"ยังเก็บไว้อีกหรือ? ความรู้สึกนายบ่าวลึกล้ำจริงๆ ด้วย"ฟู่จาวหนิงร้องเชอะขึ้นจินเสวี่ยกับไป๋ซวงสองคนนั้น ถ้านางกลายเป็นนายหญิงของจวนอ๋องเจวี้ยนจริงๆ ล่ะก็ ไม่มีทางปล่อยพวกนางไว้แน่แต่ถึงอย่างไรนางก็ยังไม่ใช่ เซียวหลันยวนคิดจะเก็บพวกนางไว้ นางเองก็ไม่มีทางเลือก"ไป๋ซวงกับจินเสวี่ย ท่านอ๋องเก็บเอาไว้ก็น่าจะเพราะยังมีประโยชน์อู่นั่นล่ะ" หงจั๋วเดาขึ้นมา"พระชายา เลิกพูดเรื่องนีก้่อน ความหมายของข้าน้อยก็คือ สองวันก่อนข้าไปรับของทางนั้นมา แล้วบังเอิญไปได้ยินไป๋ซวงกับจินเสวี่ยพูดขึ้นว่า ท่านอ๋องตอนเด็กเหมือนจะเคยถูกแม่นางตัวน้อยคนหนึ่งช่วยไว้ หลายปีมาแล้ว ท่านอ๋องเคยนำแม่นางตัวน้อยนี้ไปทำนายดอกท้อครั้งหนึ่ง ท่านอ๋องบอกว่า ถึงตอนนั้นจะให้นางมาเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน""หา?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกเหมือนไปสอดรู้สอดเห็นชาวบ้านเข้าเสียแล้ว"ดังนั้น กระโปรงชุดนั้น จึงเป็นขนาดที่ท่านอ๋องอนุมานรูปร่างของแม่นางน้อยในตอนนั้นออกมา ว่ากันว่าแม่นางคนนั้นตัวผอมมาก ดังนั้นหลังจากนี้กระโปรงตัวนี้จึงตัดขึ้นตามนั้น เดิมทีพวกนางเองก็คิดว่ากระโปรงตัวนั้นจะถูกทิ้งไว้ตลอด ถึงอย่างไรก็ไม่แน่ว่าจะหาตัวแม่นางตัวน้อย
"ทำไมถึงไปสนใจว่าหน้าตาเขาเป็นอย่างไรล่ะ? อยากรู้ว่าเขาหน้าตาดีไหมหรือ?" เซียวหลันยวนมองนางไม่รู้เพราะอะไรในใจถึงคันยุบยิบฟู่จาวหนิงคิดถึงตอนที่นางแปลอมตัวเป็นผู้เฒ่าหนิงแล้วพบกับคุณชายน้อยคนนั้น ยังอยู่ในช่วงอายุเด็กน้อยที่เพิ่งจะกลายเป็นวัยหนุ่ม ตอนที่ไม่พูดไม่จาก็ดูเหมือนเซียนคนนั้น แต่พอขยับตัวภาพลักษณ์ก็พังทลายลงนางตอนนั้นยังเก็บขลุ่ยหยกเลาหนึ่งที่ตกลงพื้นของเขาด้วยซ้ำ เดิมทีคิดไว้ว่าถ้าเจออีกครั้งก็จะคืนให้เขา ใครจะคิดว่าผ่านไปตั้งนานแล้วก็ยังไม่พบอีกเลยหรือว่าชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้มาหาขลุ่ยหยกเลานั้นแล้ว?ขลุ่ยเลานั้นไม่ธรรมดาเอาเสียเลย"ก็แค่อยากรู้ ไม่ได้หรือ?""ตัดคนของตระกูลชิ่งสาขาตอนนั้นออกไป พวกตระกูลชิ่งหลักอันที่จริงก็หน้าตาไม่เลวนัก ยิ่งไปกว่านั้น ลูกสะใภใหญ่ของผู้นำตระกูลชิ่ง ในอดีตก็เคยมีหน้าตางดงามที่เลื่องลือไปทั้งเมืองหลวง นายน้อยตระกูลชิ่งลูกชายนาง ก็น่าจะหน้าตาดีอยู่"เซียวหลันยวนพูดถึงส่วนนี้ จากนั้นก็มองฟู่จาวหนิง"คนจากตระกูลชิ่งนั่นมีวิทยายุทธ์ไหม? อย่างเช่นพวกไม้ตายอะไรแบบนี้ หรือพวกอาวุธที่สืบทอดมาเป็นพิเศษอะไรแบบนี้?"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ว่าต
ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งก้มหน้า "ใช่"ซู๊ดคนในลานล้วนสูดปากอย่างอดไม่อยู่ชั่วขณะหนึ่ง ในห้องก็นิ่งเงียบ ใบไม้ร่วงยังได้ยินผู้นำน้อยตระกูลชิ่งก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้น รอปฏิกิริยาของเซียวหลันยวนหลังจากผ่านไปนาน เซียวหลันยวนก็ถอนใจ"ไปทำหายที่ไหนกัน?" เขาถามขึ้นแช่มช้า"หลัง หลังจากที่มาถึงเมืองหลวง เดิมทีข้าก็พกติดตัวไว้ตลอด แต่ไม่รู้ว่าไปหล่นหายตอนไหน"ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งเสียงเหมือนยุงเขาประหม่าจริงๆ"ตระกูลชิ่งรักษาสิ่งยืนยันเช่นนี้หรือ?" เซียวหลันยวนน้ำเสียงขรึมลงมาชิงอีเองก็ร้อนรนจนทนไม่ไหว "รักษามาตั้งหลายปีแล้ว ทำไมผู้นำน้อยตระกูลชิ่งอย่างท่านถึงได้เข้ามาเมืองหลวงเพียงคนเดียว? แล้วทำไมถึงได้ทำมันหายไปอีก?""ตระกูลชิ่งของพวกเราเกิดเรื่องขึ้น ท่านปู่ข้าตอนหลังมาป่วยหนัก ท่านลุงท่านอากระทั่งท่านน้าท่านป้าก็ล้วนคิดจะแย่งชิงอำนาจ วุ่นวายไปหมด ตอนนี้ท่านปู่ของข้ายังคิดถึงเรื่องสิ่งยืนยันชิ้นนี้ ส่งต่อตำแหน่งผู้นำตระกูลให้กับข้า จากนั้นก็จัดองครักษ์กองหนึ่งส่งข้าเข้าเมืองหลวง แต่ว่าคนเหล่านั้นไม่ยอมปล่อยข้า และไม่ยอมให้ข้านำสิ่งยืนยันชิ้นนี้ส่งคืนมาในช่วงนี้"ผู้นำน้อยตระกูลชิ่
"ปิ่นปักผม?"ผู้คนล้วนตกตะลึง สิ่งยืนยันเป็นปิ่นปักผมเล่มหนึ่ง สำหรับหญิงสาวใช้หรือ?"หน้าตาเป็นอย่างไร?" เซียวหลันยวนถามต่อ"ข้าวาดออกมาแล้ว" ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งรีบหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งยื่นเข้ามาเซียวหลันยวนรับมาไว้ในมือ กางออกฟู่จาวหนิงยื่นหน้าออกมามองจากแผ่นหลังของเขาด้านบนวาดปิ่นปักผมธรรมดาเล่มหนึ่งไว้ บนปิ่นปักผมสลักดอกเหมยเอาไว้ช่อหนึ่ง นางมองผาดหนึ่งก็นับ ดอกเหมยเก้าดอกข้างๆ ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งก็อธิบาย "ปิ่นปกผมนี้ดูแล้วไม่ค่อยมีมูลค่า เพราะเป็นปิ่นปักผมเหล็ก ไม่ใช่ทองไม่ใช่เงิน ยิ่งไปกว่านั้นยังหล่อตันไว้ด้วย แข็งแรงอย่างมาก รู้สึกเหมือนเอาไปสังหารคนได้เลย ถ้าแทงไปบนตัวของอีกฝ่าย พอกระชากออก ไม่ต้องออกแรงก็ทะลวงเป็นรูเลือดทะลักได้เลย"เขาพูดถึงตรงนี้ เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาผาดหนึ่งหยิบสิ่งยืนยันของเขามาสังหารคนหรือ?ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งหดคอลงพอเห็นการกระทำของเขา ฟู่จาวหนิงอยากจะหัวเราะขึ้นมาเด็กคนนี้จริงๆ เลย ถ้ายืนอยู่ตรงนั้นหรือนั่งอยู่ตรงนั้นนิ่งๆ ก็ดูบำรุงสายตาเหมือนเซียนย่ำโลกมนุษย์ดีอยู่ งดงามเหมือนรูปภาพแต่พอเคลื่อนไหวขึ้นมาก็แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง กลา
