"ท่านยังไม่หลับหรือ ปล่อยให้ข้าพูดอยู่ได้ตั้งนาน อ๊ะ!"ฟู่จาวหนิงรู้สึกฟ้าหมุนติ้วถูกเซียวหลันยวนดึงพลิกลงมากดอยู่บนแคร่นิ่ม"เด็กผุ้หญิงคนนี้คือเจ้าหรือ?"เสียงของเขาแหบพร่าจนผิดปกติ"ข้าเอง แต่ว่าตอนนั้นตาของท่านไม่ใช่ว่าบาดเจ็บหรอกหรือ? ข้ายังใช้แขนเสื้อช่วยเช็ดเลือดให้ท่านอยู่เลย ในถ้ำภูเขามืดมาก ตาของท่านก็ลืมไม่ขึ้นมองไม่เห็นข้าเหมือนกัน ข้าตอนนั้นยังเห็นหน้าของท่านชัดเจนมาก หน้าของท่านเต็มไปด้วยเลือด แล้วก็โคลน สกปรกสุดๆ"ฟู่จาวหนิงพูดรายละเอียดในตอนนั้นออกมา นี่ไม่จำเป็นต้องให้เขายืนยันอีกแล้ว นางนั่นเองเพราะสถานการณ์คืนนั้น นอกจากพวกเขาสองคนแล้วใครก็ล้วนไม่รู้เรื่องทั้งสิ้นต่อมาทหารของเขาหาตัวพวกเขาพบ พาเด็กสาวคนนั้นลงจากเขาไปด้วยกัน พอลงจากเขานางก็วิ่งหนีไปแล้ว"เจ้าหรือ"เซียวหลันยวนทวนสองคำนี้ขึ้นมาอีกครั้งฟู่จาวหนิงมองเขางงๆ และเห็นว่าดวงตาเขาแดงรื้น"แต่ทำไมท่านถึงคิดว่าเป็นซ่งอวิ๋นเหยาด้วยล่ะ?" นางถามอย่างงงงัน"ครึ่งปีต่อมาตอนเจอนางครั้งแรก ในมือนางมีผ้าเช็ดหน้าที่คล้านกันอยู่ผืนหนึ่ง พอตรวจสอบดูก็พบว่าวันนั้นนางเองก็ไปที่เขาลูกนั้นเช่นกัน ตระกุลซ๋งเองก็ม
ยิ่งไปกว่านั้น เขาเองก็ไม่ชอบคนที่ได้คืบจะเอาศอกอีกด้วย เขาตอบแทนบุญคุณได้ แต่ก็เกลียดที่คนอื่นใช้คำว่าบุญคุณมาต่อรองกับเขามากที่สุดฟู่จาวหนิงตอบสนองกลับมา ดวงตาเป็นประกาย "นี่ เซียวหลันยวน เช่นนั้นเมื่อครู่ข้าก็เป็นผู้มีพระคุณของท่านสิ?""อืม""เช่นนั้นก่อนหน้านี้ท่านไม่ใช่แค่ไม่ปกป้องข้า ไม่ช่วยเหลือข้า แต่ท่านยังมาช่วยคู่แค้นของข้าด้วย! ข้าจะบอกท่านไว้นะ"นางยังไม่ทันพูดจบ ปากก็ถูกปิดไปอีกครั้ง ลมหายใจถูกแย่งไปเซียวหลันยวนจูบนางอีกรอบ และดูใจเต้นแรงยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีกเป็นนางนี่เอง ก่อนหน้านี้แค่บุญคุณเล็กน้อย แค่ควบอบอุ่นเล็กๆ แต่ว่าตอนนี้เขาพบว่าตนเองไม่ใช่แค่โลภมากต่อความอบอุ่นเล็กน้อยนั่นแล้ว"เซียว""ข้าจูบพระชายาของข้า ไม่ใช่เรื่องผิดทำนองคลองธรรม"คืนนี้ ชิงอีกับชิ่งอวิ๋นเซียวอยู่ที่ด้านนอกหากันทั้งคืน จนแทบจะล้มพับอยู่แล้ว ก็ยังไม่เจออะไรตอนกลับมาจวนอ๋องช่วงฟ้าสาง เดิมทีคิดจะไปรายงานกับท่านอ๋อง กลับได้ยินผู้ดูแลบอกว่าท่านอ๋องเมื่อคืนไม่ได้กลับมาชิงอีกงงเป็นไก่ตาแตกรอจนติดต่อกับองครักษ์ลับได้ ถึงรู้ว่าท่านอ๋องพักอยู่ที่บ้านตระกูลฟู่ ปากของเขาก็อ้าออกจน
