"ยังเก็บไว้อีกหรือ? ความรู้สึกนายบ่าวลึกล้ำจริงๆ ด้วย"ฟู่จาวหนิงร้องเชอะขึ้นจินเสวี่ยกับไป๋ซวงสองคนนั้น ถ้านางกลายเป็นนายหญิงของจวนอ๋องเจวี้ยนจริงๆ ล่ะก็ ไม่มีทางปล่อยพวกนางไว้แน่แต่ถึงอย่างไรนางก็ยังไม่ใช่ เซียวหลันยวนคิดจะเก็บพวกนางไว้ นางเองก็ไม่มีทางเลือก"ไป๋ซวงกับจินเสวี่ย ท่านอ๋องเก็บเอาไว้ก็น่าจะเพราะยังมีประโยชน์อู่นั่นล่ะ" หงจั๋วเดาขึ้นมา"พระชายา เลิกพูดเรื่องนีก้่อน ความหมายของข้าน้อยก็คือ สองวันก่อนข้าไปรับของทางนั้นมา แล้วบังเอิญไปได้ยินไป๋ซวงกับจินเสวี่ยพูดขึ้นว่า ท่านอ๋องตอนเด็กเหมือนจะเคยถูกแม่นางตัวน้อยคนหนึ่งช่วยไว้ หลายปีมาแล้ว ท่านอ๋องเคยนำแม่นางตัวน้อยนี้ไปทำนายดอกท้อครั้งหนึ่ง ท่านอ๋องบอกว่า ถึงตอนนั้นจะให้นางมาเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน""หา?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกเหมือนไปสอดรู้สอดเห็นชาวบ้านเข้าเสียแล้ว"ดังนั้น กระโปรงชุดนั้น จึงเป็นขนาดที่ท่านอ๋องอนุมานรูปร่างของแม่นางน้อยในตอนนั้นออกมา ว่ากันว่าแม่นางคนนั้นตัวผอมมาก ดังนั้นหลังจากนี้กระโปรงตัวนี้จึงตัดขึ้นตามนั้น เดิมทีพวกนางเองก็คิดว่ากระโปรงตัวนั้นจะถูกทิ้งไว้ตลอด ถึงอย่างไรก็ไม่แน่ว่าจะหาตัวแม่นางตัวน้อย
"ทำไมถึงไปสนใจว่าหน้าตาเขาเป็นอย่างไรล่ะ? อยากรู้ว่าเขาหน้าตาดีไหมหรือ?" เซียวหลันยวนมองนางไม่รู้เพราะอะไรในใจถึงคันยุบยิบฟู่จาวหนิงคิดถึงตอนที่นางแปลอมตัวเป็นผู้เฒ่าหนิงแล้วพบกับคุณชายน้อยคนนั้น ยังอยู่ในช่วงอายุเด็กน้อยที่เพิ่งจะกลายเป็นวัยหนุ่ม ตอนที่ไม่พูดไม่จาก็ดูเหมือนเซียนคนนั้น แต่พอขยับตัวภาพลักษณ์ก็พังทลายลงนางตอนนั้นยังเก็บขลุ่ยหยกเลาหนึ่งที่ตกลงพื้นของเขาด้วยซ้ำ เดิมทีคิดไว้ว่าถ้าเจออีกครั้งก็จะคืนให้เขา ใครจะคิดว่าผ่านไปตั้งนานแล้วก็ยังไม่พบอีกเลยหรือว่าชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้มาหาขลุ่ยหยกเลานั้นแล้ว?ขลุ่ยเลานั้นไม่ธรรมดาเอาเสียเลย"ก็แค่อยากรู้ ไม่ได้หรือ?""ตัดคนของตระกูลชิ่งสาขาตอนนั้นออกไป พวกตระกูลชิ่งหลักอันที่จริงก็หน้าตาไม่เลวนัก ยิ่งไปกว่านั้น ลูกสะใภใหญ่ของผู้นำตระกูลชิ่ง ในอดีตก็เคยมีหน้าตางดงามที่เลื่องลือไปทั้งเมืองหลวง นายน้อยตระกูลชิ่งลูกชายนาง ก็น่าจะหน้าตาดีอยู่"เซียวหลันยวนพูดถึงส่วนนี้ จากนั้นก็มองฟู่จาวหนิง"คนจากตระกูลชิ่งนั่นมีวิทยายุทธ์ไหม? อย่างเช่นพวกไม้ตายอะไรแบบนี้ หรือพวกอาวุธที่สืบทอดมาเป็นพิเศษอะไรแบบนี้?"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ว่าต
ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งก้มหน้า "ใช่"ซู๊ดคนในลานล้วนสูดปากอย่างอดไม่อยู่ชั่วขณะหนึ่ง ในห้องก็นิ่งเงียบ ใบไม้ร่วงยังได้ยินผู้นำน้อยตระกูลชิ่งก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้น รอปฏิกิริยาของเซียวหลันยวนหลังจากผ่านไปนาน เซียวหลันยวนก็ถอนใจ"ไปทำหายที่ไหนกัน?" เขาถามขึ้นแช่มช้า"หลัง หลังจากที่มาถึงเมืองหลวง เดิมทีข้าก็พกติดตัวไว้ตลอด แต่ไม่รู้ว่าไปหล่นหายตอนไหน"ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งเสียงเหมือนยุงเขาประหม่าจริงๆ"ตระกูลชิ่งรักษาสิ่งยืนยันเช่นนี้หรือ?" เซียวหลันยวนน้ำเสียงขรึมลงมาชิงอีเองก็ร้อนรนจนทนไม่ไหว "รักษามาตั้งหลายปีแล้ว ทำไมผู้นำน้อยตระกูลชิ่งอย่างท่านถึงได้เข้ามาเมืองหลวงเพียงคนเดียว? แล้วทำไมถึงได้ทำมันหายไปอีก?""ตระกูลชิ่งของพวกเราเกิดเรื่องขึ้น ท่านปู่ข้าตอนหลังมาป่วยหนัก ท่านลุงท่านอากระทั่งท่านน้าท่านป้าก็ล้วนคิดจะแย่งชิงอำนาจ วุ่นวายไปหมด ตอนนี้ท่านปู่ของข้ายังคิดถึงเรื่องสิ่งยืนยันชิ้นนี้ ส่งต่อตำแหน่งผู้นำตระกูลให้กับข้า จากนั้นก็จัดองครักษ์กองหนึ่งส่งข้าเข้าเมืองหลวง แต่ว่าคนเหล่านั้นไม่ยอมปล่อยข้า และไม่ยอมให้ข้านำสิ่งยืนยันชิ้นนี้ส่งคืนมาในช่วงนี้"ผู้นำน้อยตระกูลชิ่
"ปิ่นปักผม?"ผู้คนล้วนตกตะลึง สิ่งยืนยันเป็นปิ่นปักผมเล่มหนึ่ง สำหรับหญิงสาวใช้หรือ?"หน้าตาเป็นอย่างไร?" เซียวหลันยวนถามต่อ"ข้าวาดออกมาแล้ว" ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งรีบหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งยื่นเข้ามาเซียวหลันยวนรับมาไว้ในมือ กางออกฟู่จาวหนิงยื่นหน้าออกมามองจากแผ่นหลังของเขาด้านบนวาดปิ่นปักผมธรรมดาเล่มหนึ่งไว้ บนปิ่นปักผมสลักดอกเหมยเอาไว้ช่อหนึ่ง นางมองผาดหนึ่งก็นับ ดอกเหมยเก้าดอกข้างๆ ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งก็อธิบาย "ปิ่นปกผมนี้ดูแล้วไม่ค่อยมีมูลค่า เพราะเป็นปิ่นปักผมเหล็ก ไม่ใช่ทองไม่ใช่เงิน ยิ่งไปกว่านั้นยังหล่อตันไว้ด้วย แข็งแรงอย่างมาก รู้สึกเหมือนเอาไปสังหารคนได้เลย ถ้าแทงไปบนตัวของอีกฝ่าย พอกระชากออก ไม่ต้องออกแรงก็ทะลวงเป็นรูเลือดทะลักได้เลย"เขาพูดถึงตรงนี้ เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาผาดหนึ่งหยิบสิ่งยืนยันของเขามาสังหารคนหรือ?ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งหดคอลงพอเห็นการกระทำของเขา ฟู่จาวหนิงอยากจะหัวเราะขึ้นมาเด็กคนนี้จริงๆ เลย ถ้ายืนอยู่ตรงนั้นหรือนั่งอยู่ตรงนั้นนิ่งๆ ก็ดูบำรุงสายตาเหมือนเซียนย่ำโลกมนุษย์ดีอยู่ งดงามเหมือนรูปภาพแต่พอเคลื่อนไหวขึ้นมาก็แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง กลา
