ฟู่จาวหนิงพอเห็นจงเจี้ยนร้อนรนขนาดนั้น ก็ให้สืออีกดเขาไว้"เอาล่ะ ข้ารู้แล้ว ไม่ต้องตื่นเต้น นอนลง!"จงเจี้ยนจึงนอนลงโดยไม่คิดจะลุกขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในท่าทางกังวลมากอยู่ "คุณหนู ผู้เฒ่าฟู่สี่ทั้งสองคนอยู่ในบ้านตระกูลฟู่เช่นนี้ ไม่ปลอดภัยเลยจริงๆ ด้วย ตอนนั้นนางจับข้าได้ในทันที ยิ่งไปกว่านั้นที่ลงมือก็ยังเป็นพิษที่ร้ายกาจขนาดนี้ ถ้าหากนาง"เขายังพูดไม่ทันจบ ฟู่จาวหนิงก็ถอนหายใจ"ข้ารู้แล้ว แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าฮูหยินผู้เฒ่าฟู่สี่จะเป็นคนลงมือ""นางไม่ใช่คนใบ้ นางตอนนั้นยังนัดพบกับฮูหยินหรงเยว่อยู่เลย ดังนั้น แขกที่ไปยังหอจันทร์หยาดที่ฮูหยินหรงเยว่เป็นคนเปิด จะเป็นสถานที่ดึงดูดสาวกของพวกนางใช่หรือไม่กัน?"พอจงเจี้ยนพูดออกมา ฟู่จาวหนิงใจสั่นกึก พูดเช่นนี้ก็น่าจะเป็นไปได้จริงๆ"ฮูหยินหรงเยว่ตอนนั้นเอาแต่พัวพันบิดาของเจ้า การจากไปของพ่อแม่เจ้า จะเกี่ยวข้องกับลัทธิเทพทำลายล้างไหมนะ?"ด้านนอกประตูมีเสียงเซียวหลันยวนดังขึ้นฟู่จาวหนิงหันหน้ามองออกไป ก็เห็นเขากำลังพาชิงอีเดินเข้ามา ทันใดนั้นก็ตกตะลึงไป"ท่านทำไมจู่ๆ ก็มาที่นี่กัน?""พระชายา ท่าอ๋องเพิ่งออกจากในวัง" ชิงอีบอก ถึงแม้เขาจะไม
ชิงอีจ้องจงเจี้ยนเขม็งจงเจี้ยนตัวแข็งไปแล้ว ไม่อยากจะเชื่อ ชิงอีออกไปแล้วเขาก็ยังไม่รู้ตัวสืออีถอนหายใจ "พี่ใหญ่ พระชายากล้าไปหาท่านอ๋องเพื่อขอไหมใจโลหิตมาช่วยท่าน ยิ่งไปกว่านั้นนางยังรับปากว่าจะหาไหมใจโลหิตอีกตัวมาให้ท่านอ๋องอีกด้วย แต่ท่านอ๋องก็ยังยอมเอาไหมใจโลหิตออกมาให้"ดวงตาจงเจี้ยนแดงเถือก รู้สึกว่าคอฝาดไปหมดเขาดึงผ้าห่มสูงมาคลุมหน้าตนเอง"พี่ใหญ่ ไหมใจโลหิตก็ใช้ไปแล้ว ท่านเองก็อย่าคิดมากเลย" สืออีเตือนมาคำหนึ่ง เกรงว่าหลังจากนี้ในใจเขาคงจะมีแต่แรงกดดันเสียแล้ว"ข้ารู้ เจ้าออกไปเถอะ"จงเจี้ยนเสียงแหบพร่าเขาไม่มีทางคิดมาก แต่เขารู้ ว่าชีวิตของตนเองเดิมทีก็เป็นของท่านอ๋อง หลังจากนี้เขาต้องแบ่งชีวิตออกเป็นสองแล้ว ครึ่งหนึ่งของท่านอ๋อง อีกครึ่งหนึ่งของพระชายาแล้วไหมใจโลหิตอีกตัว จะไปหาจากที่ไหน?ฟู่จาวหนิงดึงเซียวหลันยวนออกไป มาในเรือนของตนเอง เสี่ยวเถาพอเห็นเขาก็รีบร้อนคารวะ"ท่านอาเขย ท่านมาแล้ว!" เสี่ยวเถาตึงเครียดขึ้นมาหน่อยๆ"อืม" เซียวหลันยวนเหลือบมองนางผาดหนึ่ง อารมณ์จู่ๆ ก็ดีขึ้นมา "่เดี๋ยวข้าจะให้รางวัลเจ้า""อ๊า" เสี่ยวเถายังตั้งตัวไม่ทัน ทำไมจู่ๆ จะมาให้
