"อ๊าๆๆๆ!"ซ๋งหยวนหลินก็ร้องเสียงแหลมขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่นี่ต่างห่างที่เป็นรอยแตกกระดองเต่าดูท่าเหมือนว่าใบหน้าที่ถูกแช่จนบวมของซ่งอวิ๋นเหยาแตกหลุดร่วงลงมาทีละชิ้นๆ อย่างไรอย่างนั้นภาพน่าตกตะลึงพรั่นพรึงมาก แม้ซ่งหยวนหลินจะรู้ว่านี่คือซ่งอวิ๋นเหยา แต่ก็รู้สึกว่ายังน่ากลัวมากอยู่ดีซ่งอวิ๋นเหยาตัวเองก็ทนไม่ไหว กรีดร้องขึ้นมาด้วยเช่นกัน"อ๊าๆๆ!"ซ่งหยวนหลินหมุนตัวพุ่งไปที่ประตู ดึงตัวหยินหลิ่วที่ร้อนรนจนทำไม่ไหวอยู่นอกประตูเข้ามา "เจ้ารีบไปดูท่านพี่อวิ๋นเหยาเร็ว!""ท่านหญิง!"หยินหลิ่วพุ่งออกไป ซ่งหยวนหลินหันหน้าเข้ามา ภาพนั้นกระทบกระเทือนหยินหลิ่วจนแข้งขาอ่อน "ท่าน ท่านหญิง?!""หน้าของข้า หน้าของข้ามันเกิดอะไรขึ้น?"เสียงของซ่งอวิ๋นเหยากำลังสั่นเครือหลังจากยาบำรุงความงามบนหน้านางเหล่านั้นร่วงลงมา บนหน้าก็เผยสีออกมา เป็นสีดำ ยิ่งไปกว่านั้นยังแปลกประหลาดอีกด้วยด้านบนคิ้วมีคิ้วเพิ่มมาอีกคู่หนึ่งรอบๆ ดวงตาล้วนเป็นวงดำ ดูแล้วเหมือนดวงตาใหญ่ครอบดวงตาเล็กทั้งคู่ไว้ด้านซ้ายและขวาของจมูกมีจมูกซีกหนึ่งยื่นออกมาฝั่งละข้าง มีรูจมูกเพิ่มมาข้างละรู หนีบจมูกของนางเอาไว้ ดูแล้วคล้า
หยินหลิ่วลังเลพูดวิธีการออกมาสองวิธี ถ้าเป็ฯช่วงปกติ การให้ซ่งอวิ๋นเหยาใช้ของสองสิ่งนี้มาล้างหน้าคือหาเรื่องตายแท้ๆ แต่ว่าตอนนี้ ซ๋งอวิ๋นเหยาทั้งหัวสมองก็คิดแต่ว่าจะล้างเจ้าสีดำบนใบหน้านี้ออกไปอย่างไร พอได้ยินว่ายังมีวิธีอื่น ก็ให้นางไปจัดหามาทันทีของจัดหามาแล้ว ซ่งอวิ๋นเหยาเองก็กัดฟันทนเจ็บแล้วล้างตอนที่เอาเกลือบชโลมหน้า นางก็ปวดจนทนไม่ไหวร้องไห้ออกมา เพราะก่อนหน้านี้ใบหน้าก็ถูกจนแดงไปหมดแล้ว บางจุดน่าจะถลอกแล้วด้วยแต่ไม่รู้สึกตัว ตอนนี้พอเอาเกลือทาลงไป ความระทมนั้นมันช่าง..."ล้าง ล้างออกไหม?"หลังจากล้างน้ำสะอาดไปรอบหนึ่ง ซ่งอวิ๋นเหยาก็ใช้นิ้วแตกไปเบาๆ บนหน้าก็ยังเจ็บจนอยากจะร้องไห้นางล้างต่อไม่ได้แล้ว ทำได้แค่เงยหน้าขึ้นมองซ่งหยวนหลินกับหยินเหลิ่ว เสียงสั่นเครือ ถามพวกนางขึ้นอย่างมีความหวังนี่น่าจะล้างออกหมดแล้วกระมัง?ซ่งหยวนหลินไม่กล้ามองนางของนางอีกนี่มันอย่างกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้นเดิมทีเป็นสีดำ ไม่ได้วาดเต็มไปทั้งหน้า ยังพอมีบางส่วนเป็นผิวหนังเดิมของนางอยู่ แต่ว่าพอล้างไปหลายรอบเข้า แล้วยังใช้สิ่งของต่างๆ มากมายมาถู ตอนนี้บนหน้าซ่งอวิ๋นเหยาจึงไม่เหลือผิวดีอยู่
