัก พวกเราดีที่สุดต้องหาหลักฐานให้มากอีกหน่อย ให้เขาเชื่อมั่นตระกูลฟู่ แม่ของเจ้าคือเสิ่นเชี่ยว หลังจากนั้นค่อยไปพูดกับเขาเรื่องนี้ ใช้เรื่องนี้ตรวจสอบตระกูลหลิน ยืนยันว่านางไม่ใช่คนตระกูลหลินก็พอ"ผู้เฒ่าฟู่แม้จะร้อนรน แต่ก็รู้ว่าฟู่จาวหนิงพูดถูกต้อง"เช่นนั้นเจ้าก็หาวิธีไปตรวจสอบดู ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าหาคนไปทำด้วยตนเอง ข้าจะไปถามญาติของพวกเขา ให้พวกเขาพูดความจริง!""ท่านปู่ ท่านถ้าหากคิดจะช่วยข้าจริงๆ ก็พักผ่อนเถิด เรื่องนี้ส่งให้ข้าก็พอแล้ว""ใช่แล้วใช่แล้ว ท่านปู่ ท่านตอนนี้สำคัญที่สุดคือต้องรักษาสุขภาพให้ดี ข้ากับพี่หญิงหลังจากนี้ยังต้องพึ่งพาท่านอีก" เฮ่อเหลียนหเฟยเองก็รีบเข้ามาปลอบความสนใจของฟู่จาวหนิงตกอยู่ที่ของเหล่านั้นบนโต๊ะ เมื่อครู่นางไม่ทันได้ดู ตอนนี้พอเหลือบมองไปก็เห็นศาลาไม้เล็กหลังหนึ่ง ศาลานี้ดูพิเศษมาก เสาทั้งสี่ล้วนสลักดอกบัวไว้ บนยอดสลักนกกางเขนไว้หลายตัว"ศาลานี้ดูมีเอกลักษณ์เหลือเกิน"นางยกศาลาไม้สลักนี้ขึ้นมา และพบว่าด้าในเองก็สลักไว้อย่างประณีตอีกด้วยผู้เฒ่าฟู่
ซ่งอวิ๋นเหยาหลับลึกมาก ดังนั้นจึงไม่สังเกตเห็นว่าฟู่จาวหนิง มาอยู่ข้างเตียงนางแล้วตอนนี้ต่อให้พื้นเขย่าเขาสะเทือนนางก็คงจะไม่ตื่นแน่ฟู่จาวหนิงเลิกม่านเตียงออก ได้ยินเสียงหายใจไม่สม่ำเสมอของซ่งอวิ๋นเหยา"ดูท่าจะนอนไม่ค่อยดีเท่าไร ตอนนี้ยังฝันร้ายอีกหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องเฮอะขึ้นมา หยิบไฟฉายออกมาปรับแสง แสงไม่ถึงกับสาดออกมา แต่ก็เพียงพอให้นางเห็นใบหน้าซ่งอวิ๋นเหยาอยู่"เฮือก"ใบหน้าซ่งอวิ๋นเหยาถูกปะไว้ด้วยสิ่งของสีขาวชั้นหนึ่ง ดูแล้วเหมือนถูกมาส์กหน้าอยู่อย่างไรอย่างนั้นคิดไม่ถึงว่าตอนนางหลับก็จะมีของอย่างพวกมาส์กหน้าอยู่ด้วย?ยอดคนงามนี่นะฟู่จาวหนิงเดิมทีคิดจะวาดอะไรลงไปบนหน้านาง แต่ตอนนี้พอเห็นว่าบนหน้านางมีของเหมือนโคลนขาวพอกอยู่ จึงหยิบเอาแปรงเล็กกับยาน้ำขวดเล็กใบหนึ่งออกมาสิ่งนี้เดิมทีจะเอาไปวาดบนหน้าซ่งอวิ๋นเหยา แต่ตอนนี้นางก็วาดลงไปบนจุดที่พอกหน้านางเสียเลย ถึงเวลาที่ซึมเข้าไปตื้นหน่อย ผลลัพธ์ก็น่าจะดียิ่งขึ้นนางมือหนึ่งถือไฟฉาย อีกมือหนึ่งถือแปรงเล็กปาดทาน้ำยาบนหน้าซ่งอวิ๋นเหยาทาตรงนี้ทีตรงนั้นทีหลังจากเสร็จสิ้นก็เก็บไฟฉายถอยออกมาฟู่จาวหนิงรีบถอยกลับตามทางเดิ
