หลินอี๋เจินในที่สุดก็ไปคุกเข่าตรงหน้าหลินอันห่าว ร้องห่มร้องไห้ขอโทษนางเซี่ยซื่อเองก็รู้ว่าอาการป่วยของอันห่าวดีขึ้นมาก ตื่นเต้นจนร้องไห้ขึ้นมา น้ำตาเองก็ห้ามไว้ไม่อยู่ ดวงตาเองก็ร้องไห้จนแทบจะบวมขึ้นมาแล้วฟู่จาวหนิงจึงจำใจต้องอยู่ต่ออีกครึ่งวัน กว่าจะทำให้อารมณ์ของพวกนางสงบลงมาได้ หลินอันห่าวเองก็กินยาหลับไปแล้ว ฟู่จาวหนิงจึงนำรูปของเสิ่นเสวียนสองรูปนั้นออกมาผลคือพอเปิดดูรูปแรก ที่เป็นรูปเสิ่นเซียวตอนเด็ก เซี่ยซื่อกลับยิ้มขึ้นมา"เด็กผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนเจ้าตอนสองสามขวบเลย โดยเฉพาะดวงตาคู้นี้!"เซี่ยซื่อมองดูรูป จากนั้นก็มองไปทางฟู่จาวหนิง แล้วจึงยิ้มขึ้นมา "แต่ว่าเจ้าตอนเด็กดูคล้ายกว่า ตอนนั้นสายตาของเจ้าไม่เหมือนกับตอนนี้ ดูคล้ายกับในรูปมากกว่า"ฟู่จาวหนิงตอนนี้สายตาเป็นประกายมั่นคง ดูแล้วเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเองมากแต่ว่าตอนเด็กสายตาของนางดูเหมือนสายน้ำ น่ารักน่าชังในใจฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าน่าจะเป็นไปได้หกถึงเจ็ดส่วนแล้ว เสิ่นเชี่ยวก็คือฟู่หลินซื่อไม่เช่นนั้นจะดูคล้ายนางตอนเด็กได้อย่างไร?นางเองก็เปิดรูปที่สองออก "แล้วรูปนี้ล่ะน้าสะใภ้รอง?"เซี่ยซื่อไม่เคยเห็นเ
เฮ่อเหลียนเฟยมองฟู่จาวหนิงยิ้มคิกคัก"พี่หญิง ถึงจะอย่างไร ข้าก็มองท่านเป็นพี่สาวแท้ๆ ไปแล้ว มองท่านปู่เป็นปู่แท้ๆ ไปแล้วด้วย""ฮ่าๆ ข้าเห็นเสี่ยวเฟยคนนี้แล้วก็รู้สึกชิดเชื้อจริงๆ มีวาสนากับพวกเรา ไม่ผิดแน่แล้ว"ท่านผู้เฒ่าฟู่เองก็เอ่ยยิ้มขึ้นมาเช่นกันฟู่จาวหนิงสังเกตเขาอยู่พักหนึ่ง พบว่าที่ผู้เฒ่าฟู่ไม่ได้รู้สึกเศร้าโศกสูญเสียจากการที่คนบ้านสองบ้านสามบ้านสี่ถูกไล่ออกไป ก็น่าจะเป็นความดีความชอบของเฮ่อเหลี่ยนเฟยล่ะนะแต่ว่า ตอนแรกก็แค่เพื่อเลี้ยงดูประคับประคองดุจเครือญาติเท่านั้น แค่อยากให้ในบ้านคึกคักขึ้นมาหน่อยเท่านั้น ให้ในบ้านใหญ่โตขึ้นเท่านั้น ผลลัพธ์กลับพาคนอกตัญญูเข้ามาในรังเสียอย่างนั้น ตอนนี้ไล่ออกไปหมดแล้ว ผู้เฒ่าฟู่ในใจคงรู้สึกทอดถอนอยู่บ้าง"ท่านปู่ ลองดูสองรูปนี้"นางนำรูปทั้งสองหยิบออกมาให้กับผู้เฒ่าฟู่ดูความรู้สึกตอนเห็นภาพของผู้เฒ่าฟู่เหมือนกับเซี่ยซื่อ"สาวน้อยคนนี้ดูคล้ายแม่เจ้ามาก" เขาเพ่งดูอย่างละเอียด "แตกต่างนิดหน่อย แต่ก็คล้ายไปถึงเจ็ดแปดส่วน""ใช่ไหมใช่ไหม?" เฮ่อเหลียนเฟยรีบชิดตัวเข้ามา "พี่หญิง นี่คือภาพของท่านแม่หรือ?"ฟู่จาวหนิงยอมเขาแล้วจริงๆ นาง
