"อ๊าๆๆๆ!"ซ๋งหยวนหลินก็ร้องเสียงแหลมขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่นี่ต่างห่างที่เป็นรอยแตกกระดองเต่าดูท่าเหมือนว่าใบหน้าที่ถูกแช่จนบวมของซ่งอวิ๋นเหยาแตกหลุดร่วงลงมาทีละชิ้นๆ อย่างไรอย่างนั้นภาพน่าตกตะลึงพรั่นพรึงมาก แม้ซ่งหยวนหลินจะรู้ว่านี่คือซ่งอวิ๋นเหยา แต่ก็รู้สึกว่ายังน่ากลัวมากอยู่ดีซ่งอวิ๋นเหยาตัวเองก็ทนไม่ไหว กรีดร้องขึ้นมาด้วยเช่นกัน"อ๊าๆๆ!"ซ่งหยวนหลินหมุนตัวพุ่งไปที่ประตู ดึงตัวหยินหลิ่วที่ร้อนรนจนทำไม่ไหวอยู่นอกประตูเข้ามา "เจ้ารีบไปดูท่านพี่อวิ๋นเหยาเร็ว!""ท่านหญิง!"หยินหลิ่วพุ่งออกไป ซ่งหยวนหลินหันหน้าเข้ามา ภาพนั้นกระทบกระเทือนหยินหลิ่วจนแข้งขาอ่อน "ท่าน ท่านหญิง?!""หน้าของข้า หน้าของข้ามันเกิดอะไรขึ้น?"เสียงของซ่งอวิ๋นเหยากำลังสั่นเครือหลังจากยาบำรุงความงามบนหน้านางเหล่านั้นร่วงลงมา บนหน้าก็เผยสีออกมา เป็นสีดำ ยิ่งไปกว่านั้นยังแปลกประหลาดอีกด้วยด้านบนคิ้วมีคิ้วเพิ่มมาอีกคู่หนึ่งรอบๆ ดวงตาล้วนเป็นวงดำ ดูแล้วเหมือนดวงตาใหญ่ครอบดวงตาเล็กทั้งคู่ไว้ด้านซ้ายและขวาของจมูกมีจมูกซีกหนึ่งยื่นออกมาฝั่งละข้าง มีรูจมูกเพิ่มมาข้างละรู หนีบจมูกของนางเอาไว้ ดูแล้วคล้า
หยินหลิ่วลังเลพูดวิธีการออกมาสองวิธี ถ้าเป็ฯช่วงปกติ การให้ซ่งอวิ๋นเหยาใช้ของสองสิ่งนี้มาล้างหน้าคือหาเรื่องตายแท้ๆ แต่ว่าตอนนี้ ซ๋งอวิ๋นเหยาทั้งหัวสมองก็คิดแต่ว่าจะล้างเจ้าสีดำบนใบหน้านี้ออกไปอย่างไร พอได้ยินว่ายังมีวิธีอื่น ก็ให้นางไปจัดหามาทันทีของจัดหามาแล้ว ซ่งอวิ๋นเหยาเองก็กัดฟันทนเจ็บแล้วล้างตอนที่เอาเกลือบชโลมหน้า นางก็ปวดจนทนไม่ไหวร้องไห้ออกมา เพราะก่อนหน้านี้ใบหน้าก็ถูกจนแดงไปหมดแล้ว บางจุดน่าจะถลอกแล้วด้วยแต่ไม่รู้สึกตัว ตอนนี้พอเอาเกลือทาลงไป ความระทมนั้นมันช่าง..."ล้าง ล้างออกไหม?"หลังจากล้างน้ำสะอาดไปรอบหนึ่ง ซ่งอวิ๋นเหยาก็ใช้นิ้วแตกไปเบาๆ บนหน้าก็ยังเจ็บจนอยากจะร้องไห้นางล้างต่อไม่ได้แล้ว ทำได้แค่เงยหน้าขึ้นมองซ่งหยวนหลินกับหยินเหลิ่ว เสียงสั่นเครือ ถามพวกนางขึ้นอย่างมีความหวังนี่น่าจะล้างออกหมดแล้วกระมัง?ซ่งหยวนหลินไม่กล้ามองนางของนางอีกนี่มันอย่างกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้นเดิมทีเป็นสีดำ ไม่ได้วาดเต็มไปทั้งหน้า ยังพอมีบางส่วนเป็นผิวหนังเดิมของนางอยู่ แต่ว่าพอล้างไปหลายรอบเข้า แล้วยังใช้สิ่งของต่างๆ มากมายมาถู ตอนนี้บนหน้าซ่งอวิ๋นเหยาจึงไม่เหลือผิวดีอยู่