ไห่ฉางจวิ้นใช้วิชาลับควบคุมงูหลังทองออกไปหาสิ่งยืนยันของตระกูลชิ่งแล้วแต่ว่าพวกเขาคิดจะเข้ามาสำรวจเสียหน่อยว่าเมือ่วานนี้พวกเขาหาสิ่งยืนยันเจอแล้วหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังหาเหตุผลมากล่อมผู้นำตระกูลฮู่อีก ครั้งนี้เข้ามาโดยไม่ได้ปิดบังผู้นำตระกูลเลย ดังนั้นจึงไม่ลนลานเลยแม้แต่น้อยผู้ดูแลเดิมทีคิดจะอธิบายกับพวกเขาดีดี แต่ว่าน้ำเสียงของฮู่เจียไท่กับเจตนาที่มาดูแล้วไม่ค่อยถูกต้องนัก เขาจึงไม่อธิบายมันเสียเลย แค่นำชาดีดีของว่างดีดีมาต้อนรับเท่านั้น ให้พวกเขารอกันไปซ่งอวิ๋นเหยาทางนั้น หลังจากเซียวหลันยวนออกไป นางก็รอเซี่ยวจวินกลับมาตลอด แต่เซี่ยวจวินก็ไม่กลับมาทั้งคืนซ่งอวิ๋นเหยาลนลานขึ้นมาทันทีเซี่ยวจวินเดิมทีเป็นศิษย์กลุ่มสำนักที่เร้นจากโลกคนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นคนที่มีวิชายุทธ์ยอดเยี่ยมด้วย ตอนที่ออกมาฝึกฝนในยุทธจักรเจอเข้ากับนาง ช่วงนางขับไล่พวกโจร และรู้สึกรักแรกพบกับนางนางใช้แผนนิดหน่อยให้เขารู้สึกถวายหัวหมดจิตหมดใจกับนาง กระทั่งก็ไม่กลับไปแล้ว ยินยอมที่จะติดตามมาอยู่ข้างกายนางเป็นองครักษ์ลับของนาง ปกติจะไม่ค่อยปรากฎตัวออกมา ถ้าหากนางมีความลับอะไรกับเรื่องสำคัญอะ
ฟู่จาวหนิงพูดพลาง ในสมองก็มีเรื่องในถังอาบน้ำเมื่อคืนนี้ผุดขึ้นมา หูก็แดงไปหมด"คุณหนู หูของท่านแดงแล้ว?" เสี่ยวเถางงงัน"อ๋า? โอ้ น่าจะอากาศเย็นน่ะ แข็งไปแล้ว แข็งไปแล้ว" ฟู่จาวหนิงไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเสี่ยวเถาที่แท้จะพูดมากขนาดนี้ "รีบไปดูในครัวเร็วว่ามีข้าวเช้าอะไรบ้าง ข้ามีเรื่องต้องไปทำ""แต่ข้าต้องเข้าไปเก็บที่นอนให้คุณหนูก่อน" เสี่ยวเถาชี้ไปที่ห้องนอนนางถ้านางเข้าไปได้เป็นเรื่องแน่?ถ้าเห็นเซียวหลันยวนนอนอยู่บนเตียงนาง แล้วความบริสุทธิ์ของนางจะยังเหลืออยู่ไหม?"ไม่ต้องไม่ต้อง เมื่อคืนนี้ข้าอยู่ในนั้นทำวัตถุดิบยา ยังทำไม่เสร็จ เจ้าอย่าเพิ่งเข้าไป จะได้ไม่ทำเละเทะข้าเก็บกวาดลำบาก""โอ้"เสี่ยวเถาเองก็ไม่คิดมาก รีบตรงไปที่ครัวฟู่จาวหนิงกัดฟัน หมุนตัว เงยหน้ามองไปทางต้นไม้ใหญ่ข้างๆ แล้วกระดิกนิ้ว"มานี่"องครักษ์ลับ: พระชายาเรียกข้าหรือ?"เรียกเจ้านั่นล่ะ ลงมานี่" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอีกแล้วก็เรียกเขาจริงๆ แต่เขาซ่อนตัวอยู่นะ อยู่ด้านล่างน่าจะมองไม่เห็นอะไรจึงจะถูก พระชายาทำไมถึงยืนยันว่าเขาซ่อนอยู่ตรงนี้?ก่อนหน้านี้ในจวนอ๋องก็เหมือนกัน แค่ครู่เดียวก็หาตัวเขาเจอเสีย
"ท่านปู่ ดูท่านพูดเข้า ต่อให้แม่ของข้าคือเสิ่นเชี่ยวจริง แต่ข้าก็ถือว่าเป็นคนตระกูลฟู่สิ จะไปเป็นคนตระกูลเสิ่นได้อย่างไรกัน?"พอได้ยินนางพูดเช่นนี้ ผู้เฒ่าฟู่จู่ๆ ก็ถอนหายใจโล่งออกมาหลังจากฝังเข็มให้เขาแล้วก็พาเฮ่อเหลียนเฟยออกมา เฮ่อเหลียนเฟยถอนหายใจ กดเสียงต่ำพูดกับนางว่า "พี่หญิง พอรู้ข่าวของท่านพ่อท่านแม่ ท่านปู่ก็ดีใจมาก แต่ว่าเขาเองก็กลัวมากเช่นกัน""กลัวอะไรหรือ?""