"ยาที่ดีขนาดนี้ ข้าเสียเปรียบนะ นี่เป็นกรรมสิทธิ์ของข้าเลยด้วย เจ้ารุ้ไหมว่ามันคือยาอะไร?"ฟู่จาวหนิงถอยมาก้าวหนึ่ง ถามขึ้นอย่างไม่ลนไม่ลาน"ยาพิษหรือ?""ไม่ๆๆ จะเป็นยาพิษได้อย่างไรกัน ก็แค่ทำให้สมองของเจ้าช้าลงไปขณะหนึ่ง ส่วนประโยชน์น่ะหรือ เจ้าลองพิจารณาตอนที่คายความจริงหลังดื่มสุราสิ มันจะทำให้เจ้าพูดความจริง""เจ้าอย่าฝันหวานนักเลย"สืออีกับสือซษนกลับสบตามองกันผาดหนึ่งพระชายาสกัดยานี้ออกมาจริงหรือ?ถ้าหากยาชนิดนี้มีประโยชน์ขนาดนั้นล่ะก็ หลังจากนี้ตอนที่คิดจะไต่สวนใครก็ง่ายขึ้นเยอะเลยสิพวกเขาตัดสินใจที่จะมองดูให้ดีเซี่ยวจวินกัดลิ้น คิดจะให้ตนเองได้สติขึ้นมาหน่อย ยิ่งไปกว่านั้นในใจก็เตือนตนเองตลอดว่าห้ามพูดเรื่องของซ่งอวิ๋นเหยาเด็ดขาด แต่ว่าเขากลับรู้สึกว่าสมองตนเองกลับยิ่งมึนงงมากขึ้น"เป้าหมายแท้จริงที่ซ่งอวิ๋นเหยาไปต้าชื่อคืออะไร?""นาง" เซี่ยวจวินเองก็รู้สึกดิ้นรน แต่พอดิ้นรนจนถึงท้ายสุดก็ยังพูดออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่ "อยากจะเป็นพระชายาองค์รัชทายาทต้าชื่อ""พรวด"ฟู่จาวหนิงอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ พูดกับสืออีสือซานว่า "ดูนายท่านของพวกเจ้าสิ ยังคิดว่าคนอื่นหลงเขาหัวปั
"นางรู้ นางให้ข้าไปตรวจสอบ ว่าเด็กผู้หญิงที่ช่วยอ๋องเจวี้ยนในถ้ำภูเขาครั้งนั้นคือใคร ช่วยอย่างไร แล้วทำอะไรบ้าง"เซี่ยวจวินตอนนี้รู้สึกมึนงงในสมองขึ้นแล้ว อันที่จริงเขาก็ไม่อยากจะพูดอีกแล้ว แต่ไม่รู้เพราะอะไร พอฟู่จาวหนิงถาม เขาก็ตอบออกมาอย่างอดไม่อยู่ ในปากก็เหมือนจะไม่ฟังคำสั่งอย่างไรอย่างนั้นฟู่จาวหนิงร้องเฮอะขึ้นมานางถามคำถามต่ออีกส่วนหนึ่ง และตามคาด ซ่งอวิ๋นเหยาก็ยังเชื่อมั่นเซี่ยวจวินมาก มีหลายเรื่องที่ให้เขาไปจัดการและพอยิ่งถาม พวกของสืออีก็ยิ่งรู้สึกแย่กับหญิงสาวคนนี้คิดไม่ถึงว่าคนที่ชื่อเสียงดีงามภายนอก อ่อนโยนใจกว้าง ฉลาดแล้วยังมีความสุขอย่างท่านหญิงอวิ๋นเหยา แท้จริงแล้วจะเป็นคนเช่นนี้!"เรื่องที่อ๋องเจวี้ยนโดนพิษครั้งนั้นก็เป็นข้าที่บอกกับนาง เพราะนางเดิมทีคิดจะเปลี่ยนเส้นทางไปยอดเขาโยวชิงเพื่อหาอ๋องเจวี้ยนระหว่างทาง อยากจะไปดูว่าร่างกายของท่านเป็นอย่างไร ข้าบอกกับนางแล้ว ว่าอ๋องเจวี้ยนติดพิษมาเมื่อครั้งนั้น และพิษนั้นก็ถอนได้ยาก""เจ้ารู้เรื่องที่ท่านอ๋องของพวกเราติดพิษหรือ?""ครั้งนั้นมีคนขึ้นมาหาอาจารย์ข้าที่สำนักชิงเฉิง คิดจะให้อาจารย์ข้าไปช่วยเหลือคน เพราะว่