หมอเซียวเองก็คิดหาวิธีสุดกำลังเขาเองก็ผสมน้ำยามากมายเพื่อจะล้างสีบนหน้าซ๋งอวิ๋นเหยาออก แต่ก็ไม่มีประโยชน์เลยไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นน้ำยาอะไร จะใช้สิ่งของใด สีบนหน้าซ่งอวิ๋นเหยาไม่ว่าอย่างไรก็ล้างไม่ออก ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่จางลงแล้วอีกด้วยกลับกันพอยิ่งใช้ของต่างๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใบหน้านั้นของซ่งอวิ๋นเหยาก็ยิ่งบวมแดงและแข็งมากขึ้นจนท้ายสุดขนาดที่นางทำสีหน้ามากหน่อยก็ยังดึงจนเจ็บปวด ขยับไม่ได้เลย เพราะแค่เอาน้ำมาล้างก็ยังเจ็บซ่งอวิ๋นเหยาขนาดจะร้องไห้ก็ยังไม่กล้า ร้องไห้เองก็ยังเจ็บทรมานอยู่วันหนึ่ง นางอย่าว่าแต่ออกจากบ้านเลย ซ่งหยวนหลินเองยังลืมบอกเรื่องที่ลือกันอยู่ภายนอกกับนางเสียด้วยซ้ำคนด้านนอกรออยู่หนึ่งวันหนึ่งคืนก็ไม่เห็นว่าซ่งอวิ๋นเหยาจะออกจากบ้าน จึงยิ่งลือกันออกไปหนักข้อขึ้นดูเอาเถอะ ท่านหญิ่งอวิ๋นเหยาไม่กล้าออกมาจริงๆ ด้วย!คนมากมายล้วนพูดเช่นนี้ หลังจากนั้นยังมีคนไปจดจ้องที่จวนชินอ๋องเซียวอีก แล้วยังหาคนเข้าไปแอบฟัง ได้ยินว่าคืนแต่งงานนั้นรัฐทายาทเซียวไม่ได้อยู่ในเรือนหอ หลังจากนั้นฮูหยินของรัฐทายาทวันต่อมาก็ตรงไปหาเขาที่ห้อง จากนั้นก็ถูกรัฐทายาทเซียวผลักออกมาฮูห
เพราะมีคนเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา ว่าเพราะอะไรตระกูลซ่งจึงมีท่านหญิงสองคน ยิ่งไปกว่านั้นท่านหญิงสองคนนี้พอดูดีดีแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรที่คู่ควรกับตำแหน่งท่านหญิงที่ได้รับพระราชทานมาเอาเสียเลยแต่ลมเช่นนี้ก็ไม่กล้าที่จะพัดกวาดมากนัก เพียงแต่ทั่วทั้งเมืองกำลังพูดกัน จะอย่างไรก็ต้องลือเข้าไปถึงในวังไทเฮาสบโอกาสทันที ตรงเข้าไปหาองค์จักรพรรดิก่อน"องค์จักรพรรดิ ประชาชนเริ่มคลางแคลงกับในวังแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กด้วย เรื่องนี้จะให้รุนแรงไปกว่านี้ไม่ได้ ดังนั้น ไม่ว่าพี่น้องตระกูลซ่งทั้งสองจะไปก่อเรื่องอะไรมา ครั้งนี้ก็ยังวุ่นวายมาถึงเบื้องพระพักตร์องค์จักรพรรดิแล้ว องค์จักรพรรดิจะลำเอียงให้พวกนางไม่ได้แล้วนะ""เสด็จแม่ ข้าไม่ได้ลำเอียงกับพวกนาง" องค์จักรพรรดิสีหน้ากลัดกลุ้ม รู้แค่ว่าไทเฮาพูดเช่นนี้ก็เพื่อตัวเขาเอง ที่เขากลัดกลุ้มคือพี่น้องตระกูลซ่ง "ก่อนหน้านี้ที่พระราชทานตำแหน่งท่านหญิงก็ไม่มีใครพูดว่าไม่เหมาะสม แล้วนี่ไปก่อเรื่องอะไรมากัน?""พวกนางสองปีนี้ทำการใดก็เหมือนจะใจร้อนไปหน่อย เฮ้อ เด็กสาวนี่ล่ะหนา เช่นนั้นองค์จักรพรรดิก็ต้องดูแลให้มากหน่อย ก่อนหน้านี้ที