ตอนนี้ลุงเสิ่นอยู่ในเมืองหลวงไหม? เขาเองก็เป็นคนของต้าชื่อ ท่านปู่เองก็กังวล ถ้าหากเขาเป็นลุงของพวกเราจริงๆ ก็จะพาท่านกลับต้าชื่อ ตระกูลเสิ่นคงคิดจะชิงตัวท่านกลับไปแน่"ฟู่จาวหนิงตกตะลึงขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นจึงรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก"นี่คิดอะไรกันน่ะ""ท่านปู่พึ่งพาท่านมาตลอด ตระกูลฟู่ตอนนี้ก็ยังสถานการณ์เช่นนี้ เขารู้สึกว่าตนเองช่วยอะไรท่านไม่ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นยังทำให้ท่านลำบากอีก พอมองกลับไปที่ตระกูลเสิ่น นั่นก็แตกต่างไปแล้ว ตระกูลเสิ่นเป็นตระกูลใหญ่ แม้ก่อนหน้านี้จะเคยถูกห้ามจากราชวงศ์ ถูกเพ่งเล็ง แต่อูฐที่ผอมจนตายก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า จะว่าอย่างไรก็ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลฟู่ไปเทียบได้เลย"เฮ่อเหลียนเฟยส่
"คุณหนู" มีทหารรีบเดินตรงเข้ามา "คนผู้นี้ตรวจสอบตัวตนฐานะออกมาแล้ว"ฟู่จาวหนิงรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ เขามองไปทางสืออีสือซาน"เป็นเช่นนี้ เขามีวรยุทธ์สูงส่งมาก รู้สึกว่าไม่น่าใช่ทหารธรรมดา ข้างกายซ่งอวิ๋นเหยาไม่น่าเป็นไปได้ที่จะรับคนเช่นนี้เข้ามา ดังนั้นพวกเราจึงกลับไปขอคำสั่ง ให้คนของจวนอ๋องออกไปตรวจสอบแล้ว"สืออีอธิบายขึ้นมาคำหนึ่งสือซานกลับรู้สึกมึนงง "แต่ว่า ท่านอ๋องก็ไม่รู้ว่าไปที่ไหนแล้ว เดิมทีเรื่องนี้ควรจะรายงานเขาเสียก่อน"เพราะต้องใช้พลังของจวนอ๋องเข้าตรวจสอบ แล้วยังไม่ใช่เรื่องของจวนอ๋องอีกด้วยเซียวหลันยวนไปไหนแล้วพอได้ยินคำถามนี้ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกว่าหน้าตนเองร้อนวูบขึ้นหน่อยๆ นางพูดไม่ได้หรอกกระมังว่าเมื่อวานนี้เซียวหลันยวนนอนอยู่บนเตียงของนาง?แต่ว่าตอนนี้เขาควรจะไปได้แล้วสิถึงจะถูก"แฮ่ม" นางกระแอมขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ ถามว่า "แล้วตัวตนฐานะของคนผู้นั้นล่ะ?""เขาชื่อเซี่ยวจวิน เป็นศิษย์ใหญ่ลำดับต้นๆ ของสำนักชิงเฉิง พรสวรรค์สูงส่ง เคยสำแดงเดชมาแล้วในการประลองกับกลุ่มสำนักต่างๆ ที่ต้าชื่อทางนั้นมีหญิงสาวไม่น้อยที่อยากจะออกเรือนกับเขา""เก่งเสียเหลือเกิน แล้วยังเป็นค
"ยาที่ดีขนาดนี้ ข้าเสียเปรียบนะ นี่เป็นกรรมสิทธิ์ของข้าเลยด้วย เจ้ารุ้ไหมว่ามันคือยาอะไร?"ฟู่จาวหนิงถอยมาก้าวหนึ่ง ถามขึ้นอย่างไม่ลนไม่ลาน"ยาพิษหรือ?""ไม่ๆๆ จะเป็นยาพิษได้อย่างไรกัน ก็แค่ทำให้สมองของเจ้าช้าลงไปขณะหนึ่ง ส่วนประโยชน์น่ะหรือ เจ้าลองพิจารณาตอนที่คายความจริงหลังดื่มสุราสิ มันจะทำให้เจ้าพูดความจริง""เจ้าอย่าฝันหวานนักเลย"สืออีกับสือซษนกลับสบตามองกันผาดหนึ่งพระชายาสกัดยานี้ออกมาจริงหรือ?