"ไม่มี ข้าอยากจะถามเขาว่าไปที่ไหนมาบ้าง ข้าก็อยากช่วยด้วยเหมือนกัน""เจ้าก็มีน้ำใจเสียจริง""ข้าเองก็มีน้ำใจมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ ท่านเพิ่งรู้หรือ?"ฟู่จาวหนิงนั่งกลับลงไปที่ข้างโต๊ะอาหาร หยิบตะเกียบขึ้นมาต่อเซียวหลันยวนมองท่าทางของนาง "เจ้ายังกินไม่อิ่มอีกหรือ?""อิ่มไปแปดส่วนแล้ว ขอกินอีกหน่อย เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าถูกชิ่งอวิ๋นเซียวมาขัดลำหรอกหรือ" นางคีบปลาอีกชิ้นหนึ่งเข้าปากเซียวหลันยวนเดินเข้ามา ยื่นมือเข้ามาแย่งตะเกียบนาง "ตอนกลางคืนกินแค่เจ็ดส่วนก็พอ""ข้าทำไม่ได้" ฟู่จาวหนิงเลี่ยงออกจากมือของเขา "วันนี้ข้ายุ่งมาทั้งวัน ใช้พลังงานไปเยอะ ถ้ากินไม่อิ่มตอนกลางคืนจะหิวจนทนไม่ไหวเอานะ"เซียวหลันยวนมองนางที่คีบเต้าหู้ไปอีกก้อนอย่างรวดเร็ว ส่ายหัวขึ้นมาอย่างจำใจ"ท่านกินอิ่มแล้วนี่? ท่านตอนนี้พูดสิ่งที่ท่านตรวจสอบมาได้แล้ว ข้ากินไปด้วยฟังไปด้วย""เจ้าเห็นข้าเป็นสายสืบของเจ้าไปแล้วหรือ?"ทำเหมือนนั่งอยู่ข้างๆ เขาที่จัดการธุระทางการอยู่แล้วถือโอกาสฟังสายสืบที่เข้ามารายงานอย่างไรอย่างนั้น"อย่าคิดเล็กคิดน้อยเลย"ฟู่จาวหนิงมองเขา เขาสวมหน้ากากอยู่ มองสีหน้าไม่ออก แต่ก็ไม่รู้ว่าเข
นางเห็นแค่เขาเดินออกไปจากห้องอาหาร แต่ไม่เห็นว่าเขาไปทางไหนแล้ว เลยคาดเดาว่าเขาน่าจะออกไปแล้วและที่ทำให้เขานั ่งไม่อยู่เช่นนี้ สิ่งยืนยันนั่นจะต้องสำคัญกับเขามากจริงๆ"เรียนพระชายา ขอรับ""เขาพาองครักษ์ลับไปด้วยไหม?""หกคน""แล้วกลับไปผ้าคลุมหรือยัง?" ฟู่จาวหนิงถามต่อองครักษ์ลับชะงัก "ไม่ได้กลับขอรับ"เช่นนี้ก็คงจะออกไปอย่างเร่งร้อนมากฟู่จาวหนิงจุ๊ปากเสียงหนึ่ง "ข้าจะไปห้องเขาหยิบผ้าคลุมกับเตาอังมือ""ขอรับ"นางบอกกับองครักษ์ลับคำหนึ่ง เพื่อไม่ให้พวกเขาอีกเดี๋ยวจะเข้ามาขวางนาง ถึงอย่างไรเซียวหลันยวนหลังจากพิธีอภิเษกวันนั้นก็ให้นางย้ายออกมาแล้วไม่ได้ยอมให้นางพักอยู่ที่นั่น นางเองก็เข้าใจตำแหน่งนางดี ว่าไม่ใช่ภรรยาที่แท้จริงของเขาแต่พอนางเพิ่งพูดจบ องครักษ์ลับก็ขานรับกลับมาทันที ทำเอาฟู่จาวหนิงรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ"ไม่ขวางข้าหรือ?""ท่านอ๋องวันนี้บอกไว้แล้ว พระชายาสามารถเข้าไปได้"คำพูดขององครักษ์ลับทำฟู่จาวหนิงตกตะลึงอีกครั้งเซียวหลันยวนทำอะไร? ทดสอบนางหรือ? จะหยั่งเชิงนางหรือ?แต่ว่านางก็ไม่ได้คิดเยอะ ไปห้องของเขาหอบผ้าคลุมออกมาตัวหนึ่ง จากนั้นก็หยิบเตาอังมือมาด้วย