หมอเซียวเองก็คิดหาวิธีสุดกำลังเขาเองก็ผสมน้ำยามากมายเพื่อจะล้างสีบนหน้าซ๋งอวิ๋นเหยาออก แต่ก็ไม่มีประโยชน์เลยไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นน้ำยาอะไร จะใช้สิ่งของใด สีบนหน้าซ่งอวิ๋นเหยาไม่ว่าอย่างไรก็ล้างไม่ออก ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่จางลงแล้วอีกด้วยกลับกันพอยิ่งใช้ของต่างๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใบหน้านั้นของซ่งอวิ๋นเหยาก็ยิ่งบวมแดงและแข็งมากขึ้นจนท้ายสุดขนาดที่นางทำสีหน้ามากหน่อยก็ยังดึงจนเจ็บปวด ขยับไม่ได้เลย เพราะแค่เอาน้ำมาล้างก็ยังเจ็บซ่งอวิ๋นเหยาขนาดจะร้องไห้ก็ยังไม่กล้า ร้องไห้เองก็ยังเจ็บทรมานอยู่วันหนึ่ง นางอย่าว่าแต่ออกจากบ้านเลย ซ่งหยวนหลินเองยังลืมบอกเรื่องที่ลือกันอยู่ภายนอกกับนางเสียด้วยซ้ำคนด้านนอกรออยู่หนึ่งวันหนึ่งคืนก็ไม่เห็นว่าซ่งอวิ๋นเหยาจะออกจากบ้าน จึงยิ่งลือกันออกไปหนักข้อขึ้นดูเอาเถอะ ท่านหญิ่งอวิ๋นเหยาไม่กล้าออกมาจริงๆ ด้วย!คนมากมายล้วนพูดเช่นนี้ หลังจากนั้นยังมีคนไปจดจ้องที่จวนชินอ๋องเซียวอีก แล้วยังหาคนเข้าไปแอบฟัง ได้ยินว่าคืนแต่งงานนั้นรัฐทายาทเซียวไม่ได้อยู่ในเรือนหอ หลังจากนั้นฮูหยินของรัฐทายาทวันต่อมาก็ตรงไปหาเขาที่ห้อง จากนั้นก็ถูกรัฐทายาทเซียวผลักออกมาฮูห
เพราะมีคนเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา ว่าเพราะอะไรตระกูลซ่งจึงมีท่านหญิงสองคน ยิ่งไปกว่านั้นท่านหญิงสองคนนี้พอดูดีดีแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรที่คู่ควรกับตำแหน่งท่านหญิงที่ได้รับพระราชทานมาเอาเสียเลยแต่ลมเช่นนี้ก็ไม่กล้าที่จะพัดกวาดมากนัก เพียงแต่ทั่วทั้งเมืองกำลังพูดกัน จะอย่างไรก็ต้องลือเข้าไปถึงในวังไทเฮาสบโอกาสทันที ตรงเข้าไปหาองค์จักรพรรดิก่อน"องค์จักรพรรดิ ประชาชนเริ่มคลางแคลงกับในวังแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กด้วย เรื่องนี้จะให้รุนแรงไปกว่านี้ไม่ได้ ดังนั้น ไม่ว่าพี่น้องตระกูลซ่งทั้งสองจะไปก่อเรื่องอะไรมา ครั้งนี้ก็ยังวุ่นวายมาถึงเบื้องพระพักตร์องค์จักรพรรดิแล้ว องค์จักรพรรดิจะลำเอียงให้พวกนางไม่ได้แล้วนะ""เสด็จแม่ ข้าไม่ได้ลำเอียงกับพวกนาง" องค์จักรพรรดิสีหน้ากลัดกลุ้ม รู้แค่ว่าไทเฮาพูดเช่นนี้ก็เพื่อตัวเขาเอง ที่เขากลัดกลุ้มคือพี่น้องตระกูลซ่ง "ก่อนหน้านี้ที่พระราชทานตำแหน่งท่านหญิงก็ไม่มีใครพูดว่าไม่เหมาะสม แล้วนี่ไปก่อเรื่องอะไรมากัน?""พวกนางสองปีนี้ทำการใดก็เหมือนจะใจร้อนไปหน่อย เฮ้อ เด็กสาวนี่ล่ะหนา เช่นนั้นองค์จักรพรรดิก็ต้องดูแลให้มากหน่อย ก่อนหน้านี้ที
บันทึกเล่มเล็กนั่น เหมือนจะเป็นบันทึกประจำวันของฟู่หลินซื่อฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าฟู่หลินซื่อจะมีความเคยชินจดบันทึกด้วยแต่ว่านางก็ไม่ได้แค่จดบันทึกอย่างเดียว แต่ยังเขียนบทกลอนลงไปด้วย บาทีก็วาดรูปลงไปตัวหนังสือของฟู่หลินซื่อสวยสง่างดงาม ถ้าหากมองเห็นคนจากตัวอักษรได้ล่ะก็ ก็ควรจะเป็นหญิงสาวที่อ่อนโยนคนหนึ่งภาพของนางเองก็ดูมีจิตวิญญาณด้วย