เซียวหลันยวลุกขึ้นยืน"อืม"พรึบ...ชิงอีสูดลมหายใจเย็น เขารู้อยู่แล้วว่ากำลังภายในของท่านอ๋องลึกล้ำน่าตกตะลึง แต่ตอนนี้ก็ยังถูกทำให้ตกตะลึงอีกครั้งฝั่งตรงข้ามเลยนะ แล้วยังปิดประตูอีกด้วย แต่ก็ยังได้ยินอีกหรือ?"พวกเสียงเล่าลือด้านนอก หาคนมาสยบลงเสียหน่อย" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นอีกชิงอีงงัน "ท่านอ๋อง ท่านหมายถึง เรื่องของท่านหญิงอวิ๋นเหยาหรือ?""ไม่งั้นจะเรื่องอะไรล่ะ?""เรื่องนี้ก็แปลกประหลาด กระดาษเรียกร้องความเป็นธรรมที่แปะอยู่ทุกที่นั่นก็ไม่รู้ว่าใครเขียนขึ้น แต่ก็ยังกระพือใจคนได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้น ข้าน้อยรู้สึกว่าเบื้องหลังมีคนคอยควบคุมทิศทางการลืออยู่ตลอด"ที่สำคัญที่สุดคือ ซ่งอวิ๋นเหยาคนนั้นถ้าเป็นอย่างที่กระดาษนั่นเขียนไว้จริงๆ ก็คงจะออกจากเรือนไม่ได้แล้ว"นายท่าน ถ้าหากท่านหญิงอวิ๋นเหยาออกจากเรือนมาจริงๆ อีกฝ่ายก็น่าจะมีวิธีการทำให้ประชาชนทั้งเมืองพูดคุยเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับนางได้ต่อ"ครั้งนี้รู้สึกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคิดจะตอกตะปูปิดฝาโรงชื่อเสียงของซ่งอวิ๋นเหยาทิ้งเสียแล้วจะไม่ให้นางมีชื่อเสียงดีงามเช่นแต่ก่อนอีกซ่งอวิ๋นเหยาที่เหมือนมนุษย์ในคราบเทพธิดา
ฟู่จาวหนิงตะลึงงันเซียวหลันยวนช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ให้จริงๆ หรือ? ยิ่งไปกว่านั้นยังตรวจสอบพบแล้วด้วย? เขาทำไมถึงไม่พูดอะไรกับนาง แต่ยังเอาข่าวส่งมาทางเสิ่นเสวียนทางนี้ก่อน?หรือจะเพราะครึ่งที่แล้วที่นอกประตูใหญ่บ้านตระกูลฟู่นางพูดว่าจะไม่ปล่อยซ่งอวิ๋นเหยาไป ดังนั้นเขาจึงกลัดกลุ้ม จนไม่อยากจะเห็นหน้านางแล้วกัน?นางเองก็บอกตนเองไม่ได้พักหนึ่งว่านี่มันอารมณ์อะไร"่ตระกูลหลินในตอนนั้นมีลูกสาวอยู่หนึ่งคนจริง" เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้น "แต่ว่า ว่ากันว่าลูกสาวคนนั้นเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นระหว่างที่ท่านยายหลินพาไปพบญาติบ้านแม่ อ๋องเจวี้ยนตรวจสอบไปยังบ้านฝ่ายแม่ของท่านยายหลิน ทางนั้นมีคนที่นึกเรื่องครั้งนั้นออก บอกว่าตอนนั้นท่านยายหลินกับตัวเด็กนั้นซมซานอย่างมาก""แล้วหลังจากนั้นล่ะ?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นอย่างอดไม่อยู่เสิ่นเสวียนมองนางลึกๆ ผาดหนึ่ง เอ่ยต่อว่า "หลังจากนั้น อ๋องเจวี้ยนบอกว่าได้ไปที่หมู่บ้านนั้นด้วยตนเองรอบหนึ่ง จึงถามสถานการณ์หลักๆ ออกมาได้ อย่างเช่นว่า หลังจากเกิดเรื่องไม่คาดคิด เด็กที่ท่านยายหลินพามายังเป็นคนเดียวกันไหม เขาบอกว่า สุขภาพของข้า กับสุขภาพของเขาล้วนไม่ดีกันทั้งคู่ น่
