บันทึกเล่มเล็กนั่น เหมือนจะเป็นบันทึกประจำวันของฟู่หลินซื่อฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าฟู่หลินซื่อจะมีความเคยชินจดบันทึกด้วยแต่ว่านางก็ไม่ได้แค่จดบันทึกอย่างเดียว แต่ยังเขียนบทกลอนลงไปด้วย บาทีก็วาดรูปลงไปตัวหนังสือของฟู่หลินซื่อสวยสง่างดงาม ถ้าหากมองเห็นคนจากตัวอักษรได้ล่ะก็ ก็ควรจะเป็นหญิงสาวที่อ่อนโยนคนหนึ่งภาพของนางเองก็ดูมีจิตวิญญาณด้วย ต่อให้เป็นแค่ภาพดอกไม้ดอกเดียว ดอกไม้ที่กลีบไม่สมบูรณ์กับแมลงตัวน้อยบนกลีบดอกไม้ก็ทำให้ดอกไม้เหมือนมีชีวิตขึ้นมาฟู่จาวหนิงใช้เวลาไปครึ่งวันถึงเปิดอ่านหมด เลือกประโยคที่มีอารมณ์ส่วนหนึ่ง และยังมีบางส่วนที่กระตุ้นความทรงจำฟู่หลินซื่อออกมา"สะใภ้ใหญ่บอกว่า หลังจากออกเรือนต้องดูแลครอบครัวพ่อแม่ให้ดี ไม่เช่นนั้นหลายปีนี้ในบ้านก็คงจะเลี้ยงข้ามาเสียเปล่า เดิมทีเงินเหล่านั้นที่เลี้ยงดูข้าส่วนที่เหลือก็สามารถมอบให้กับลูกสาวของบ้านพวกเขาได้"""ท่านแม่บอกว่า หลังจากนี้ในบ้านเหล่าหลานสาวหลานชายแต่งงานไป ข้าก็ต้องส่งของขวัญให้มากๆ ไม่ให้เสียแรงที่พวกเขาเรียกข้าว่าป้า""สามีดีกับข้ามาก แต่บ้านสองบ้านสามตระกูลฟู่กลับมีเจตนาไม่ดีกับข้า""รู้สึกว่าบ้านสี่แป
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ตามมาก็น่าเวทนานักซ่งอวิ๋นเหยาตอนนี้ก็แค่ไม่เหลือความสมบูรณ์แบบอีกแล้ว ไหนจะเรื่องนี้ที่ต่อให้เป็นความจริง ก็แค่ถูกเปิดโปงออกมาเท่านั้น นางมีอะไรน่าสงสารกัน?เช่นนั้นก็ปล่อยนางไปเถอะ ด้านนอกจะลือกันอย่างไร พวกเราไม่ต้องไปสนใจ"คุณหนู ยังมีคนมาหาข่าวทางพวกเราด้วย อยากรู้ว่าคุณหนูวันนั้นหนีรอดมาได้อย่างไร แล้วยังมีคนมาถามอีกว่า เห็นลือกันว่าอ๋องเจวี้ยนดีกลับคุณหนูมาก แต่ทำไมคุณหนูถึงยังไม่ไปอยู่ที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีก?"เสี่ยวเถามองอย่างใจตุ้มต่อมไปทางฟู่จาวหนิง"แล้วเจ้าตอบไปอย่างไรล่ะ?""ข้าน้อยบอกว่า คุณหนูยังเป็นห่วงผู้เฒ่าฟู่""อืม พูดเช่นนี้ก็ดีแล้วนี่"ตอนนี้เองก็มีคนหลายคนตามกลุ่มคนเข้ามาในเมืองหลวงคนเหล่านี้เดินวนๆ อยู่ในเมือง เดินบนถนนบ้าง จากนั้นก็หาโรงน้ำชา แล้วนั่งลงในห้องหรูหรา รอคนมารับแต่ว่าห้องหรูหรานี้ก็กั้นเสียงได้ไม่ดีนัก หลังจากพวกเขานั่งลงก็ได้ยินเสียงที่ห้องข้างๆ พูดคุยอยู่ตลอดคนที่เป็นหัวหน้าฟังอยู่ครู่หนึ่ง ก็มองไปทางคนหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ"นี่กำลังพูดถึงพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ?""ท่านผู้เฒ่า ใช่แล้ว""คุณหนูตระกูลซ่งคน
