ฟู่จาวหนิงหยิบงูตายตัวนั้นขึ้นมา แล้วหายเข้าไปในห้องมิตินางโยนงูไว้บนแท่นของห้องเภสัช เหลือบมองผาดหนึ่ง จากนั้นก็ใช้ยาฆ่าเชื้อพ่นใส่มือ หยิบขวดชาเขียวออกมาดื่มสองอึก ชาเขียวนี้เป็นเครื่องดื่มที่น่าสกัดออกมาเอง กระตุ้นได้ดีผ่านไปครู่หนึ่ง นางได้ยินหน้าต่างถูกผลักออกเบาๆน่าจะเพราะเห็นว่าในห้องไม่มีแสง คิดว่านางตอนนี้น่าจะหลับลึกไปแล้ว ดังนั้นจึงผลักหน้าต่าง ส่งเสียงออกมาเพียงไม่นาน ก็มีคนกระโจนเข้ามาฟังจากเสียง มีสองคน?ทั้งสองคนกระโจนเข้ามา บนหัวหนึ่งในนั้นมีเสียงกระทบขณะก้าวเดินของลูกปัดหยกดังขึ้นฟู่จาวหนิงเข้าใจขึ้นมา เป็นหญิงสาวหรือ?ควันกลุ่มหนึ่งถูกพ่นออกมาไห่ฉางจวิ้นหลังจากพ่นพิษออกมาก็ขวางแม่นางเจี๋ยไว้ ทั้งสองคนยืนรออยู่ที่หนึ่งพักหนึ่งพอคิดว่าเวลาเท่านี้ควันพิษน่าจะออกฤทธิ์แล้ว ทั้งสองคนจึงผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด"ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าอ๋องเจวี้ยนส่งทหารเข้ามาคุ้มครองฟู่จาวหนิง แล้วทหารอยู่ไหนกัน? ทำไมพวกเราจึงไม่เห็นเลย?"ฟู่จาวหนิงได้ยินเสียงหญิงสาวที่ไม่รู้จักเสียงหนึ่ง กดเสียงไว้ต่ำมาก"ฟู่จาวหนิงให้พวกเขาไปคุ้มครองปู่ของนางน่ะ โง่เสียจริง คิดว่าคนอื่นไ
แม่นางเจี๋ยกับไห่ฉางจวิ้นต่อให้เป้าหมายไม่ใช่สิ่งเหล่านี้ แต่ตอนที่เห็นเครื่องประดับอัดแน่นอยู่ในกล่องทั้งสองคนก็ชะงักไปครู่หนึ่งพวกนางสบตากันผาดหนึ่ง ล้วนเห็นความหวั่นไหวและลังเลในใจขึ้นมาถึงอย่างไรถ้าหยิบของเหล่านี้ไป พวกนางก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับโจรเลยน่ะสิ! แต่ก็หวั่นไหวเหลือเกินฟู่จาวหนิงเห็นพฤติกรรมของพวกนางอยู่ในห้องเภสัช กลั้นหัวเราะไม่อยู่"รีบหาสิ่งยืนยัน!"แม่นางเจี๋ยถึงอย่างไรก็เป็นของตระกูลฮู่ ได้สติกลับมาก่อน และให้ไห่ฉางจวิ้นรีบไปหาสิ่งยืนยันฟู่จาวหนิงได้ยินคำพูดของพวกนางจึงเข้าใจแล้วว่าพวกนางมาหาอะไร สิ่งยืนยันหรือ? หรือว่าจะหาสิ่งยืนยันที่ชิงอวิ๋นเซียวทำหายนั่น?โดยใช้งูตัวนั้นหรือ?นางมองไปทางศพงูที่ตายบนโต๊ะตัวนั้นตัวงูดำสนิททั้งร่าง แต่กลางหลังของมันกลับมีสีทองอยู่แถบหนึ่ง เปล่งประกายอยู่ใต้แสง ดูแล้วเหมือนกับเป็นทองคำจริงๆนี่คือสิ่งที่พวกนางเรียกว่างูหลังทองหรือ?นางมองขลุ่ยหยก จู่ๆ ก็พบลวดลายที่เล็กละเอียดมากลายหนึ่ง ก่อนหน้านี้มองไม่เห็นฟู่จาวหนิงสองมือจับขลุ่ยหยก และออกแรงบิดที่ลายนั้น ขลุ่ยหยกก็หมุนขึ้นมา ด้านในกลวง ซ่อนปิ่นปักผมด้ามหนึ่งเอาไว