ตอนนี้เอง ไม่ถึงครึ่งวัน สถานการณ์ของท่านหญิงอวิ๋นเหยาก็ขุดออกมาจนหมด กระทั่งมีคนขุดไปว่าท่านหญิงอวิ๋นเหยาวันนั้นยังยื้อยุดกับอ๋องเจวี้ยนที่หน้าประตูด้วยประชาชนทั้งเมืองล้วนอนุมานถึงความจริงของเรื่องราวท่านหญิงอวิ๋นเหยาใจปองอ๋องเจวี้ยน แต่อ๋องเจวี้ยนไม่ได้รู้สึกอะไรกับนาง พอนางเข้าไปพัวพันไม่ได้ ก็เลยย้ายโทสะไปที่พระชายาอ๋องเจวี้ยน คิดจะใส่ร้ายนาง ใครจะคิดว่าอ๋องเจวี้ยนจะปกป้องพระชายา จนสุดท้ายคนที่ถูกทำร้ายกลายเป็นเซียวเหยียนจิ่งกับหลี่จื่อเหยา!ให้ตายเถอะ ท่านหญิงอวิ๋นเหยาเป็นคนอย่างนี้เองหรือ?กระดาษเรียกร้องความเป็นธรรมยังเขียนอีกว่า ท่านหญิงอวิ๋นเหยารู้ว่าตนเองทำให้เกิดเรื่องใหญ่โต ดังนั้นจึงไม่กล้าออกมาพบหน้าผู้คนอีกนาน"พวกเราจะรอดูว่าท่านหญิงอวิ๋นเหยาจะกล้าออกมาไหม""ถ้าหากนางถูกใส่ร้าย ลือกันจนเป็นเช่นนี้ ชื่อเสียงคงป่นปี้หมด แล้วจะไม่ออกมาตอบโต้ข่าวลือได้อย่างไร?"ด้านนอกลือกันดุเดือด กระทั่งมีคนที่ว่างจัดถึงกับไปนั่งจดจ้องซ่งอวิ๋นเหยาอยู่ที่นอกเรือนตระกูลซ่ง ดูว่านางจะออกมาไหมคนใช้ตระกูลซ่งที่ออกมาซื้อของเองก็ได้ยินข่าวลือด้านนอกแล้วพวกเขารีบร้อนกลับเข้าไป คิดจะ
พอเห็นสีหน้าเฉินฮ่าวปิง ใจของต่งฮ่วนจือก็เย็นลงมาทันทีทั้งที่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟู่จาวหนิงแล้วแท้ๆ แต่ว่าตอนนี้ เฉินฮ่าวปิงก็ยังใช้ประโยชน์จากเขา คิดจะให้เขาขัดขวางศิษย์น้องหญิงต่อให้เป็นเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้ นางก็ยังพูดออกมาโดยไม่หนักใจ แล้วขอให้เขาทำตามสิ่งที่นางต้องการต่งฮ่วนจือมองไปทางฮูหยินเฉิน เขายังดูคาดหวังอยู่ถึงอย่างไรฮูหยินเฉินก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว น่าจะรู้จักขอบเขตบ้างกระมัง?"เจ้าเองก็คิดแบบนี้หรือ? จะให้ข้าเก็บวัตถุดิบยาไว้จนกว่าฮ่าวปิงจะรวมเงินได้?"