คนในเงามือไม่ขยับเขยื้อน รอจนพวกชิงอีหาห่างออกไปจึงค่อยๆ ถอยตัวออกมาหมุนตัวจากไปบ้านตระกูลฮู่ในเมืองหลวงในเรือนข้างฝั่งตะวันออก ห้องห้องหนึ่งมีไฟเทียนจุดขึ้นมา ประตูถูกผลักเปิด คนชุดดำพุ่งตัวเข้าไป ดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงรูปร่างผอมบางคนบนเตียงได้ยินการเคลื่อนไหวก็ลงจากเตียงเข้ามารับทันที"แม่นางเจี๋ย เป็นอย่างไรบ้าง"ชายกลางคนคนนี้คือลูกชายของผู้นำตระกูลฮู่ ฮู่เจียไท่และแม่นางเจี๋ยคนนี้ คือภรรยาของเขา พูดให้ถูกคือภรรยารองของเขา ภรรยาเก่านั้นตายไปนานแล้ว"ให้ข้าดื่มน้ำหน่อย"รอจนแม่นางเจี๋ยดื่มน้ำ มองยังสามี ดวงตาเป็นประกาย "ท่านสามี ท่านลองเดาสิว่าข้าได้ยินอะไรมา?""รีบพูดเร็ว ไม่ต้องมายั่วกัน""ชิ่งอวิ๋นเซียวมาถึงเมืองหลวงแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังทำสิ่งยืนยันหายไปด้วย!"ฮู่เจียไท่พอได้ยินก็กระเด้งพรวด ร้องอุทานออกมา "อะไรนะ? ทำหาย?!""ชู่!" แม่นางเจี๋ยรีบปิดปากของเขา "ท่านเบาเสียงหน่อย! เดี๋ยวท่านพ่อได้ยินขึ้นมา เรื่องของพวกเราก็พังกันพอดี?""ใช่ๆๆ ข้าจะเบาเสียง" ฮู่เจียไท่จับมือของนางลง "ข้าดูตกใจเกินไปสินะ? เจ้าได้ยินมาไม่ผิดใช่ไหม?""แน่นอนว่าไม่ผิด! เรื่องสำคัญขนา
"แม่ของเจ้าไม่ใชว่าเป็นนักบุญหญิงคนก่อนของเผ่าโม๋ลั่วหรือ? เพียงแต่ออกเรือนไปยังแดนใต้""ถูกต้อง ตอนที่ข้าอยู่บนถนนก็ติดต่อกับนักบุญหญิงในเผ่าตอนนี้แล้ว นางเองก็อยู่ที่เมืองหลวงเช่นกัน นางรู้ว่าข้าจะเข้ามาบอกว่ามีเรื่องให้ข้าช่วยเหลือ ข้าเองก็สามารถร่วมมือกับนางได้พอดี แค่หาสิ่งของไม่ใช่ปัญหา""เจ้าหมายถึง""ก็อย่างที่ท่านคิดนั่นล่ะ""เช่นนั้นก็ดี เจ้าตอนนี้ก็ไปหานางเถอะ ยิ่งเสียเวลายิ่งไม่ดี คนของจวนอ๋องเจวี้ยนหาของไปทั้งคืนแล้ว พวกเราจะเสียเวลาอีกไม่ได้"แม่นางเจี๋ยพยักหน้า ดึงผ้าคลุมกลับขึ้นไป จากนั้นก็ออกประตูไปอีกครั้งและที่ตะวันออกเมือง ในเรือนเล็กแห่งหนึ่งที่ไม่ห่างออกไปนัก ไห่ฉางจวิ้นก็ได้ยิน เสียงเคาะหน้าต่างก๊อกๆ ทันใดนั้นก็ตกใจลุกขึ้นนั่งทันทีซือถูไป๋พาอาเพียนออกจากเมืองหลวงไปชั่วคราวเนื่องจากมีธุระ ไหมใจโลหิตของนางก็ยังหาไม่เจอเลยไม่ไปไหน จึงไม่กล้าพัวพันต่อยังดีที่ช่วงหลายวันนี้ทำให้นางเจอกับคุณชายที่หน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง มาจากเจียงหนาน ปล่อยเช่าเรือนเล็กเรือนหนึ่งที่นี่ ส่วนตัวเขาจะไปฝากตัวเป็นศิษย์กับอาจารย์เพื่อร่ำเรียน นางจึงติดตามเข้ามาพักด้วยถ้าซือถูไป๋ย
"ช่วยข้าหาของอย่างหนึ่ง ข้ารู้ว่านักบุญหญิงอย่างพวกเจ้ามีวิชาลับควบคุมงู แม่ของข้าก่อนหน้านี้ถ่ายทอดวิชานี้ให้ข้า แต่ข้าบังคับงูตัวนั้นไม่ได้เลย ห่างออกมาหน่อยก็ไม่ได้แล้ว"พอได้ยินคำพูดของแม่นางเจี๋ย ไห่ฉางจวิ้นก็อดหัวเราะขึ้นอย่างเย่อหยิ่งไม่ได้"แม่ของเจ้าก่อนหน้านี้เคยเป็นนักบุญหญิงอยู่ครึ่งปี แต่นางไม่รู้หรอกกระมัง? ว่าวิชาลับนี้ยังต้องการของอีกอย่างหนึ่ง นางเอาแต่คิดจะหนี คงจะไม่รู้หรอก เจ้าเองก็ไม่ใช่นักบุญหญิงจึงไม่มีกระดิ่งบังคับงูของพวกเรา แน่นอนว่าต้องใช้ไม่ได้!""