"คุณหนู!"สืออีในที่สุดก็ตามมาทัน อันที่จิรงก็ไม่ได้นานนักคำนวณดูแล้วเขาก็มาช้าแค่นิดเดียว เพราะก่อนหน้านี้ถูกเล่นงานจนบาดเจ็บภายใน ตอนที่ใช้งานกำลังภายในจึงมีอุปสรรคอยู่บ้างตอนที่เข้ามาเขาก็เห็นฟู่จาวหนิงกำลังใช้ปลายเท้าเตะไปที่คนชุดเขียว นี่มันน่าตกตะลึงเสียเหลือเกิน"ไม่เป็นไร เขาแค่สลบไปน่ะ น่าจะหลับไปสักสองวันถึงตื่นขึ้นมา"ฟู่จาวหนิงดูมั่นอกมั่นใจกับยาที่ตนเองสกัดขึ้นมาก"อาวุธลับที่ท่านใช้หรือ?" สืออี ตกตะลึงอย่างมากเขากับสือซษนล้วนรับมือคนชุดเขียวนี้ไม่ไหว ฟู่จาวหนิงคนเดียวกลับรับมือเขาไว้แล้ว อาวุธลับของนางร้ายกาจขนาดนี้เลยหรือ?"ใช่แล้ว"ฟู่จาวหนิงโค้งตัวลงดึงเข็มยาชาบนแผ่นหลังคนชุดเขียวโยนเข้าไปในห้องมิติเรียบร้อยต้องกลบร่องรอยให้มิด"เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?"ฟู่จาวหนิงลุกขึ้นมา ค้นยาออกมาเม็ดหนึ่งยื่นออกไป "กินลงไป"สืออีไม่ลังเลแม้แต่น้อย รับแล้วกลืนลงไปทันทีพอยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งลงไป เพียงไม่นานในตันเถียนก็มีความอุ่นวาบ ทำให้เขาอบอุ่นขึ้นมาซู๊ดยานี้ของคุณหนูดีต่ออาการบาดเจ็บภายใน ฤทธิ์ของยานี้ดีมากจริงๆ!แม้เวลาสถานที่จะไม่ถูกต้อง แต่สืออีก็อดถามขึ้นมาไ
ชายหนุ่มคนนี้มีวรยุทธ์ทั้งตัว แต่กลับยอมเป็นทหารอยู่ข้างกายซ่งอวิ๋นเหยา สวมเครื่องแต่งกายก็ไม่ใช่องครักษ์ของจวนตระกูลซ่งนางเดาว่าคนผู้นี้ยอมติดตามมาคุ้มครองข้างกายซ่งอวิ๋นเหยาเอง สิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่ ก็ยกซ่งอวิ๋นเหยาเหมือนเป็นนางฟ้าในสายตาไปแล้ว ต่อให้จะชอบนางหลงนาง แต่ก็แค่คิดจะทำให้ความปรารถนาของนางเป็นจริงเท่านั้น ช่วยนางทำสิ่งที่อยากทำทั้งหมดคนเช่นนี้ อาจจะรู้ความลับขอซ่งอวิ๋นเหยาอยู่ไม่น้อย ซ่งอวิ๋นเหยาเองจะต้องเชื่อใจตัวเขาอย่างแน่นอนดังนั้น คนผู้นี้ส่งมาหน้าประตูแล้ว ก็อย่าเห็นว่าข้าไม่เกรงใจนางก็แล้วกัน จะต้องง้างของจากปากเขาออกมาให้ได้!จวนซ่งหลังจากซ่งอวิ๋นเหยาบอกเรื่องราวที่ตนเองรู้ออกมาจนหมดแล้ว เซียวหลันยวนก็เตรียมจะออกไป"หลันยวน"ซ่งอวิ๋นเหยาเรียกเขาอย่างร้อนรนในใจนางร้อนราวกับไฟสุม เห็นๆ อยู่ว่าพูดอะไรไปตั้งมากมาย เขาเองก็ยืนอยู่ตรงหน้าต่างนั่นพักหนึ่งแล้ว ทำไมเขาจึงไม่รู้สึกมึนหัวหรืออะไรเลย?"ข้าเคยบอกกับเจ้าแล้ว พวกเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ดังนั้นเจ้าอย่าเรียกชื่อข้าตรงๆ อีก ข้ากลัวว่าพระชายาจะหึงหวงเอา"คำพูดของเซียวหลันยวนทำให้ซ่งอวิ๋นเหยาเหมือนถูก