ฟังเอาเถอะ เขาพูดซ้ำออกมาอีกรอบหนึ่งก็ยังรู้สึว่าเป็นเรื่องไร้สาระเลยฮูหยินเฉินขมวดคิ้ว มองนางด้วยสายตาเศร้าๆแต่ก่อนพอเห็นสีหน้าเช่นนี้ของนาง ต่งฮ่วนจือก็จะรู้สึกปวดใจ อยากจะปกป้องนางขึ้นมา เขารู้ ว่านางเป็นผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง มีลูกสาวติดหนึ่งคน คอยหนีคนตามล่าอยู่ตลอด มันลำบากแค่ไหนถ้าหากเป็นไปได้ เขาเองก็อยากจะยืนบังลมบังฝนให้นาง เพราะแรกสุดเขารู้สึกชื่นชมนาง ชื่นชมความแข็งแกร่งและความรักของแม่จากตัวนางแต่สีหน้าต่อตัวเขาของฮูหยินเฉินตอนนี้ ต่งฮ่วนจือจู่ๆ ก็คิดขึ้นมาว่า อ๋องฉยงถึงอย่างไรก็หาพวกนางเจอแ
เฉินฮ่าวปิงมองต่งฮ่วนจือนางสามารถใช้วัตถุดิบยาของพันธมิตรโอสถทำการกุศลต่อได้ และยังพังแผนการของฟู่จาวหนิงได้อีก ทำให้นางไม่ได้รับวัตถุดิบยาหลังจากเฉินฮ่าวปิงกลับมาพูดเรื่องวันนี้กับฮูหยินเฉิน ฮูหยินเฉินโกรธมากดังนั้นนางจึงคิดวิธีนี้ออกมา รู้สึกว่าพวกนางตอนนี้รับมือฟู่จาวหนิงไม่ไหว แต่ถ้าลงแรงกับต่งฮ่วนจือทางนี้สักหน่อย สร้างความลำบากให้กับฟู่จาวหนิงได้บ้างก็ยังดีมีสิทธิ์อะไรที่จะยอมให้ฟู่จาวหนิงทำทุกอย่างได้ราบรื่นขนาดนั้น?ต่งฮ่วนจือถ้าหากขัดฟู่จาวหนิงได้ ไม่ใช่แค่ฟู่จาวหนิงจะไม่ชอบใจ แต่ผู้อาวุโสจี้ก็จะโกรธด้วย ถ้าผู้อาวุโสจี้โกรธ ฟู่จาวหนิงก็จะอารมณ์ไม่ดีดังนั้น ขอแค่กล่อมต่งฮ่วนจือ ก็จะทำได้ฟู่จาวหนิงอึดอัดได้ ดีจะตาย?ดังนั้น จึงได้เห็นเฉินฮ่าวปิงที่มาแสดงความอ่อนแอออดอ้อนต่งฮ่วนจือในตอนนี้นางรู้สึกว่า ความรักทีต่งฮ่วนจือมีให้นาง เรื่องนี้ไม่ใช่จะทำไม่สำเร็จแต่ตอนได้ยินคำพูดของนาง ต่งฮ่วนจือก็งงงันไปครู่หนึ่ง"ลุงต่ง..." เฉินฮ่าวปิงดึงแขนเสื้อของเขา "ได้ไหม?"ต่งฮ่วนจือดึงแขนเสื้อในมือนางกลับมา"เรื่องนี้ไม่ได้""ทำไมล่ะ?""อันดับแรก วัตถุดิบยาที่เจ้าคิดจะเอาไ