ดังนั้นตอนนี้เรื่องนี้เจ้าจะช่วยหรือไม่? ถ้าทำเรื่องนี้เสร็จ ข้าจะส่งคืนงูหลังทองให้เจ้า" แม่นางเจี๋ยเอ่ยขึ้น"เจ้าเอางูหลังทองมาด้วยหรือ?""แน่นอน""เจ้าจะข้าทำอะไร?""ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ก็แค่ให้เจ้าใช้งูหลังทองช่วยข้าหาของชิ้นหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าหล่นอยุ่มุมไหนของเมืองหลวง แน่นอน เป็นไปได้ว่าอาจจะถูกคนขโมยไป จะหาได้ไหม?"แม่นางเจี๋ยรู้สึกคาดหวังมากในใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา"ไม่ใช่เรื่องที่ยากเท่าไร"ตอนที่ไห่ฉางจวิ้นพูดประโยคนี้ก็อดคิดถึงไหมใจโลหิตไม่ได้ ถ้าหากมีงูหลังทองแล้ว นางเองอาจจะหาไหมใจโลหิตเจอด้วยไ
สืออีกับสือซานปรากฎตัว สบตากันผาดหนึ่ง ลังเลเล็กน้อยท่านอ๋องตอนนี้จะไปไหนกัน?ฟู่จาวหนิงกัดฟัน สิ่งยืนยันนั่นสำคัญกับเขามากนี่ แต่ตอนที่หาสิ่งยืนยันดันกลับจะไปหาซ่งอวิ๋นเหยาเนี่ยนะ?แล้วยังกลางดึกกลางดื่นอีกด้วย ถ้าเขาเข้าไปในห้องนอนซ่งอวิ๋นเหยา คงจะออกมาให้ทันเวลาได้ยากแน่ซ่งอวิ๋นเหยาทางนั้นก็มีพิษนั่นโน่นนี่เต็มไปหมด เซียวหลันยัยนเองก็รู้นี่นา?"ช่างเขา!"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นมาอย่างกัดฟันหน่อยๆเดิมทีคิดจะหมุนตัวเดินไปแล้ว แต่นางรู้สึกว่าสองเท้าของตนเองหนักอึ้งจนเดินไม่ออก"คุณหนู ท่านอ๋องพาไปไม่กี่คนเท่านั้น และไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรอีกด้วย จะมีอันตรายไหม?" สืออียังรู้สึกกังวล"ก็แค่ไปดอกท้อเท่านั้นนี่? ไม่แน่สาวสวยอาจจะนัดไว้ก็ได้ มีอะไรอันตรายกัน?"อันตรายเสียพรหมจรรย์กระมัง? ไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนยังบริสุทธิ์อยู่ไม่ด้วยนี่สิแม้จะพูดเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็ยังหมุนตัว หอบผ้าคลุมเดินตามไปยังทิศทางที่พวกเขาออกไป"คุณหนู..." เร็วขนาดนี้เชียว?ในดวงตาสืออีกับสือซานมีรอยยิ้มปรากฎขึ้น ทั้งสองคนเองก็รีบตามออกไปซ่งอวิ๋นเหยาหลายวันนี้นอนไม่หลับในห้องแม้จะมีไฟเทียนสว่างอยู่ แต่กระจ
ในสมองเซียวหลันยวนมีภาพเด็กหญิงตอนที่เขาถูกโจมตีบนถ้ำภูเขาตอนนั้นขึ้น คิดถึงฉากที่นางหยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาพันแผลให้กับเขา เม้มปาก ยกเท้าเดินเข้าไปซ่งอวิ๋นเหยาแง้มประตูไว้เบาๆ "ข้าไม่ปิด เหลือร่องทิ้งไว้ร่องหนึ่ง ไม่เช่นนั้นลมจะแรงเกินไป" ซ่งอวิ๋นเหยาอธิบายหลังจากนางเห็นเซียวหลันยวนเข้ามาก็เดินตรงไปทางหน้าต่างตามที่คาดไว้ อยู่ตรงจุดที่อยู่ใกล้หน้าต่างมากๆ ประกายทึมในดวงตาเปล่งวาบถ้าหากจะเลี่ยงความสงสัย เขาจะยืนให้อยู่ห่างจากเตียงมากที่สุด และข้างหน้าต่างก็ออกไปได้สะดวกที่สุดนี่คือสิ่งทางคิดไว้ก่อนหน้า ตอนนี้ดูแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆแต่พอคิดดู ซ่งอวิ๋นเหยาในใจก็รู้สึกอึดอัด เขาป้องกันนางขนาดนี้เว้นระยะห่างกับนางขนาดนี้มันอธิบายได้ถึงอะไรกัน?