ต่อให้เป็นแค่ภาพดอกไม้ดอกเดียว ดอกไม้ที่กลีบไม่สมบูรณ์กับแมลงตัวน้อยบนกลีบดอกไม้ก็ทำให้ดอกไม้เหมือนมีชีวิตขึ้นมาฟู่จาวหนิงใช้เวลาไปครึ่งวันถึงเปิดอ่านหมด เลือกประโยคที่มีอารมณ์ส่วนหนึ่ง และยังมีบางส่วนที่กระตุ้นความทรงจำฟู่หลินซื่อออกมา"สะใภ้ใหญ่บอกว่า หลังจากออกเรือนต้องดูแลครอบครัวพ่อแม่ให้ดี ไม่เช่นนั้นหลายปีนี้ในบ้านก็คงจะเลี้ยงข้ามาเสียเปล่า เดิมทีเงินเหล่านั้นที่เลี้ยงดูข้าส่วนที่เหลือก็สามารถมอบให้กับลูกสาวของบ้านพวกเขาได้"""ท่านแม่บอกว่า หลังจากนี้ในบ้านเหล่าหลานสาวหลานชายแต่งงานไป ข้าก็ต้องส่งของขวัญให้มากๆ ไม่ให้เสียแรงที่พวกเขาเรียกข้าว่าป้า""สามีดีกับข้ามาก แต่บ้านสองบ้านสามตระกูลฟู่กลับมีเจตนาไม่ดีกับข้า""รู้สึกว่าบ้านสี่แป
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ตามมาก็น่าเวทนานักซ่งอวิ๋นเหยาตอนนี้ก็แค่ไม่เหลือความสมบูรณ์แบบอีกแล้ว ไหนจะเรื่องนี้ที่ต่อให้เป็นความจริง ก็แค่ถูกเปิดโปงออกมาเท่านั้น นางมีอะไรน่าสงสารกัน?เช่นนั้นก็ปล่อยนางไปเถอะ ด้านนอกจะลือกันอย่างไร พวกเราไม่ต้องไปสนใจ"คุณหนู ยังมีคนมาหาข่าวทางพวกเราด้วย อยากรู้ว่าคุณหนูวันนั้นหนีรอดมาได้อย่างไร แล้วยังมีคนมาถามอีกว่า เห็นลือกันว่าอ๋องเจวี้ยนดีกลับคุณหนูมาก แต่ทำไมคุณหนูถึงยังไม่ไปอยู่ที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีก?"เสี่ยวเถามองอย่างใจตุ้มต่อมไปทางฟู่จาวหนิง"แล้วเจ้าตอบไปอย่างไรล่ะ?""ข้าน้อยบอกว่า คุณหนูยังเป็นห่วงผู้เฒ่าฟู่""อืม พูดเช่นนี้ก็ดีแล้วนี่"ตอนนี้เองก็มีคนหลายคนตามกลุ่มคนเข้ามาในเมืองหลวงคนเหล่านี้เดินวนๆ อยู่ในเมือง เดินบนถนนบ้าง จากนั้นก็หาโรงน้ำชา แล้วนั่งลงในห้องหรูหรา รอคนมารับแต่ว่าห้องหรูหรานี้ก็กั้นเสียงได้ไม่ดีนัก หลังจากพวกเขานั่งลงก็ได้ยินเสียงที่ห้องข้างๆ พูดคุยอยู่ตลอดคนที่เป็นหัวหน้าฟังอยู่ครู่หนึ่ง ก็มองไปทางคนหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ"นี่กำลังพูดถึงพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ?""ท่านผู้เฒ่า ใช่แล้ว""คุณหนูตระกูลซ่งคน
เซียวหลันยวลุกขึ้นยืน"อืม"พรึบ...ชิงอีสูดลมหายใจเย็น เขารู้อยู่แล้วว่ากำลังภายในของท่านอ๋องลึกล้ำน่าตกตะลึง แต่ตอนนี้ก็ยังถูกทำให้ตกตะลึงอีกครั้งฝั่งตรงข้ามเลยนะ แล้วยังปิดประตูอีกด้วย แต่ก็ยังได้ยินอีกหรือ?"พวกเสียงเล่าลือด้านนอก หาคนมาสยบลงเสียหน่อย" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นอีกชิงอีงงัน "ท่านอ๋อง ท่านหมายถึง เรื่องของท่านหญิงอวิ๋นเหยาหรือ?""ไม่งั้นจะเรื่องอะไรล่ะ?""