หลายปีก่อนที่เขาช่วยพวกนางแม่ลูกไว้ เฉินฮ่าวปิงยังเป็นเด็กสาวร่างผ่อนอ่อนแอ หลายปีนี้ยังถือว่าเขาเลี้ยงดูมาจนโต เขาแทบจะมองเฉินฮ่าวปิงเป็นลูกสาวตนเองไปแล้วแม้ตอนนี้นางเจอกับพ่อแท้ๆ แล้ว แต่พ่อแท้ๆ คนนั้นก็ไม่ใช่จะได้เรื่องกระมัง ต่งฮ่วนจือยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่เขาคิดคิด ยังคิดจะไปบ้านเล็กในซอยนั่นเพื่อหาเฉินฮ่าวปิงหลายวันนี้เฉินฮ่าวปิงก็ไม่ยอมพบเขา ทุกครั้งที่เขามา คนใช้ก็จะบอกว่าท่านหญิงไม่อยู่วันนี้เขามา แต่เฉินฮ่าวปิงกลับอยู่ และยังยอมพบเขาด้วยพอเข้ามาในบ้าน มาถึงเรือนหน้า ฮูหยินเฉินก็อยู่ด้วยแม่ลูกหันมามองนางพร้อมกัน สายตาของคนทั้งคู่ล้วนแดงก่ำ ดูแล้วน่าสงสารมาก เฉินฮ่าวปิงพอเห็นเขาก็ร้องไห้โฮออกมา"ลุงต่ง!"นางพุ่งเข้ามาหาต่งฮ่วนจือ สองมือดึงแขนเสื้อเขา ร้องไห้ตัวโยน "ท่านมาได้เสียที!"ก่อนหน้านี้เขาเข้ามาตั้งหลายครั้ง ก็ไม่ยอมออกมาเจอ ไม่ได้ว่าเขาไม่เคยมาเสียหน่อยแต่ต่งฮ่วนจือก็ไม่ได้พูดออกมา มองสภาพเฉินฮ่าวปิงแล้วเขาก็ยังคงปวดใจอยู่"ทำไมหรือ? เกิดอะไรขึ้น? อ๋อง อ๋องฉยงไม่ได้ช่วยเจ้าหรือ?"พอพูดถึงอ๋องฉยง เฉินฮ่าวปิงก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาเพราะวันนี้อ๋อง
ก่อนค่ำวันเดียวกันฟู่จาวหนิงให้สืออีไปเก็บตั๋วเงินพวกนี้มาแล้วกระทั่งองค์หญิงเจ็ดก็ยังไม่กล้าที่จะไม่ให้หลังจากให้สามพันตำลึงมาแล้ว คนเหล่านี้ก็ล้วนรู้สึกเหมือนเสียปราณชี่ขนานใหญ่ไป ไม่มีทั้งหน้าไม่มีทั้งเงิน แล้วยังหวาดผวา ไม่รู้หลังจากนี้จะมีเรื่องอะไรอีกถ้าเผื่อพระชายาอ๋องเจวี้ยนเอาเรื่องนี้ไปฟ้องอ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนมาหาเรื่องบ้านพวกเขาอีกจะทำอย่างไร?โดยเฉพาะคุณหนูสี่หลิน หลังจากกลับมาก็ได้ยินพี่สาวคนโตกับคนรองพูดถึงเฉินฮ่าวปิง จึงได้รู้ว่าพวกนางเดิมทีก็ดูถูกท่านหญิงปิงอวี้อยู่แล้วพ่อของนางกับพี่สาวนางเองก็กำลังเดาว่าอ๋องฉยงทำไมจึงยังอยู่ในเมืองหลวง ยังพูดอีกว่า ไม่ว่าจะเพราะเรื่องอะไร การที่องค์จักรพรรดิให้อ๋องฉยงอยู่ในเมืองต่อโดยไม่สนกฏ ต้องไม่ใช่เรื่องดี พวกเขากำลังพูดว่า หลังจากนี้จะต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่อ๋องฉยงอาจจะก่อความวุ่นวายอะไรขึ้น ไม่ต้องพูดถึงลูกสาวบ้านน้อยของเขาคนนั้นเลย?ในคำพูด คืออ๋องฉยงทำเรื่องไม่ถูกต้อง ลูกสาวบ้านน้อย ยังไม่ได้ทำเรื่องอะไรดีดีเลย แต่ดันไปขอยศท่านหญิงมาองค์จักรพรรดิก็ยังรับปากอีก ดูจะเลอะเลือนหน่อยๆแน่นอน พวกเขาแอบคุยเรื่องน