นางเดินเข้าไป คิดจะเทน้ำให้เซียวหลันยวน ยังไม่ทันขยับ เขาก็เอ่ยขึ้นว่า"เอาสิ่งที่ควรพูดพูดออกมาเสีย"เย็นชาไร้ความรู้สึกขนาดนี้เลยหรือ?ซ่งอวิ๋นเหยารุ้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาทันทีตอนเด็กๆ ที่พบหน้ากันครั้งนั้น เขาบอกกับนางว่า หลังจากนี้ที่ไหนที่ต้องการเขาเขาก็จะมาช่วย เขาพูดเองแท้ๆ ว่าจะจดจำนางไว้ตลอด"หลันยวน ตอนที่ท่านถามเรื่องเหล่
ถ้าลือกลับไปในวัง นางคงได้เดือดร้อนแน่!ยิ่งไปกว่านั้นฮองเฮาเองก็คงจะไม่เชื่อนางไม่เอ็นดูนางอีกแต่ตอนที่นางสลบไปชั่วยามหนึ่ง หลังจากตื่นมาหยินหลิ่วก็บอกนางว่า รอยนั่นหายไปแล้ว! เหล่าภิกษุคิดว่าตนเองคงตาฝาดมองผิดไปเรื่องครั้งนั้นทำให้นางรู้สึกมหัศจรรย์มาตลอด จะคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ต่อมาภิกษุของวัดคุ้มครองแคว้นยังมาบอกในวังอีกว่า น่าจะเพราะนางได้รับการคุ้มครองจากพระพุทธเจ้าไทเฮาตอนนั้นดีใจมาก ยังมอบสร้อยข้อมือมรกตให้กับนางอีกชิ้นหนึ่งด้วย"ข้าทำตามคำสัญญาในครั้งนั้น"เซียวหลันยวนนับออกมาไม่น้อย ซ่งอวิ๋นเหยาน้ำตาคลอเบ้า"ข้า ข้าไม่รุ้เลยว่าท่านคอยปกป้องข้าเงียบๆ มาตลอด หลันยวน"ฟู่จาวหนิงถอยออกมาทีละก้าวเบาๆ ห่างจากเรือนนี้หน่อย ที่กลั้นหายใจไว้ตลอดถึงได้โล่งขึ้นมานางเข้าไปในจวนซ่งพร้อมเซียวหลันยวน ซ่งอวิ๋นเหยาน่าจะเพื่อให้เซียวหลันยวนเข้ามาได้สะดวก จึงโยกย้ายทหารด้านนอกออกไปตอนที่นางลอบเข้ามาเซียวหลันยวนกำลังเล่าเรื่องที่เขาไปเป็นเทพคุ้มครองให้กับซ่งอวิ๋นเหยาในอดีตพอฟังไปฟังมา ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกว่าตนเองจะเป็นห่วงมากเกินไป นางถึงกับกังวลว่าอาการเขาจะกำเริบ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ
"หวานจัง"องค์หญิงนานฉือกินไปคำหนึ่ง ตาก็เป็นประกายขึ้นมา"ลูกชิ้นนี่เหนียวหนึบหนับดี เด้งและอ่อนนุ่ม น้ำแกงก็หวาดดี อร่อยจัง""ลูกชิ้นนี้ต้องใช้น้ำอุ่นที่อุณหภูมิพอดีมานวด ส่วนเวลาและแรงตอนที่นวดก็ต้องพิถีพิถันด้วย ท่านพี่เองก็ชอบกิน พีสะใภ้กินเยอะหน่อยๆ"องค์หญิงหนานฉือชอบกิน อันชิงจึงดีใจมากนางนั่งอยู่ตรงข้ามมององค์หญิงหนานฉือ รู้สึกว่านางดุมีเสน่ห์กว่าก่อนที่แต่งงานเสียอีก สวยจับใจจริงๆ"พี่ชายของเจ้า..."