ต่อให้เซียวหลันยวนไปแล้ว นางก็ยังทำเป็นเหมือนเขายังอยู่ในนี้ รอเซี่ยวจวินกลับมาก่อน นางจะให้เขาแต่งตัวเป็นเซียวหลันยวน แล้วค่อยล่อฟู่จาวหนิงให้มาเห็นฉากนี้ นางวางแผนไว้หมดแล้ว จะมาพ่ายแพ้ก่อนได้รับชัยไม่ได้!เพียงแต่เดิมทีนางอยากจะถวายตัวออกไปจริงๆ ตอนนี้เซียวหลันยวนไม่ติดกับ นางจึงทำได้แค่ให้เซี่ยวจวินมาร่วมมือเสแสร้งด้วยกันดังนั้นตอนที่สือซานเข้ามาหาเซียวหลันยวนก็คิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจะพาองครักษ์ลับออกไปพอดี ซ่งอวิ๋นเหยาเองก็เรียกองครักษ์เข้ามาแล้ว ปิดประตูจุดเทียนในห้องสร้างภาพว่านางกับเซียวหลันยวนยังอยู่ด้วยกันขึ้นมาสือซานมองเห็นเซียวหลันยวน กลัวว่าสืออีกับฟู่จาวหนิงจะเกิดปัญหา จากนั้นก็หมุนตัวไล่ตามพวกเขาออกไปเซียวหลันยวนหลังจากออกจากจวนซ่งก็กลับจวนอ๋องทันที รีบเดินตรงไปยังเรือนเจียนเจียเพื่อหาฟู่จาวหนิงในเรือนมืดมิดเงียบสนิท เขาตบประตู"ฟู่จาวหนิง เปิดประตู"ประตูเรือนข้างเปิดออก หงจั๋วรีบเดินออกมา "ท่านอ๋อง?"กลางค่ำกลางคืนเช่นนี้ ท่านอ๋องทำไมจึงมาเคาะประตูพระชายา? หรือว่าดวงตาของหงจั๋วเปล่งประกายขึ้นทันที แต่เพียงพริบตาก็สลายไป พระชายาไม่อยู่นี่นา เคาะไปแล้วมีป
กลิ่นอายที่เขาหายใจออกมาก็มีอุณหภูมิร้อนหน่อยๆ ด้วยไม่รู้ว่าตอนไหน เขาก้าวเดินเบาๆ ตรงไปยังถังอาบน้ำอย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวตอนที่เขายืนอยู่ข้างถังอาบน้ำ ฟู่จาวหนิงที่แอบงีบไปจึงรู้ตัวขึ้นมา นางเบิกตาโพลง ขณะเดียวกันเข็มเงินเล่มหนึ่งก็พุ่งไปทางเซียวหลันยวนและเพราะพริบตานั้นที่นางยังไม่ทันลืมตาก็เคลื่อนไหวไปแล้ว ดังนั้นเซียวหลันยวนจึงตั้งตัวไม่ทัน ถูกเข็มนั้นแทงเข้าไปก่อนที่ร่างกายจะชาดิก เขาก็ปฏิกิริยาที่ทำออกมาจากใจของตนเองด้วยสัญชาตญาณ ร่างกายล้มพับไปในถังอาบน้ำซูม!ฟู่จาวหนิงเดิมทีคิดจะลุกขึ้น แต่ถูกเขาล้มลงมาเช่นนี้ ก็ถูกกดกลับลงไปในถังอาบน้ำอีกน้ำซ่านกระเซ็นทั้งสองคนล้วนแช่ลงไปในถังอาบน้ำเซียวหลันยวนกดทับบนตัวนาง"ข้าเอง"ประโยคนี้ เขาเองก็เพิ่งจะมีโอกาสพูดออกมาแต่ก็สายไปแล้วเข็มเองก็แทงไปแล้ว น้ำเองก็เป็นฟองไปแล้วเพียงแต่ตอนนี้ จังหวะนี้ เซียวหลันยวนกลับไม่รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องไม่ดีด้วย ต่อให้เขาตอนนี้จะชาไปทั้งตัว ทำให้ใช้แรงไม่ได้ และใช้กำลังภายในไม่ได้ด้วยและไม่รู้ว่าเข็มของนางฉาบพิษอะไรไว้แต่ว่านางตอนนี้ก็ยังถูกกดไว้ด้วยกันคิดแล้วนางก็ยังเสียเ