เซียวหลันยวนพูดพลางหัวเราะเสียงต่ำฟู่จาวหนิงเองก็ตกตะลึงไป "ผู้ตรวจการอันไปคุกคามองค์จักรพรรดิหรือ?"ถ้าหากผู้ประสบภัยทะลักเข้าเมืองหลวง เมืองหลวงก็จะวุ่นวาย องค์จักรพรรดิไม่อยากจะสนใจก็คงต้องสนใจแล้วแค่โรคระบาด องค์จักรพรรดิก็ยังกลัวจนไม่ประชุมเช้า ไม่ต้องพูดเรื่องผู้ประสบภัยนับหมื่นเลย? เขาได้ตกใจจนตายกันพอดี"ก็จริงนั่นล่ะ แต่นี่ก็เป็นเรื่องจริง แต่รายละเอียดด้านในที่นำไปปฏิบัติได้ก็มีเยอะมาก""แล้วองค์จักรพรรดิให้เงินบรรเทาภัยมาเท่าไร?""หนึ่งหมื่นตำลึง""ขี้เหนียว" ฟู่จาวหนิงเบ้ปากนางเองก็ยอมแล้ว ผู้ประสบภัยนับหมื่น แต่ให้เงินบรรเทาภัยมาหมื่นตำลึง? นางเค้นจากตัวพวกองค์หญิงเจ็ดยังได้มาตั้งสามหมื่นตำลึง"คลังหลวงว่างเปล่าแล้วจริงๆ""เอาเถะ พวกเราเองก็ลองไปเตรียมตัวดูก่อน ถ้าเงินไม่พอจริง ค่อยให้ผู้ตรวจการชิงกลับไปปล้นองค์จักรพรรดิอีก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นถ้ายังไม่เห็นสถานการณ์เมืองเจ้อกับตา ใต้เท้าอันหากคิดจะปล้นก็ปล้นลำบาก"อันเหนียนบอกว่าสามวันนั้นรีบไปหน่อย ขอเลื่อนไปวันหนึ่ง ข้าส่งคนไปดูลาดเลาก่อน ตอนพวกเจ้าไปถึงจะมีคนรอรับอยู่"เอาของไปด้วยตั้งมากมาย ตอนไปถึงต้อง
ผู้อาวุโสจี้รู้ว่า จะเตือนไม่ให้ฟู่จาวหนิงไปเมืองเจ้อนั้นเป็นไปไม่ได้การตัดสินใจที่นางพูดออกมา ไม่มีทางเปลี่ยนยิ่งไปวก่านั้น วิชาหมอของนางเองก็ดีขนาดนี้ ไปสถานที่แบบนั้นจะต้องช่วยเหลือชีวิตได้มากมายแน่นอน ผู้อาวุโสจี้ที่ทั้งใจเต็มไปด้วยความดีงามก็ไม่กล้าที่จะห้ามปรามแต่เขาเองก็ยังเป็นห่วงฟู่จาวหนิง"เมืองเจ้อทางนั้นผู้ประสบภัยมากเกินไป จะต้องวุ่นวายแน่นอน เจ้าไปที่นั่นความปลอดภัยเป็นปัญหา ต้องระวังหน่อย แล้วอ๋องเจวี้ยนจัดแจงให้แล้วหรือยัง? เจ้าคงต้องพาองครักษ์ไปมากหน่อย"ถึงแม้ถ้าผู้ประสบภัยก่อจราจลขึ้นมา ต่อให้มีองครักษ์มากแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้ แต่พาไปหน่อยก็ยังดีกว่าไม่พาไป"เจ้ามีของแปลกๆ ตอนสกัดยาเยอะไม่ใช่หรือ? ทำยาที่เอาไว้ทำให้คนล้มวงกว้างๆ ไว้เยอะหน่อย ถ้าถึงเวลาต้องใช้จริง เจ้าก็ไม่ต้องสนอะไร สาดยาออกไปเลย รักษาตัวเองไว้ก่อนเป็นสำคัญ""ฮ่าๆ ท่านอาจารย์ สอนลูกศิษย์แบบนี้ได้เหรอ?"