"แม่ของเจ้าไม่ใชว่าเป็นนักบุญหญิงคนก่อนของเผ่าโม๋ลั่วหรือ? เพียงแต่ออกเรือนไปยังแดนใต้""ถูกต้อง ตอนที่ข้าอยู่บนถนนก็ติดต่อกับนักบุญหญิงในเผ่าตอนนี้แล้ว นางเองก็อยู่ที่เมืองหลวงเช่นกัน นางรู้ว่าข้าจะเข้ามาบอกว่ามีเรื่องให้ข้าช่วยเหลือ ข้าเองก็สามารถร่วมมือกับนางได้พอดี แค่หาสิ่งของไม่ใช่ปัญหา""เจ้าหมายถึง""ก็อย่างที่ท่านคิดนั่นล่ะ""เช่นนั้นก็ดี เจ้าตอนนี้ก็ไปหานางเถอะ ยิ่งเสียเวลายิ่งไม่ดี คนของจวนอ๋องเจวี้ยนหาของไปทั้งคืนแล้ว พวกเราจะเสียเวลาอีกไม่ได้"แม่นางเจี๋ยพยักหน้า ดึงผ้าคลุมกลับขึ้นไป จากนั้นก็ออกประตูไปอีกครั้งและที่ตะวันออกเมือง ในเรือนเล็กแห่งหนึ่งที่ไม่ห่างออกไปนัก ไห่ฉางจวิ้นก็ได้ยิน เสียงเคาะหน้าต่างก๊อกๆ ทันใดนั้นก็ตกใจลุกขึ้นนั่งทันทีซือถูไป๋พาอาเพียนออกจากเมืองหลวงไปชั่วคราวเนื่องจากมีธุระ ไหมใจโลหิตของนางก็ยังหาไม่เจอเลยไม่ไปไหน จึงไม่กล้าพัวพันต่อยังดีที่ช่วงหลายวันนี้ทำให้นางเจอกับคุณชายที่หน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง มาจากเจียงหนาน ปล่อยเช่าเรือนเล็กเรือนหนึ่งที่นี่ ส่วนตัวเขาจะไปฝากตัวเป็นศิษย์กับอาจารย์เพื่อร่ำเรียน นางจึงติดตามเข้ามาพักด้วยถ้าซือถูไป๋ย
"ช่วยข้าหาของอย่างหนึ่ง ข้ารู้ว่านักบุญหญิงอย่างพวกเจ้ามีวิชาลับควบคุมงู แม่ของข้าก่อนหน้านี้ถ่ายทอดวิชานี้ให้ข้า แต่ข้าบังคับงูตัวนั้นไม่ได้เลย ห่างออกมาหน่อยก็ไม่ได้แล้ว"พอได้ยินคำพูดของแม่นางเจี๋ย ไห่ฉางจวิ้นก็อดหัวเราะขึ้นอย่างเย่อหยิ่งไม่ได้"แม่ของเจ้าก่อนหน้านี้เคยเป็นนักบุญหญิงอยู่ครึ่งปี แต่นางไม่รู้หรอกกระมัง? ว่าวิชาลับนี้ยังต้องการของอีกอย่างหนึ่ง นางเอาแต่คิดจะหนี คงจะไม่รู้หรอก เจ้าเองก็ไม่ใช่นักบุญหญิงจึงไม่มีกระดิ่งบังคับงูของพวกเรา แน่นอนว่าต้องใช้ไม่ได้!""ดังนั้นตอนนี้เรื่องนี้เจ้าจะช่วยหรือไม่? ถ้าทำเรื่องนี้เสร็จ ข้าจะส่งคืนงูหลังทองให้เจ้า" แม่นางเจี๋ยเอ่ยขึ้น"เจ้าเอางูหลังทองมาด้วยหรือ?""แน่นอน""เจ้าจะข้าทำอะไร?""ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ก็แค่ให้เจ้าใช้งูหลังทองช่วยข้าหาของชิ้นหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าหล่นอยุ่มุมไหนของเมืองหลวง แน่นอน เป็นไปได้ว่าอาจจะถูกคนขโมยไป จะหาได้ไหม?"แม่นางเจี๋ยรู้สึกคาดหวังมากในใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา"ไม่ใช่เรื่องที่ยากเท่าไร"ตอนที่ไห่ฉางจวิ้นพูดประโยคนี้ก็อดคิดถึงไหมใจโลหิตไม่ได้ ถ้าหากมีงูหลังทองแล้ว นางเองอาจจะหาไหมใจโลหิตเจอด้วยไ