แต่ว่าเขาไม่เหมือนกัน เขาสามารถแบกหน้าไปอ้อนวอนเสิ่นเสวียนได้"ท่านเสิ่นตอนนี้ร่างกายก็ไม่ดีนัก พวกเราดีที่สุดต้องหาหลักฐานให้มากอีกหน่อย ให้เขาเชื่อมั่นตระกูลฟู่ แม่ของเจ้าคือเสิ่นเชี่ยว หลังจากนั้นค่อยไปพูดกับเขาเรื่องนี้ ใช้เรื่องนี้ตรวจสอบตระกูลหลิน ยืนยันว่านางไม่ใช่คนตระกูลหลินก็พอ"ผู้เฒ่าฟู่แม้จะร้อนรน แต่ก็รู้ว่าฟู่จาวหนิงพูดถูกต้อง"เช่นนั้นเจ้าก็หาวิธีไปตรวจสอบดู ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าหาคนไปทำด้วยตนเอง ข้าจะไปถามญาติของพวกเขา ให้พวกเขาพูดความจริง!""ท่านปู่ ท่านถ้าหากคิดจะช่วยข้าจริงๆ ก็พักผ่อนเถิด เรื่องนี้ส่งให้ข้าก็พอแล้ว""ใช่แล้วใช่แล้ว ท่านปู่ ท่านตอนนี้สำคัญที่สุดคือต้องรักษาสุขภาพให้ดี ข้ากับพี่หญิงหลังจากนี้ยังต้องพึ่งพาท่านอีก" เฮ่อเหลียนหเฟยเองก็รีบเข้ามาปลอบความสนใจของฟู่จาวหนิงตกอยู่ที่ของเหล่านั้นบนโต๊ะ เมื่อครู่นางไม่ทันได้ดู ตอนนี้พอเหลือบมองไปก็เห็นศาลาไม้เล็กหลังหนึ่ง ศาลานี้ดูพิเศษมาก เสาทั้งสี่ล้วนสลักดอกบัวไว้ บนยอดสลักนกกางเขนไว้หลายตัว"ศาลานี้ดูมีเอกลักษณ์เหลือเกิน"นางยกศาลาไม้สลักนี้ขึ้นมา และพบว่าด้าในเองก็สลักไว้อย่างประณีตอีกด้วยผู้เฒ่าฟู่
ซ่งอวิ๋นเหยาหลับลึกมาก ดังนั้นจึงไม่สังเกตเห็นว่าฟู่จาวหนิง มาอยู่ข้างเตียงนางแล้วตอนนี้ต่อให้พื้นเขย่าเขาสะเทือนนางก็คงจะไม่ตื่นแน่ฟู่จาวหนิงเลิกม่านเตียงออก ได้ยินเสียงหายใจไม่สม่ำเสมอของซ่งอวิ๋นเหยา"ดูท่าจะนอนไม่ค่อยดีเท่าไร ตอนนี้ยังฝันร้ายอีกหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องเฮอะขึ้นมา หยิบไฟฉายออกมาปรับแสง แสงไม่ถึงกับสาดออกมา แต่ก็เพียงพอให้นางเห็นใบหน้าซ่งอวิ๋นเหยาอยู่"เฮือก"ใบหน้าซ่งอวิ๋นเหยาถูกปะไว้ด้วยสิ่งของสีขาวชั้นหนึ่ง ดูแล้วเหมือนถูกมาส์กหน้าอยู่อย่างไรอย่างนั้นคิดไม่ถึงว่าตอนนางหลับก็จะมีของอย่างพวกมาส์กหน้าอยู่ด้วย?ยอดคนงามนี่นะฟู่จาวหนิงเดิมทีคิดจะวาดอะไรลงไปบนหน้านาง แต่ตอนนี้พอเห็นว่าบนหน้านางมีของเหมือนโคลนขาวพอกอยู่ จึงหยิบเอาแปรงเล็กกับยาน้ำขวดเล็กใบหนึ่งออกมาสิ่งนี้เดิมทีจะเอาไปวาดบนหน้าซ่งอวิ๋นเหยา แต่ตอนนี้นางก็วาดลงไปบนจุดที่พอกหน้านางเสียเลย ถึงเวลาที่ซึมเข้าไปตื้นหน่อย ผลลัพธ์ก็น่าจะดียิ่งขึ้นนางมือหนึ่งถือไฟฉาย อีกมือหนึ่งถือแปรงเล็กปาดทาน้ำยาบนหน้าซ่งอวิ๋นเหยาทาตรงนี้ทีตรงนั้นทีหลังจากเสร็จสิ้นก็เก็บไฟฉายถอยออกมาฟู่จาวหนิงรีบถอยกลับตามทางเดิ