"ขอรับ""เช่นนั้นก็ดี เฮ้อ พวกนางสมควรโดนแล้ว" ฟู่จาวหนิงปรบๆ มือ "ไม่ต้องให้คนตามหรอก แต่ว่าส่งคนไปที่แจ้งจวนอ๋องเจวี้ยนหน่อย ให้พวกเขาเพิ่มการตรวจลาดตระเวณ แล้วก็ถามชิงอีดู ชิ่งอวิ๋นเซียวอยู่ที่ไหน บอกว่าข้าพรุ่งนี้จะไปที่จวนอ๋อง เชิญเข้าไปด้วย"ยังไงของนางก็ต้องส่งคืนไปก่อนอีกครึ่งคืนฟู่จาวหนิงก็หลับลงเป็นอย่างดี แต่ก็มีอีกหลายคนที่นอนไม่หลับไห่ฉางจวิ้นกับแม่นางเจี๋ยหลังจากกลับไปก็เริ่มตัวร้อน ทั้งสองคนเอาแต่พูดเพ้อ มึนๆ งงๆ แล้วยังรู้สึกเหมือนตัวเองถูกผีไล่อยู่ตลอดอย่างไรอย่างนั้น ประเดี๋ยวก็ร้องลั่นขึ้นมาชิงอีทางนั้นพอได้ข่าวจากทหารบ้านตระกูลฟู่ ก็เพิ่มการลาดตระเวณ ให้คนไปหาชิ่งอวิ๋นเซียว แต่ก็ไม่กล้าปลุกท่านอ๋องเดิมทีคิดว่าฟู่จาวหนิงจะกลับมาไว ดังนั้นตอนที่เซียวหลันยวนลุกขึ้นมา ชิงอีก็รีบแจ้งเรื่องเมื่อคืนนี้ออกไปใครจะคิดว่าเซียวหลันยวนพอได้ยิน หน้าก็เปลี่ยนสีไปทันที "มีคนลอบเข้าไปในห้องนาง? แล้วนางบาดเจ็บไหม?"ชิงอีตกตะลึง "ไม่เป็นไร ท่านอ๋อง พระชายาไม่เป็นอะไรเลย" ดังนั้นถึงสามารถให้สืออีออกมาส่งข่าวได้นั่นเองถ้าหากพระชายาเกิดเรื่อง เขาเมื่อครู่ก็ไม่รู้จะรายงานอย
"ท่านอ๋องจะต้องรอพระชายาอยู่แน่เลย""ชิ่งอวิ๋นเซียวมาหรือยัง?"ที่นางนัดคือชิ่งอวิ๋นเซียวนะ"ยังไม่มา แต่ได้ยินชิงอีบอกว่า เขาน่าจะอยู่ระหว่างทางกลับเมือง""กลับเมือง?"ฟู่จาวหนิงลูบจมูกอย่างเขินๆพอหาของในเมืองไม่เจอ ดังนั้นเลยออกไปหาที่นอกเมืองหรือ? เช่นนั้นชิ่งอวิ๋นเซียวเด็กคนนี้สมองก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไรแล้ว เห็นๆ อยู่ว่าพบกับนางในเมืองครั้งนั้นยังไปนั่งวางมาดหล่ออยู่บนหัวกำแพงอยู่เลย แต่นี่ลืมไปหมดแล้วหรือ?"ข้าจะไปเรือนเจียนเจียดูว่าเซียวหลันยวนมีเรื่องอะไร"หงจั๋วรีบถาม "แล้วข้าวกลางวันจะไปกินกันที่เรือนเจียนเจียได้ไหมเจ้าคะ?""ได้"ฟู่จาวหนิงมาถึงเรือนเจียนเจีย มองซ้ายมองขวาในเรือนไม่เจอคน แต่ในห้องข้างกลับมีการเคลื่อนไหว พอเดินไปไม่กี่ก้าวก็เจอเฝิ่นซิงถือถังน้ำออกมา"นี่ทำอะไรอยู่หรือ?""พระชายามาแล้ว!" เฝิ่นซิงร้องขึ้นอย่างเบิกบาน "ท่านอ๋องบอกว่าให้เก็บกวาดห้องนี้ให้ดี แล้วจัดการให้เป็นห้องหนังสือเสีย""ข้าไม่ได้ใช้หรอกนะ""ข้าจะมาใช้เอง" ด้านในมีเสียงเซียวหลันยวนลอดออกมาฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว เดินเข้าไปห้องนี้นางก่อนหน้าเคยเห็นแล้ว ไม่มีของอะไรอยู่เลย หลักๆ คือน
เฝิ่นซิงที่อยู่ข้างๆ ก็แอบปิดปากคิกคักขึ้นเสียแล้วพระชายายังจะถามอีกหรือ?