"พี่เจิ้น"ฮองเฮาตะโกนขึ้นเสียงเล็กนางหลักประตูเข้าไปในห้องไข่มุกราตรีในมือส่องประกายห้องนี้แตกต่างกับความทรุดโทรมด้านนอก เห็นได้ชัดว่ามีร่องรอยคนมาพักอยู่ เก็บกวาดไปแล้ว สะอาดสะอ้าน มีเตียงโต๊ะตู้ บนโต๊ะก็วางพู่กันแท่นหมึกกับเชิงเทียนไว้ไม่น้อยแต่ว่าที่นี่ด้านนอกเป็นหญ้าวัชพืชรกครึ้ม ถ้าไม่เข้ามาไม่มีทางรุ้ว่าในห้องแตกต่างออกไปด้านหลังเตียงมีร่างของคนหนึ่งพุ่งออกมาอย่างเงียบงันถ้าหากมีคนอยู่ที่นี่ ก็จะพบว่า คนผู้นี้หน้าตาคล้ายกับองค์จักรพรรดิคนปัจจุบันอยู่ถึงสี่ห้าส่วน!ยิ่งไปกว่านั้นเขาดูแล้วอายุก็แทบไม่แตกต่างกับองค์จักรพรรดิ แต่รอยย่นบนใบหน้าก็น้อยกว่าองค์จักรพรรดิอยู่มาก ใบหน้ารูปไข่เนียนลื่นจนดูไม่เป็นธรรมชาติแต่ดูแล้วคือไม่ใช่คนวัยหนุ่ม แต่กลับไม่มีริ้วรอยแบบวัยกลางคนยิ่งไปกว่านัน เขาเองยังสวมเสื้อคลุมมังกรสีเหลืองอีกด้วย เพียงแต่ไม่ได้คาดเข็มขัด ดูแล้วสะเปะสะปะไม่เข้ากันอยู่หน่อยๆชุดคลุมมังกรนี้เองก็ไม่ใช่จะเข้ารูปกับตัวนัก ไม่เหมือนเสื้อผ้าของเขา"หลายวันนี้ไม่เข้ามาเลย ทำไมหรือ ที่วังหลังยุ่งขนาดนั้นเชียว?""พี่เจิ้น หลายวันนี้มีเรื่องเยอะ ยิ่งไปกว่านั้น
"ข้าคิดมาแล้ว ถ้าหากเจ้าไม่ยอมย้ายไปจวนอ๋อง เจ้านั้นข้าก็มาพักที่บ้านตระกูลฟู่แล้วกัน"เซียวหลันยวนพูดพลางโบกมือให้คนออกไป ส่วนตนเองกลับเดินไปข้างเตียงนาง ค่อยๆ นั่งลงเสี่ยวเถากับชิงอีล้วนถอยออกไป แล้วยังปิดประตูให้อย่างดิบดีในห้องแสงเทียนโยกไหว ฟู่จาวหนิงมองการเคลื่อนไหวของเซียวหลันยวนก็ตกตะลึงไปแล้ว"ไม่ใช่สิ เซียวหลันยวน ท่านคิดจะทำอะไร""นอน""น..นอน?! นั่นมันเตียงของข้า!""อืม แบ่งครึ่งหนึ่งให้ข้าสิ ครั้งที่แล้วก็ไม่ใช่ว่าข้าเคยนอนไปแล้วหรือ?" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น"ท่านท่านท่าน ท่านจะทำอะไรกันแน่?""พวกเราเป็นสามีภรรยากัน""ไม่ใช่ว่าสุดท้ายก็ต้องหย่าร้างหรอกหรือ?"ท่าทางของเซียวหลันยวนชะงัก ปลดหน้ากากลงมา มองนางยิ้มๆ"อืม ต่อให้ท้ายสุดจะต้องหย่า แต่ก่อนที่จะหย่ากันพวกเรายังเป็นสามีภรรยากันอยู่นี่ ดังนั้น มีตัวตนฐานะอะไรก็ทำเรื่องตามนั้น มีปัญหาตรงไหน?"ไม่มีปัญหาได้อย่างไรกัน?ฟู่จาวหนิงรีบเดินเข้าไป ยื่นมือคิดจะดึงเขาออกมา "แน่นอนว่ามีปัญหา! ในเมื่อสุดท้ายก็ต้องแยกกัน ตอนนี้ก็ต้องวาดเส้นแบ่งให้ชัดเจน จะได้เลี่ยงเรื่องการพัวพันไม่ชัดเจนภายหลัง!"พอสิ้นคำนาง เซียวห
ฟู่จาวหนิงล้วนไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนตอนนี้เป็นบ้าอะไรขึ้นมาราวกับว่าหลังจากรู้ว่าในอดีตคนที่ช่วยเขาไว้คือนาง ท่าทีต่อนางของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแต่ว่านางเองก็พบว่าตนเองก็ไม่ได้ต่อต้านที่เขาเข้ามาใกล้เลยแม้แต่น้อย กระทั่งยังถูกเขาทำให้เคลิ้มอีกด้วย เคลิ้มจนพาฝันเลยทีเดียวนอกจากแผลเป็นพิษบนหน้าเขา เมืองหลวงแคว้นเจายังมีชายคนไหนที่หน้าตาดีแบบเขาบ้าง?