"ไม่มี ข้าอยากจะถามเขาว่าไปที่ไหนมาบ้าง ข้าก็อยากช่วยด้วยเหมือนกัน""เจ้าก็มีน้ำใจเสียจริง""ข้าเองก็มีน้ำใจมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ ท่านเพิ่งรู้หรือ?"ฟู่จาวหนิงนั่งกลับลงไปที่ข้างโต๊ะอาหาร หยิบตะเกียบขึ้นมาต่อเซียวหลันยวนมองท่าทางของนาง "เจ้ายังกินไม่อิ่มอีกหรือ?""อิ่มไปแปดส่วนแล้ว ขอกินอีกหน่อย เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าถูกชิ่งอวิ๋นเซียวมาขัดลำหรอกหรือ" นางคีบปลาอีกชิ้นหนึ่งเข้าปากเซียวหลันยวนเดินเข้ามา ยื่นมือเข้ามาแย่งตะเกียบนาง "ตอนกลางคืนกินแค่เจ็ดส่วนก็พอ""ข้าทำไม่ได้" ฟู่จาวหนิงเลี่ยงออกจากมือของเขา "วันนี้ข้ายุ่งมาทั้งวัน ใช้พลังงานไปเยอะ ถ้ากินไม่อิ่มตอนกลางคืนจะหิวจนทนไม่ไหวเอานะ"เซียวหลันยวนมองนางที่คีบเต้าหู้ไปอีกก้อนอย่างรวดเร็ว ส่ายหัวขึ้นมาอย่างจำใจ"ท่านกินอิ่มแล้วนี่? ท่านตอนนี้พูดสิ่งที่ท่านตรวจสอบมาได้แล้ว ข้ากินไปด้วยฟังไปด้วย""เจ้าเห็นข้าเป็นสายสืบของเจ้าไปแล้วหรือ?"ทำเหมือนนั่งอยู่ข้างๆ เขาที่จัดการธุระทางการอยู่แล้วถือโอกาสฟังสายสืบที่เข้ามารายงานอย่างไรอย่างนั้น"อย่าคิดเล็กคิดน้อยเลย"ฟู่จาวหนิงมองเขา เขาสวมหน้ากากอยู่ มองสีหน้าไม่ออก แต่ก็ไม่รู้ว่าเข
นางเห็นแค่เขาเดินออกไปจากห้องอาหาร แต่ไม่เห็นว่าเขาไปทางไหนแล้ว เลยคาดเดาว่าเขาน่าจะออกไปแล้วและที่ทำให้เขานั ่งไม่อยู่เช่นนี้ สิ่งยืนยันนั่นจะต้องสำคัญกับเขามากจริงๆ"เรียนพระชายา ขอรับ""เขาพาองครักษ์ลับไปด้วยไหม?""หกคน""แล้วกลับไปผ้าคลุมหรือยัง?" ฟู่จาวหนิงถามต่อองครักษ์ลับชะงัก "ไม่ได้กลับขอรับ"เช่นนี้ก็คงจะออกไปอย่างเร่งร้อนมากฟู่จาวหนิงจุ๊ปากเสียงหนึ่ง "ข้าจะไปห้องเขาหยิบผ้าคลุมกับเตาอังมือ""ขอรับ"นางบอกกับองครักษ์ลับคำหนึ่ง เพื่อไม่ให้พวกเขาอีกเดี๋ยวจะเข้ามาขวางนาง ถึงอย่างไรเซียวหลันยวนหลังจากพิธีอภิเษกวันนั้นก็ให้นางย้ายออกมาแล้วไม่ได้ยอมให้นางพักอยู่ที่นั่น นางเองก็เข้าใจตำแหน่งนางดี ว่าไม่ใช่ภรรยาที่แท้จริงของเขาแต่พอนางเพิ่งพูดจบ องครักษ์ลับก็ขานรับกลับมาทันที ทำเอาฟู่จาวหนิงรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ"ไม่ขวางข้าหรือ?""ท่านอ๋องวันนี้บอกไว้แล้ว พระชายาสามารถเข้าไปได้"คำพูดขององครักษ์ลับทำฟู่จาวหนิงตกตะลึงอีกครั้งเซียวหลันยวนทำอะไร? ทดสอบนางหรือ? จะหยั่งเชิงนางหรือ?แต่ว่านางก็ไม่ได้คิดเยอะ ไปห้องของเขาหอบผ้าคลุมออกมาตัวหนึ่ง จากนั้นก็หยิบเตาอังมือมาด้วย