ฟู่จาวหนิงพอเงยหน้าก็เห็นเซียวหลันยวนม่านรถม้าจวนอ๋องม้วนขึ้นอยู่ เขาสวมหน้ากาก นั่งอยู่ในรถสองมือประคองเตาอุ่นเอาไว้ ทำท่าทางเหมือนรออยู่นานแล้วแต่รถม้านั่นจะต้องเข้ามากะทันหันแน่นอน ไม่เช่นนั้นเฉินซานทำไมจะต้องรีบหยุดรถตัวโก่งขนาดนี้?จะต้องออกมาจากซอยข้างๆ แน่ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนเงียบๆ ในใจก็ระแวงนี่คิดจะทำอะไรกัน?ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าตรวจเจออะไรก็ไม่ยอมบอกนางหรอกหรือ แต่กลับวิ่งแจ้นไปหาเสิ่นเสวียน?"พวกท่านจะไปหาท่านเสิ่นหรือ?" ฟู่จาวหนิงถาม ขณะเดียวกันก็บอกกับเฉินซานว่า "พวกเขาถ้าจะพวกเราก็หลบหน่อย"สิ่งที่นางคิดถึงก็คือพวกเขาจะไปเรือนตระกูลเสิ่น ตอนนี้บังเอิญมาเจอกันเฉินซานขานรับ "ขอรับ"ขณะที่เตรียมจะถอยออก ชิงอีก็ร้องเรียกขึ้นมา "พระชายา พวกเราไม่ได้จะไปเรือนตระกูลเสิ่น แต่มารับท่านต่างหาก คืนนี้กลับไปกินข้าวเย็นที่จวนอ๋องเถิด ให้คนครัวจัดเตรียมไว้แล้ว""หา?"ฟู่จาวหนิงมึนงง ปากอ้าพะงาบ ตั้งตัวไม่ทันไปพักหนึ่ง"เซียวหลันยวนคิดจะทำอะไร?"เฉินซาน เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ไปบอกผู้เฒ่าฟู่เสียหน่อย" ชิงอีเอ่ยกับเฉินซานเฉินซานหันหน้าไปมองฟู่จาวหนิง "คุณหนู?"ถ้าค
"ยังเก็บไว้อีกหรือ? ความรู้สึกนายบ่าวลึกล้ำจริงๆ ด้วย"ฟู่จาวหนิงร้องเชอะขึ้นจินเสวี่ยกับไป๋ซวงสองคนนั้น ถ้านางกลายเป็นนายหญิงของจวนอ๋องเจวี้ยนจริงๆ ล่ะก็ ไม่มีทางปล่อยพวกนางไว้แน่แต่ถึงอย่างไรนางก็ยังไม่ใช่ เซียวหลันยวนคิดจะเก็บพวกนางไว้ นางเองก็ไม่มีทางเลือก"ไป๋ซวงกับจินเสวี่ย ท่านอ๋องเก็บเอาไว้ก็น่าจะเพราะยังมีประโยชน์อู่นั่นล่ะ" หงจั๋วเดาขึ้นมา"พระชายา เลิกพูดเรื่องนีก้่อน ความหมายของข้าน้อยก็คือ สองวันก่อนข้าไปรับของทางนั้นมา แล้วบังเอิญไปได้ยินไป๋ซวงกับจินเสวี่ยพูดขึ้นว่า ท่านอ๋องตอนเด็กเหมือนจะเคยถูกแม่นางตัวน้อยคนหนึ่งช่วยไว้ หลายปีมาแล้ว ท่านอ๋องเคยนำแม่นางตัวน้อยนี้ไปทำนายดอกท้อครั้งหนึ่ง ท่านอ๋องบอกว่า ถึงตอนนั้นจะให้นางมาเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน""หา?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกเหมือนไปสอดรู้สอดเห็นชาวบ้านเข้าเสียแล้ว"ดังนั้น กระโปรงชุดนั้น จึงเป็นขนาดที่ท่านอ๋องอนุมานรูปร่างของแม่นางน้อยในตอนนั้นออกมา ว่ากันว่าแม่นางคนนั้นตัวผอมมาก ดังนั้นหลังจากนี้กระโปรงตัวนี้จึงตัดขึ้นตามนั้น เดิมทีพวกนางเองก็คิดว่ากระโปรงตัวนั้นจะถูกทิ้งไว้ตลอด ถึงอย่างไรก็ไม่แน่ว่าจะหาตัวแม่นางตัวน้อย