ถ้าหากยาชนิดนี้มีประโยชน์ขนาดนั้นล่ะก็ หลังจากนี้ตอนที่คิดจะไต่สวนใครก็ง่ายขึ้นเยอะเลยสิพวกเขาตัดสินใจที่จะมองดูให้ดีเซี่ยวจวินกัดลิ้น คิดจะให้ตนเองได้สติขึ้นมาหน่อย ยิ่งไปกว่านั้นในใจก็เตือนตนเองตลอดว่าห้ามพูดเรื่องของซ่งอวิ๋นเหยาเด็ดขาด แต่ว่าเขากลับรู้สึกว่าสมองตนเองกลับยิ่งมึนงงมากขึ้น"เป้าหมายแท้จริงที่ซ่งอวิ๋นเหยาไปต้าชื่อคืออะไร?""นาง" เซี่ยวจวินเองก็รู้สึกดิ้นรน แต่พอดิ้นรนจนถึงท้ายสุดก็ยังพูดออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่ "อยากจะเป็นพระชายาองค์รัชทายาทต้าชื่อ""พรวด"ฟู่จาวหนิงอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ พูดกับสืออีสือซานว่า "ดูนายท่านของพวกเจ้าสิ ยังคิดว่าคนอื่นหลงเขาหัวปั
"นางรู้ นางให้ข้าไปตรวจสอบ ว่าเด็กผู้หญิงที่ช่วยอ๋องเจวี้ยนในถ้ำภูเขาครั้งนั้นคือใคร ช่วยอย่างไร แล้วทำอะไรบ้าง"เซี่ยวจวินตอนนี้รู้สึกมึนงงในสมองขึ้นแล้ว อันที่จริงเขาก็ไม่อยากจะพูดอีกแล้ว แต่ไม่รู้เพราะอะไร พอฟู่จาวหนิงถาม เขาก็ตอบออกมาอย่างอดไม่อยู่ ในปากก็เหมือนจะไม่ฟังคำสั่งอย่างไรอย่างนั้นฟู่จาวหนิงร้องเฮอะขึ้นมานางถามคำถามต่ออีกส่วนหนึ่ง และตามคาด ซ่งอวิ๋นเหยาก็ยังเชื่อมั่นเซี่ยวจวินมาก มีหลายเรื่องที่ให้เขาไปจัดการและพอยิ่งถาม พวกของสืออีก็ยิ่งรู้สึกแย่กับหญิงสาวคนนี้คิดไม่ถึงว่าคนที่ชื่อเสียงดีงามภายนอก อ่อนโยนใจกว้าง ฉลาดแล้วยังมีความสุขอย่างท่านหญิงอวิ๋นเหยา แท้จริงแล้วจะเป็นคนเช่นนี้!"เรื่องที่อ๋องเจวี้ยนโดนพิษครั้งนั้นก็เป็นข้าที่บอกกับนาง เพราะนางเดิมทีคิดจะเปลี่ยนเส้นทางไปยอดเขาโยวชิงเพื่อหาอ๋องเจวี้ยนระหว่างทาง อยากจะไปดูว่าร่างกายของท่านเป็นอย่างไร ข้าบอกกับนางแล้ว ว่าอ๋องเจวี้ยนติดพิษมาเมื่อครั้งนั้น และพิษนั้นก็ถอนได้ยาก""เจ้ารู้เรื่องที่ท่านอ๋องของพวกเราติดพิษหรือ?""ครั้งนั้นมีคนขึ้นมาหาอาจารย์ข้าที่สำนักชิงเฉิง คิดจะให้อาจารย์ข้าไปช่วยเหลือคน เพราะว่
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ
"หวานจัง"องค์หญิงนานฉือกินไปคำหนึ่ง ตาก็เป็นประกายขึ้นมา"ลูกชิ้นนี่เหนียวหนึบหนับดี เด้งและอ่อนนุ่ม น้ำแกงก็หวาดดี อร่อยจัง""ลูกชิ้นนี้ต้องใช้น้ำอุ่นที่อุณหภูมิพอดีมานวด ส่วนเวลาและแรงตอนที่นวดก็ต้องพิถีพิถันด้วย ท่านพี่เองก็ชอบกิน พีสะใภ้กินเยอะหน่อยๆ"องค์หญิงหนานฉือชอบกิน อันชิงจึงดีใจมากนางนั่งอยู่ตรงข้ามมององค์หญิงหนานฉือ รู้สึกว่านางดุมีเสน่ห์กว่าก่อนที่แต่งงานเสียอีก สวยจับใจจริงๆ"พี่ชายของเจ้า..."