เรื่องนี้ก็แปลกประหลาด กระดาษเรียกร้องความเป็นธรรมที่แปะอยู่ทุกที่นั่นก็ไม่รู้ว่าใครเขียนขึ้น แต่ก็ยังกระพือใจคนได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้น ข้าน้อยรู้สึกว่าเบื้องหลังมีคนคอยควบคุมทิศทางการลืออยู่ตลอด"ที่สำคัญที่สุดคือ ซ่งอวิ๋นเหยาคนนั้นถ้าเป็นอย่างที่กระดาษนั่นเขียนไว้จริงๆ ก็คงจะออกจากเรือนไม่ได้แล้ว"นายท่าน ถ้าหากท่านหญิงอวิ๋นเหยาออกจากเรือนมาจริงๆ อีกฝ่ายก็น่าจะมีวิธีการทำให้ประชาชนทั้งเมืองพูดคุยเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับนางได้ต่อ"ครั้งนี้รู้สึกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคิดจะตอกตะปูปิดฝาโรงชื่อเสียงของซ่งอวิ๋นเหยาทิ้งเสียแล้วจะไม่ให้นางมีชื่อเสียงดีงามเช่นแต่ก่อนอีกซ่งอวิ๋นเหยาที่เหมือนมนุษย์ในคราบเทพธิดา
ฟู่จาวหนิงตะลึงงันเซียวหลันยวนช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ให้จริงๆ หรือ? ยิ่งไปกว่านั้นยังตรวจสอบพบแล้วด้วย? เขาทำไมถึงไม่พูดอะไรกับนาง แต่ยังเอาข่าวส่งมาทางเสิ่นเสวียนทางนี้ก่อน?หรือจะเพราะครึ่งที่แล้วที่นอกประตูใหญ่บ้านตระกูลฟู่นางพูดว่าจะไม่ปล่อยซ่งอวิ๋นเหยาไป ดังนั้นเขาจึงกลัดกลุ้ม จนไม่อยากจะเห็นหน้านางแล้วกัน?นางเองก็บอกตนเองไม่ได้พักหนึ่งว่านี่มันอารมณ์อะไร"่ตระกูลหลินในตอนนั้นมีลูกสาวอยู่หนึ่งคนจริง" เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้น "แต่ว่า ว่ากันว่าลูกสาวคนนั้นเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นระหว่างที่ท่านยายหลินพาไปพบญาติบ้านแม่ อ๋องเจวี้ยนตรวจสอบไปยังบ้านฝ่ายแม่ของท่านยายหลิน ทางนั้นมีคนที่นึกเรื่องครั้งนั้นออก บอกว่าตอนนั้นท่านยายหลินกับตัวเด็กนั้นซมซานอย่างมาก""แล้วหลังจากนั้นล่ะ?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นอย่างอดไม่อยู่เสิ่นเสวียนมองนางลึกๆ ผาดหนึ่ง เอ่ยต่อว่า "หลังจากนั้น อ๋องเจวี้ยนบอกว่าได้ไปที่หมู่บ้านนั้นด้วยตนเองรอบหนึ่ง จึงถามสถานการณ์หลักๆ ออกมาได้ อย่างเช่นว่า หลังจากเกิดเรื่องไม่คาดคิด เด็กที่ท่านยายหลินพามายังเป็นคนเดียวกันไหม เขาบอกว่า สุขภาพของข้า กับสุขภาพของเขาล้วนไม่ดีกันทั้งคู่ น่
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ
"หวานจัง"องค์หญิงนานฉือกินไปคำหนึ่ง ตาก็เป็นประกายขึ้นมา"ลูกชิ้นนี่เหนียวหนึบหนับดี เด้งและอ่อนนุ่ม น้ำแกงก็หวาดดี อร่อยจัง""ลูกชิ้นนี้ต้องใช้น้ำอุ่นที่อุณหภูมิพอดีมานวด ส่วนเวลาและแรงตอนที่นวดก็ต้องพิถีพิถันด้วย ท่านพี่เองก็ชอบกิน พีสะใภ้กินเยอะหน่อยๆ"องค์หญิงหนานฉือชอบกิน อันชิงจึงดีใจมากนางนั่งอยู่ตรงข้ามมององค์หญิงหนานฉือ รู้สึกว่านางดุมีเสน่ห์กว่าก่อนที่แต่งงานเสียอีก สวยจับใจจริงๆ"พี่ชายของเจ้า..."