"ไม่มี ข้าอยากจะถามเขาว่าไปที่ไหนมาบ้าง ข้าก็อยากช่วยด้วยเหมือนกัน""เจ้าก็มีน้ำใจเสียจริง""ข้าเองก็มีน้ำใจมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ ท่านเพิ่งรู้หรือ?"ฟู่จาวหนิงนั่งกลับลงไปที่ข้างโต๊ะอาหาร หยิบตะเกียบขึ้นมาต่อเซียวหลันยวนมองท่าทางของนาง "เจ้ายังกินไม่อิ่มอีกหรือ?""อิ่มไปแปดส่วนแล้ว ขอกินอีกหน่อย เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าถูกชิ่งอวิ๋นเซียวมาขัดลำหรอกหรือ" นางคีบปลาอีกชิ้นหนึ่งเข้าปากเซียวหลันยวนเดินเข้ามา ยื่นมือเข้ามาแย่งตะเกียบนาง "ตอนกลางคืนกินแค่เจ็ดส่วนก็พอ""ข้าทำไม่ได้" ฟู่จาวหนิงเลี่ยงออกจากมือของเขา "วันนี้ข้ายุ่งมาทั้งวัน ใช้พลังงานไปเยอะ ถ้ากินไม่อิ่มตอนกลางคืนจะหิวจนทนไม่ไหวเอานะ"เซียวหลันยวนมองนางที่คีบเต้าหู้ไปอีกก้อนอย่างรวดเร็ว ส่ายหัวขึ้นมาอย่างจำใจ"ท่านกินอิ่มแล้วนี่? ท่านตอนนี้พูดสิ่งที่ท่านตรวจสอบมาได้แล้ว ข้ากินไปด้วยฟังไปด้วย""เจ้าเห็นข้าเป็นสายสืบของเจ้าไปแล้วหรือ?"ทำเหมือนนั่งอยู่ข้างๆ เขาที่จัดการธุระทางการอยู่แล้วถือโอกาสฟังสายสืบที่เข้ามารายงานอย่างไรอย่างนั้น"อย่าคิดเล็กคิดน้อยเลย"ฟู่จาวหนิงมองเขา เขาสวมหน้ากากอยู่ มองสีหน้าไม่ออก แต่ก็ไม่รู้ว่าเข
นางเห็นแค่เขาเดินออกไปจากห้องอาหาร แต่ไม่เห็นว่าเขาไปทางไหนแล้ว เลยคาดเดาว่าเขาน่าจะออกไปแล้วและที่ทำให้เขานั ่งไม่อยู่เช่นนี้ สิ่งยืนยันนั่นจะต้องสำคัญกับเขามากจริงๆ"เรียนพระชายา ขอรับ""เขาพาองครักษ์ลับไปด้วยไหม?""หกคน""แล้วกลับไปผ้าคลุมหรือยัง?" ฟู่จาวหนิงถามต่อองครักษ์ลับชะงัก "ไม่ได้กลับขอรับ"เช่นนี้ก็คงจะออกไปอย่างเร่งร้อนมากฟู่จาวหนิงจุ๊ปากเสียงหนึ่ง "ข้าจะไปห้องเขาหยิบผ้าคลุมกับเตาอังมือ""ขอรับ"นางบอกกับองครักษ์ลับคำหนึ่ง เพื่อไม่ให้พวกเขาอีกเดี๋ยวจะเข้ามาขวางนาง ถึงอย่างไรเซียวหลันยวนหลังจากพิธีอภิเษกวันนั้นก็ให้นางย้ายออกมาแล้วไม่ได้ยอมให้นางพักอยู่ที่นั่น นางเองก็เข้าใจตำแหน่งนางดี ว่าไม่ใช่ภรรยาที่แท้จริงของเขาแต่พอนางเพิ่งพูดจบ องครักษ์ลับก็ขานรับกลับมาทันที ทำเอาฟู่จาวหนิงรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ"ไม่ขวางข้าหรือ?""ท่านอ๋องวันนี้บอกไว้แล้ว พระชายาสามารถเข้าไปได้"คำพูดขององครักษ์ลับทำฟู่จาวหนิงตกตะลึงอีกครั้งเซียวหลันยวนทำอะไร? ทดสอบนางหรือ? จะหยั่งเชิงนางหรือ?แต่ว่านางก็ไม่ได้คิดเยอะ ไปห้องของเขาหอบผ้าคลุมออกมาตัวหนึ่ง จากนั้นก็หยิบเตาอังมือมาด้วย
คนในเงามือไม่ขยับเขยื้อน รอจนพวกชิงอีหาห่างออกไปจึงค่อยๆ ถอยตัวออกมาหมุนตัวจากไปบ้านตระกูลฮู่ในเมืองหลวงในเรือนข้างฝั่งตะวันออก ห้องห้องหนึ่งมีไฟเทียนจุดขึ้นมา ประตูถูกผลักเปิด คนชุดดำพุ่งตัวเข้าไป ดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงรูปร่างผอมบางคนบนเตียงได้ยินการเคลื่อนไหวก็ลงจากเตียงเข้ามารับทันที"แม่นางเจี๋ย เป็นอย่างไรบ้าง"ชายกลางคนคนนี้คือลูกชายของผู้นำตระกูลฮู่ ฮู่เจียไท่และแม่นางเจี๋ยคนนี้ คือภรรยาของเขา พูดให้ถูกคือภรรยารองของเขา ภรรยาเก่านั้นตายไปนานแล้ว"ให้ข้าดื่มน้ำหน่อย"รอจนแม่นางเจี๋ยดื่มน้ำ มองยังสามี ดวงตาเป็นประกาย "ท่านสามี ท่านลองเดาสิว่าข้าได้ยินอะไรมา?""