ฟู่จาวหนิงอดขำขึ้นมาไม่ได้ ผู้อาวุโสจี้สอนให้นางใช้ยาสลบกับผู้ประสบภัยเนี่ยนะผู้อาวุโสจี้ถลึงตา "แค่นี้จะเป็นอะไรไป? ทำอะไรก็ต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อน ความปลอดภัยของเจ้าสำคัญที่สุด!""ข้าย
"ศิษย์น้องหญิงเจ้าไปงานรับบริจาคของฮ่าวปิงมาหรือ?" ต่งฮ่วนจือเงยหน้ามองนาง"เปล่า ข้าตบนางไปฉาดหนึ่งด้วยซ้ำ"ฟู่จาวหนิงไม่ไว้หน้าเขาเลย เอาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ตั้งแต่ต้นจนจบเล่าออกมาอย่างละเอียดรอบหนึ่ง"ดังนั้น ศิษย์พี่รอง ข้าตอนนี้ข้าจะเน้นกับท่านอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เข้าไม่ถูกกับเฉินฮ่าวปิง ถ้านางยังคิดจะมาทำอะไรต่อหน้าข้าอีกจะไม่จบแค่ตบหน้าแล้ว เรื่องที่นางทำมันโง่เง่ามาก ยิ่งไปกว่นั้นนางยังโกรธแค้นแล้วมองข้าเป็ฯศัตรูอีก"ฟู่จาวหนิงกดเสียงต่ำ "ก่อนหน้านี้ศิษย์พี่เป็นอะไรกับพวกนางข้าไม่สนใจ แต่หลังจากนี้ ถ้าหากศิษย์พี่ยังยืนยันจะยืนอยู่ฝั่งนางทางนั้น ยังคิดจะปกป้องนาง เช่นนั้นข้าก็จะขีดเส้นกั้นกับศิษย์พี่แล้ว"ผู้อาวุโสจี้มองต่งฮ่วนจือหน้าขรึม"หลายปีนี้เจ้าเอาแต่ปกป้องแม่ลูกอย่างพวกนาง แล้วมองไม่ออกถึงความใจร้ายของนังเด็กนั่นเลยหรือ? หลังจากนางถูกแต่งตั้งเป็นท่านหญิงก็ไม่มาสนใจเจ้าอีก เจ้าคิดว่านางยังจำบุญคุณของเจ้าได้ไหม? เจ้าคิดว่าตนเองกับนางมีความสัมพันธ์ฉันท์ครอบครัว แต่นางก็แค่หลอกใช้เจ้า""ถึงอย่างไรคนที่โง่แบบเจ้าก็มีไม่เยอะ! ต่งฮ่วนจือ ศิษย์น้องหญิงของเจ้าพู
ฟู่จาวหนิงถอนหายใจ"ศิษย์พี่ พวกเราจะซื้อวัตถุดิบยาในราคาเดิม ไม่ต้องลดราคา แค่นี้ได้ไหม?""ถ้าอย่างนี้ก็ได้อยู่...""ต่ง ! ฮ่วน ! จือ!"