"คุณหนู เช่นนั้นถามจบแล้วก็ปล่อยเซี่ยวจวินเถิด" สืออีกับสือซานเองก็เตือนฟู่จาวหนิงขึ้นบ้างฟุ่จาวหนิงไม่พูดจา ถามต่อไปอีกไม่กี่คำ รอจนถามถึงตอนที่ซ่งอวิ๋นเหยายังมีแผนอะไรกับนางอีก แต่กลับได้แผนการที่เกือบทำให้นางสบถคำหยาบออกมาเสียอย่างนั้น"ท่านหญิงรู้ว่าบ้าตระกูลฟู่รรับคนของเผ่าเฮ่อเหลียนมา ดังนั้นจะให้ข้าสร้างโอกาสให้เจ้ากับเฮ่อเหลียนเฟยอยู่ด้วยกัน เจ้าก็จะเสียความบริสุทธิ์กับเฮ่อเหลียนเฟยไป ถ้าตัวตนของเฮ่อเหลียนเฟยถูกเปิดเผยออกไป องค์จักรพรรดิกับฮองเฮาก็จะโกรธจัด อ๋องเจวี้ยนก็จะหย่าร้างกับเจ้า เมืองหลวงแคว้นเจาจะไม่มีที่ให้เจ้ายืนอีกต่อไป ปู่ของเจ้าไม่มีทางทนรับการกระตุ้นนี้ไหว""ฮองเฮาจะจับเฮ่อเหลียนเฟยไป ถึงตอนนั้นถ้าส่งข่าวกลับไปยังเผ่าเฮ่อเหลียน ให้พวกเขารู้ว่าเจ้าทำร้ายเฮ่อเหลียนเฟย เจ้าก็จะไปทางไหนไม่ได้เลย ถึงตอนนั้นราชาเฮ่อเหลียนคงไม่ละเว้นเจ้า รอจนเจ้าหนีออกจากแคว้นเจาหัวซุกหัวซุน ข้าค่อยให้คนของสำนักชิงเฉิงลงมือ ส่งเจ้าไปที่ต้าชื่อ แล้วจะทำให้เจ้าเจอกับเรื่องที่ต้องตายทั้งเป็น"ฟู่จาวหนิงหลังจากฟังเรื่องเหล่านี้ก็หันหน้าไปมองเซียวหลันยวน สายตาเย็นชาไปแล้ว"อ๋องเจวี้ยน
หยินหลิ่วฟันสั่นกระทบไปหมด นางชี้ไปที่ด้านนอก"เขาทำไมหรือ?""ข้าส่งเขากลับมาให้เจ้าแล้ว"ด้านนอกมีเสียงอ๋องเจวี้ยนดังลอดเข้ามา เย็นชาราวสาวลมหนาวซ่งอวิ๋นเหยาตัวสั่น รีบร้อนสวมผ้าคลุมหน้า วิ่งออกไปอ๋องเจวี้ยนค่อยๆ เดินเข้ามาในเรือนของนาง ด้านหลังมีคนของจวนซ่งไม่น้อยตามมา ซ่งหยวนหลินเองก็วิ่งเข้ามาด้วย แต่สีหน้าก็ซีดเผือดด้วยเช่นกันพวกเขาพอเห็นอ๋องเจวี้ยน สีหน้าก็ล้วนไม่สู้ดีนัก แต่ใครก็ไม่กล้าขึ้นมาขวาง เพราะด้านหลังอ๋องเจวี้ยนมีทหารคนหนึ่ง แบกคนเข้ามาด้วยพอเข้ามาในเรือน ทหารคนนั้นก้ดยนคนลงบนพื้นใบหน้าของเซี่ยวจวินสะท้อนเข้ามาในดวงตาซ่งอวิ๋นเหยา ม่านตานางหดลง ตะใจจนร้องอุทานถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ถ้าไม่ใช่หยินหลิ่วประคองตัวนาง นางคงล้มลงไปบนพื้นแล้ว"ท่านหญิงกำลังหาทหารคนนี้อยู่ใช่ไหม? เพราะเมื่อคืนเขามาลอบโจมตีข้า ถูกข้าสังหารไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็เป็นคนของท่านหญิง ข้าจึงต้องมาส่งคืนด้วยตนเอง""สัง สังหารแล้ว..."ซ่งอวิ๋นเหยาตัวสั่น นางมองเซียวหลันยวนอย่างไม่อยากเชื่อ"อืม สังหารไปแล้ว"เซียวหลันยวนพูดอย่างเรียบเฉยแผ่วเบา"ท่านพี่หลันยวน ท่านทำอะไรน่ะ? คนคนนี้พวกเราไม่ร
"อ๋องเจวี้ยนตอนที่ต้องใจเหี้ยมก็เด็ดขาดเสียจริง"เสิ่นเสวียนกับฟู่จาวหนิงกำลังลงหมาก ข้อนิ้วที่แยกกันจับคว้าตัวหมาก ดูแล้วพึงพอใจอารมณ์ดีฟู่จาวหนิงรักษษเขาอย่างสุดกำลังมาเกือบหนึ่งเดือน เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายดีขึ้นมากแล้วครึ่งเดือนกว่านี้เรื่องราวในเมืองหลวงเหล่านั้นลอดเข้ามาที่หูเขาทุกวันราชวงศ์ครั้งนี้ก็กลายเป็นเรื่องตลกไปด้วยท่านหญิงที่ราชวงศ์แต่งตั้งขึ้นก่อเรื่องเช่นนี้ ทำเอาองค์จักรพรรดิขายหน้าย่อยยับป่นปี้"นั่นก็เป็นเพราะตัวเขาไม่อาจยอมรับได้กระมัง ยิ่งไปกว่านั้นยังโง่มาตั้งหลายปี" หมากขาวในมือฟู่จาวหนิงวางลงไปเบาๆใครให้เซียวหลันยวนกับแค่ผู้มีพระคุณตอนเด็กก็ยังไม่ตรวจให้ดีแล้วยังจะมาคุ้มครองซ่งอวิ๋นเหยาอยู่ตั้งหลายปีกันล่ะ?