บันทึกเล่มเล็กนั่น เหมือนจะเป็นบันทึกประจำวันของฟู่หลินซื่อฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าฟู่หลินซื่อจะมีความเคยชินจดบันทึกด้วยแต่ว่านางก็ไม่ได้แค่จดบันทึกอย่างเดียว แต่ยังเขียนบทกลอนลงไปด้วย บาทีก็วาดรูปลงไปตัวหนังสือของฟู่หลินซื่อสวยสง่างดงาม ถ้าหากมองเห็นคนจากตัวอักษรได้ล่ะก็ ก็ควรจะเป็นหญิงสาวที่อ่อนโยนคนหนึ่งภาพของนางเองก็ดูมีจิตวิญญาณด้วย ต่อให้เป็นแค่ภาพดอกไม้ดอกเดียว ดอกไม้ที่กลีบไม่สมบูรณ์กับแมลงตัวน้อยบนกลีบดอกไม้ก็ทำให้ดอกไม้เหมือนมีชีวิตขึ้นมาฟู่จาวหนิงใช้เวลาไปครึ่งวันถึงเปิดอ่านหมด เลือกประโยคที่มีอารมณ์ส่วนหนึ่ง และยังมีบางส่วนที่กระตุ้นความทรงจำฟู่หลินซื่อออกมา"สะใภ้ใหญ่บอกว่า หลังจากออกเรือนต้องดูแลครอบครัวพ่อแม่ให้ดี ไม่เช่นนั้นหลายปีนี้ในบ้านก็คงจะเลี้ยงข้ามาเสียเปล่า เดิมทีเงินเหล่านั้นที่เลี้ยงดูข้าส่วนที่เหลือก็สามารถมอบให้กับลูกสาวของบ้านพวกเขาได้"""ท่านแม่บอกว่า หลังจากนี้ในบ้านเหล่าหลานสาวหลานชายแต่งงานไป ข้าก็ต้องส่งของขวัญให้มากๆ ไม่ให้เสียแรงที่พวกเขาเรียกข้าว่าป้า""สามีดีกับข้ามาก แต่บ้านสองบ้านสามตระกูลฟู่กลับมีเจตนาไม่ดีกับข้า""รู้สึกว่าบ้านสี่แป
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ตามมาก็น่าเวทนานักซ่งอวิ๋นเหยาตอนนี้ก็แค่ไม่เหลือความสมบูรณ์แบบอีกแล้ว ไหนจะเรื่องนี้ที่ต่อให้เป็นความจริง ก็แค่ถูกเปิดโปงออกมาเท่านั้น นางมีอะไรน่าสงสารกัน?เช่นนั้นก็ปล่อยนางไปเถอะ ด้านนอกจะลือกันอย่างไร พวกเราไม่ต้องไปสนใจ"คุณหนู ยังมีคนมาหาข่าวทางพวกเราด้วย อยากรู้ว่าคุณหนูวันนั้นหนีรอดมาได้อย่างไร แล้วยังมีคนมาถามอีกว่า เห็นลือกันว่าอ๋องเจวี้ยนดีกลับคุณหนูมาก แต่ทำไมคุณหนูถึงยังไม่ไปอยู่ที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีก?"เสี่ยวเถามองอย่างใจตุ้มต่อมไปทางฟู่จาวหนิง"แล้วเจ้าตอบไปอย่างไรล่ะ?""ข้าน้อยบอกว่า คุณหนูยังเป็นห่วงผู้เฒ่าฟู่""อืม พูดเช่นนี้ก็ดีแล้วนี่"ตอนนี้เองก็มีคนหลายคนตามกลุ่มคนเข้ามาในเมืองหลวงคนเหล่านี้เดินวนๆ อยู่ในเมือง เดินบนถนนบ้าง จากนั้นก็หาโรงน้ำชา แล้วนั่งลงในห้องหรูหรา รอคนมารับแต่ว่าห้องหรูหรานี้ก็กั้นเสียงได้ไม่ดีนัก หลังจากพวกเขานั่งลงก็ได้ยินเสียงที่ห้องข้างๆ พูดคุยอยู่ตลอดคนที่เป็นหัวหน้าฟังอยู่ครู่หนึ่ง ก็มองไปทางคนหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ"นี่กำลังพูดถึงพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ?""ท่านผู้เฒ่า ใช่แล้ว""คุณหนูตระกูลซ่งคน