"ทำไมถึงไปสนใจว่าหน้าตาเขาเป็นอย่างไรล่ะ? อยากรู้ว่าเขาหน้าตาดีไหมหรือ?" เซียวหลันยวนมองนางไม่รู้เพราะอะไรในใจถึงคันยุบยิบฟู่จาวหนิงคิดถึงตอนที่นางแปลอมตัวเป็นผู้เฒ่าหนิงแล้วพบกับคุณชายน้อยคนนั้น ยังอยู่ในช่วงอายุเด็กน้อยที่เพิ่งจะกลายเป็นวัยหนุ่ม ตอนที่ไม่พูดไม่จาก็ดูเหมือนเซียนคนนั้น แต่พอขยับตัวภาพลักษณ์ก็พังทลายลงนางตอนนั้นยังเก็บขลุ่ยหยกเลาหนึ่งที่ตกลงพื้นของเขาด้วยซ้ำ เดิมทีคิดไว้ว่าถ้าเจออีกครั้งก็จะคืนให้เขา ใครจะคิดว่าผ่านไปตั้งนานแล้วก็ยังไม่พบอีกเลยหรือว่าชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้มาหาขลุ่ยหยกเลานั้นแล้ว?ขลุ่ยเลานั้นไม่ธรรมดาเอาเสียเลย"ก็แค่อยากรู้ ไม่ได้หรือ?""ตัดคนของตระกูลชิ่งสาขาตอนนั้นออกไป พวกตระกูลชิ่งหลักอันที่จริงก็หน้าตาไม่เลวนัก ยิ่งไปกว่านั้น ลูกสะใภใหญ่ของผู้นำตระกูลชิ่ง ในอดีตก็เคยมีหน้าตางดงามที่เลื่องลือไปทั้งเมืองหลวง นายน้อยตระกูลชิ่งลูกชายนาง ก็น่าจะหน้าตาดีอยู่"เซียวหลันยวนพูดถึงส่วนนี้ จากนั้นก็มองฟู่จาวหนิง"คนจากตระกูลชิ่งนั่นมีวิทยายุทธ์ไหม? อย่างเช่นพวกไม้ตายอะไรแบบนี้ หรือพวกอาวุธที่สืบทอดมาเป็นพิเศษอะไรแบบนี้?"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ว่าต
ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งก้มหน้า "ใช่"ซู๊ดคนในลานล้วนสูดปากอย่างอดไม่อยู่ชั่วขณะหนึ่ง ในห้องก็นิ่งเงียบ ใบไม้ร่วงยังได้ยินผู้นำน้อยตระกูลชิ่งก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้น รอปฏิกิริยาของเซียวหลันยวนหลังจากผ่านไปนาน เซียวหลันยวนก็ถอนใจ"ไปทำหายที่ไหนกัน?" เขาถามขึ้นแช่มช้า"หลัง หลังจากที่มาถึงเมืองหลวง เดิมทีข้าก็พกติดตัวไว้ตลอด แต่ไม่รู้ว่าไปหล่นหายตอนไหน"ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งเสียงเหมือนยุงเขาประหม่าจริงๆ"ตระกูลชิ่งรักษาสิ่งยืนยันเช่นนี้หรือ?" เซียวหลันยวนน้ำเสียงขรึมลงมาชิงอีเองก็ร้อนรนจนทนไม่ไหว "รักษามาตั้งหลายปีแล้ว ทำไมผู้นำน้อยตระกูลชิ่งอย่างท่านถึงได้เข้ามาเมืองหลวงเพียงคนเดียว? แล้วทำไมถึงได้ทำมันหายไปอีก?""ตระกูลชิ่งของพวกเราเกิดเรื่องขึ้น ท่านปู่ข้าตอนหลังมาป่วยหนัก ท่านลุงท่านอากระทั่งท่านน้าท่านป้าก็ล้วนคิดจะแย่งชิงอำนาจ วุ่นวายไปหมด ตอนนี้ท่านปู่ของข้ายังคิดถึงเรื่องสิ่งยืนยันชิ้นนี้ ส่งต่อตำแหน่งผู้นำตระกูลให้กับข้า จากนั้นก็จัดองครักษ์กองหนึ่งส่งข้าเข้าเมืองหลวง แต่ว่าคนเหล่านั้นไม่ยอมปล่อยข้า และไม่ยอมให้ข้านำสิ่งยืนยันชิ้นนี้ส่งคืนมาในช่วงนี้"ผู้นำน้อยตระกูลชิ่