ท่านอ๋องอยากมีเวลาอยู่กับพระชายาให้มากหน่อยชัดๆ หลังจากนี้ห้องหนังสือก็อยู่ด้วยกันแล้ว พระชายาเขียนตำรับยา ท่านอ๋องฝึกอักษร ดีจะตายไปนางคิดแล้วก็วาดภาพฝันแสนหวานเซียวหลันยวนกดนิ้วที่ข้างปากแล้วกระแอมขึ้นมา เปลี่ยนหัวข้อสนทนา "หิวแล้ว ออกไปหากินข้าวกันก่อน""ท่านหิวตั้งแต่เช้ามาจนถึงตอนนี้เลยหรือ?" ฟู่จาวหนิงเอียงตามองเขา"พูดให้ถูกหน่อยก็คือหิวตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้""ท่านอ๋องเมื่อคืนกินไปไม่กี่คำ ไม่สิ หลายวันนี้ความอยากอาหารของท่านอ๋องไม่ดีเอาเสียเลย" เฝิ่นซิงเอ่ยขึ้นข้างๆหวังว่าพระชายาจะสงสารท่านอ๋องบ้าง"ไม่อยากอาหาร? เหมือนว่าเขาดีขึ้นแล้วนี่นา" ฟู่จาวหนิงเดินไปข้างๆ เซียวหลันยวน ยื่นมือไปจับข้อมือเขา "เดี่ยวหมอเทวดาอย่างข้าจะถือโอกาสจับชีพจรตรวจอาการให้ระหว่างไปกินข้าวนี้"เซียวหลันยวนพลิกมือกลับไปจับข้อมือนาง เปลี่ยนเป็นจูงนางแทน"ไม่รีบ กินเสร็จแล้วค่อยตรวจ"เขาจูงมือนางเดินไปโถงเล็กอย่างสงบฟู่จาวหนิงถูกเขาดึงมือเดิน ก็มองเขา จากนั้นก็มองมือของทั้งสองคน รู้สึกอะไรบางอย่างไม่ค่อยถูกต้
"หรือว่าไม่มี?" ฟู่จาวหนิงมองเขา ถามขึ้นอย่างตั้งใจ "เช่นนั้นท่านบอกข้าหน่อย ถ้าหากเจอตัวพวกเขาแล้ว ท่านเตรียมจะทำอย่างไร"เซียวหลันยวนนิ่งงันไปชั่วขณะ"มีอยู่สองความเป็นไปได้ หนึ่งคือตอนนั้นพวกเขาเองก็ถูกใส่ร้ายเช่นกัน เรื่องราวไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา อีกหนึ่งคือครั้งนั้นพวกเขาวางยาใส่ท่านจริงๆ"ฟู่จาวหนิงวิเคราะห์อย่างสงบ "แต่ว่าตอนนั้นท่านเองก็คงจะวิเคราะห์ไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง ว่าพวกเขาไม่มีแรงจูงใจในการทำร้ายท่านเลย""ถูกต้อง"เซียวหลันยวนเองก็ยอมรับแล้วพวกเขาไม่มีแรงจูงใจที่จะวางยาใส่เขา เพราะว่าตอนนั้นฟู่หลินซื่อมีลูกน้อย ฟู่จิ้นเชินเองก็เพิ่งจะเดินก้าวแรกในอนาคตที่รุ่งโรจน์ ตอนนั้นตระกูลฟู่ของพวกเขายังช่วยเหลือองค์จักรพรรดิ น่าจะไม่มีอะไรที่คุ้มค่าให้พวกเขาต้องทำเรื่องเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ หรือว่าจะถูกบีบบังคับแต่ต่อให้มีคนมาบีบบังคับ พวกเขาก็ไม่น่าจะใช่ตัวเลือกดีที่สุดที่จะทำเรื่องนี้นี่นาทั้งสองคนไม่มีวรยุทธ์เลย ฟู่หลินซื่อเองก็เป็นแค่หญิงสาวอ่อนโยนคนหนึ่ง ทำเรื่องเช่นนี้จะมาหานางทำไมกัน?เซียวหลันยวนไม่ได้โง่ขนาดนั้น ที่จะเอาแต่สงสัยตัวพวกเขาพอคิดถึงจุดนี้ ฟู่จา
ชิ่งอวิ๋นเซียวกว่าจะมาถึงจวนอ๋องก็เป็นช่วงบ่ายฟู่จาวหนิงตอนที่เห็นเขา สีหน้าเขาดูหดหู่หน่อยๆแต่ว่าพอเห็นเซียวหลันยวน ชิ่งอวิ๋นเหวียวก็ร้องเรียกขึ้นทันที "อ๋องเจวี้ยนอ๋องเจวี้ยน ข้าคิดออกแล้วว่าสิ่งยืนยันไปทำหายอยู่ที่ไหน! ครั้งหนึ่งข้าพบกับพวกนักเลงหัวไม้คิดจะปล้นชิงคนแก่คนหนึ่ง หลังจากนั้นก็คิดไม่ถึงว่ายาที่ชายชราคนนั้นสกัดออกมาจะร้ายกาจมาก ผงยาถุงหนึ่งก็เล่นงานพวกเขาจนล้มไปหมด!"แค่กๆฟู่จาวหนิงพอได้ยินถึงตรงนี้ก็แทบจะสำลักออกมาชิ่งอวิ๋นเซียวในที่สุดก็คิดออกแล้ว!