องค์หญิงหนานฉือหน้าร้อนขึ้นมาเดิมทีนางก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย แต่พอเจอกับเรื่องนี้ก็อดเขินอายขึ้นมาไม่ได้เหมือนักนพูดพูดถึงผู้ตรวจการอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือก็รู้สึกปากร้อนขึ้นมาหน่อยๆ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ตรวจการอันที่มีหน้าตางดงามอ่อนโยนมีการศึกษา จะเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์หนักหน่วงคนหนึ่งแบบนี้!หลายวันนี้ ทุกวันตอนกลางคืนเขาก็จะมาทรมานนางสองครั้ง หลังจากเสร็จประชุมเช้า เขาก็ยังกลับมาทรมานนางอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งก็ยังใช้เวลานาน นี่ทำเอานางหลายวันนี้มึนๆ งงๆ ร่างกายเมื่อยขบนอนไม่พอ ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยทุกมื้อล้วนมีคนส่งอาหารเข้ามาในห้อง นางเองก็ขี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนใจว่าองค์จักรพรรดิจะถามพวกอวิ๋นจูอย่างไรนางกลับมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง ครั้งนี้ย้ายของไปมากกว่าเดิม ถึงกับตกแต่งห้องขังนั้นขึ้นมาแล้วประตูห้องขังยังแขวนม่านเอาไว้ด้วย บนพื้นปูพรม บนเตียงยังมีฉากกั้นลมสูงครึ่งตัวคนอีก แล้วยังกั้นเป็นห้องเล็กๆ สามารถวางถังปลดทุกข์ใบหนึ่งได้ด้วยที่มุมยังมีแจกันดอกไม้ บนกำแพงติดเชิงเทียนเอาไว้ แล้วยังแขวนเครื่องหอมไว้อีกย้ายโต๊ะมาหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว แล้วยังมีเบาะรองนั่งอีกพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกก็ยังติดมา แล้วยังมีเตาเล็กสำหรับอุ่นชาอุ่นสุราอีกชุดหนึ่ง วางเครื่องลายครามที่ประณีตสวยงามเอาไว้องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนหลังจากย้ายของพวกนี้เข้ามาจัดวางแล้ว ห้องขังนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวหน้าคุกกับผู้คุมมองจนตาตั้งพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้ห้ามปราม แต่ฟู่จาวหนิงพูดมาคำเดียวว่า "ข้าบอกกับองค์จักรพรรดิแล้วว่ามาอยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋อง" พวกเขาก็ต้องก้มหน้ากลับไปหัวหน้าคุกรู้สึกว่าผิดปกติไปจริงๆ วิ่งไปรายงานกับหัวหน้า ตอนกลับมายังคิดจะรื้อของเหล่านี้ของฟู่จาวหนิงออก"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิให้อ๋องเจวี้ยนมาทบทวนตนเองให้
"ที่แท้การขังเอาไว้ในคุกใหญ่ก็ไม่เรียกว่าการลงโทษสินะ?""ฟู่จาวหนิง วันนี้เจ้าคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ข้ามีงานการอีกตั้งมาก ไม่มีเวลามาเสวนาไร้สาระกับเจ้านะ!" องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าแค่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็ปวดหัวเสียแล้วเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรนางจริงๆวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงสูงส่งมาก! ในใจเขายังรู้สึกว่าโชคดีมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของแคว้นเจา