"ปิ่นปักผม?"ผู้คนล้วนตกตะลึง สิ่งยืนยันเป็นปิ่นปักผมเล่มหนึ่ง สำหรับหญิงสาวใช้หรือ?"หน้าตาเป็นอย่างไร?" เซียวหลันยวนถามต่อ"ข้าวาดออกมาแล้ว" ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งรีบหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งยื่นเข้ามาเซียวหลันยวนรับมาไว้ในมือ กางออกฟู่จาวหนิงยื่นหน้าออกมามองจากแผ่นหลังของเขาด้านบนวาดปิ่นปักผมธรรมดาเล่มหนึ่งไว้ บนปิ่นปักผมสลักดอกเหมยเอาไว้ช่อหนึ่ง นางมองผาดหนึ่งก็นับ ดอกเหมยเก้าดอกข้างๆ ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งก็อธิบาย "ปิ่นปกผมนี้ดูแล้วไม่ค่อยมีมูลค่า เพราะเป็นปิ่นปักผมเหล็ก ไม่ใช่ทองไม่ใช่เงิน ยิ่งไปกว่านั้นยังหล่อตันไว้ด้วย แข็งแรงอย่างมาก รู้สึกเหมือนเอาไปสังหารคนได้เลย ถ้าแทงไปบนตัวของอีกฝ่าย พอกระชากออก ไม่ต้องออกแรงก็ทะลวงเป็นรูเลือดทะลักได้เลย"เขาพูดถึงตรงนี้ เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาผาดหนึ่งหยิบสิ่งยืนยันของเขามาสังหารคนหรือ?ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งหดคอลงพอเห็นการกระทำของเขา ฟู่จาวหนิงอยากจะหัวเราะขึ้นมาเด็กคนนี้จริงๆ เลย ถ้ายืนอยู่ตรงนั้นหรือนั่งอยู่ตรงนั้นนิ่งๆ ก็ดูบำรุงสายตาเหมือนเซียนย่ำโลกมนุษย์ดีอยู่ งดงามเหมือนรูปภาพแต่พอเคลื่อนไหวขึ้นมาก็แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง กลา
"ไม่มี ข้าอยากจะถามเขาว่าไปที่ไหนมาบ้าง ข้าก็อยากช่วยด้วยเหมือนกัน""เจ้าก็มีน้ำใจเสียจริง""ข้าเองก็มีน้ำใจมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ ท่านเพิ่งรู้หรือ?"ฟู่จาวหนิงนั่งกลับลงไปที่ข้างโต๊ะอาหาร หยิบตะเกียบขึ้นมาต่อเซียวหลันยวนมองท่าทางของนาง "เจ้ายังกินไม่อิ่มอีกหรือ?""อิ่มไปแปดส่วนแล้ว ขอกินอีกหน่อย เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าถูกชิ่งอวิ๋นเซียวมาขัดลำหรอกหรือ" นางคีบปลาอีกชิ้นหนึ่งเข้าปากเซียวหลันยวนเดินเข้ามา ยื่นมือเข้ามาแย่งตะเกียบนาง "ตอนกลางคืนกินแค่เจ็ดส่วนก็พอ""ข้าทำไม่ได้" ฟู่จาวหนิงเลี่ยงออกจากมือของเขา "วันนี้ข้ายุ่งมาทั้งวัน ใช้พลังงานไปเยอะ ถ้ากินไม่อิ่มตอนกลางคืนจะหิวจนทนไม่ไหวเอานะ"เซียวหลันยวนมองนางที่คีบเต้าหู้ไปอีกก้อนอย่างรวดเร็ว ส่ายหัวขึ้นมาอย่างจำใจ"ท่านกินอิ่มแล้วนี่? ท่านตอนนี้พูดสิ่งที่ท่านตรวจสอบมาได้แล้ว ข้ากินไปด้วยฟังไปด้วย""เจ้าเห็นข้าเป็นสายสืบของเจ้าไปแล้วหรือ?"ทำเหมือนนั่งอยู่ข้างๆ เขาที่จัดการธุระทางการอยู่แล้วถือโอกาสฟังสายสืบที่เข้ามารายงานอย่างไรอย่างนั้น"อย่าคิดเล็กคิดน้อยเลย"ฟู่จาวหนิงมองเขา เขาสวมหน้ากากอยู่ มองสีหน้าไม่ออก แต่ก็ไม่รู้ว่าเข