ชายหนุ่มที่หน้าตาดีขนาดนี้ ดูแล้วสง่าราวกับเซียนขนาดนี้ แต่สมองกลับไม่ดีเอาเสียเลย ตอนนี้เพิ่งจะคิดออก"สกัดยาออกมาได้ร้ายกาจหรือ?"เซียวหลันยวนเหลือบมองฟู่จาวหนิง"หน้าตาเป็นอย่างไร?""ก็แค่คนแก่คนหนึ่ง" ชิ่งอวิ๋นเซียวพรรณนาออกมาเซียวหลันยวนมองไปทางฟู่จาวหนิงอีกครั้งภายใต้สายตาของเขา ฟู่จาวหนิงถอนหายใจหยิบขลุ่ยหยกออกมา ยื่นส่งไปตรงหน้าชิ่งอวิ๋นเซียว"ข้าเก็บมันได้""อ๋า?? อ๊าๆๆ! ขลุ่ยหยกของข้า! ของชิ้นนี้เลย!"ชิ่งอวิ๋นเซียวพอรัรบไป ก็ตื่นเต้นจนกระโดดเหยงๆเขาไม่คิดแม้แต่น้อย บิดขลุ่ยหยกเลานั้นต่อหน้าพว
พวกเขาออกหาสิ่งของตามรูปร่างปิ่นปักผมที่เขาพูดมาชิ่งอวิ๋นเซียวหัวเราะแหยขึ้นมา หน้าแดงไปหมด "ข้า ข้าเองก็คิดไม่ถึงไปชั่วขณะ เพราะขลุ่ยหยกมันไม่สำคัญ ที่สำคัญคือสิ่งยืนยัน ดังนั้นข้าจึงเอาแต่คิดจะหาสิ่งยืนยัน ตัวข้าเองก็ลืมไปเลยว่าซ่อนมันไว้ในขลุ่ยหยก"ทุกคนหมดคำจะพูดขึ้นพร้อมกันอย่างนี้ก็ได้หรือ?เซียวหลันยวนบอกกับฟู่จาวหนิง "เห็นไหม? จะมองคนสักคนห้ามมองแต่ภายนอก มีคนบางคนหน้าตาราวกับเทพเซียน แต่ธาตุแท้ก็เป็นคนโง่ๆ คนหนึ่ง"ฟู่จาวหนิงทนไม่ไหว หัวเราะพรืดออกมา"ท่านไปพูดกับผู้นำน้อยตระกูลชิ่งแบบนั้นได้อย่างไร?""ข้าไม่ได้พูดถึงเขา นี่เจ้าเป็นคนพูดนะ" เซียวหลันยวนตอบชิ่งอวิ๋นเซียวร้องเชอะ "เอาเถอะ ข้าโง่ข้าก็ยอมรับ แต่ว่า อ๋องเจวี้ยน สิ่งยืนยันของข้ามอบให้ท่านแล้ว ก็ถือว่าข้าช่วยเหลือท่านครั้งใหญ่แล้วกระมัง? ท่านต้องเก็บไว้สักพัก ข้ายังไม่อยากกลับไป""ชิงอี จัดห้องพักแขกให้เขาหน่อย" เซ๊ยวหลันยวนเองก็ไม่ใจแคบ "แล้วก็ ไปหาคนตระกูลฮู่ด้วย ให้พวกเขาพรุ่งนี้ตอนเช้านำสิ่งยืนยันมามอบให้ด้วย""ขอรับ""อ๋องเจวี้ยน ผู้นำตระกูลฮู่มาที่เมืองหลวงเกือบเดือนแล้ว เขายังไม่นำสิ่งยืนยันมามอบ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ
"หวานจัง"องค์หญิงนานฉือกินไปคำหนึ่ง ตาก็เป็นประกายขึ้นมา"ลูกชิ้นนี่เหนียวหนึบหนับดี เด้งและอ่อนนุ่ม น้ำแกงก็หวาดดี อร่อยจัง""ลูกชิ้นนี้ต้องใช้น้ำอุ่นที่อุณหภูมิพอดีมานวด ส่วนเวลาและแรงตอนที่นวดก็ต้องพิถีพิถันด้วย ท่านพี่เองก็ชอบกิน พีสะใภ้กินเยอะหน่อยๆ"องค์หญิงหนานฉือชอบกิน อันชิงจึงดีใจมากนางนั่งอยู่ตรงข้ามมององค์หญิงหนานฉือ รู้สึกว่านางดุมีเสน่ห์กว่าก่อนที่แต่งงานเสียอีก สวยจับใจจริงๆ"พี่ชายของเจ้า..."องค์หญิงหนานฉือหน้าร้อนขึ้นมาเดิมทีนางก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย แต่พอเจอกับเรื่องนี้ก็อดเขินอายขึ้นมาไม่ได้เหมือนักนพูดพูดถึงผู้ตรวจการอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือก็รู้สึกปากร้อนขึ้นมาหน่อยๆ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ตรวจการอันที่มีหน้าตางดงามอ่อนโยนมีการศึกษา จะเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์หนักหน่วงคนหนึ่งแบบนี้!