รีบพูดเร็ว ไม่ต้องมายั่วกัน""ชิ่งอวิ๋นเซียวมาถึงเมืองหลวงแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังทำสิ่งยืนยันหายไปด้วย!"ฮู่เจียไท่พอได้ยินก็กระเด้งพรวด ร้องอุทานออกมา "อะไรนะ? ทำหาย?!""ชู่!" แม่นางเจี๋ยรีบปิดปากของเขา "ท่านเบาเสียงหน่อย! เดี๋ยวท่านพ่อได้ยินขึ้นมา เรื่องของพวกเราก็พังกันพอดี?""ใช่ๆๆ ข้าจะเบาเสียง" ฮู่เจียไท่จับมือของนางลง "ข้าดูตกใจเกินไปสินะ? เจ้าได้ยินมาไม่ผิดใช่ไหม?""แน่นอนว่าไม่ผิด! เรื่องสำคัญขนา
"แม่ของเจ้าไม่ใชว่าเป็นนักบุญหญิงคนก่อนของเผ่าโม๋ลั่วหรือ? เพียงแต่ออกเรือนไปยังแดนใต้""ถูกต้อง ตอนที่ข้าอยู่บนถนนก็ติดต่อกับนักบุญหญิงในเผ่าตอนนี้แล้ว นางเองก็อยู่ที่เมืองหลวงเช่นกัน นางรู้ว่าข้าจะเข้ามาบอกว่ามีเรื่องให้ข้าช่วยเหลือ ข้าเองก็สามารถร่วมมือกับนางได้พอดี แค่หาสิ่งของไม่ใช่ปัญหา""เจ้าหมายถึง""ก็อย่างที่ท่านคิดนั่นล่ะ""เช่นนั้นก็ดี เจ้าตอนนี้ก็ไปหานางเถอะ ยิ่งเสียเวลายิ่งไม่ดี คนของจวนอ๋องเจวี้ยนหาของไปทั้งคืนแล้ว พวกเราจะเสียเวลาอีกไม่ได้"แม่นางเจี๋ยพยักหน้า ดึงผ้าคลุมกลับขึ้นไป จากนั้นก็ออกประตูไปอีกครั้งและที่ตะวันออกเมือง ในเรือนเล็กแห่งหนึ่งที่ไม่ห่างออกไปนัก ไห่ฉางจวิ้นก็ได้ยิน เสียงเคาะหน้าต่างก๊อกๆ ทันใดนั้นก็ตกใจลุกขึ้นนั่งทันทีซือถูไป๋พาอาเพียนออกจากเมืองหลวงไปชั่วคราวเนื่องจากมีธุระ ไหมใจโลหิตของนางก็ยังหาไม่เจอเลยไม่ไปไหน จึงไม่กล้าพัวพันต่อยังดีที่ช่วงหลายวันนี้ทำให้นางเจอกับคุณชายที่หน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง มาจากเจียงหนาน ปล่อยเช่าเรือนเล็กเรือนหนึ่งที่นี่ ส่วนตัวเขาจะไปฝากตัวเป็นศิษย์กับอาจารย์เพื่อร่ำเรียน นางจึงติดตามเข้ามาพักด้วยถ้าซือถูไป๋ย
หยวนอี้ตอนที่เข้ามาก็เห็นกับภาพที่ 'สับสนอลหม่าน' นี้เขาประกายตาแล่นวาบ กำลังจะเข้าไปในประตูวงกลม ไป๋หู่ก็หมุนตัวมามองเขา "ช้าก่อน"หยวนอี้โบกไม้โบกมือ "สหายไป๋หู่""อย่าเข้าใกล้นัก เหมือนข้าเคยบอกท่านไว้แล้ว ที่นี่ท่านห้ามเข้าไป" ไป๋หู่เอ่ยขึ้นฟู่จิ้นเชินออกมาจัดการความวุ่นวายนี้ ให้ป้าหนิวป้าหลี่มาช่วยประคององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเข้าไปในห้องเฉินเซียงกลับไม่มีใครสนใจ"พวกเจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว..."เฉินเซียงดิ้นรนอยู่พักหนึ่งถึงลุกขึ้นมาได้ นางรู้สึกว่าอวัยวะภายในตนเองปวดร้าวไปหมดเท้าของฟู่จาวหนิงแรงหนักขนาดนี้เชียว!นางไม่เป็นวรยุทธ์เลยจริงหรือ?แต่ว่าฟู่จาวหนิงทำไมถึงกล้า กล้าเตะนางขนาดนี้!สายตาของหยวนอี้เก็บกลับมาจากตัวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่ถูกประคองเข้าห้อง หันไปตกอยู่บนตัวเฉินเซ๊ยงแทน ใต้ตาเกิดความสนใจขึ้นมา"แม่นางไปยั่วหมอฟู่อย่างไรกันเนี่ย?"ฟู่จาวหนิงมองเขา ถามไป๋หู่ว่า "นี่ใครหรือ?""บอกว่าชื่อหยวนอี้ ติดตามหมอหลวงคนหนึ่งเข้ามา อยากจะมาช่วยเหลือที่เมืองเจ้อขอรับ" ไป๋หู่บอกกับฟู่จาวหนิงฟู่จิ้นเชินเดินมาอยู่ข้างๆ ฟู่จาวหนิง กดเสียงลงต่ำ "รู้สึกเหมือนเขาน่าสงสัย
เซียวหลันยวนหมุนตัวจากไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองแผ่นเหลังเขา จะอย่างไรก็ตั้งสติกลับมาไม่ได้เฉินเซียงเห็นว่าการสนทนาขององค์หญิงใหญ่พังทลายลงแล้ว สีหน้าก็ลนลานขึ้นมา รีบลุกขึ้นมาไล่ตามเซียวหลันยวนไป"อ๋องเจวี้ยน! ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้!" หมอเทวดาฟู่วางยาอะไรใส่ท่านใช่ไหม ท่านทำไมถึงได้ใจดำขนาดนี้?นางยังไม่ทันพุ่งออกจากประตูวงกลม ก็ถูกไป๋หู่ฟาดกลับมาไป๋หู่ยังใช้แค่กำลังภายในด้วย แต่ห้ามไม่ให้นางออกไป ไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายนางแต่เฉินเซียงก็ทรุดตัวลงบนพื้น แค่รู้สึกว่าเจ็บเข่าเจ็บก้น มือก็เจ็บ หัวก็ปวดไปหมดนางร้องไห้ออกมา "พวกเจ้าจะมารังแกองค์หญิงใหญ่ของพวกเราแบบนี้ไม่ได้ นางเป็นองค์หญิงใหญ่ที่มีโชคมากที่สุดในต้าชื่อนะ"เซียวหลันยวนเดินไปไกลแล้ว ไม่หันหลังกลับมาไป๋หู่ยืนอยู่ที่ประตูวงกลม มององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่นั่งเหม่อลอยอยู่บนพื้น เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ "องค์หญิงใหญ่กลับห้องไปเถิด"จะว่าไปเขาเองก็เป็นคนต้าชื่อเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินเรื่ององค์หญิงใหญ่มามากตอนนี้พอเห็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกต่ำจนน้ำตานองหน้า เขาก็รู้สึกซับซ้อนขึ้นมาหน่อยๆแต่ว่า องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ
หญิงสาวที่น่าสงสาร ตอนเด็กๆ เขาเห็นในวังหลังมาแล้วไม่น้อย มีภูมิคุ้มกันไปนานแล้ว"ข้าไม่ได้จะแย่งชิงอะไรกับหมอเทวดาฟู่ ถ้าเราแต่งกันหลอกๆ ได้ไหม? ข้าแค่ต้องการหาที่ไปเท่านั้น แค่อยากให้ท่านคอยปกป้องข้าไม่กี่ปี ถ้าห้าปีไม่ได้ล่ะก็ สามปีก็พอ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเห็นเซียวหลันยวนไม่พูดจา จึงหดเวลาลงมาอีก"สามปีนี้ ข้าแค่แบกชื่อพระชายารองไว้ในนามเท่านั้น พออยู่ภายนอกก็ขอให้ท่านอ๋องเล่นละครกับข้าหน่อย แสร้งเป็นสามีภรรยา สามารถปกป้องข้าได้ ในจวนอ๋อง ข้ารับรองว่าจะทำตามหน้าที่ตนเอง เลี่ยงท่านอ๋องให้ห่าง ไม่คิดอะไรเกินเลย""เป็นถึงองค์หญิงใหญ่ต้าชื่อ แต่คิดจะเอาตัวเองไปไว้ในจุดต่ำตมหรือ?" เซียวหลันยวนถาม"อ๋องเจวี้ยนโปรดเมตตา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นน้ำตาไหลพราก "ข้าไม่มีทางเลือกแล้ว ข้าเอาของให้ท่านได้ ยิ่งไปกว่านั้น โชคของข้าก็ดีมาโดยตลอด ถ้าเป็นพระชายารองอ๋องเจวี้ยนในนาม จะต้องช่วยเหลือท่านอ๋องได้แน่ ไม่ว่าท่านอ๋องจะทำอะไร ก็จะยิ่งราบรื่น ผลลัพธ์สมปรารถนา""องค์หญิงใหญ่มั่นใจกับโชคของตนเองขนาดนี้เชียว?" เซียวหลันยวนได้ยินคำนี้ก็อดนึกขันขึ้นมาไม่ได้"โชคจุดนี้ข้ามีอยู่ ท่านเองก็เชื่อข้าได
เซียวหลันยวนมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นและไม่รู้ว่านางทำไมถึงพูดว่า 'เขาเอามาเองไม่ได้' ออกมา"แล้วของนั่นมันคืออะไรกัน?" เขาถามขึ้นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลนลานขึ้นมานางรู้ที่ไหนว่าสิ่งนั้นคืออะไร? มันคือกล่องที่เปิดไม่ได้ แล้วก็มองไม่เห็นว่าด้านในมีอะไรนี่นา?"ตอนนี้ข้ายังบอกท่านไม่ได้ แต่สำคัญกับท่านมากแน่นอน""เจ้าไม่บอกว่าคืออะไร แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามันจริงหรือไม่จริง? จะว่าไป เจ้าบอกว่าเจ้าฝันเห็นอนาคตได้ นี่มันก็ดูเหลวไหลเกินไปนะ ข้าควรจะเชื่อเรื่องนี้ด้วยไหม?""เรื่องจริงนะ เพราะข้าฝันเห็นแบบนั้น ตอนเด็กๆ ได้พบกับเจ้าอารามยอดเขาโยวชิง เขาบอกว่า ข้าเป็นตัวเลือกที่เหมาะจะเป็นพระชายาของท่านมาก! แล้วยังชี้แนะข้า ให้ข้าเติบโตอย่างดีในสุสานจักรพรรดิ ถ้ายังไม่ถึงเวลาสำคัญอย่าเพิ่งกลับเมืองหลวง"เซียวหลันยวนก็เชื่อคำพูดของนางอยู่ เจ้าอารามยอดเขาโยวชิงอาจจะพูดเหล่านี้กับนางก็ได้ยิ่งไปกว่านั้น ท่านหูที่คุยถ่ายทอดคำพูดเจ้าอารามมาตลอดก็พูดอะไรทำนองนี้แต่เขาไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตนี้ต้องไปผูกอยู่บนตัวหญิงสาวคนหนึ่งเลยบางทีอาจจะได้ แต่คนคนนั้นก็อาจจะไม่ใช่คนที่เขากำหนด อย่างจาวหนิง
นางอยากจะให้เซียวหลันยวนไม่พอใจตัวฟู่จาวหนิงเสียเหลือเกินแต่พอสิ้นเสียงนาง เซียวหลันยวนก็หันมามองนาง แม้จะสวมหน้ากากอยู่ แต่เฉินเซียงจู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่านางถูกสายตาที่เย็นเยียบแหลมคนฆ่าตายไปแล้วนางใจสั่นวาบ จู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจกับคำพูดเมื่อครู่ที่พูดไป แต่ก็สายไปแล้วนางได้ยินคำพูดเย็นชาของเซียวหลันยวนว่า"องค์หญิงใหญ่ถ้าหากมีเรื่องจะคุยกับข้า ก็ให้ทาสของเจ้าไปคุกเข่าอยู่ตรงนั้นก่อน"เซียวหลันยวนชี้ไปที่กลางสวนคุกเข่าที่นั่น คนป่วยทั้งหมดในห้องข้างฝั่งตะวันตกจะมองเห็นเฉินเซียงถลึงตาโตใส่อย่างไม่อยากเชื่อ"อ๋องเจวี้ยน" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกตะลึงไป "เฉินเซียงก็แค่ปกป้องข้ามากเกินไปเท่านั้น นางไม่ได้มีความคิดไม่ดี...""ให้นางคุกเข่า ข้าถึงจะฟังเจ้าพูด ถ้านางไม่ทำ ข้าก็จะไปแล้ว" เซียวหลันยวนตัดบทนางเฉินเซียงบอกว่าฟู่จาวหนิงแอบมีชู้กับอันเหนียน เขาจดจำมาโดยตลอด"อ๋องเจวี้ยน เฉินเซียงนางเองก็ป่วย ถ้าไปตากลมหนาวบนพื้น นางจะ...""เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว"เซียวหลันยวนพูดจบก็หมุนตัวกลับทันทีเฉินเซียงลนลานขึ้นมา "อ๋องเจวี้ยน ข้าจะไปคุกเข่าเดี๋ยวนี้! ท่านโปรดรอก่อน!""เฉินเ
