พวกเขาออกหาสิ่งของตามรูปร่างปิ่นปักผมที่เขาพูดมาชิ่งอวิ๋นเซียวหัวเราะแหยขึ้นมา หน้าแดงไปหมด "ข้า ข้าเองก็คิดไม่ถึงไปชั่วขณะ เพราะขลุ่ยหยกมันไม่สำคัญ ที่สำคัญคือสิ่งยืนยัน ดังนั้นข้าจึงเอาแต่คิดจะหาสิ่งยืนยัน ตัวข้าเองก็ลืมไปเลยว่าซ่อนมันไว้ในขลุ่ยหยก"ทุกคนหมดคำจะพูดขึ้นพร้อมกันอย่างนี้ก็ได้หรือ?เซียวหลันยวนบอกกับฟู่จาวหนิง "เห็นไหม? จะมองคนสักคนห้ามมองแต่ภายนอก มีคนบางคนหน้าตาราวกับเทพเซียน แต่ธาตุแท้ก็เป็นคนโง่ๆ คนหนึ่ง"ฟู่จาวหนิงทนไม่ไหว หัวเราะพรืดออกมา"ท่านไปพูดกับผู้นำน้อยตระกูลชิ่งแบบนั้นได้อย่างไร?""ข้าไม่ได้พูดถึงเขา นี่เจ้าเป็นคนพูดนะ" เซียวหลันยวนตอบชิ่งอวิ๋นเซียวร้องเชอะ "เอาเถอะ ข้าโง่ข้าก็ยอมรับ แต่ว่า อ๋องเจวี้ยน สิ่งยืนยันของข้ามอบให้ท่านแล้ว ก็ถือว่าข้าช่วยเหลือท่านครั้งใหญ่แล้วกระมัง? ท่านต้องเก็บไว้สักพัก ข้ายังไม่อยากกลับไป""ชิงอี จัดห้องพักแขกให้เขาหน่อย" เซ๊ยวหลันยวนเองก็ไม่ใจแคบ "แล้วก็ ไปหาคนตระกูลฮู่ด้วย ให้พวกเขาพรุ่งนี้ตอนเช้านำสิ่งยืนยันมามอบให้ด้วย""ขอรับ""อ๋องเจวี้ยน ผู้นำตระกูลฮู่มาที่เมืองหลวงเกือบเดือนแล้ว เขายังไม่นำสิ่งยืนยันมามอบ
ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะให้พวกเขาได้รู้หน้าตาของสิ่งยืนยันเลยเซียวหลันยวนมองฮู่เจียไท่ ขาดูแล้วเป็นคนซื่อสัตย์มา แต่อันที่จริงจะซื่อสัตย์เพียงไหนใครก็ไม่อาจรู้อย่างน้อยจากที่เซียวหลันยวนเห็น เขาพูดมาเช่นนี้ไม่ได้ดูซื่อสัตย์เอาเสียเลย"แล้วเจ้ามาหาคนถึงจวนอ๋องเจวี้ยน เพราะสงสัยว่าข้าจะเอาตัวผู้นำตระกูลฮู่ไปซ่อนหรือ?""ไม่ไม่ไม่ ท่านอ๋องเข้าใจผิดแล้ว แน่นอนว่าข้าไม่กล้าสงสัยท่านอ๋องเช่นนี้ เพียงแต่ท่านพ่อในเมื่อบอกว่าจะมาจวนอ๋องเจวี้ยนเพื่อส่งสิ่งยืนยัน เช่นนั้นจึงทำได้เพียงมาถามจวนอ๋องเท่านั้น""ผู้ดูแล วันนี้เห็นผู้นำตระกูลฮู่บ้างไหม?" เซียวหลันยวนถามผู้ดูแล"รายงานท่านอ๋อง ไม่เห็นเลยขอรับ""เรียกทหารที่ออกลาดตระเวณในวันนี้มาให้หมด""ขอรับ"ทหารที่ออกลาดตระเวณวันนี้ถูกเรียกมาทั้งหมดแล้ว เซียวหลันยวนพูดต่อหน้าฮู่เจียไท่ ถามสถานการณ์กับพวกเขา"รายงานท่านอ๋อง ข้าน้อยรับผิดชอบลาดตระเวณด้านนอกจวนอ๋อง วันนี้ไม่มีคนนอกเข้าใกล้จวนอ๋องเลย ไม่มีใครเข้ามาในอาณาเขตลาดตระเวณของพวกข้าเลย""ท่านอ๋อง พวกเรารับผิดชอบลาดตระเวณในจวน ในจวนวันนี้ไม่เห็นคนนอกเข้าใกล้จวนอ๋องเลย" ทหารอีกคน
