"ไม่มี ข้าอยากจะถามเขาว่าไปที่ไหนมาบ้าง ข้าก็อยากช่วยด้วยเหมือนกัน""เจ้าก็มีน้ำใจเสียจริง""ข้าเองก็มีน้ำใจมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ ท่านเพิ่งรู้หรือ?"ฟู่จาวหนิงนั่งกลับลงไปที่ข้างโต๊ะอาหาร หยิบตะเกียบขึ้นมาต่อเซียวหลันยวนมองท่าทางของนาง "เจ้ายังกินไม่อิ่มอีกหรือ?""อิ่มไปแปดส่วนแล้ว ขอกินอีกหน่อย เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าถูกชิ่งอวิ๋นเซียวมาขัดลำหรอกหรือ" นางคีบปลาอีกชิ้นหนึ่งเข้าปากเซียวหลันยวนเดินเข้ามา ยื่นมือเข้ามาแย่งตะเกียบนาง "ตอนกลางคืนกินแค่เจ็ดส่วนก็พอ""ข้าทำไม่ได้" ฟู่จาวหนิงเลี่ยงออกจากมือของเขา "วันนี้ข้ายุ่งมาทั้งวัน ใช้พลังงานไปเยอะ ถ้ากินไม่อิ่มตอนกลางคืนจะหิวจนทนไม่ไหวเอานะ"เซียวหลันยวนมองนางที่คีบเต้าหู้ไปอีกก้อนอย่างรวดเร็ว ส่ายหัวขึ้นมาอย่างจำใจ"ท่านกินอิ่มแล้วนี่? ท่านตอนนี้พูดสิ่งที่ท่านตรวจสอบมาได้แล้ว ข้ากินไปด้วยฟังไปด้วย""เจ้าเห็นข้าเป็นสายสืบของเจ้าไปแล้วหรือ?"ทำเหมือนนั่งอยู่ข้างๆ เขาที่จัดการธุระทางการอยู่แล้วถือโอกาสฟังสายสืบที่เข้ามารายงานอย่างไรอย่างนั้น"อย่าคิดเล็กคิดน้อยเลย"ฟู่จาวหนิงมองเขา เขาสวมหน้ากากอยู่ มองสีหน้าไม่ออก แต่ก็ไม่รู้ว่าเข
นางเห็นแค่เขาเดินออกไปจากห้องอาหาร แต่ไม่เห็นว่าเขาไปทางไหนแล้ว เลยคาดเดาว่าเขาน่าจะออกไปแล้วและที่ทำให้เขานั ่งไม่อยู่เช่นนี้ สิ่งยืนยันนั่นจะต้องสำคัญกับเขามากจริงๆ"เรียนพระชายา ขอรับ""เขาพาองครักษ์ลับไปด้วยไหม?""หกคน""แล้วกลับไปผ้าคลุมหรือยัง?" ฟู่จาวหนิงถามต่อองครักษ์ลับชะงัก "ไม่ได้กลับขอรับ"เช่นนี้ก็คงจะออกไปอย่างเร่งร้อนมากฟู่จาวหนิงจุ๊ปากเสียงหนึ่ง "ข้าจะไปห้องเขาหยิบผ้าคลุมกับเตาอังมือ""ขอรับ"นางบอกกับองครักษ์ลับคำหนึ่ง เพื่อไม่ให้พวกเขาอีกเดี๋ยวจะเข้ามาขวางนาง ถึงอย่างไรเซียวหลันยวนหลังจากพิธีอภิเษกวันนั้นก็ให้นางย้ายออกมาแล้วไม่ได้ยอมให้นางพักอยู่ที่นั่น นางเองก็เข้าใจตำแหน่งนางดี ว่าไม่ใช่ภรรยาที่แท้จริงของเขาแต่พอนางเพิ่งพูดจบ องครักษ์ลับก็ขานรับกลับมาทันที ทำเอาฟู่จาวหนิงรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ"ไม่ขวางข้าหรือ?""ท่านอ๋องวันนี้บอกไว้แล้ว พระชายาสามารถเข้าไปได้"คำพูดขององครักษ์ลับทำฟู่จาวหนิงตกตะลึงอีกครั้งเซียวหลันยวนทำอะไร? ทดสอบนางหรือ? จะหยั่งเชิงนางหรือ?แต่ว่านางก็ไม่ได้คิดเยอะ ไปห้องของเขาหอบผ้าคลุมออกมาตัวหนึ่ง จากนั้นก็หยิบเตาอังมือมาด้วย