องค์หญิงหนานฉือหน้าร้อนขึ้นมาเดิมทีนางก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย แต่พอเจอกับเรื่องนี้ก็อดเขินอายขึ้นมาไม่ได้เหมือนักนพูดพูดถึงผู้ตรวจการอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือก็รู้สึกปากร้อนขึ้นมาหน่อยๆ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ตรวจการอันที่มีหน้าตางดงามอ่อนโยนมีการศึกษา จะเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์หนักหน่วงคนหนึ่งแบบนี้!หลายวันนี้ ทุกวันตอนกลางคืนเขาก็จะมาทรมานนางสองครั้ง หลังจากเสร็จประชุมเช้า เขาก็ยังกลับมาทรมานนางอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งก็ยังใช้เวลานาน นี่ทำเอานางหลายวันนี้มึนๆ งงๆ ร่างกายเมื่อยขบนอนไม่พอ ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยทุกมื้อล้วนมีคนส่งอาหารเข้ามาในห้อง นางเองก็ขี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนใจว่าองค์จักรพรรดิจะถามพวกอวิ๋นจูอย่างไรนางกลับมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง ครั้งนี้ย้ายของไปมากกว่าเดิม ถึงกับตกแต่งห้องขังนั้นขึ้นมาแล้วประตูห้องขังยังแขวนม่านเอาไว้ด้วย บนพื้นปูพรม บนเตียงยังมีฉากกั้นลมสูงครึ่งตัวคนอีก แล้วยังกั้นเป็นห้องเล็กๆ สามารถวางถังปลดทุกข์ใบหนึ่งได้ด้วยที่มุมยังมีแจกันดอกไม้ บนกำแพงติดเชิงเทียนเอาไว้ แล้วยังแขวนเครื่องหอมไว้อีกย้ายโต๊ะมาหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว แล้วยังมีเบาะรองนั่งอีกพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกก็ยังติดมา แล้วยังมีเตาเล็กสำหรับอุ่นชาอุ่นสุราอีกชุดหนึ่ง วางเครื่องลายครามที่ประณีตสวยงามเอาไว้องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนหลังจากย้ายของพวกนี้เข้ามาจัดวางแล้ว ห้องขังนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวหน้าคุกกับผู้คุมมองจนตาตั้งพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้ห้ามปราม แต่ฟู่จาวหนิงพูดมาคำเดียวว่า "ข้าบอกกับองค์จักรพรรดิแล้วว่ามาอยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋อง" พวกเขาก็ต้องก้มหน้ากลับไปหัวหน้าคุกรู้สึกว่าผิดปกติไปจริงๆ วิ่งไปรายงานกับหัวหน้า ตอนกลับมายังคิดจะรื้อของเหล่านี้ของฟู่จาวหนิงออก"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิให้อ๋องเจวี้ยนมาทบทวนตนเองให้
"ที่แท้การขังเอาไว้ในคุกใหญ่ก็ไม่เรียกว่าการลงโทษสินะ?""