สิ่งที่ทำให้ตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นขุ่นเคืองคือ ฟู่จาวหนิงคล้องแขนอ๋องเจวี้ยนเดินเข้ามา"พวกเขาทำไมถึงคล้องแขนกันเดินแบบนั้นล่ะ?"เฉินเซียงถลึงตาโตนางไม่เคยเห็นสามีภรรยาเดินกันแบบนี้เลย ปกติแล้ว ภรรยาจะเดินอยู่ด้านหลังสามีประมาณครึ่งก้าวนี่ หรืออย่างมากก็ไหล่ชนไหล่แต่พออยู่ภายนอกก็ต้องคอยระวังเรื่องมารยาท มีใครเขามาคล้องแขนเดินกันแบบนี้บ้าง?ยิ่งไปกว่านั้นตัวฟู่จาวหนิงเองก็ยังเอนมาเบียดแขนอ๋องเจวี้ยนด้วย"นางเดินแบบนี้มันดูสง่างามตรงไหน บิดๆ เบียดๆ เงอะงะงุ่มง่ามเหมือนอะไรล่ะนั่น?" เฉินเซียงกดเสียงต่ำ พูดแบบไม่พอใจกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น "นี่มันดูเป็นพระชายาตรงไหนกัน?"เหมือนพวกอนุภรรยาที่เอาแต่เบียดเสียดชายหนุ่มมากกว่าพระชายาตัวจริงต้องมีท่าทีสง่างาม มีคุณธรรม บุคลิกภาพโดดเด่นสิทำตัวออดอ้อนแบบนี้ มันเหมือนกับปีศาจสาวที่อยากจะสูบพลังหยางจากชายหนุ่มจนตัวสั่นอย่างไรอย่างนั้น เหมือนพวกอนุภรรยาที่ไร้เกียรติเฉินเซียงถึงอย่างไรก็ไม่ชินตาแต่ไม่รู้เพราะอะไร องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับรู้สึกอิจฉาจนควบคุมไม่อยู่ชายหนุ่มที่เย็นชาขนาดนั้นแบบอ๋องเจวี้ยน ก็ยังตามใจให้ฟู่จาวหนิง แล้วยังปร
"ข้ารู้แล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะออกไป" เซียวหลันยวนพยักหน้าฟู่จิ้นเชินเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า "นางน่าจะมีเรื่องมาขอร้องท่าน แต่ว่า เรื่องที่นางจะขอร้องข้าเองก็พอจะนึกออก"เขาอยากบอกว่า เรื่องแบบนี้ ถ้าหากรับปากไป ไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์สามีภรรยากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหรือไม่ แต่การที่พานางเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยน ถือเป็นการทรยศและทำร้ายจาวหนิงแต่ก็ไม่อยากพูดออกมาตอนนี้เขาอยากจะเห็นว่าเซียวหลันยวนจะเลือกอย่างไร ที่สำคัญที่สุดคือ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเงื่อนไขที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นงัดออกมาได้คืออะไร ถ้าเผื่อมันสำคัญอย่างมากกับเซียวหลันยวนจริงๆ ล่ะ?"ท่านพ่อตาอยากพูดอะไรหรือ?" เซียวหลันยวนย้อนถามเขา"อ๋า?"ฟู่จิ้นเชินถูกคำเรียก 'ท่านพ่อตา' ที่มาอย่างกะทันหันนี้ทำเอางงงันไปหมด ตั้งตัวกลับมาไม่ได้ชั่วขณะหนึ่งเซียวหลันยวนก็พูดต่อมาอีก "วางใจเถิด ข้าไม่ทำเรื่องที่ผิดกับหนิงหนิงแน่นอน"พูดจบเขาก็หมุนตัวเตรียมเข้าห้อง ""หากไม่มีเรื่องอะไร คนป่วยทางนั้นรบกวนท่านดูไว้หน่อย ให้หนิงหนิงได้กินข้าวเช้าก่อนพอเซียวหลันยวนเข้าห้องไป ประตูก็ปิดลงมา ฟู่จิ้นเชินมองไปทางชิงอีที่อยู่ข้างๆ ช้าๆชิงอีเองก็