คนในเงามือไม่ขยับเขยื้อน รอจนพวกชิงอีหาห่างออกไปจึงค่อยๆ ถอยตัวออกมาหมุนตัวจากไปบ้านตระกูลฮู่ในเมืองหลวงในเรือนข้างฝั่งตะวันออก ห้องห้องหนึ่งมีไฟเทียนจุดขึ้นมา ประตูถูกผลักเปิด คนชุดดำพุ่งตัวเข้าไป ดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงรูปร่างผอมบางคนบนเตียงได้ยินการเคลื่อนไหวก็ลงจากเตียงเข้ามารับทันที"แม่นางเจี๋ย เป็นอย่างไรบ้าง"ชายกลางคนคนนี้คือลูกชายของผู้นำตระกูลฮู่ ฮู่เจียไท่และแม่นางเจี๋ยคนนี้ คือภรรยาของเขา พูดให้ถูกคือภรรยารองของเขา ภรรยาเก่านั้นตายไปนานแล้ว"ให้ข้าดื่มน้ำหน่อย"รอจนแม่นางเจี๋ยดื่มน้ำ มองยังสามี ดวงตาเป็นประกาย "ท่านสามี ท่านลองเดาสิว่าข้าได้ยินอะไรมา?""รีบพูดเร็ว ไม่ต้องมายั่วกัน""ชิ่งอวิ๋นเซียวมาถึงเมืองหลวงแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังทำสิ่งยืนยันหายไปด้วย!"ฮู่เจียไท่พอได้ยินก็กระเด้งพรวด ร้องอุทานออกมา "อะไรนะ? ทำหาย?!""ชู่!" แม่นางเจี๋ยรีบปิดปากของเขา "ท่านเบาเสียงหน่อย! เดี๋ยวท่านพ่อได้ยินขึ้นมา เรื่องของพวกเราก็พังกันพอดี?""ใช่ๆๆ ข้าจะเบาเสียง" ฮู่เจียไท่จับมือของนางลง "ข้าดูตกใจเกินไปสินะ? เจ้าได้ยินมาไม่ผิดใช่ไหม?""แน่นอนว่าไม่ผิด! เรื่องสำคัญขนา
"แม่ของเจ้าไม่ใชว่าเป็นนักบุญหญิงคนก่อนของเผ่าโม๋ลั่วหรือ? เพียงแต่ออกเรือนไปยังแดนใต้""ถูกต้อง ตอนที่ข้าอยู่บนถนนก็ติดต่อกับนักบุญหญิงในเผ่าตอนนี้แล้ว นางเองก็อยู่ที่เมืองหลวงเช่นกัน นางรู้ว่าข้าจะเข้ามาบอกว่ามีเรื่องให้ข้าช่วยเหลือ ข้าเองก็สามารถร่วมมือกับนางได้พอดี แค่หาสิ่งของไม่ใช่ปัญหา""เจ้าหมายถึง""ก็อย่างที่ท่านคิดนั่นล่ะ""เช่นนั้นก็ดี เจ้าตอนนี้ก็ไปหานางเถอะ ยิ่งเสียเวลายิ่งไม่ดี คนของจวนอ๋องเจวี้ยนหาของไปทั้งคืนแล้ว พวกเราจะเสียเวลาอีกไม่ได้"แม่นางเจี๋ยพยักหน้า ดึงผ้าคลุมกลับขึ้นไป จากนั้นก็ออกประตูไปอีกครั้งและที่ตะวันออกเมือง ในเรือนเล็กแห่งหนึ่งที่ไม่ห่างออกไปนัก ไห่ฉางจวิ้นก็ได้ยิน เสียงเคาะหน้าต่างก๊อกๆ ทันใดนั้นก็ตกใจลุกขึ้นนั่งทันทีซือถูไป๋พาอาเพียนออกจากเมืองหลวงไปชั่วคราวเนื่องจากมีธุระ ไหมใจโลหิตของนางก็ยังหาไม่เจอเลยไม่ไปไหน จึงไม่กล้าพัวพันต่อยังดีที่ช่วงหลายวันนี้ทำให้นางเจอกับคุณชายที่หน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง มาจากเจียงหนาน ปล่อยเช่าเรือนเล็กเรือนหนึ่งที่นี่ ส่วนตัวเขาจะไปฝากตัวเป็นศิษย์กับอาจารย์เพื่อร่ำเรียน นางจึงติดตามเข้ามาพักด้วยถ้าซือถูไป๋ย