องค์หญิงหนานฉือหน้าร้อนขึ้นมาเดิมทีนางก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย แต่พอเจอกับเรื่องนี้ก็อดเขินอายขึ้นมาไม่ได้เหมือนักนพูดพูดถึงผู้ตรวจการอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือก็รู้สึกปากร้อนขึ้นมาหน่อยๆ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ตรวจการอันที่มีหน้าตางดงามอ่อนโยนมีการศึกษา จะเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์หนักหน่วงคนหนึ่งแบบนี้!หลายวันนี้ ทุกวันตอนกลางคืนเขาก็จะมาทรมานนางสองครั้ง หลังจากเสร็จประชุมเช้า เขาก็ยังกลับมาทรมานนางอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งก็ยังใช้เวลานาน นี่ทำเอานางหลายวันนี้มึนๆ งงๆ ร่างกายเมื่อยขบนอนไม่พอ ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยทุกมื้อล้วนมีคนส่งอาหารเข้ามาในห้อง นางเองก็ขี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนใจว่าองค์จักรพรรดิจะถามพวกอวิ๋นจูอย่างไรนางกลับมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง ครั้งนี้ย้ายของไปมากกว่าเดิม ถึงกับตกแต่งห้องขังนั้นขึ้นมาแล้วประตูห้องขังยังแขวนม่านเอาไว้ด้วย บนพื้นปูพรม บนเตียงยังมีฉากกั้นลมสูงครึ่งตัวคนอีก แล้วยังกั้นเป็นห้องเล็กๆ สามารถวางถังปลดทุกข์ใบหนึ่งได้ด้วยที่มุมยังมีแจกันดอกไม้ บนกำแพงติดเชิงเทียนเอาไว้ แล้วยังแขวนเครื่องหอมไว้อีกย้ายโต๊ะมาหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว แล้วยังมีเบาะรองนั่งอีกพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกก็ยังติดมา แล้วยังมีเตาเล็กสำหรับอุ่นชาอุ่นสุราอีกชุดหนึ่ง วางเครื่องลายครามที่ประณีตสวยงามเอาไว้องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนหลังจากย้ายของพวกนี้เข้ามาจัดวางแล้ว ห้องขังนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวหน้าคุกกับผู้คุมมองจนตาตั้งพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้ห้ามปราม แต่ฟู่จาวหนิงพูดมาคำเดียวว่า "ข้าบอกกับองค์จักรพรรดิแล้วว่ามาอยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋อง" พวกเขาก็ต้องก้มหน้ากลับไปหัวหน้าคุกรู้สึกว่าผิดปกติไปจริงๆ วิ่งไปรายงานกับหัวหน้า ตอนกลับมายังคิดจะรื้อของเหล่านี้ของฟู่จาวหนิงออก"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิให้อ๋องเจวี้ยนมาทบทวนตนเองให้
"ที่แท้การขังเอาไว้ในคุกใหญ่ก็ไม่เรียกว่าการลงโทษสินะ?""ฟู่จาวหนิง วันนี้เจ้าคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ข้ามีงานการอีกตั้งมาก ไม่มีเวลามาเสวนาไร้สาระกับเจ้านะ!" องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าแค่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็ปวดหัวเสียแล้วเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรนางจริงๆวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงสูงส่งมาก! ในใจเขายังรู้สึกว่าโชคดีมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของแคว้นเจา