ตื้นเขิน นางช่างตื้นเขินเสียเหลือเกิน"เหม่ออะไรหรือ?" เสิ่นเสวียนพอเห็นว่านางจับๆ ชีพจรแล้วก็หยุดไป มืออีกข้างหนึ่งจึงมาโบกๆ ด้านหน้านาง"อ๋า? ไม่ ไม่ได้เหม่อ"ฟู่จาวหนิงรีบเก็บมือกลับ หยิบกระดาษกับพู่กันเขียนตำรับยาถัดจากนี้ให้เขา"ต้าชื่อทางนั้นส่งข่าวมาแล้ว ยืนยันว่ามีคนเห็นคนที่น่าสงสัยว่าจะเป็นฟู่จิ้นเชิน" เสิ่นเสวียนจู่ๆ ก็เอ่ยขึ้น"จริงหรือ?" ฟู่จาวหนิงตกตะลึง"อืม ข้านำภาพของฟู่จิ้นเชินในอดีต ส่งให้ม้าเร็วนำไปตรวจสอบแล้ว มีคนเคยเห็นคนที่คล้ายๆ กันนี้อยู่""รูปภาพ? ท่านลุง ท่านทำไมจึงมีภาพของเขากัน?" ฟู่จาวหนิงตกตะลึงเล็กน้อยตระกูลฟู่ยังไม่มีรูปของฟู่จิ้นเชินเลย"เจ้าคงจะไม่รู้กระมัง? ไปเจอในหอจันทร์หยาดมาน่ะ รูป
"คุณหนู ข้าเป็นแค่คนรับใช้ ไม่ทราบจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฮูหยินรองเองก็บอกว่าจะพาคุณหนูอันห่าวย้ายออกไป ฮูหยินใหญ่กับฮูหยินคนอื่นล้วนเตือนนางก็ไม่ฟัง"คนใช้ตระกูลหลินเอ่ยขึ้นเช่นนี้กับฟู่จาวหนิงเซี่ยซื่อพาหลินอันห่าวย้ายออกจากบ้านตระกูลหลินแล้ว!ฮูหยินใหญ่หลินพอได้ยินข่าวก็รีบตรงมา พอเห็นฟู่จาวหนิง นางก็รู้สึกหวาดกลัวหน่อยๆ แต่พอคิดถึงเรื่องไม่คาดคิดในตอนนี้ของเซี่ยซื่อกับหลินอันห่าว ก็รู้สึกสะใจแล้วก็หยิ่งทะนงขึ้นมาหน่อยๆ"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านมาหาเซี่ยซื่อกับอันห่าวหรือ? ต้องขอโทษด้วยจริงๆ พวกนางแม่ลูกรังเกียจที่ตระกูลหลินของเราต่ำต้อยเกินไป คงจะรู้สึกว่าตนเองมีอำนาจแล้วกระมัง? ดังนั้นพวกนางจึงย้ายออกจากบ้านตระกูลหลินไปแล้ว ทำท่านมาเสียเที่ยวจนได้""พวกเจ้าไล่พวกนางแม่ลูกออกไปจากบ้านหรือ?" ฟู่จาวหนิงดวงตาหรุบลึกหลินเอ้อร์รังเกียจหลินอันห่าวว่าเป็นเด็กสมองไม่ปกติอยู่ตลอด เซี่ยซื่อเองก็ไม่ค่อยจะเอ่ยถึงเขานัก ว่ากันว่าในบ้านก็มีลูกเมียน้อยแล้ว ยิ่งไปกว่นั้นผู้เฒ่ารองหลินเองก็เอาแต่เอ็นดูภรรยาผู้น้อยกับลูก ไม่สนใจแยแสเซี่ยซื่อกับหลินอันห่าวตอนนี้กลับไล่พวกนางแม่ลูกออกไปอ
ฟู่จาวหนิงหรี่ตาลงมา "ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน"คนเหล่านี้ในตระกูลหลี่ก่อนหน้า มีคนไหนบ้างที่มาหานางเองแบบนี้? คนไหนบ้างที่มาบอกว่าเป็นญาติกับนาง ก็มีแค่เซี่ยซื่อกับหลินอันห่าวเท่านั้น ฟู่จาวหนิงคิดมาตลอดว่าบ้านสองของตระกูลหลินมีแค่สองคนนี้ และคิดมาตลอดว่าหลินอันห่าวเป็นเด็กแค่คนเดียวแต่จู่ๆ ก็มีน้องชายโผล่ขึ้นมาเสียอย่างนั้น"สมัยก่อนท่านปู่กับย่าและพ่อของข้าบอกว่าพวกท่านตระกูลฟู่เป็นพวกซวยซ้ำซ้อน ยากจนข้นแค้น ห้ามให้ลูกหลานของพวกท่านมาข้องเกี่ยวด้วย ไม่เช่นนั้นจะสลัดไม่หลุด!"เฉินซานถลึงตาโตนี่มันเกินไปแล้วไหม?"แล้วตอนนี้เจ้ามาข้องเกี่ยวด้วยทำไมกัน?" ฟู่จาวหนิงไม่โมโหแต่กลับขำ"ตอนนี้ท่านไม่ใช่เป็นพระชายาหรอกหรือ?""