"ช่วยข้าหาของอย่างหนึ่ง ข้ารู้ว่านักบุญหญิงอย่างพวกเจ้ามีวิชาลับควบคุมงู แม่ของข้าก่อนหน้านี้ถ่ายทอดวิชานี้ให้ข้า แต่ข้าบังคับงูตัวนั้นไม่ได้เลย ห่างออกมาหน่อยก็ไม่ได้แล้ว"พอได้ยินคำพูดของแม่นางเจี๋ย ไห่ฉางจวิ้นก็อดหัวเราะขึ้นอย่างเย่อหยิ่งไม่ได้"แม่ของเจ้าก่อนหน้านี้เคยเป็นนักบุญหญิงอยู่ครึ่งปี แต่นางไม่รู้หรอกกระมัง? ว่าวิชาลับนี้ยังต้องการของอีกอย่างหนึ่ง นางเอาแต่คิดจะหนี คงจะไม่รู้หรอก เจ้าเองก็ไม่ใช่นักบุญหญิงจึงไม่มีกระดิ่งบังคับงูของพวกเรา แน่นอนว่าต้องใช้ไม่ได้!""ดังนั้นตอนนี้เรื่องนี้เจ้าจะช่วยหรือไม่? ถ้าทำเรื่องนี้เสร็จ ข้าจะส่งคืนงูหลังทองให้เจ้า" แม่นางเจี๋ยเอ่ยขึ้น"เจ้าเอางูหลังทองมาด้วยหรือ?""แน่นอน""เจ้าจะข้าทำอะไร?""ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ก็แค่ให้เจ้าใช้งูหลังทองช่วยข้าหาของชิ้นหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าหล่นอยุ่มุมไหนของเมืองหลวง แน่นอน เป็นไปได้ว่าอาจจะถูกคนขโมยไป จะหาได้ไหม?"แม่นางเจี๋ยรู้สึกคาดหวังมากในใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา"ไม่ใช่เรื่องที่ยากเท่าไร"ตอนที่ไห่ฉางจวิ้นพูดประโยคนี้ก็อดคิดถึงไหมใจโลหิตไม่ได้ ถ้าหากมีงูหลังทองแล้ว นางเองอาจจะหาไหมใจโลหิตเจอด้วยไ
สืออีกับสือซานปรากฎตัว สบตากันผาดหนึ่ง ลังเลเล็กน้อยท่านอ๋องตอนนี้จะไปไหนกัน?ฟู่จาวหนิงกัดฟัน สิ่งยืนยันนั่นสำคัญกับเขามากนี่ แต่ตอนที่หาสิ่งยืนยันดันกลับจะไปหาซ่งอวิ๋นเหยาเนี่ยนะ?แล้วยังกลางดึกกลางดื่นอีกด้วย ถ้าเขาเข้าไปในห้องนอนซ่งอวิ๋นเหยา คงจะออกมาให้ทันเวลาได้ยากแน่ซ่งอวิ๋นเหยาทางนั้นก็มีพิษนั่นโน่นนี่เต็มไปหมด เซียวหลันยัยนเองก็รู้นี่นา?"ช่างเขา!"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นมาอย่างกัดฟันหน่อยๆเดิมทีคิดจะหมุนตัวเดินไปแล้ว แต่นางรู้สึกว่าสองเท้าของตนเองหนักอึ้งจนเดินไม่ออก"คุณหนู ท่านอ๋องพาไปไม่กี่คนเท่านั้น และไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรอีกด้วย จะมีอันตรายไหม?" สืออียังรู้สึกกังวล"ก็แค่ไปดอกท้อเท่านั้นนี่? ไม่แน่สาวสวยอาจจะนัดไว้ก็ได้ มีอะไรอันตรายกัน?"อันตรายเสียพรหมจรรย์กระมัง? ไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนยังบริสุทธิ์อยู่ไม่ด้วยนี่สิแม้จะพูดเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็ยังหมุนตัว หอบผ้าคลุมเดินตามไปยังทิศทางที่พวกเขาออกไป"คุณหนู..." เร็วขนาดนี้เชียว?ในดวงตาสืออีกับสือซานมีรอยยิ้มปรากฎขึ้น ทั้งสองคนเองก็รีบตามออกไปซ่งอวิ๋นเหยาหลายวันนี้นอนไม่หลับในห้องแม้จะมีไฟเทียนสว่างอยู่ แต่กระจ