เสิ่นเสวียนมองการลงหมากของนาง หัวเราะขึ้นมาเสียงหนึ่ง"ดีมาก ไม่ใช่หญิงสาวโง่ๆ ที่ถูกทำให้ซาบซึ้งได้ง่ายๆ แบบนั้น" นางวางหมากได้เฉียบคมมาก พอลงมาก็ขวางทางของเขาทันทีเขายิ่งชื่นชมฟู่จาวหนิงขึ้นไปอีกวิชาแพทย์ของนางยอดเยี่ยมมากศิลปะการลงหมาก นางก็มีเอกลักษณ์ที่ยอดเยี่ยมอยู่พอหันไปดูคนในตระกูลเสิ่น ไม่มีใครที่เทียบกับนางได้เลย"ท
"งูหลังทองเข้าไปแล้ว" ไห่ฉางจวิ้นเอ่ยขึ้นเสียงขรึม"วิชาลับของเจ้าใช้การไม่ได้แล้วหรือเปล่า? หาของชิ้นเดียวยังหาตั้งครึ่งค่อนเดือน"แม่นางเจี๋ยตอนนี้สงสัยขึ้นมาเสียแล้วนางเดิมทีคิดว่าพอมีความสามารถของไห่ฉางจวิ้น บวกกับงูหลังทอง แค่ไม่กี่วันก็สามารถหาสิ่งยืนยันชิ้นนั้นของตระกูลชิ่งพบ คิดไม่ถึงว่าพอหาทีจะหากันนานขนาดนี้ฮู่เจียไท่ทางนั้นกำลังยืดเวลา คิดหาเหตุผลอย่างสุดกำลังเพื่อยื้อเวลากับผู้นำตระกูล ไม่ให้เขาเอาสิ่งยืนยันไปมอบให้ยังมืออ๋องเจวี้ยนยังดีที่อ๋องเจวี้ยนช่วงนี้ก็ปิดประตูไม่รับแขก เหมือนได้ยินว่าถูกลมหนาวจนลุกจากเตียงไม่ไหวชิ่งอวิ๋นเซียวคุณชายคนนั้นวันวันก็เอาแต่ค้นหาสิ่งของอยู่ในเมืองหลวง แต่ก็ยังไม่พบอะไร"อะไรคือบอกว่าวิชาลับข้าใช้ไม่ได้แล้ว? เจ้าเองไม่ลองคิดดูหน่อยว่าตอนนี้มันเวลาไหน อากาศเย็นจัด เมืองหลวงแคว้นเจาก็หนาวจนจะแข็งตายกันหมดแล้ว งูหลังทองเองก็เกือบจะจำศีลอยู่แล้ว ปฏิกิริยากับความรู้สึกจึงค่อนข้างช้า ตอนนี้ให้มันมาหาของจึงไม่ได้รวดเร็วขนาดนั้น"ไห่ฉางจวิ้นร้องเชอะขึ้นเสียงหนึ่ง "แล้วตอนนี้ไม่ใช่ว่าหาเจอแล้วหรือ?""หาเจอแล้วหรือ? สิ่งของอยู่ที่บ้านตระ
ฟู่จาวหนิงหยิบงูตายตัวนั้นขึ้นมา แล้วหายเข้าไปในห้องมิตินางโยนงูไว้บนแท่นของห้องเภสัช เหลือบมองผาดหนึ่ง จากนั้นก็ใช้ยาฆ่าเชื้อพ่นใส่มือ หยิบขวดชาเขียวออกมาดื่มสองอึก ชาเขียวนี้เป็นเครื่องดื่มที่น่าสกัดออกมาเอง กระตุ้นได้ดีผ่านไปครู่หนึ่ง นางได้ยินหน้าต่างถูกผลักออกเบาๆน่าจะเพราะเห็นว่าในห้องไม่มีแสง คิดว่านางตอนนี้น่าจะหลับลึกไปแล้ว ดังนั้นจึงผลักหน้าต่าง ส่งเสียงออกมาเพียงไม่นาน ก็มีคนกระโจนเข้ามาฟังจากเสียง มีสองคน?ทั้งสองคนกระโจนเข้ามา บนหัวหนึ่งในนั้นมีเสียงกระทบขณะก้าวเดินของลูกปัดหยกดังขึ้นฟู่จาวหนิงเข้าใจขึ้นมา เป็นหญิงสาวหรือ?