ตอนนี้เอง ไม่ถึงครึ่งวัน สถานการณ์ของท่านหญิงอวิ๋นเหยาก็ขุดออกมาจนหมด กระทั่งมีคนขุดไปว่าท่านหญิงอวิ๋นเหยาวันนั้นยังยื้อยุดกับอ๋องเจวี้ยนที่หน้าประตูด้วยประชาชนทั้งเมืองล้วนอนุมานถึงความจริงของเรื่องราวท่านหญิงอวิ๋นเหยาใจปองอ๋องเจวี้ยน แต่อ๋องเจวี้ยนไม่ได้รู้สึกอะไรกับนาง พอนางเข้าไปพัวพันไม่ได้ ก็เลยย้ายโทสะไปที่พระชายาอ๋องเจวี้ยน คิดจะใส่ร้ายนาง ใครจะคิดว่าอ๋องเจวี้ยนจะปกป้องพระชายา จนสุดท้ายคนที่ถูกทำร้ายกลายเป็นเซียวเหยียนจิ่งกับหลี่จื่อเหยา!ให้ตายเถอะ ท่านหญิงอวิ๋นเหยาเป็นคนอย่างนี้เองหรือ?กระดาษเรียกร้องความเป็นธรรมยังเขียนอีกว่า ท่านหญิงอวิ๋นเหยารู้ว่าตนเองทำให้เกิดเรื่องใหญ่โต ดังนั้นจึงไม่กล้าออกมาพบหน้าผู้คนอีกนาน"พวกเราจะรอดูว่าท่านหญิงอวิ๋นเหยาจะกล้าออกมาไหม""ถ้าหากนางถูกใส่ร้าย ลือกันจนเป็นเช่นนี้ ชื่อเสียงคงป่นปี้หมด แล้วจะไม่ออกมาตอบโต้ข่าวลือได้อย่างไร?"ด้านนอกลือกันดุเดือด กระทั่งมีคนที่ว่างจัดถึงกับไปนั่งจดจ้องซ่งอวิ๋นเหยาอยู่ที่นอกเรือนตระกูลซ่ง ดูว่านางจะออกมาไหมคนใช้ตระกูลซ่งที่ออกมาซื้อของเองก็ได้ยินข่าวลือด้านนอกแล้วพวกเขารีบร้อนกลับเข้าไป คิดจะ
"อ๊าๆๆๆ!"ซ๋งหยวนหลินก็ร้องเสียงแหลมขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่นี่ต่างห่างที่เป็นรอยแตกกระดองเต่าดูท่าเหมือนว่าใบหน้าที่ถูกแช่จนบวมของซ่งอวิ๋นเหยาแตกหลุดร่วงลงมาทีละชิ้นๆ อย่างไรอย่างนั้นภาพน่าตกตะลึงพรั่นพรึงมาก แม้ซ่งหยวนหลินจะรู้ว่านี่คือซ่งอวิ๋นเหยา แต่ก็รู้สึกว่ายังน่ากลัวมากอยู่ดีซ่งอวิ๋นเหยาตัวเองก็ทนไม่ไหว กรีดร้องขึ้นมาด้วยเช่นกัน"อ๊าๆๆ!"ซ่งหยวนหลินหมุนตัวพุ่งไปที่ประตู ดึงตัวหยินหลิ่วที่ร้อนรนจนทำไม่ไหวอยู่นอกประตูเข้ามา "เจ้ารีบไปดูท่านพี่อวิ๋นเหยาเร็ว!""ท่านหญิง!"หยินหลิ่วพุ่งออกไป ซ่งหยวนหลินหันหน้าเข้ามา ภาพนั้นกระทบกระเทือนหยินหลิ่วจนแข้งขาอ่อน "ท่าน ท่านหญิง?!""หน้าของข้า หน้าของข้ามันเกิดอะไรขึ้น?"เสียงของซ่งอวิ๋นเหยากำลังสั่นเครือหลังจากยาบำรุงความงามบนหน้านางเหล่านั้นร่วงลงมา บนหน้าก็เผยสีออกมา เป็นสีดำ ยิ่งไปกว่านั้นยังแปลกประหลาดอีกด้วยด้านบนคิ้วมีคิ้วเพิ่มมาอีกคู่หนึ่งรอบๆ ดวงตาล้วนเป็นวงดำ ดูแล้วเหมือนดวงตาใหญ่ครอบดวงตาเล็กทั้งคู่ไว้ด้านซ้ายและขวาของจมูกมีจมูกซีกหนึ่งยื่นออกมาฝั่งละข้าง มีรูจมูกเพิ่มมาข้างละรู หนีบจมูกของนางเอาไว้ ดูแล้วคล้า