ในสมองเซียวหลันยวนมีภาพเด็กหญิงตอนที่เขาถูกโจมตีบนถ้ำภูเขาตอนนั้นขึ้น คิดถึงฉากที่นางหยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาพันแผลให้กับเขา เม้มปาก ยกเท้าเดินเข้าไปซ่งอวิ๋นเหยาแง้มประตูไว้เบาๆ "ข้าไม่ปิด เหลือร่องทิ้งไว้ร่องหนึ่ง ไม่เช่นนั้นลมจะแรงเกินไป" ซ่งอวิ๋นเหยาอธิบายหลังจากนางเห็นเซียวหลันยวนเข้ามาก็เดินตรงไปทางหน้าต่างตามที่คาดไว้ อยู่ตรงจุดที่อยู่ใกล้หน้าต่างมากๆ ประกายทึมในดวงตาเปล่งวาบถ้าหากจะเลี่ยงความสงสัย เขาจะยืนให้อยู่ห่างจากเตียงมากที่สุด และข้างหน้าต่างก็ออกไปได้สะดวกที่สุดนี่คือสิ่งทางคิดไว้ก่อนหน้า ตอนนี้ดูแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆแต่พอคิดดู ซ่งอวิ๋นเหยาในใจก็รู้สึกอึดอัด เขาป้องกันนางขนาดนี้เว้นระยะห่างกับนางขนาดนี้มันอธิบายได้ถึงอะไรกัน?นางเดินเข้าไป คิดจะเทน้ำให้เซียวหลันยวน ยังไม่ทันขยับ เขาก็เอ่ยขึ้นว่า"เอาสิ่งที่ควรพูดพูดออกมาเสีย"เย็นชาไร้ความรู้สึกขนาดนี้เลยหรือ?ซ่งอวิ๋นเหยารุ้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาทันทีตอนเด็กๆ ที่พบหน้ากันครั้งนั้น เขาบอกกับนางว่า หลังจากนี้ที่ไหนที่ต้องการเขาเขาก็จะมาช่วย เขาพูดเองแท้ๆ ว่าจะจดจำนางไว้ตลอด"หลันยวน ตอนที่ท่านถามเรื่องเหล่
ถ้าลือกลับไปในวัง นางคงได้เดือดร้อนแน่!ยิ่งไปกว่านั้นฮองเฮาเองก็คงจะไม่เชื่อนางไม่เอ็นดูนางอีกแต่ตอนที่นางสลบไปชั่วยามหนึ่ง หลังจากตื่นมาหยินหลิ่วก็บอกนางว่า รอยนั่นหายไปแล้ว! เหล่าภิกษุคิดว่าตนเองคงตาฝาดมองผิดไปเรื่องครั้งนั้นทำให้นางรู้สึกมหัศจรรย์มาตลอด จะคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ต่อมาภิกษุของวัดคุ้มครองแคว้นยังมาบอกในวังอีกว่า น่าจะเพราะนางได้รับการคุ้มครองจากพระพุทธเจ้าไทเฮาตอนนั้นดีใจมาก ยังมอบสร้อยข้อมือมรกตให้กับนางอีกชิ้นหนึ่งด้วย"ข้าทำตามคำสัญญาในครั้งนั้น"เซียวหลันยวนนับออกมาไม่น้อย ซ่งอวิ๋นเหยาน้ำตาคลอเบ้า"ข้า ข้าไม่รุ้เลยว่าท่านคอยปกป้องข้าเงียบๆ มาตลอด หลันยวน"ฟู่จาวหนิงถอยออกมาทีละก้าวเบาๆ ห่างจากเรือนนี้หน่อย ที่กลั้นหายใจไว้ตลอดถึงได้โล่งขึ้นมานางเข้าไปในจวนซ่งพร้อมเซียวหลันยวน ซ่งอวิ๋นเหยาน่าจะเพื่อให้เซียวหลันยวนเข้ามาได้สะดวก จึงโยกย้ายทหารด้านนอกออกไปตอนที่นางลอบเข้ามาเซียวหลันยวนกำลังเล่าเรื่องที่เขาไปเป็นเทพคุ้มครองให้กับซ่งอวิ๋นเหยาในอดีตพอฟังไปฟังมา ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกว่าตนเองจะเป็นห่วงมากเกินไป นางถึงกับกังวลว่าอาการเขาจะกำเริบ