"สิ่งยืนยันของปรมาจารย์ฉือเชินก็อยู่กับข้าแล้ว แล้วสิ่งนี้ก็จะเอามาไว้กับข้าอีก ท่านไม่กลัวว่าข้าจะไปหาอีกชิ้นของผู้นำตระกูลฮู่ แล้วรวมสิ่งยืนยันจนครบสามชิ้นนำไปแลกสิ่งของมาก่อนหรือ?""ไม่กลัว"เซียวหลันยวนตอบกลับแบบแทบจะไม่คิด"เพราะอะไร?" ฟู่จาวหนิงไม่เข้าใจ"หนิงหนิง จะมากน้อยข้าก็เข้าใจตัวเจ้าอยู่นะ ไม่ว่าระหว่างพวกเราจะมีอดีตกับความยุ่งเหยิงแบบไหน คุณสมบัติของตัวเจ้าเองก็กางแผ่อยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว เรื่องบางเรื่องเจ้าเองก็ไม่สนใจที่จะทำหรอก"ฟู่จาวหนิงกัดริมฝีปาก "เชอะ ข้ากลับแล้ว"นางหมุนตัวเดินออกมานี่มาพูดให้นางหวั่นไหวประหลาดๆ แล้วยังมาเรียกนางว่าหนิงหนิงอีก?พอเรียกนางหนิงหนิงทำให้ในสมองนางคิดเรื่องที่ทั้งสองคนพัวพันกันในห้องอาบน้ำก่อนหน้านี้ขึ้นมาตอนที่เกิดอารมณ์รักเขาจะเรียกหนิงหนิงเสียงทุ้มต่ำหลังจากออกไปลมหนาวก็โถมเข้ามา ทำให้ใบหน้าร้อนผะผ่าวหน่อยๆ ของฟู่จาวหนิงอุณหภูมิลดลงทันทีนางตบๆ ที่แก้ม และไม่รู้ว่านางกับเซียวหลันยวนตอนนี้มีความสัมพันธ์อะไรกันแน่แต่ว่าถัดจากนี้จะเป็นอย่างไรพวกนางก็ยังไม่รู้ ทำได้เพียงเดินไปทีละก้าวๆ เท่านั้นฟู่จาวหนิงกระชับผ้าคลุมให
ฟู่จาวหนิงรีบปีนขึ้นกำแพง ข้ามกำแพงอย่างรวดเร็ว กระโดดเข้าไปในเรือนเล็ก คล่องแคล่วว่องไวสืออีทำได้แค่คุ้มกันอยู่ด้านนอกฟู่จาวหนิงเข้าไปในเรือน รีบเดินไปห้องข้าง ประตูเพิ่งจะงับลงมานางแนบตัวอยู่ด้านนอก ได้ยินการเคลื่อนไหวในห้อง"เจ้าไปไหนมา ข้าแทบจะคอแห้งตายอยู่แล้ว เรียกอยู่ครึ่งค่อนวันไม่มีใครมารินน้ำให้ข้า"พอได้ยินเสียง ฟู่จาวหนิงก็เลิกคิ้ว เป็นไปตามคาด จมูกของนางยังใช้การได้ดีอยู่ เมื่อครู่ตอนที่ปัญญาชนเดินผ่านข้างตัวนาง นางก็ได้กลิ่นมากลิ่นหนึ่งและกลิ่นนั้นก็คือพิษที่ฉาบไว้ในอาวุธลับที่สืออียิงโดนพวกนางนั่นเอง หลังจากโดนพิษไปก็จะส่งกลิ่นนี้ออกมาบนตัวปัญญาชนคนนี้มีกลิ่นนั้นติดอยู่ จะต้องใกล้ชิดหรือสัมผัสกับไห่ฉางจวิ้นไม่ก็แม่นางเจี๋ยแน่นอน โอบๆ กอดๆ อะไรแบบนี้และพอติดตามมา ก็เป็นไปตามคาด ไห่ฉางจวิ้นนั่นเองฟู่จาวหนิงรู้สึกนับถือไห่ฉางจวิ้นหน่อยๆ แล้ว ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเอาแต่พัวพันกับซือถูไป๋หรือ? ตอนนี้พอซือถูไปจากไป นางก็หาเป้าหมายใหม่ได้แล้วเสียด้วย?"เสี่ยวจวิ้น ข้าเพิ่งจะออกไปซื้อยาให้เจ้า แต่ว่ายาที่เจ้าบอกมาเหล่านี้ราคาไม่ธรรมดาเลย ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังไปโรงย
มาป้ายสีนางเช่นนี้เลยหรือ!"ทำไมจะไม่ได้ทำ? กล่องเครื่องประดับข้าถูกรื้อค้นจนกระจัดกระจาย ด้านในของหายไปตั้งเยอะ ถ้าไม่ใช่เจ้าก็คือแม่นางเจี๋ยที่ไปด้วยกันกับเจ้าคนนั้นหรือ?"พอได้ยินชื่อแม่นางเจี๋ยที่ฟู่จาวหนิงพูดออกมา ไห่ฉางจวิ้นก็ตกตะลึงจนลืมโต้แย้งนางเห็นๆ อยู่ว่าในห้องไม่มีคน แล้วฟู่จาวหนิงรู้ได้อย่างไรว่าคนที่ไปด้วยกันกับนางคือแม่นางเจี๋ย?"เจ้าหาแม่นางเจี๋ยเจอแล้วหรือ?" ไห่ฉางจวิ้นโพล่งออกมาจากอาการสั่นสะเทือนตกตะลึงปัญญาชนมองนางอย่างตะลึงเช่นกันนี่ไม่ใช่ว่านางยอมรับแล้วหรอกหรือ?เข้าไปห้องของคนอื่นเพื่อขโมยของกับคนที่ชื่อแม่นางเจี๋ยคนนั้นน่ะนะ?เขาเองก็ตกตะลึงไปแล้วเช่นกัน!หญิงสาวที่หน้าตางดงามขนาดนี้ แต่เป็นหัวขโมยอย่างนั้นหรือ!"คุณชาย นางเป็นภรรยาผู้น้อยของท่านหรือ? เช่นนั้นหลังจากที่ข้ารายงานกับทางการ ท่านก็ต้องไปอธิบายกับจวนทางการให้ชัดเจนด้วยนะ" ฟู่จาวหนิงไม่ได้ตอบคำพูดของไห่ฉางจวิ้น แต่หันไปพูดกับคุณชายถูกดวงตางามเช่นนี้ของนางจ้องมอง คุณชายก็รู้สึกว่ากระดูกของตนเองปวกเปียกไปเสียแล้วเขารีบโบกไม้โบกมือ "ไม่ๆๆ แม่นางเข้าใจผิดแล้ว นางไม่ใช่ภรรยาผู้น้อยของข้า
ฟู่จาวหนิงเดินถอยออกไปอย่างรวดเร็วหันหน้ามายิ้มให้ปัญญาชน บอกว่า "คุณชาย ได้ยินไหม? นางไม่ใช่แค่ขโมย แต่ยังเลี้ยงงูอีก้ดวย ท่านต้องระวังให้ดีเลยนะ"ปัญญาชนกับคนใช้พอได้ยินคำหนี้ก็ตกตะลึงหน้าเปลี่ยนสีกระทั่งหน้าตาที่งดงามของฟู่จาวหนิงก็ไม่กล้าคิดแล้ว รีบร้อนถอยกลับไปในห้อง ปิดประตูเสียงดังปัง ลั่นดาลสนิทหลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่อแล้ว คิดจะเก็บของกันทั้งคืนแล้วย้ายออกไป กลัวว่าจะถูกไห่ฉางจวิ้นเอาเปรียบ ซึ่งนี่คือเรื่องหลังจากนี้ฟู่จาวหนิงมองประตูที่ลั่นดาลสนิท ร้องจุ๊ขึ้นสองเสียง จากนั้นก็มองไห่ฉางจวิ้น "ทำอย่างไรดี? ตอนนี้ไม่มีใครเก็บเจ้าไว้แล้วสินะ""เจ้า..." ไห่ฉางจวิ้นโมโหจนพูดไม่ออก"แล้วก็ พอเจ้าไม่มีไหมใจโลหิต งูหลังทองตัวนั้นก็ตายไปแล้ว กลับไปเผ่าโม๋ลั่วก็น่าจะลำบากอยู่กระมัง? แล้วเจ้ายังจะเป็นนักบุญหญิงได้อีกหรือ?""พรวด!"ไห่ฉางจวิ้นกระอักเลือดออกมาเป็นครั้งที่สามของวันนี้"ไอ๊หยา เจ้าวิตกจนใจเจ็บเลยหรือ น่าสงสาร แต่ว่าข้าช่วยเจ้าไม่ได้หรอกนะ ข้าเองก็มีเรื่องต้องไปก่อนแล้ว"ฟู่จาวหนิงหลังจากตีสุนัขตกน้ำจนสะบักสะบอมก็หมุนตัวเดินจากไป ไม่คิดจะสนใจอะไรไ