สืออีกับสือซานปรากฎตัว สบตากันผาดหนึ่ง ลังเลเล็กน้อยท่านอ๋องตอนนี้จะไปไหนกัน?ฟู่จาวหนิงกัดฟัน สิ่งยืนยันนั่นสำคัญกับเขามากนี่ แต่ตอนที่หาสิ่งยืนยันดันกลับจะไปหาซ่งอวิ๋นเหยาเนี่ยนะ?แล้วยังกลางดึกกลางดื่นอีกด้วย ถ้าเขาเข้าไปในห้องนอนซ่งอวิ๋นเหยา คงจะออกมาให้ทันเวลาได้ยากแน่ซ่งอวิ๋นเหยาทางนั้นก็มีพิษนั่นโน่นนี่เต็มไปหมด เซียวหลันยัยนเองก็รู้นี่นา?"ช่างเขา!"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นมาอย่างกัดฟันหน่อยๆเดิมทีคิดจะหมุนตัวเดินไปแล้ว แต่นางรู้สึกว่าสองเท้าของตนเองหนักอึ้งจนเดินไม่ออก"คุณหนู ท่านอ๋องพาไปไม่กี่คนเท่านั้น และไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรอีกด้วย จะมีอันตรายไหม?" สืออียังรู้สึกกังวล"ก็แค่ไปดอกท้อเท่านั้นนี่? ไม่แน่สาวสวยอาจจะนัดไว้ก็ได้ มีอะไรอันตรายกัน?"อันตรายเสียพรหมจรรย์กระมัง? ไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนยังบริสุทธิ์อยู่ไม่ด้วยนี่สิแม้จะพูดเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็ยังหมุนตัว หอบผ้าคลุมเดินตามไปยังทิศทางที่พวกเขาออกไป"คุณหนู..." เร็วขนาดนี้เชียว?ในดวงตาสืออีกับสือซานมีรอยยิ้มปรากฎขึ้น ทั้งสองคนเองก็รีบตามออกไปซ่งอวิ๋นเหยาหลายวันนี้นอนไม่หลับในห้องแม้จะมีไฟเทียนสว่างอยู่ แต่กระจ
ในสมองเซียวหลันยวนมีภาพเด็กหญิงตอนที่เขาถูกโจมตีบนถ้ำภูเขาตอนนั้นขึ้น คิดถึงฉากที่นางหยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาพันแผลให้กับเขา เม้มปาก ยกเท้าเดินเข้าไปซ่งอวิ๋นเหยาแง้มประตูไว้เบาๆ "ข้าไม่ปิด เหลือร่องทิ้งไว้ร่องหนึ่ง ไม่เช่นนั้นลมจะแรงเกินไป" ซ่งอวิ๋นเหยาอธิบายหลังจากนางเห็นเซียวหลันยวนเข้ามาก็เดินตรงไปทางหน้าต่างตามที่คาดไว้ อยู่ตรงจุดที่อยู่ใกล้หน้าต่างมากๆ ประกายทึมในดวงตาเปล่งวาบถ้าหากจะเลี่ยงความสงสัย เขาจะยืนให้อยู่ห่างจากเตียงมากที่สุด และข้างหน้าต่างก็ออกไปได้สะดวกที่สุดนี่คือสิ่งทางคิดไว้ก่อนหน้า ตอนนี้ดูแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆแต่พอคิดดู ซ่งอวิ๋นเหยาในใจก็รู้สึกอึดอัด เขาป้องกันนางขนาดนี้เว้นระยะห่างกับนางขนาดนี้มันอธิบายได้ถึงอะไรกัน?นางเดินเข้าไป คิดจะเทน้ำให้เซียวหลันยวน ยังไม่ทันขยับ เขาก็เอ่ยขึ้นว่า"เอาสิ่งที่ควรพูดพูดออกมาเสีย"เย็นชาไร้ความรู้สึกขนาดนี้เลยหรือ?ซ่งอวิ๋นเหยารุ้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาทันทีตอนเด็กๆ ที่พบหน้ากันครั้งนั้น เขาบอกกับนางว่า หลังจากนี้ที่ไหนที่ต้องการเขาเขาก็จะมาช่วย เขาพูดเองแท้ๆ ว่าจะจดจำนางไว้ตลอด"หลันยวน ตอนที่ท่านถามเรื่องเหล่