เซียวหลันยวลุกขึ้นยืน"อืม"พรึบ...ชิงอีสูดลมหายใจเย็น เขารู้อยู่แล้วว่ากำลังภายในของท่านอ๋องลึกล้ำน่าตกตะลึง แต่ตอนนี้ก็ยังถูกทำให้ตกตะลึงอีกครั้งฝั่งตรงข้ามเลยนะ แล้วยังปิดประตูอีกด้วย แต่ก็ยังได้ยินอีกหรือ?"พวกเสียงเล่าลือด้านนอก หาคนมาสยบลงเสียหน่อย" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นอีกชิงอีงงัน "ท่านอ๋อง ท่านหมายถึง เรื่องของท่านหญิงอวิ๋นเหยาหรือ?""ไม่งั้นจะเรื่องอะไรล่ะ?""เรื่องนี้ก็แปลกประหลาด กระดาษเรียกร้องความเป็นธรรมที่แปะอยู่ทุกที่นั่นก็ไม่รู้ว่าใครเขียนขึ้น แต่ก็ยังกระพือใจคนได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้น ข้าน้อยรู้สึกว่าเบื้องหลังมีคนคอยควบคุมทิศทางการลืออยู่ตลอด"ที่สำคัญที่สุดคือ ซ่งอวิ๋นเหยาคนนั้นถ้าเป็นอย่างที่กระดาษนั่นเขียนไว้จริงๆ ก็คงจะออกจากเรือนไม่ได้แล้ว"นายท่าน ถ้าหากท่านหญิงอวิ๋นเหยาออกจากเรือนมาจริงๆ อีกฝ่ายก็น่าจะมีวิธีการทำให้ประชาชนทั้งเมืองพูดคุยเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับนางได้ต่อ"ครั้งนี้รู้สึกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคิดจะตอกตะปูปิดฝาโรงชื่อเสียงของซ่งอวิ๋นเหยาทิ้งเสียแล้วจะไม่ให้นางมีชื่อเสียงดีงามเช่นแต่ก่อนอีกซ่งอวิ๋นเหยาที่เหมือนมนุษย์ในคราบเทพธิดา
ฟู่จาวหนิงตะลึงงันเซียวหลันยวนช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ให้จริงๆ หรือ? ยิ่งไปกว่านั้นยังตรวจสอบพบแล้วด้วย? เขาทำไมถึงไม่พูดอะไรกับนาง แต่ยังเอาข่าวส่งมาทางเสิ่นเสวียนทางนี้ก่อน?หรือจะเพราะครึ่งที่แล้วที่นอกประตูใหญ่บ้านตระกูลฟู่นางพูดว่าจะไม่ปล่อยซ่งอวิ๋นเหยาไป ดังนั้นเขาจึงกลัดกลุ้ม จนไม่อยากจะเห็นหน้านางแล้วกัน?นางเองก็บอกตนเองไม่ได้พักหนึ่งว่านี่มันอารมณ์อะไร"่ตระกูลหลินในตอนนั้นมีลูกสาวอยู่หนึ่งคนจริง" เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้น "แต่ว่า ว่ากันว่าลูกสาวคนนั้นเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นระหว่างที่ท่านยายหลินพาไปพบญาติบ้านแม่ อ๋องเจวี้ยนตรวจสอบไปยังบ้านฝ่ายแม่ของท่านยายหลิน ทางนั้นมีคนที่นึกเรื่องครั้งนั้นออก บอกว่าตอนนั้นท่านยายหลินกับตัวเด็กนั้นซมซานอย่างมาก""แล้วหลังจากนั้นล่ะ?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นอย่างอดไม่อยู่เสิ่นเสวียนมองนางลึกๆ ผาดหนึ่ง เอ่ยต่อว่า "หลังจากนั้น อ๋องเจวี้ยนบอกว่าได้ไปที่หมู่บ้านนั้นด้วยตนเองรอบหนึ่ง จึงถามสถานการณ์หลักๆ ออกมาได้ อย่างเช่นว่า หลังจากเกิดเรื่องไม่คาดคิด เด็กที่ท่านยายหลินพามายังเป็นคนเดียวกันไหม เขาบอกว่า สุขภาพของข้า กับสุขภาพของเขาล้วนไม่ดีกันทั้งคู่ น่