ข้าตอนนี้เป็นพระชายา ไม่กลัวว่าข้องเกี่ยวกับข้าแล้วจะสลัดไม่หลุดหรือ?""พวกป้าๆ บอกว่า อ๋องเจวี้ยนมีเงินมีอำนาจ แล้วยังฟังคำพูดท่านอีก! ข้าเป็นน้องชายท่าน ท่านก็ต้องฟังข้า ข้าจะซื้อม้า! เพื่อของข้าพวกนั้นที่บ้านมีม้าตัวเล็กกันหมด ข้าเองก็อยากมีบ้าง! ท่านซื้อให้ข้าหน่อย! แล้วก็ ข้าอยากไปกินข้าวที่หอพูนสุข กับข้าวที่นั่นอร่อยมาก พวกเขาเอาแต่เย้ยหยันกัน
"ไปจัดของเหล่านั้นมาเร็ว หลินไท่ไท่ไม่ใช่ว่าเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวจนเติบใหญ่มาหรอกหรือ?" ฟู่จาวหนิงบอกกับสืออี "เอาไปป้อนนางเสียหน่อย"พรวด!"ฮ่าๆๆ!""พระชายาอ๋องเจวี้ยนนี่จะร้ายกาจไปหน่อยไหม?"คนที่มุงอยู่รอบๆ พ่นพรวดออกมา มีคนหัวเราะ และมีคนถลึงตาโต มีคนกลับรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงร้ายกาจเสียจริงและด้วยประโยคนี้ นางยังบิดไปทางด้านนั้นได้อีก?แต่ว่าคนส่วนใหญ่ก็ยังรุ้สึกว่าตระกูลหลินทำเกินไปแล้ว ฟู่หลินซื่อหายสาบสูญไปสิบกว่าปี เป็นหรือตายก็ไม่รู้ พูดได้ว่าในฐานะแม่แท้ๆ ไม่เคยได้มาดูแลฟู่จาวหนิงเลยสักวันฟู่จาวหนิงใช้ชีวิตอยู่กับท่านปู่ก็ลำบากอยู่แล้ว หลินไท่ไท่ในฐานะยาย ก็ไม่เคยจะมาช่วยเหลือนางแม้แต่น้อย ตระกูลหลินไม่เคยไปเยี่ยมเยือนตระกูลฟู่เลย เรื่องนี้ทุกคนล้วนรู้กันดีตอนนี้พอรู้ว่าคนในบ้านกลายเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน ก็คิดจะเอาบุญคุณที่ชุบเลี้ยงฟู่หลินซื่อมาคำนวณที่ตัวฟู่จาวหนิง หน้าไม่อายเสียเหลือเกิน?คนบางส่วนที่รู้ตื้นลึกหนาบางก็ยังพูดความใจดำกับความไร้ยางอายของคนตระกูลหลินให้คนข้างๆ ฟังด้วย"ข้าทำไมถึงจำได้ว่า เพราะก่อนหน้านี้แม่ของพระชายาอ๋องเจวี้ยนหน้าตางดงามมาก ดังน้นบ้านตร
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ
"หวานจัง"องค์หญิงนานฉือกินไปคำหนึ่ง ตาก็เป็นประกายขึ้นมา"ลูกชิ้นนี่เหนียวหนึบหนับดี เด้งและอ่อนนุ่ม น้ำแกงก็หวาดดี อร่อยจัง""ลูกชิ้นนี้ต้องใช้น้ำอุ่นที่อุณหภูมิพอดีมานวด ส่วนเวลาและแรงตอนที่นวดก็ต้องพิถีพิถันด้วย ท่านพี่เองก็ชอบกิน พีสะใภ้กินเยอะหน่อยๆ"องค์หญิงหนานฉือชอบกิน อันชิงจึงดีใจมากนางนั่งอยู่ตรงข้ามมององค์หญิงหนานฉือ รู้สึกว่านางดุมีเสน่ห์กว่าก่อนที่แต่งงานเสียอีก สวยจับใจจริงๆ"พี่ชายของเจ้า..."องค์หญิงหนานฉือหน้าร้อนขึ้นมาเดิมทีนางก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย แต่พอเจอกับเรื่องนี้ก็อดเขินอายขึ้นมาไม่ได้เหมือนักนพูดพูดถึงผู้ตรวจการอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือก็รู้สึกปากร้อนขึ้นมาหน่อยๆ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ตรวจการอันที่มีหน้าตางดงามอ่อนโยนมีการศึกษา จะเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์หนักหน่วงคนหนึ่งแบบนี้!