ถ้าลือกลับไปในวัง นางคงได้เดือดร้อนแน่!ยิ่งไปกว่านั้นฮองเฮาเองก็คงจะไม่เชื่อนางไม่เอ็นดูนางอีกแต่ตอนที่นางสลบไปชั่วยามหนึ่ง หลังจากตื่นมาหยินหลิ่วก็บอกนางว่า รอยนั่นหายไปแล้ว! เหล่าภิกษุคิดว่าตนเองคงตาฝาดมองผิดไปเรื่องครั้งนั้นทำให้นางรู้สึกมหัศจรรย์มาตลอด จะคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ต่อมาภิกษุของวัดคุ้มครองแคว้นยังมาบอกในวังอีกว่า น่าจะเพราะนางได้รับการคุ้มครองจากพระพุทธเจ้าไทเฮาตอนนั้นดีใจมาก ยังมอบสร้อยข้อมือมรกตให้กับนางอีกชิ้นหนึ่งด้วย"ข้าทำตามคำสัญญาในครั้งนั้น"เซียวหลันยวนนับออกมาไม่น้อย ซ่งอวิ๋นเหยาน้ำตาคลอเบ้า"ข้า ข้าไม่รุ้เลยว่าท่านคอยปกป้องข้าเงียบๆ มาตลอด หลันยวน"ฟู่จาวหนิงถอยออกมาทีละก้าวเบาๆ ห่างจากเรือนนี้หน่อย ที่กลั้นหายใจไว้ตลอดถึงได้โล่งขึ้นมานางเข้าไปในจวนซ่งพร้อมเซียวหลันยวน ซ่งอวิ๋นเหยาน่าจะเพื่อให้เซียวหลันยวนเข้ามาได้สะดวก จึงโยกย้ายทหารด้านนอกออกไปตอนที่นางลอบเข้ามาเซียวหลันยวนกำลังเล่าเรื่องที่เขาไปเป็นเทพคุ้มครองให้กับซ่งอวิ๋นเหยาในอดีตพอฟังไปฟังมา ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกว่าตนเองจะเป็นห่วงมากเกินไป นางถึงกับกังวลว่าอาการเขาจะกำเริบ
สืออีกับสือซานตกตะลึงเพราะความเร็วของคนชุดเขียวนี้รวดเร็วมาก ตอนที่เขาพุ่งมาหา พวกเขากลับรู้สึกเพียงตาลาย เกือบจะขวางไว้ไม่ทัน!"คุณหนูออกไปก่อน!"สืออีร้องขึ้นมาทันที เข้าขวางสุดชีวิตแต่ว่าเขากับคนชุดเขียวพอประฝ่ามือกัน เสียงปึงก็ดังขึ้น รู้สึกว่าเลือดลมหลั่งทะลัก มุมปากมีเลือดไหลออกมาทันที"คุณหนูท่านโปรดออกไปก่อน!" สืออีพอเห็นฟู่จาวหนิงจะเข้ามา ก็ร้อนรนจนกระอักเลือดออกมาอีกครั้งฟู่จาวหนิงพอเห็นวิชาของคนชุดเขียวร้ายกาจขนาดนี้ ก็ทำได้แค่กัดฟันหมุนตัวจะวิ่งเขาบุกมาหาตนเอง ขอแค่ตนเองออกจากที่นี่ เขาก็น่าจะไม่พัวพันกับสืออีสือซานต่อ และถ้าห่างจากเรือนตระกูลซ่งหน่อยก็จะตัดเรื่องลูกมือของเขาได้ด้วย"คิดจะหนีหรือ?"คนชุดเขียวคิดจะไล่ตามทันที สืออีชักกระบี่แทงไปที่ข้อมือเขา บีบให้เขาต้องหยุดลง"ข้าจะไปเรียกท่านอ๋อง!"วิทยายุทธ์ของสือซานด้อยกว่าสืออีพอควร เขารู้สึกร้อนรน รู้สึกว่าเพื่อความปลอดภัยของพระชายา ตอนนี้ต้องไปเรียกท่านอ๋อง ถึงอย่างไรต่อให้ท่านอ๋องไม่ออกมา เขาก็ยังพาองครักษ์เงามาด้วย องครักษ์เงาข้างกายท่านอ๋องวิทยายุทธ์ก็อยู่เหนือพวกเขาเสียงปึงดังขึ้น คนชุดเขียวฟาดเข้