คนในเงามือไม่ขยับเขยื้อน รอจนพวกชิงอีหาห่างออกไปจึงค่อยๆ ถอยตัวออกมาหมุนตัวจากไปบ้านตระกูลฮู่ในเมืองหลวงในเรือนข้างฝั่งตะวันออก ห้องห้องหนึ่งมีไฟเทียนจุดขึ้นมา ประตูถูกผลักเปิด คนชุดดำพุ่งตัวเข้าไป ดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงรูปร่างผอมบางคนบนเตียงได้ยินการเคลื่อนไหวก็ลงจากเตียงเข้ามารับทันที"แม่นางเจี๋ย เป็นอย่างไรบ้าง"ชายกลางคนคนนี้คือลูกชายของผู้นำตระกูลฮู่ ฮู่เจียไท่และแม่นางเจี๋ยคนนี้ คือภรรยาของเขา พูดให้ถูกคือภรรยารองของเขา ภรรยาเก่านั้นตายไปนานแล้ว"ให้ข้าดื่มน้ำหน่อย"รอจนแม่นางเจี๋ยดื่มน้ำ มองยังสามี ดวงตาเป็นประกาย "ท่านสามี ท่านลองเดาสิว่าข้าได้ยินอะไรมา?""รีบพูดเร็ว ไม่ต้องมายั่วกัน""ชิ่งอวิ๋นเซียวมาถึงเมืองหลวงแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังทำสิ่งยืนยันหายไปด้วย!"ฮู่เจียไท่พอได้ยินก็กระเด้งพรวด ร้องอุทานออกมา "อะไรนะ? ทำหาย?!""ชู่!" แม่นางเจี๋ยรีบปิดปากของเขา "ท่านเบาเสียงหน่อย! เดี๋ยวท่านพ่อได้ยินขึ้นมา เรื่องของพวกเราก็พังกันพอดี?""ใช่ๆๆ ข้าจะเบาเสียง" ฮู่เจียไท่จับมือของนางลง "ข้าดูตกใจเกินไปสินะ? เจ้าได้ยินมาไม่ผิดใช่ไหม?""แน่นอนว่าไม่ผิด! เรื่องสำคัญขนา
"แม่ของเจ้าไม่ใชว่าเป็นนักบุญหญิงคนก่อนของเผ่าโม๋ลั่วหรือ? เพียงแต่ออกเรือนไปยังแดนใต้""ถูกต้อง ตอนที่ข้าอยู่บนถนนก็ติดต่อกับนักบุญหญิงในเผ่าตอนนี้แล้ว นางเองก็อยู่ที่เมืองหลวงเช่นกัน นางรู้ว่าข้าจะเข้ามาบอกว่ามีเรื่องให้ข้าช่วยเหลือ ข้าเองก็สามารถร่วมมือกับนางได้พอดี แค่หาสิ่งของไม่ใช่ปัญหา""เจ้าหมายถึง""ก็อย่างที่ท่านคิดนั่นล่ะ""เช่นนั้นก็ดี เจ้าตอนนี้ก็ไปหานางเถอะ ยิ่งเสียเวลายิ่งไม่ดี คนของจวนอ๋องเจวี้ยนหาของไปทั้งคืนแล้ว พวกเราจะเสียเวลาอีกไม่ได้"แม่นางเจี๋ยพยักหน้า ดึงผ้าคลุมกลับขึ้นไป จากนั้นก็ออกประตูไปอีกครั้งและที่ตะวันออกเมือง ในเรือนเล็กแห่งหนึ่งที่ไม่ห่างออกไปนัก ไห่ฉางจวิ้นก็ได้ยิน เสียงเคาะหน้าต่างก๊อกๆ ทันใดนั้นก็ตกใจลุกขึ้นนั่งทันทีซือถูไป๋พาอาเพียนออกจากเมืองหลวงไปชั่วคราวเนื่องจากมีธุระ ไหมใจโลหิตของนางก็ยังหาไม่เจอเลยไม่ไปไหน จึงไม่กล้าพัวพันต่อยังดีที่ช่วงหลายวันนี้ทำให้นางเจอกับคุณชายที่หน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง มาจากเจียงหนาน ปล่อยเช่าเรือนเล็กเรือนหนึ่งที่นี่ ส่วนตัวเขาจะไปฝากตัวเป็นศิษย์กับอาจารย์เพื่อร่ำเรียน นางจึงติดตามเข้ามาพักด้วยถ้าซือถูไป๋ย