ควันกลุ่มหนึ่งถูกพ่นออกมาไห่ฉางจวิ้นหลังจากพ่นพิษออกมาก็ขวางแม่นางเจี๋ยไว้ ทั้งสองคนยืนรออยู่ที่หนึ่งพักหนึ่งพอคิดว่าเวลาเท่านี้ควันพิษน่าจะออกฤทธิ์แล้ว ทั้งสองคนจึงผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด"ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าอ๋องเจวี้ยนส่งทหารเข้ามาคุ้มครองฟู่จาวหนิง แล้วทหารอยู่ไหนกัน? ทำไมพวกเราจึงไม่เห็นเลย?"ฟู่จาวหนิงได้ยินเสียงหญิงสาวที่ไม่รู้จักเสียงหนึ่ง กดเสียงไว้ต่ำมาก"ฟู่จาวหนิงให้พวกเขาไปคุ้มครองปู่ของนางน่ะ โง่เสียจริง คิดว่าคนอื่นไ
แม่นางเจี๋ยกับไห่ฉางจวิ้นต่อให้เป้าหมายไม่ใช่สิ่งเหล่านี้ แต่ตอนที่เห็นเครื่องประดับอัดแน่นอยู่ในกล่องทั้งสองคนก็ชะงักไปครู่หนึ่งพวกนางสบตากันผาดหนึ่ง ล้วนเห็นความหวั่นไหวและลังเลในใจขึ้นมาถึงอย่างไรถ้าหยิบของเหล่านี้ไป พวกนางก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับโจรเลยน่ะสิ! แต่ก็หวั่นไหวเหลือเกินฟู่จาวหนิงเห็นพฤติกรรมของพวกนางอยู่ในห้องเภสัช กลั้นหัวเราะไม่อยู่"รีบหาสิ่งยืนยัน!"แม่นางเจี๋ยถึงอย่างไรก็เป็นของตระกูลฮู่ ได้สติกลับมาก่อน และให้ไห่ฉางจวิ้นรีบไปหาสิ่งยืนยันฟู่จาวหนิงได้ยินคำพูดของพวกนางจึงเข้าใจแล้วว่าพวกนางมาหาอะไร สิ่งยืนยันหรือ? หรือว่าจะหาสิ่งยืนยันที่ชิงอวิ๋นเซียวทำหายนั่น?โดยใช้งูตัวนั้นหรือ?นางมองไปทางศพงูที่ตายบนโต๊ะตัวนั้นตัวงูดำสนิททั้งร่าง แต่กลางหลังของมันกลับมีสีทองอยู่แถบหนึ่ง เปล่งประกายอยู่ใต้แสง ดูแล้วเหมือนกับเป็นทองคำจริงๆนี่คือสิ่งที่พวกนางเรียกว่างูหลังทองหรือ?นางมองขลุ่ยหยก จู่ๆ ก็พบลวดลายที่เล็กละเอียดมากลายหนึ่ง ก่อนหน้านี้มองไม่เห็นฟู่จาวหนิงสองมือจับขลุ่ยหยก และออกแรงบิดที่ลายนั้น ขลุ่ยหยกก็หมุนขึ้นมา ด้านในกลวง ซ่อนปิ่นปักผมด้ามหนึ่งเอาไว
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ
"หวานจัง"องค์หญิงนานฉือกินไปคำหนึ่ง ตาก็เป็นประกายขึ้นมา"ลูกชิ้นนี่เหนียวหนึบหนับดี เด้งและอ่อนนุ่ม น้ำแกงก็หวาดดี อร่อยจัง""ลูกชิ้นนี้ต้องใช้น้ำอุ่นที่อุณหภูมิพอดีมานวด ส่วนเวลาและแรงตอนที่นวดก็ต้องพิถีพิถันด้วย ท่านพี่เองก็ชอบกิน พีสะใภ้กินเยอะหน่อยๆ"องค์หญิงหนานฉือชอบกิน อันชิงจึงดีใจมากนางนั่งอยู่ตรงข้ามมององค์หญิงหนานฉือ รู้สึกว่านางดุมีเสน่ห์กว่าก่อนที่แต่งงานเสียอีก สวยจับใจจริงๆ"พี่ชายของเจ้า..."องค์หญิงหนานฉือหน้าร้อนขึ้นมาเดิมทีนางก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย แต่พอเจอกับเรื่องนี้ก็อดเขินอายขึ้นมาไม่ได้เหมือนักนพูดพูดถึงผู้ตรวจการอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือก็รู้สึกปากร้อนขึ้นมาหน่อยๆ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ตรวจการอันที่มีหน้าตางดงามอ่อนโยนมีการศึกษา จะเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์หนักหน่วงคนหนึ่งแบบนี้!