ครั้งนี้ จับตัวฟู่จาวหนิงมา แล้วค่อยจับเฮ่อเหลียนเฟยที่อยู่ในบ้านตระกูลฟู่นั่นจับมัดเป็นผ้านวมไปด้วยกันเลย ถึงตอนนั้นถ้าประกาศตัวตนฐานะของเฮ่อเหลียนเฟยออกไป คงได้ฮือฮากันทั้งเมืองหลวงฮองเฮาเกลียดชังคนจากตระกูลเฮ่อเหลียนขนาดไหน ฟู่จาวหนิงในฐานะพระชายาของราชวงศ์ กลับเก็บคนของตระกูลเฮ่อเหลียนเอาไว้ ถ้าหากยังพบว่านอนอยู่ร่วมเตียงเดียวกับนางล่ะก็..."เจ้าหนีไม่รอดหรอก สิ่งที่ท่านหญิงต้องการ ข้าจะช่วยนางทำให้เป็นจริงเอง"คนชุดเขียวไม่ได้ยินเสียงเท้าของฟู่จาวหนิงเลย เข้าใจทันทีว่าหลังจากที่นางเข้ามาในซอยก็ซ่อนตัวไปแล้วดังนั้นหลังจากที่เขาเข้ามาในซอยก็ไม่ได้ใช้วิชาตัวเบาอีก แต่ค่อยๆ เดินเข้าไปด้านใน แล้วก็ค้นหาตัวฟู่จาวหนิงที่น่าจะซ่อนตัวไปแล้วขึ้นมา"เจ้าขวางทางของท่านหญิง ทำร้ายท่านหญิงจนต้องทรมานขนาดนี้ เจ้าสมควรตาย""อ๋องเจวี้ยนเดิมทีควรจะอภิเษกกับท่านหญิง ใครให้เจ้าที่เป็นหญิงยากจนสอดเท้าเข้ามากัน? ถือดีอย่างไร?"คนชุดเขียวพูดไปด้วย และรู้ว่าฟู่จาวหนิงได้ยิน ซอยนี้แม้จะยาว แต่เขาก็รู้ว่านางไม่ได้วิ่งหนีออกไป จะต้องซ่อนอยู่ในนี้แน่ด้านซ้ายขวาของซอยมีคนเอาของมาวางไว้ระเกะระกะ พวก
"คุณหนู!"สืออีในที่สุดก็ตามมาทัน อันที่จิรงก็ไม่ได้นานนักคำนวณดูแล้วเขาก็มาช้าแค่นิดเดียว เพราะก่อนหน้านี้ถูกเล่นงานจนบาดเจ็บภายใน ตอนที่ใช้งานกำลังภายในจึงมีอุปสรรคอยู่บ้างตอนที่เข้ามาเขาก็เห็นฟู่จาวหนิงกำลังใช้ปลายเท้าเตะไปที่คนชุดเขียว นี่มันน่าตกตะลึงเสียเหลือเกิน"ไม่เป็นไร เขาแค่สลบไปน่ะ น่าจะหลับไปสักสองวันถึงตื่นขึ้นมา"ฟู่จาวหนิงดูมั่นอกมั่นใจกับยาที่ตนเองสกัดขึ้นมาก"อาวุธลับที่ท่านใช้หรือ?" สืออี ตกตะลึงอย่างมากเขากับสือซษนล้วนรับมือคนชุดเขียวนี้ไม่ไหว ฟู่จาวหนิงคนเดียวกลับรับมือเขาไว้แล้ว อาวุธลับของนางร้ายกาจขนาดนี้เลยหรือ?"ใช่แล้ว"ฟู่จาวหนิงโค้งตัวลงดึงเข็มยาชาบนแผ่นหลังคนชุดเขียวโยนเข้าไปในห้องมิติเรียบร้อยต้องกลบร่องรอยให้มิด"เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?"ฟู่จาวหนิงลุกขึ้นมา ค้นยาออกมาเม็ดหนึ่งยื่นออกไป "กินลงไป"สืออีไม่ลังเลแม้แต่น้อย รับแล้วกลืนลงไปทันทีพอยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งลงไป เพียงไม่นานในตันเถียนก็มีความอุ่นวาบ ทำให้เขาอบอุ่นขึ้นมาซู๊ดยานี้ของคุณหนูดีต่ออาการบาดเจ็บภายใน ฤทธิ์ของยานี้ดีมากจริงๆ!แม้เวลาสถานที่จะไม่ถูกต้อง แต่สืออีก็อดถามขึ้นมาไ
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้