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกคนเหล่านี้พูดจนตาแทบแดงก่ำนางไม่ยอมให้เป็นแบบนี้!นางเองก็มีเกียรตินะ นางเป็นถึงองค์หญิงใหญ่ เดิมทีควรจะล้ำค่าสูงส่ง สามารถเลือกราชบุตรเขยดีดีได้แต่ตอนนี้นางมีทางเลือกอะไรล่ะ?ถ้าไม่ใช่เพราะนางมีพระเชษฐาแบบนั้น นางคงไม่ต้องทำให้มาถึงจุดนี้หรอกนางแค่อยากจะช่วยตนเองเท่านั้น แล้วมันผิดตรงไหน? ถ้าหากทำได้ นางก็ไม่อยากไปทำร้ายใครทั้งนั้น นางเป็นคนที่มดแค่ตัวเดียวก็ยังทำใจเหยียบไม่ลงด้วยซ้ำ"รบกวนท่านลุงฟู่ด้วย ข้ามีเรื่องสำคัญจริงๆ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง ถอยไปที่ประตูวงกลมทางนั้นเฉินเซียงถลึงตาใส่ห้องนั้น คารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง "รบกวนท่านลุงฟู่ช่วยเหลือด้วย องค์หญิงใหญ่พวกรเาจะไปรออ๋องเจวี้ยนที่นั่น"พูดจบนางก็รีบเดินไปหาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นฟู่จิ้นเชินส่ายหัวเขาก็เหมือนรู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกอยู่ในสภาพไหน มาเจอกับฝ่าบาทต้าชื่อแบบนั้น นางเองอันที่จริงก็น่าสงสารแต่ว่า ท้ายสุดแล้วนางก็ยังไม่ฉลาดพอ เส้นทางที่เดินได้ นางกลับเดินอย่างสะเปะสะปะแต่พูดมาก็ถูก นางเติบโตมาที่สุสานจักรพรรดิ ไม่ค่อยได้พบเจอกับผู้คนสักเท่าไร และย
ก่อนหน้านี้ทรมานหมอฟู่ไว้มาก สาวใช้นั่นยังบอกว่าหมอฟู่กับนายท่านเป็นอะไรอะไรกันอีก ป้าหนิวเห็นแล้วไม่สบอารมณ์องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถูกนางเหลือบมองใส่แบบนี้จนอายไปเฉินเซียงกลับถลึงตามองแผ่นหลังป้าหนิวเจ้าคนชั้นต่ำ นังคนชั้นต่ำ กล้ามามององค์หญิงใหญ่พวกนางแบบนี้เรอะฟู่จิ้นเชินตอนนี้จึงหมุนตัวหันไปมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถามขึ้นว่า "องค์หญิงใหญ่จะพบอ๋องเจวี้ยน เพราะอยากให้อ๋องเจวี้ยนพาท่านไปเมืองหลวงหรือ? ถ้าหากมีเป้าหมายนี้ เช่นนั้นข้าบอกท่านไว้ได้เลย ว่าท่านยังออกจากเมืองเจ้อไม่ได้"ฟู่จาวหนิงกับอันเหนียนผู้บริหารท้องถิ่นโหยวสามฝ่ายตกลงกันแล้ว ตอนนี้ประตูเมืองปิดอยู่ ใครอยากจะออกจากเมือง ต้องยื่นจดหมายออกจากเมืองมา ถ้าบนต้องมีผู้บริหารท้องถิ่นโหยวใต้เท้าอันและหมอฟู่สามคนลงนาม ขาดไปสักคนก็ไม่ได้ถ้าหากไม่มีจดหมายออกจากเมืองที่มีนามทั้งสาม ใครก็ออกไปไม่ได้ทั้งนั้นแล้วอาการป่วยอย่างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ฟู่จาวหนิงไม่มีทางปล่อยนางออกไปแน่ไหนจะเรื่องที่นางจะตามอ๋องเจวี้ยนไปอีกฟู่จิ้นเชินตอนนี้รู้สึกว่าสมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก แค่คิดก็รู้แล้ว ฟู่จาวหนิงจะยอมให้อ๋องเ