ถึงอย่างไรนางก็ยังมีญาติอยู่ที่เมืองหลวง ถึงอย่างไรตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีรากฐานอะไร ดังนั้นตอนที่เขาต้องการนางจริงๆ เขายังมั่นใจว่าตนเองจะบีบจุดอ่อนของนาง แล้วนำนางมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเองได้ใครให้วิชาแพทย์ต้องมาเจอกับหายนะเข้าในใต้หล้านี้กัน ปัจจุบันพวกหมอเก่งๆ ล้ำค่าจะตายไปก่อนหน้านี้แคว้นเจามีหมอเทวดาหลี่ พวกเขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอยู่ แต่พอเทียบกับฟู่จาวหนิง วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่กลับห่างชั้นอยู่ไกลโขเลยทีเดียวเพื่อวิชาแพทย์ของนาง ขอแค่นางไม่มาเหยียบเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำ องค์จักรพรรดิก็ยังมีความอ่อนข้อให้สูงลิบอยู่เพียงแต่ว่า นางนี่มันน่าโมโหเสียจริงองค์จักรพรรดิรู้สึกว่ายิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงมากแค่ไหนชีวิตเขาก็สั้นลงไปอีกหลายปี"แค่อยากจ
องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำของฟู่จาวหนิง หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดตึงขึ้นมา"อายวนเขามีอะไรต้องทุกข์ใจกัน? ไม่พอใจข้าที่ให้เขาไปนั่งทบทวนตนเองในคุกหรือ?"ถ้านางกล้าบอกว่าไม่พอใจล่ะก็...ในใจองค์จักรพรรดิยังกำลังคิด ว่าตอนที่นางพูดว่าไม่พอใจแล้วจะตอกนางกลับไปอย่างไร ก็ได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดออกมาคำหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ ใครบ้างที่ยินดีจะอยู่ในคุก?"องค์จักรพรรดิ: นี่ยังจะย้อนถามมาอีกหรือ?"แต่ต่อให้ไม่ยินดีก็มิอาจขัดราชโองการได้" ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ดูจำใจอย่างมาก "เขาเป็นทุกข์ก็คือพวกสาวงามที่องค์จักรพรรดิยัดเข้ไาปข้างกายนั่นมันน่าโมโหมาก องค์จักรพรรรดิให้พวกนางไปดูแลเขา ผลลัพธ์คือพวกนางทั้งหมดก็หนีไปกันเกลี้ยง!""หนีหรือ?"องค์จักรพรรดิเองก็เดินตามแนวคิดของนางโดยไม่รู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเลียนเสียงนางขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเขาจึงได้สติกลับมา อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ"ใช่ไหมล่ะ เกินไปจริงๆ องค์จักรพรรดิ อายวนอยู่ในคุำำใหญ่ออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเข้าวังมาบอกกับองค์จักรพรรดิ จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ต้อนรับสาวงามพวกนี้ แต่เจอเรื่องครั้งนี้เข้าไปก็ส่งผลกระทบกั