หลายวันนี้ ทุกวันตอนกลางคืนเขาก็จะมาทรมานนางสองครั้ง หลังจากเสร็จประชุมเช้า เขาก็ยังกลับมาทรมานนางอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งก็ยังใช้เวลานาน นี่ทำเอานางหลายวันนี้มึนๆ งงๆ ร่างกายเมื่อยขบนอนไม่พอ ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยทุกมื้อล้วนมีคนส่งอาหารเข้ามาในห้อง นางเองก็ขี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนใจว่าองค์จักรพรรดิจะถามพวกอวิ๋นจูอย่างไรนางกลับมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง ครั้งนี้ย้ายของไปมากกว่าเดิม ถึงกับตกแต่งห้องขังนั้นขึ้นมาแล้วประตูห้องขังยังแขวนม่านเอาไว้ด้วย บนพื้นปูพรม บนเตียงยังมีฉากกั้นลมสูงครึ่งตัวคนอีก แล้วยังกั้นเป็นห้องเล็กๆ สามารถวางถังปลดทุกข์ใบหนึ่งได้ด้วยที่มุมยังมีแจกันดอกไม้ บนกำแพงติดเชิงเทียนเอาไว้ แล้วยังแขวนเครื่องหอมไว้อีกย้ายโต๊ะมาหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว แล้วยังมีเบาะรองนั่งอีกพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกก็ยังติดมา แล้วยังมีเตาเล็กสำหรับอุ่นชาอุ่นสุราอีกชุดหนึ่ง วางเครื่องลายครามที่ประณีตสวยงามเอาไว้องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนหลังจากย้ายของพวกนี้เข้ามาจัดวางแล้ว ห้องขังนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวหน้าคุกกับผู้คุมมองจนตาตั้งพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้ห้ามปราม แต่ฟู่จาวหนิงพูดมาคำเดียวว่า "ข้าบอกกับองค์จักรพรรดิแล้วว่ามาอยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋อง" พวกเขาก็ต้องก้มหน้ากลับไปหัวหน้าคุกรู้สึกว่าผิดปกติไปจริงๆ วิ่งไปรายงานกับหัวหน้า ตอนกลับมายังคิดจะรื้อของเหล่านี้ของฟู่จาวหนิงออก"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิให้อ๋องเจวี้ยนมาทบทวนตนเองให้
"ที่แท้การขังเอาไว้ในคุกใหญ่ก็ไม่เรียกว่าการลงโทษสินะ?""ฟู่จาวหนิง วันนี้เจ้าคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ข้ามีงานการอีกตั้งมาก ไม่มีเวลามาเสวนาไร้สาระกับเจ้านะ!" องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าแค่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็ปวดหัวเสียแล้วเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรนางจริงๆวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงสูงส่งมาก! ในใจเขายังรู้สึกว่าโชคดีมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของแคว้นเจา