"ท่านเพิ่งไปจวนตระกูลซ่งมาไม่ใช่หรือ?"เซียวหลันยวนฟังถึงจุดนี้ก็เข้าใจแล้ว"ทำไม ประหม่าหรือไร?" ฟู่จาวหนิงออกแรงผลักเขาสายตาเซียวหลันยวนจ้องมองนาง พอเห็นไฟโกรธในดวงตานาง ก็เหมือนจะมองเห็นถึงความน้อยเนื้อต่ำใจฟู่จาวหนิงเดิมทีก็ไม่คิดจะอ่อนแอ ความอ่อนแอเองก็ไม่ใช่ความเคยชินกับนิสัยของนาง แต่ไม่รู้ว่าเพราะสถานที่ไม่ถูกต้องเวลาไม่ถูกต้องหรือไม่ หรือว่าตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนสถานการณ์ไม่ถูกต้อง ความรุ้สึกน้อยใจก็หลั่งทะลักออกมา สะกดอย่างไรก็ไม่อยู่เซียวหลันยวนเห็นดวงตานางรื้นแดง ในดวงตาที่สวยงามนั่นเหมือนมีหมอกน้ำคลุมขึ้นมาชั้นหนึ่ง หัวใจเจ็บปวดขึ้นมาทันทีเสียงเขาแหบพร่า "หลังจากนี้จะไม่เจอนางอีกแล้ว""ท่านเจอไม่เจอก็เรื่องของท่าน ท่านมีคนในใจ อยากจะปกป้องนางอีกสักกี่ปีมันก็เรื่องของท่าน แต่ว่าท่านไม่ควรโกหกข้า ตอนนั้นข้าถามไปชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือ? ถ้าท่านมีคนในใจเช่นนี้อยู่แล้ว ข้ารับรองว่าจะไม่ไล่ตามไม่คิดจะมาร้องขออภิเษกกับท่านด้วย ข้าไปหาคนอื่นก็พอแล้ว...อุ๊บ!"ริมฝีปากฟู่จาวหนิงถูกเขาอุดไว้แล้วอุณหภูมิน้ำเดิมทีก็ค่อยๆ เย็นลง แต่ไม่รู้เพราะอุณหภูมิบนตัวเซียวหลันยวนสูงไปหรือ
"เด็กผู้หญิง?""ข้ารับปากว่าจะปกป้องนาง หลายปีมานี้ข้าทำให้แล้ว แต่ก็ยิ่งรู้สึกว่าซ่งอวิ๋นเหยานั้นไม่ใช่นาง นิสัยของพวกนางไม่เหมือนกันเลย"เขาคิดจะไปดูห้องนอนซ่งอวิ๋นเหยาตอนกลางคืน"ครั้งนั้นนางบอกว่า ในถ้ำภูเขาที่ขมุกขมัวนางเองก็ไม่กลัว เพราะนางอยู่คนเดียวมาตลอด มีอยู่ห้องเดียว โล่งๆและเรียบง่าย"ฟู่จาวนหิงพบว่าสมองฟู่จาวหนิงตอนนี้ไม่ค่อยชัดเจนแล้ว จึงพลิกฝ่ามือดึงเข็มเล่มหนึ่งออกมาจากในห้องมิติทันทีกัดฟันให้หัวของเขากดอยู่บนหลังคอนางเพื่อพิง"หลายวันนี้ รู้สึกว่าซ่งอวิ๋นเหยาดูไม่คล้ายนางเลย ดังนั้นจึงอยากจะไปดูห้องนางเสียหน่อย"เซียวหลันยวนเองก้ไม่รู้ว่าตนเองทำไมจึงพูดเรื่องนี้กับฟู่จาวหนิง ก็แค่อยากจะพูดให้ชัดเจนเท่านั้น"ไม่เหมือน ห้องของซ่งอวิ๋นเหยา มีแต่ความหรูหรา ตรงไหนที่วางของก็ได้ก็วางไว้หมด ไม่เห็นพื้นที่ว่างเลย"นั่นเป็นห้องนอนของหญิงสาวสูงศักดิ์คนหนึ่ง"ท่านตอนนั้น ไม่ได้ถามชื่อนางเอาไว้หรือ?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นด้วยสัญชาตญาณ"ถามแล้ว นางไม่บอก นางบอกว่า คนมากมายถ้ารรู้ว่านางเป็นใครก็จะมารังแกนาง"เซียวหลันยวนพิงอยู่ที่หลังคอนาง ริมฝีปากประทับอยู่ข้างคอนาง ฟู่จา