หยินหลิ่วลังเลพูดวิธีการออกมาสองวิธี ถ้าเป็ฯช่วงปกติ การให้ซ่งอวิ๋นเหยาใช้ของสองสิ่งนี้มาล้างหน้าคือหาเรื่องตายแท้ๆ แต่ว่าตอนนี้ ซ๋งอวิ๋นเหยาทั้งหัวสมองก็คิดแต่ว่าจะล้างเจ้าสีดำบนใบหน้านี้ออกไปอย่างไร พอได้ยินว่ายังมีวิธีอื่น ก็ให้นางไปจัดหามาทันทีของจัดหามาแล้ว ซ่งอวิ๋นเหยาเองก็กัดฟันทนเจ็บแล้วล้างตอนที่เอาเกลือบชโลมหน้า นางก็ปวดจนทนไม่ไหวร้องไห้ออกมา เพราะก่อนหน้านี้ใบหน้าก็ถูกจนแดงไปหมดแล้ว บางจุดน่าจะถลอกแล้วด้วยแต่ไม่รู้สึกตัว ตอนนี้พอเอาเกลือทาลงไป ความระทมนั้นมันช่าง..."ล้าง ล้างออกไหม?"หลังจากล้างน้ำสะอาดไปรอบหนึ่ง ซ่งอวิ๋นเหยาก็ใช้นิ้วแตกไปเบาๆ บนหน้าก็ยังเจ็บจนอยากจะร้องไห้นางล้างต่อไม่ได้แล้ว ทำได้แค่เงยหน้าขึ้นมองซ่งหยวนหลินกับหยินเหลิ่ว เสียงสั่นเครือ ถามพวกนางขึ้นอย่างมีความหวังนี่น่าจะล้างออกหมดแล้วกระมัง?ซ่งหยวนหลินไม่กล้ามองนางของนางอีกนี่มันอย่างกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้นเดิมทีเป็นสีดำ ไม่ได้วาดเต็มไปทั้งหน้า ยังพอมีบางส่วนเป็นผิวหนังเดิมของนางอยู่ แต่ว่าพอล้างไปหลายรอบเข้า แล้วยังใช้สิ่งของต่างๆ มากมายมาถู ตอนนี้บนหน้าซ่งอวิ๋นเหยาจึงไม่เหลือผิวดีอยู่
หมอเซียวเองก็คิดหาวิธีสุดกำลังเขาเองก็ผสมน้ำยามากมายเพื่อจะล้างสีบนหน้าซ๋งอวิ๋นเหยาออก แต่ก็ไม่มีประโยชน์เลยไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นน้ำยาอะไร จะใช้สิ่งของใด สีบนหน้าซ่งอวิ๋นเหยาไม่ว่าอย่างไรก็ล้างไม่ออก ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่จางลงแล้วอีกด้วยกลับกันพอยิ่งใช้ของต่างๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใบหน้านั้นของซ่งอวิ๋นเหยาก็ยิ่งบวมแดงและแข็งมากขึ้นจนท้ายสุดขนาดที่นางทำสีหน้ามากหน่อยก็ยังดึงจนเจ็บปวด ขยับไม่ได้เลย เพราะแค่เอาน้ำมาล้างก็ยังเจ็บซ่งอวิ๋นเหยาขนาดจะร้องไห้ก็ยังไม่กล้า ร้องไห้เองก็ยังเจ็บทรมานอยู่วันหนึ่ง นางอย่าว่าแต่ออกจากบ้านเลย ซ่งหยวนหลินเองยังลืมบอกเรื่องที่ลือกันอยู่ภายนอกกับนางเสียด้วยซ้ำคนด้านนอกรออยู่หนึ่งวันหนึ่งคืนก็ไม่เห็นว่าซ่งอวิ๋นเหยาจะออกจากบ้าน จึงยิ่งลือกันออกไปหนักข้อขึ้นดูเอาเถอะ ท่านหญิ่งอวิ๋นเหยาไม่กล้าออกมาจริงๆ ด้วย!คนมากมายล้วนพูดเช่นนี้ หลังจากนั้นยังมีคนไปจดจ้องที่จวนชินอ๋องเซียวอีก แล้วยังหาคนเข้าไปแอบฟัง ได้ยินว่าคืนแต่งงานนั้นรัฐทายาทเซียวไม่ได้อยู่ในเรือนหอ หลังจากนั้นฮูหยินของรัฐทายาทวันต่อมาก็ตรงไปหาเขาที่ห้อง จากนั้นก็ถูกรัฐทายาทเซียวผลักออกมาฮูห