ถึงอย่างไรนางก็ยังมีญาติอยู่ที่เมืองหลวง ถึงอย่างไรตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีรากฐานอะไร ดังนั้นตอนที่เขาต้องการนางจริงๆ เขายังมั่นใจว่าตนเองจะบีบจุดอ่อนของนาง แล้วนำนางมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเองได้ใครให้วิชาแพทย์ต้องมาเจอกับหายนะเข้าในใต้หล้านี้กัน ปัจจุบันพวกหมอเก่งๆ ล้ำค่าจะตายไปก่อนหน้านี้แคว้นเจามีหมอเทวดาหลี่ พวกเขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอยู่ แต่พอเทียบกับฟู่จาวหนิง วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่กลับห่างชั้นอยู่ไกลโขเลยทีเดียวเพื่อวิชาแพทย์ของนาง ขอแค่นางไม่มาเหยียบเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำ องค์จักรพรรดิก็ยังมีความอ่อนข้อให้สูงลิบอยู่เพียงแต่ว่า นางนี่มันน่าโมโหเสียจริงองค์จักรพรรดิรู้สึกว่ายิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงมากแค่ไหนชีวิตเขาก็สั้นลงไปอีกหลายปี"แค่อยากจ
องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำของฟู่จาวหนิง หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดตึงขึ้นมา"อายวนเขามีอะไรต้องทุกข์ใจกัน? ไม่พอใจข้าที่ให้เขาไปนั่งทบทวนตนเองในคุกหรือ?"ถ้านางกล้าบอกว่าไม่พอใจล่ะก็...ในใจองค์จักรพรรดิยังกำลังคิด ว่าตอนที่นางพูดว่าไม่พอใจแล้วจะตอกนางกลับไปอย่างไร ก็ได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดออกมาคำหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ ใครบ้างที่ยินดีจะอยู่ในคุก?"องค์จักรพรรดิ: นี่ยังจะย้อนถามมาอีกหรือ?"แต่ต่อให้ไม่ยินดีก็มิอาจขัดราชโองการได้" ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ดูจำใจอย่างมาก "เขาเป็นทุกข์ก็คือพวกสาวงามที่องค์จักรพรรดิยัดเข้ไาปข้างกายนั่นมันน่าโมโหมาก องค์จักรพรรรดิให้พวกนางไปดูแลเขา ผลลัพธ์คือพวกนางทั้งหมดก็หนีไปกันเกลี้ยง!""หนีหรือ?"องค์จักรพรรดิเองก็เดินตามแนวคิดของนางโดยไม่รู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเลียนเสียงนางขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเขาจึงได้สติกลับมา อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ"ใช่ไหมล่ะ เกินไปจริงๆ องค์จักรพรรดิ อายวนอยู่ในคุำำใหญ่ออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเข้าวังมาบอกกับองค์จักรพรรดิ จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ต้อนรับสาวงามพวกนี้ แต่เจอเรื่องครั้งนี้เข้าไปก็ส่งผลกระทบกั