ฟู่จาวหนิงพอเงยหน้าก็เห็นเซียวหลันยวนม่านรถม้าจวนอ๋องม้วนขึ้นอยู่ เขาสวมหน้ากาก นั่งอยู่ในรถสองมือประคองเตาอุ่นเอาไว้ ทำท่าทางเหมือนรออยู่นานแล้วแต่รถม้านั่นจะต้องเข้ามากะทันหันแน่นอน ไม่เช่นนั้นเฉินซานทำไมจะต้องรีบหยุดรถตัวโก่งขนาดนี้?จะต้องออกมาจากซอยข้างๆ แน่ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนเงียบๆ ในใจก็ระแวงนี่คิดจะทำอะไรกัน?ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าตรวจเจออะไรก็ไม่ยอมบอกนางหรอกหรือ แต่กลับวิ่งแจ้นไปหาเสิ่นเสวียน?"พวกท่านจะไปหาท่านเสิ่นหรือ?" ฟู่จาวหนิงถาม ขณะเดียวกันก็บอกกับเฉินซานว่า "พวกเขาถ้าจะพวกเราก็หลบหน่อย"สิ่งที่นางคิดถึงก็คือพวกเขาจะไปเรือนตระกูลเสิ่น ตอนนี้บังเอิญมาเจอกันเฉินซานขานรับ "ขอรับ"ขณะที่เตรียมจะถอยออก ชิงอีก็ร้องเรียกขึ้นมา "พระชายา พวกเราไม่ได้จะไปเรือนตระกูลเสิ่น แต่มารับท่านต่างหาก คืนนี้กลับไปกินข้าวเย็นที่จวนอ๋องเถิด ให้คนครัวจัดเตรียมไว้แล้ว""หา?"ฟู่จาวหนิงมึนงง ปากอ้าพะงาบ ตั้งตัวไม่ทันไปพักหนึ่ง"เซียวหลันยวนคิดจะทำอะไร?"เฉินซาน เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ไปบอกผู้เฒ่าฟู่เสียหน่อย" ชิงอีเอ่ยกับเฉินซานเฉินซานหันหน้าไปมองฟู่จาวหนิง "คุณหนู?"ถ้าค
"ยังเก็บไว้อีกหรือ? ความรู้สึกนายบ่าวลึกล้ำจริงๆ ด้วย"ฟู่จาวหนิงร้องเชอะขึ้นจินเสวี่ยกับไป๋ซวงสองคนนั้น ถ้านางกลายเป็นนายหญิงของจวนอ๋องเจวี้ยนจริงๆ ล่ะก็ ไม่มีทางปล่อยพวกนางไว้แน่แต่ถึงอย่างไรนางก็ยังไม่ใช่ เซียวหลันยวนคิดจะเก็บพวกนางไว้ นางเองก็ไม่มีทางเลือก"ไป๋ซวงกับจินเสวี่ย ท่านอ๋องเก็บเอาไว้ก็น่าจะเพราะยังมีประโยชน์อู่นั่นล่ะ" หงจั๋วเดาขึ้นมา"พระชายา เลิกพูดเรื่องนีก้่อน ความหมายของข้าน้อยก็คือ สองวันก่อนข้าไปรับของทางนั้นมา แล้วบังเอิญไปได้ยินไป๋ซวงกับจินเสวี่ยพูดขึ้นว่า ท่านอ๋องตอนเด็กเหมือนจะเคยถูกแม่นางตัวน้อยคนหนึ่งช่วยไว้ หลายปีมาแล้ว ท่านอ๋องเคยนำแม่นางตัวน้อยนี้ไปทำนายดอกท้อครั้งหนึ่ง ท่านอ๋องบอกว่า ถึงตอนนั้นจะให้นางมาเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน""หา?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกเหมือนไปสอดรู้สอดเห็นชาวบ้านเข้าเสียแล้ว"ดังนั้น กระโปรงชุดนั้น จึงเป็นขนาดที่ท่านอ๋องอนุมานรูปร่างของแม่นางน้อยในตอนนั้นออกมา ว่ากันว่าแม่นางคนนั้นตัวผอมมาก ดังนั้นหลังจากนี้กระโปรงตัวนี้จึงตัดขึ้นตามนั้น เดิมทีพวกนางเองก็คิดว่ากระโปรงตัวนั้นจะถูกทิ้งไว้ตลอด ถึงอย่างไรก็ไม่แน่ว่าจะหาตัวแม่นางตัวน้อย