หลายวันนี้ ทุกวันตอนกลางคืนเขาก็จะมาทรมานนางสองครั้ง หลังจากเสร็จประชุมเช้า เขาก็ยังกลับมาทรมานนางอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งก็ยังใช้เวลานาน นี่ทำเอานางหลายวันนี้มึนๆ งงๆ ร่างกายเมื่อยขบนอนไม่พอ ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยทุกมื้อล้วนมีคนส่งอาหารเข้ามาในห้อง นางเองก็ขี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนใจว่าองค์จักรพรรดิจะถามพวกอวิ๋นจูอย่างไรนางกลับมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง ครั้งนี้ย้ายของไปมากกว่าเดิม ถึงกับตกแต่งห้องขังนั้นขึ้นมาแล้วประตูห้องขังยังแขวนม่านเอาไว้ด้วย บนพื้นปูพรม บนเตียงยังมีฉากกั้นลมสูงครึ่งตัวคนอีก แล้วยังกั้นเป็นห้องเล็กๆ สามารถวางถังปลดทุกข์ใบหนึ่งได้ด้วยที่มุมยังมีแจกันดอกไม้ บนกำแพงติดเชิงเทียนเอาไว้ แล้วยังแขวนเครื่องหอมไว้อีกย้ายโต๊ะมาหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว แล้วยังมีเบาะรองนั่งอีกพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกก็ยังติดมา แล้วยังมีเตาเล็กสำหรับอุ่นชาอุ่นสุราอีกชุดหนึ่ง วางเครื่องลายครามที่ประณีตสวยงามเอาไว้องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนหลังจากย้ายของพวกนี้เข้ามาจัดวางแล้ว ห้องขังนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวหน้าคุกกับผู้คุมมองจนตาตั้งพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้ห้ามปราม แต่ฟู่จาวหนิงพูดมาคำเดียวว่า "ข้าบอกกับองค์จักรพรรดิแล้วว่ามาอยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋อง" พวกเขาก็ต้องก้มหน้ากลับไปหัวหน้าคุกรู้สึกว่าผิดปกติไปจริงๆ วิ่งไปรายงานกับหัวหน้า ตอนกลับมายังคิดจะรื้อของเหล่านี้ของฟู่จาวหนิงออก"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิให้อ๋องเจวี้ยนมาทบทวนตนเองให้
"ที่แท้การขังเอาไว้ในคุกใหญ่ก็ไม่เรียกว่าการลงโทษสินะ?""ฟู่จาวหนิง วันนี้เจ้าคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ข้ามีงานการอีกตั้งมาก ไม่มีเวลามาเสวนาไร้สาระกับเจ้านะ!" องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าแค่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็ปวดหัวเสียแล้วเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรนางจริงๆวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงสูงส่งมาก! ในใจเขายังรู้สึกว่าโชคดีมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของแคว้นเจา