ฟู่จาวหนิง วันนี้เจ้าคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ข้ามีงานการอีกตั้งมาก ไม่มีเวลามาเสวนาไร้สาระกับเจ้านะ!" องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าแค่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็ปวดหัวเสียแล้วเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรนางจริงๆวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงสูงส่งมาก! ในใจเขายังรู้สึกว่าโชคดีมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของแคว้นเจา ถึงอย่างไรนางก็ยังมีญาติอยู่ที่เมืองหลวง ถึงอย่างไรตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีรากฐานอะไร ดังนั้นตอนที่เขาต้องการนางจริงๆ เขายังมั่นใจว่าตนเองจะบีบจุดอ่อนของนาง แล้วนำนางมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเองได้ใครให้วิชาแพทย์ต้องมาเจอกับหายนะเข้าในใต้หล้านี้กัน ปัจจุบันพวกหมอเก่งๆ ล้ำค่าจะตายไปก่อนหน้านี้แคว้นเจามีหมอเทวดาหลี่ พวกเขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอยู่ แต่พอเทียบกับฟู่จาวหนิง วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่กลับห่างชั้นอยู่ไกลโขเลยทีเดียวเพื่อวิชาแพทย์ของนาง ขอแค่นางไม่มาเหยียบเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำ องค์จักรพรรดิก็ยังมีความอ่อนข้อให้สูงลิบอยู่เพียงแต่ว่า นางนี่มันน่าโมโหเสียจริงองค์จักรพรรดิรู้สึกว่ายิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงมากแค่ไหนชีวิตเขาก็สั้นลงไปอีกหลายปี"แค่อยากจ
องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำของฟู่จาวหนิง หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดตึงขึ้นมา"อายวนเขามีอะไรต้องทุกข์ใจกัน? ไม่พอใจข้าที่ให้เขาไปนั่งทบทวนตนเองในคุกหรือ?"ถ้านางกล้าบอกว่าไม่พอใจล่ะก็...ในใจองค์จักรพรรดิยังกำลังคิด ว่าตอนที่นางพูดว่าไม่พอใจแล้วจะตอกนางกลับไปอย่างไร ก็ได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดออกมาคำหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ ใครบ้างที่ยินดีจะอยู่ในคุก?"องค์จักรพรรดิ: นี่ยังจะย้อนถามมาอีกหรือ?"แต่ต่อให้ไม่ยินดีก็มิอาจขัดราชโองการได้" ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ดูจำใจอย่างมาก "เขาเป็นทุกข์ก็คือพวกสาวงามที่องค์จักรพรรดิยัดเข้ไาปข้างกายนั่นมันน่าโมโหมาก องค์จักรพรรรดิให้พวกนางไปดูแลเขา ผลลัพธ์คือพวกนางทั้งหมดก็หนีไปกันเกลี้ยง!""หนีหรือ?"องค์จักรพรรดิเองก็เดินตามแนวคิดของนางโดยไม่รู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเลียนเสียงนางขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเขาจึงได้สติกลับมา อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ"ใช่ไหมล่ะ เกินไปจริงๆ องค์จักรพรรดิ อายวนอยู่ในคุำำใหญ่ออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเข้าวังมาบอกกับองค์จักรพรรดิ จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ต้อนรับสาวงามพวกนี้ แต่เจอเรื่องครั้งนี้เข้าไปก็ส่งผลกระทบกั