ถึงอย่างไรนางก็ยังมีญาติอยู่ที่เมืองหลวง ถึงอย่างไรตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีรากฐานอะไร ดังนั้นตอนที่เขาต้องการนางจริงๆ เขายังมั่นใจว่าตนเองจะบีบจุดอ่อนของนาง แล้วนำนางมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเองได้ใครให้วิชาแพทย์ต้องมาเจอกับหายนะเข้าในใต้หล้านี้กัน ปัจจุบันพวกหมอเก่งๆ ล้ำค่าจะตายไปก่อนหน้านี้แคว้นเจามีหมอเทวดาหลี่ พวกเขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอยู่ แต่พอเทียบกับฟู่จาวหนิง วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่กลับห่างชั้นอยู่ไกลโขเลยทีเดียวเพื่อวิชาแพทย์ของนาง ขอแค่นางไม่มาเหยียบเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำ องค์จักรพรรดิก็ยังมีความอ่อนข้อให้สูงลิบอยู่เพียงแต่ว่า นางนี่มันน่าโมโหเสียจริงองค์จักรพรรดิรู้สึกว่ายิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงมากแค่ไหนชีวิตเขาก็สั้นลงไปอีกหลายปี"แค่อยากจ
องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำของฟู่จาวหนิง หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดตึงขึ้นมา"อายวนเขามีอะไรต้องทุกข์ใจกัน? ไม่พอใจข้าที่ให้เขาไปนั่งทบทวนตนเองในคุกหรือ?"ถ้านางกล้าบอกว่าไม่พอใจล่ะก็...ในใจองค์จักรพรรดิยังกำลังคิด ว่าตอนที่นางพูดว่าไม่พอใจแล้วจะตอกนางกลับไปอย่างไร ก็ได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดออกมาคำหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ ใครบ้างที่ยินดีจะอยู่ในคุก?"องค์จักรพรรดิ: นี่ยังจะย้อนถามมาอีกหรือ?"แต่ต่อให้ไม่ยินดีก็มิอาจขัดราชโองการได้" ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ดูจำใจอย่างมาก "เขาเป็นทุกข์ก็คือพวกสาวงามที่องค์จักรพรรดิยัดเข้ไาปข้างกายนั่นมันน่าโมโหมาก องค์จักรพรรรดิให้พวกนางไปดูแลเขา ผลลัพธ์คือพวกนางทั้งหมดก็หนีไปกันเกลี้ยง!""หนีหรือ?"องค์จักรพรรดิเองก็เดินตามแนวคิดของนางโดยไม่รู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเลียนเสียงนางขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเขาจึงได้สติกลับมา อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ"ใช่ไหมล่ะ เกินไปจริงๆ องค์จักรพรรดิ อายวนอยู่ในคุำำใหญ่ออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเข้าวังมาบอกกับองค์จักรพรรดิ จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ต้อนรับสาวงามพวกนี้ แต่เจอเรื่องครั้งนี้เข้าไปก็ส่งผลกระทบกั