องค์จักรพรรดิแสร้งทำเป็นไม่สนใจ แต่อันที่จริงการบีบคั้นของเขาก็เผยออกมาแล้วตอนนี้ยังกลั้นหายใจรอคำตอบของเขาอยู่ ดูตึงเครียดมาก"ข้าไม่รู้""เฮ้อ!" องค์จักรพรรดิโมโหจนระบายออกมา "อายวน ในเมื่อเจ้าไม่รู้ แล้วจะช่างมันได้อย่างไรกัน? บางทีของเหล่านั้นอาจจะเป็นสมบัติแคว้นเจาของพวกเราก็ได้!""อื๋อ? แคว้นเจาของพวกเรา?" เซียวหลันยวนทวนซ้ำประโยคนี้มาอย่างล้อเล่นความหมายนี้ขององค์จักรพรรดิไม่ใช่ว่าชัดเจนมากแล้วหรือ?นี่คือคิดจะครอบครองมาเป็นของตนเองแล้วสินะ?แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับสมบัติแคว้นเจา? นั่นเป็นสิ่งที่ไท่ซ่างหวงทิ้งไว้ให้เขา"ข้าหมายถึงว่า บางทีของสิ่งนี้อาจจะล้ำค่ามาก" องค์จักรพรรดิอธิบายเสียงแห้ง"องค์จักรพรรดิควบคุมแผ่นดินอยู่ในกำมือ"เซียวหลันยวนตอบกลับด้วยประโยคนี้ไท่ซ่างหวงทิ้งบัลลังก์จักรพรรดิให้เขาแล้ว ให้เขาเป็นองค์จักรพรรดิของแคว้นเจา แผ่นดินล้วนเป็นของเขา ทำไม นี่ยังไม่พอใจอีกหรือ?องค์จักรพรรดิกระแอม ไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อเหมือนกันเซียวหลันยวนพูดมาตรงๆ เช่นนี้ นี่มันเกือบจะบอกว่าเขาละโมบจนไร้ขีดจำกัดแล้ว"องค์จักรพรรดิถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ข้าจะขอตัวออกจา
ฟู่จาวหนิงพอเห็นจงเจี้ยนร้อนรนขนาดนั้น ก็ให้สืออีกดเขาไว้"เอาล่ะ ข้ารู้แล้ว ไม่ต้องตื่นเต้น นอนลง!"จงเจี้ยนจึงนอนลงโดยไม่คิดจะลุกขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในท่าทางกังวลมากอยู่ "คุณหนู ผู้เฒ่าฟู่สี่ทั้งสองคนอยู่ในบ้านตระกูลฟู่เช่นนี้ ไม่ปลอดภัยเลยจริงๆ ด้วย ตอนนั้นนางจับข้าได้ในทันที ยิ่งไปกว่านั้นที่ลงมือก็ยังเป็นพิษที่ร้ายกาจขนาดนี้ ถ้าหากนาง"เขายังพูดไม่ทันจบ ฟู่จาวหนิงก็ถอนหายใจ"ข้ารู้แล้ว แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าฮูหยินผู้เฒ่าฟู่สี่จะเป็นคนลงมือ""นางไม่ใช่คนใบ้ นางตอนนั้นยังนัดพบกับฮูหยินหรงเยว่อยู่เลย ดังนั้น แขกที่ไปยังหอจันทร์หยาดที่ฮูหยินหรงเยว่เป็นคนเปิด จะเป็นสถานที่ดึงดูดสาวกของพวกนางใช่หรือไม่กัน?"พอจงเจี้ยนพูดออกมา ฟู่จาวหนิงใจสั่นกึก พูดเช่นนี้ก็น่าจะเป็นไปได้จริงๆ"ฮูหยินหรงเยว่ตอนนั้นเอาแต่พัวพันบิดาของเจ้า การจากไปของพ่อแม่เจ้า จะเกี่ยวข้องกับลัทธิเทพทำลายล้างไหมนะ?"ด้านนอกประตูมีเสียงเซียวหลันยวนดังขึ้นฟู่จาวหนิงหันหน้ามองออกไป ก็เห็นเขากำลังพาชิงอีเดินเข้ามา ทันใดนั้นก็ตกตะลึงไป"ท่านทำไมจู่ๆ ก็มาที่นี่กัน?""พระชายา ท่าอ๋องเพิ่งออกจากในวัง" ชิงอีบอก ถึงแม้เขาจะไม
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้