เซียวหลันยวนเปียกโชกไปทั้งตัว เสื้อผ้าหน้าผมเต็มไปด้วยน้ำ ทำเอาฟู่จาวหนิงเห็นแล้วต้องขมวดคิ้วขึ้นมา"แล้วข้าจะหาเสื้อผ้าจากไหนมาเปลี่ยนให้ท่านกัน?""อืม เช่นนั้นให้ข้ากลับจวนอ๋องอย่างนี้หรือ?" เซียวหลันยวนที่เปียกโชกไปทั้งตัวมองนาง ใบหน้าแดงแจ๋ สายตาร้อนผะผ่าว แผลเป็นพิษนั่นก็ดูเข้มลึกขึ้นมาก ดูแล้วงดงามอย่างประหลาดฟู่จาวหนิงกัดฟันเขาจงใจสินะ จงใจแน่!สภาพแบบนี้จะออกไปยังไงกัน?นางรีบออกไปหอบผ้าคลุมเข้ามา จากนั้นก็โยนผ้าแห้งให้เขาผืนหนึ่ง "ท่านถอดเสื้อเปียกออกเลย แล้วก็เช็ดผมให้แห้งเสีย ข้าจะไปหาเสื้อผ้าให้ท่าน!"พอเห็นร่างที่หมุนตัวพุ่งออกไปของนาง เซียวหลันยวนนิ้วจรดบนพริมฝีปาก ไอขึ้นมา"แค่กๆๆ..."เขาไออย่างรุนแรงฟู่จาวหนิงไปหาเสื้อผ้ามาชุดหนึ่ง เดิมทีเตรียมไว้ให้คนคุ้มครองเรือน เศรษฐีฟางเพิ่งหามาให้นางสองคน ที่เหลือยังไม่เข้ามา แต่นางก็ให้ป้าจงเตรียมเสื้อผ้าที่เหมือนกันไว้ให้แล้วเดิมทีคนคุ้มครองเรือนที่เลือกมาล้วนมีร่างสูงใหญ่กำยำ ดังนั้นเสื้อผ้าเองก็ถือว่าเหมาะสมอยู่ตอนที่กลับมา เซียวหลันยวนเช็ดผมแห้งไปกว่าครึ่งแล้ว หอตัวอยู่ในผ้าคลุมพิงแคร่นิ่มในห้องนาง ผิวหนังยัง
"แค่กๆๆ" เซียวหลันยวนไอออกมาอีกชุดหนึ่ง เงยหน้ามองนาง สนิทกันได้ขนาดนี้แล้ว ยังจะหย่าอีกหรือ?"นอนลงไป" เซียวหลันยวนถูกดวงตาที่ไฟลุกมองจนรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง จะให้เขานอนลงในทันทีเซียวหลันยวนไอนอนลงไปบนแคร่นิ่ม ผ้าคลุมถูกนางดึงลงไปที่เอวพอเห็นเอวของเขา ใบหน้าของนางก็ร้อนผ่าว หยิบเข็มออกมาปักลงไปฉึกๆๆ"ก่อนหน้านี้ตอนท่านไปหอจันทร์หยาดไม่ใช่ว่าระมัดระวังตัวอยู่หรอกหรือ? สามารถสัมผัสได้ว่ามียา แล้วครั้งนี้ไปห้องนอนซ่งอวิ๋นเหยาทำไมจึงสังเกตไม่เห็น? เชื่อใจนางขนาดนี้เชียว?"เรื่องที่ไปห้องนอนซ่งอวิ๋นเหยาทำไมจึงไม่ปล่อยผ่านไปเสียที?เซียวหลันยงยแอบถอนใจเขาเสียใจขึ้นมาผิดไปแล้วจริงๆ จะมีข้อมูลอะไร เขาจะหาโอกาสอื่นเพื่อไปฟังไม่ได้เลยหรือ? แค่คิดจะไปดูห้องนอนหญิงสาวว่าเป็นอย่างที่จินตนาการไว้ไหม รอตอนกลางวันที่ซ่งอวิ๋นเหยาไม่อยู่แล้วเข้าไปดูไม่ได้หรือไร?"ข้าไม่รอบคอบเอง ตอนนั้นข้ายืนอยู่ข้างหน้าต่างแล้ว"พูดถึงตอนนี้ เขาจู่ๆ ก็คิดขึ้นมาว่าหน้าต่างของซ่งอวิ๋นเหยาไม่ใช่ว่าวางอะไรอยู่หรือ?"นางคิดจะเล่นงานข้า"เซียวหลันยวนกัดฟัน ซ่งอวิ๋นเหยา ดีมาก ดีจริงๆ"เมื่อเป็นเช่นนี้ นา
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้