เซียวหลันยวลุกขึ้นยืน"อืม"พรึบ...ชิงอีสูดลมหายใจเย็น เขารู้อยู่แล้วว่ากำลังภายในของท่านอ๋องลึกล้ำน่าตกตะลึง แต่ตอนนี้ก็ยังถูกทำให้ตกตะลึงอีกครั้งฝั่งตรงข้ามเลยนะ แล้วยังปิดประตูอีกด้วย แต่ก็ยังได้ยินอีกหรือ?"พวกเสียงเล่าลือด้านนอก หาคนมาสยบลงเสียหน่อย" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นอีกชิงอีงงัน "ท่านอ๋อง ท่านหมายถึง เรื่องของท่านหญิงอวิ๋นเหยาหรือ?""ไม่งั้นจะเรื่องอะไรล่ะ?""เรื่องนี้ก็แปลกประหลาด กระดาษเรียกร้องความเป็นธรรมที่แปะอยู่ทุกที่นั่นก็ไม่รู้ว่าใครเขียนขึ้น แต่ก็ยังกระพือใจคนได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้น ข้าน้อยรู้สึกว่าเบื้องหลังมีคนคอยควบคุมทิศทางการลืออยู่ตลอด"ที่สำคัญที่สุดคือ ซ่งอวิ๋นเหยาคนนั้นถ้าเป็นอย่างที่กระดาษนั่นเขียนไว้จริงๆ ก็คงจะออกจากเรือนไม่ได้แล้ว"นายท่าน ถ้าหากท่านหญิงอวิ๋นเหยาออกจากเรือนมาจริงๆ อีกฝ่ายก็น่าจะมีวิธีการทำให้ประชาชนทั้งเมืองพูดคุยเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับนางได้ต่อ"ครั้งนี้รู้สึกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคิดจะตอกตะปูปิดฝาโรงชื่อเสียงของซ่งอวิ๋นเหยาทิ้งเสียแล้วจะไม่ให้นางมีชื่อเสียงดีงามเช่นแต่ก่อนอีกซ่งอวิ๋นเหยาที่เหมือนมนุษย์ในคราบเทพธิดา
ฟู่จาวหนิงตะลึงงันเซียวหลันยวนช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ให้จริงๆ หรือ? ยิ่งไปกว่านั้นยังตรวจสอบพบแล้วด้วย? เขาทำไมถึงไม่พูดอะไรกับนาง แต่ยังเอาข่าวส่งมาทางเสิ่นเสวียนทางนี้ก่อน?หรือจะเพราะครึ่งที่แล้วที่นอกประตูใหญ่บ้านตระกูลฟู่นางพูดว่าจะไม่ปล่อยซ่งอวิ๋นเหยาไป ดังนั้นเขาจึงกลัดกลุ้ม จนไม่อยากจะเห็นหน้านางแล้วกัน?นางเองก็บอกตนเองไม่ได้พักหนึ่งว่านี่มันอารมณ์อะไร"่ตระกูลหลินในตอนนั้นมีลูกสาวอยู่หนึ่งคนจริง" เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้น "แต่ว่า ว่ากันว่าลูกสาวคนนั้นเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นระหว่างที่ท่านยายหลินพาไปพบญาติบ้านแม่ อ๋องเจวี้ยนตรวจสอบไปยังบ้านฝ่ายแม่ของท่านยายหลิน ทางนั้นมีคนที่นึกเรื่องครั้งนั้นออก บอกว่าตอนนั้นท่านยายหลินกับตัวเด็กนั้นซมซานอย่างมาก""แล้วหลังจากนั้นล่ะ?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นอย่างอดไม่อยู่เสิ่นเสวียนมองนางลึกๆ ผาดหนึ่ง เอ่ยต่อว่า "หลังจากนั้น อ๋องเจวี้ยนบอกว่าได้ไปที่หมู่บ้านนั้นด้วยตนเองรอบหนึ่ง จึงถามสถานการณ์หลักๆ ออกมาได้ อย่างเช่นว่า หลังจากเกิดเรื่องไม่คาดคิด เด็กที่ท่านยายหลินพามายังเป็นคนเดียวกันไหม เขาบอกว่า สุขภาพของข้า กับสุขภาพของเขาล้วนไม่ดีกันทั้งคู่ น่