"ทำไมถึงไปสนใจว่าหน้าตาเขาเป็นอย่างไรล่ะ? อยากรู้ว่าเขาหน้าตาดีไหมหรือ?" เซียวหลันยวนมองนางไม่รู้เพราะอะไรในใจถึงคันยุบยิบฟู่จาวหนิงคิดถึงตอนที่นางแปลอมตัวเป็นผู้เฒ่าหนิงแล้วพบกับคุณชายน้อยคนนั้น ยังอยู่ในช่วงอายุเด็กน้อยที่เพิ่งจะกลายเป็นวัยหนุ่ม ตอนที่ไม่พูดไม่จาก็ดูเหมือนเซียนคนนั้น แต่พอขยับตัวภาพลักษณ์ก็พังทลายลงนางตอนนั้นยังเก็บขลุ่ยหยกเลาหนึ่งที่ตกลงพื้นของเขาด้วยซ้ำ เดิมทีคิดไว้ว่าถ้าเจออีกครั้งก็จะคืนให้เขา ใครจะคิดว่าผ่านไปตั้งนานแล้วก็ยังไม่พบอีกเลยหรือว่าชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้มาหาขลุ่ยหยกเลานั้นแล้ว?ขลุ่ยเลานั้นไม่ธรรมดาเอาเสียเลย"ก็แค่อยากรู้ ไม่ได้หรือ?""ตัดคนของตระกูลชิ่งสาขาตอนนั้นออกไป พวกตระกูลชิ่งหลักอันที่จริงก็หน้าตาไม่เลวนัก ยิ่งไปกว่านั้น ลูกสะใภใหญ่ของผู้นำตระกูลชิ่ง ในอดีตก็เคยมีหน้าตางดงามที่เลื่องลือไปทั้งเมืองหลวง นายน้อยตระกูลชิ่งลูกชายนาง ก็น่าจะหน้าตาดีอยู่"เซียวหลันยวนพูดถึงส่วนนี้ จากนั้นก็มองฟู่จาวหนิง"คนจากตระกูลชิ่งนั่นมีวิทยายุทธ์ไหม? อย่างเช่นพวกไม้ตายอะไรแบบนี้ หรือพวกอาวุธที่สืบทอดมาเป็นพิเศษอะไรแบบนี้?"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ว่าต
ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งก้มหน้า "ใช่"ซู๊ดคนในลานล้วนสูดปากอย่างอดไม่อยู่ชั่วขณะหนึ่ง ในห้องก็นิ่งเงียบ ใบไม้ร่วงยังได้ยินผู้นำน้อยตระกูลชิ่งก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้น รอปฏิกิริยาของเซียวหลันยวนหลังจากผ่านไปนาน เซียวหลันยวนก็ถอนใจ"ไปทำหายที่ไหนกัน?" เขาถามขึ้นแช่มช้า"หลัง หลังจากที่มาถึงเมืองหลวง เดิมทีข้าก็พกติดตัวไว้ตลอด แต่ไม่รู้ว่าไปหล่นหายตอนไหน"ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งเสียงเหมือนยุงเขาประหม่าจริงๆ"ตระกูลชิ่งรักษาสิ่งยืนยันเช่นนี้หรือ?" เซียวหลันยวนน้ำเสียงขรึมลงมาชิงอีเองก็ร้อนรนจนทนไม่ไหว "รักษามาตั้งหลายปีแล้ว ทำไมผู้นำน้อยตระกูลชิ่งอย่างท่านถึงได้เข้ามาเมืองหลวงเพียงคนเดียว? แล้วทำไมถึงได้ทำมันหายไปอีก?""ตระกูลชิ่งของพวกเราเกิดเรื่องขึ้น ท่านปู่ข้าตอนหลังมาป่วยหนัก ท่านลุงท่านอากระทั่งท่านน้าท่านป้าก็ล้วนคิดจะแย่งชิงอำนาจ วุ่นวายไปหมด ตอนนี้ท่านปู่ของข้ายังคิดถึงเรื่องสิ่งยืนยันชิ้นนี้ ส่งต่อตำแหน่งผู้นำตระกูลให้กับข้า จากนั้นก็จัดองครักษ์กองหนึ่งส่งข้าเข้าเมืองหลวง แต่ว่าคนเหล่านั้นไม่ยอมปล่อยข้า และไม่ยอมให้ข้านำสิ่งยืนยันชิ้นนี้ส่งคืนมาในช่วงนี้"ผู้นำน้อยตระกูลชิ่
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้