ผู้อาวุโสจี้โกรธเป็นฟืนไฟแล้วจริงๆ"ท่านอาจารย์ สงบลงก่อน" ฟู่จาวหนิงรีบเดินไปอยู่ข้างๆ ผู้อาวุโสจี้ รินน้ำชาให้กับเขา "ศิษย์พี่ทำงานอย่างเข้มงวด เข้าต้องทำตามกฏการทำงานของพันธมิตรโอสถ อย่าทำให้เขาลำบากใจเลย""อาจารย์ เรื่องนี้ไม่ได้จะคุยกันลกบาก ข้าแค่ต้องใช้เวลาไปคำนวณต้นทุนของวัตถุดิบยาชนิดต่างๆ หน่อย ถึงตอนนั้นก็จะคำนวณส่วนลดลงมาได้"ต่งฮ่วนจือลุกขึ้นยืน ไม่กล้านั่งลงมา"แต่ถ้าศิษย์น้องหญิงไม่ต้องการลดต้นทุนสี่ส่วนล่ะก็ ข้าทางนี้จะหักกำไรทั้งหมดออกได้ ยิ่งไปกว่นั้น พวกเรายังสามารถบริจาควัตถุดิบยาที่ค่อนข้างพิเศษบางอย่างได้นิดหน่อยด้วย ข้าทางนี้ยังมีส่วนที่เหลืออยู่ เพราะสาขาย่อยเมืองเจ้อทางนั้นไม่มีวัตถุดิบยาชนิดนี้ ดังนั้นสิ่งนี้ข้ามอบให้ได้..."ต่งฮ่วนจือพยายามจะอธิบาย"ตัวข้าเองก็ยังบริจาคเงินช่วยได้ เงินพวกนี้เอาไปเพิ่มกับเงินที่ซื้อวัตถุดิบยาก็พอแล้ว ท่านอาจารย์ ข้าไม่ได้ตระหนี่ถี่เหนียวเสียหน่อย""เฮอะ" ผู้อาวุโสจี้โมโหจนหัวเราะ "
ต่งฮ่วนจือหลายวันนี้ดูผ่านไปแบบซึมเศร้าอยู่ ตอนนี้สีหน้าก็ยังไม่ค่อยดีนัก พูดจาเองก็ยังไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเขาพยายามอธิบายจุดนี้"วัตถุดิบยาชุดใหญ่ที่อ๋องเจวี้ยนต้องการ ก็ล้วนเป็นวัตถุดิบยารักษาหวัดหรืออาการบาดเจ็บภายนอกทั้งนั้น เป็นของที่หาได้ทั่วไป แล้วก็เป็นพวกที่ราคาถูกำไรน้อยพวกนั้น หลายอย่างพวกเราเก็บกำไรแค่หนึ่งถึงสองส่วน รักษาไม่ให้พันธมิตรโอสถต้องขาดทุน ถ้าหากวัตถุดิบยาเหล่านี้ลดราคาต้นทุนไปสี่ส่วน บัญชีของพันธมิตรก็จะมีช่องว่างเบ้อเร่อเลย"ต่งฮ่วนจือบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างจนใจ "ศิษย์น้องหญิง ถ้าแบบนี้บัญชีที่ข้าต้องส่งให้พันธมิตรสาขาตอนครึ่งปีจะอธิบายลำบากเอา"เข้าใจ ก็คือ ขาดทุนนั่นล่ะฟู่จาวหนิงยังไม่ทันพูด ผู้อาวุโสจี้ก็ร้องเชอะขึ้นมา "นี่มีอะไรพูดลำบากกัน? ข้าบอกให้เจ้าโยนทั้งหมดมาที่ตัวข้าแล้ว""ท่านอาจารย์ นี่มันทำได้ที่ไหนกัน? ถึงอย่างไรข้าก็ดูแลสาขาของเมืองหลวงนะ เป็นข้าที่ต้องรับผิดชอบ" ต่งฮ่วนจือเองก็ทำเรื่องอย่างการผลักภาระทุกอย่างไปให้อาจารย์หมดไม่ได้"เจ้าเอาแต่กลัวนั่นกลัวนี่ กล้าๆ กลัวๆ ก็แค่เพราะเจ้าเพิ่งมารับช่วงดูแลที่นี่ กลัวจะทำเรื่องโดดเด่นออกมาไม่ได้