ถึงอย่างไรนางก็ยังมีญาติอยู่ที่เมืองหลวง ถึงอย่างไรตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีรากฐานอะไร ดังนั้นตอนที่เขาต้องการนางจริงๆ เขายังมั่นใจว่าตนเองจะบีบจุดอ่อนของนาง แล้วนำนางมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเองได้ใครให้วิชาแพทย์ต้องมาเจอกับหายนะเข้าในใต้หล้านี้กัน ปัจจุบันพวกหมอเก่งๆ ล้ำค่าจะตายไปก่อนหน้านี้แคว้นเจามีหมอเทวดาหลี่ พวกเขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอยู่ แต่พอเทียบกับฟู่จาวหนิง วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่กลับห่างชั้นอยู่ไกลโขเลยทีเดียวเพื่อวิชาแพทย์ของนาง ขอแค่นางไม่มาเหยียบเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำ องค์จักรพรรดิก็ยังมีความอ่อนข้อให้สูงลิบอยู่เพียงแต่ว่า นางนี่มันน่าโมโหเสียจริงองค์จักรพรรดิรู้สึกว่ายิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงมากแค่ไหนชีวิตเขาก็สั้นลงไปอีกหลายปี"แค่อยากจ
องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำของฟู่จาวหนิง หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดตึงขึ้นมา"อายวนเขามีอะไรต้องทุกข์ใจกัน? ไม่พอใจข้าที่ให้เขาไปนั่งทบทวนตนเองในคุกหรือ?"ถ้านางกล้าบอกว่าไม่พอใจล่ะก็...ในใจองค์จักรพรรดิยังกำลังคิด ว่าตอนที่นางพูดว่าไม่พอใจแล้วจะตอกนางกลับไปอย่างไร ก็ได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดออกมาคำหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ ใครบ้างที่ยินดีจะอยู่ในคุก?"องค์จักรพรรดิ: นี่ยังจะย้อนถามมาอีกหรือ?"แต่ต่อให้ไม่ยินดีก็มิอาจขัดราชโองการได้" ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ดูจำใจอย่างมาก "เขาเป็นทุกข์ก็คือพวกสาวงามที่องค์จักรพรรดิยัดเข้ไาปข้างกายนั่นมันน่าโมโหมาก องค์จักรพรรรดิให้พวกนางไปดูแลเขา ผลลัพธ์คือพวกนางทั้งหมดก็หนีไปกันเกลี้ยง!""หนีหรือ?"องค์จักรพรรดิเองก็เดินตามแนวคิดของนางโดยไม่รู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเลียนเสียงนางขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเขาจึงได้สติกลับมา อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ"ใช่ไหมล่ะ เกินไปจริงๆ องค์จักรพรรดิ อายวนอยู่ในคุำำใหญ่ออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเข้าวังมาบอกกับองค์จักรพรรดิ จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ต้อนรับสาวงามพวกนี้ แต่เจอเรื่องครั้งนี้เข้าไปก็ส่งผลกระทบกั