หลายวันนี้ ทุกวันตอนกลางคืนเขาก็จะมาทรมานนางสองครั้ง หลังจากเสร็จประชุมเช้า เขาก็ยังกลับมาทรมานนางอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งก็ยังใช้เวลานาน นี่ทำเอานางหลายวันนี้มึนๆ งงๆ ร่างกายเมื่อยขบนอนไม่พอ ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยทุกมื้อล้วนมีคนส่งอาหารเข้ามาในห้อง นางเองก็ขี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนใจว่าองค์จักรพรรดิจะถามพวกอวิ๋นจูอย่างไรนางกลับมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง ครั้งนี้ย้ายของไปมากกว่าเดิม ถึงกับตกแต่งห้องขังนั้นขึ้นมาแล้วประตูห้องขังยังแขวนม่านเอาไว้ด้วย บนพื้นปูพรม บนเตียงยังมีฉากกั้นลมสูงครึ่งตัวคนอีก แล้วยังกั้นเป็นห้องเล็กๆ สามารถวางถังปลดทุกข์ใบหนึ่งได้ด้วยที่มุมยังมีแจกันดอกไม้ บนกำแพงติดเชิงเทียนเอาไว้ แล้วยังแขวนเครื่องหอมไว้อีกย้ายโต๊ะมาหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว แล้วยังมีเบาะรองนั่งอีกพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกก็ยังติดมา แล้วยังมีเตาเล็กสำหรับอุ่นชาอุ่นสุราอีกชุดหนึ่ง วางเครื่องลายครามที่ประณีตสวยงามเอาไว้องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนหลังจากย้ายของพวกนี้เข้ามาจัดวางแล้ว ห้องขังนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวหน้าคุกกับผู้คุมมองจนตาตั้งพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้ห้ามปราม แต่ฟู่จาวหนิงพูดมาคำเดียวว่า "ข้าบอกกับองค์จักรพรรดิแล้วว่ามาอยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋อง" พวกเขาก็ต้องก้มหน้ากลับไปหัวหน้าคุกรู้สึกว่าผิดปกติไปจริงๆ วิ่งไปรายงานกับหัวหน้า ตอนกลับมายังคิดจะรื้อของเหล่านี้ของฟู่จาวหนิงออก"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิให้อ๋องเจวี้ยนมาทบทวนตนเองให้
"ที่แท้การขังเอาไว้ในคุกใหญ่ก็ไม่เรียกว่าการลงโทษสินะ?""ฟู่จาวหนิง วันนี้เจ้าคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ข้ามีงานการอีกตั้งมาก ไม่มีเวลามาเสวนาไร้สาระกับเจ้านะ!" องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าแค่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็ปวดหัวเสียแล้วเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรนางจริงๆวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงสูงส่งมาก! ในใจเขายังรู้สึกว่าโชคดีมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของแคว้นเจา ถึงอย่างไรนางก็ยังมีญาติอยู่ที่เมืองหลวง ถึงอย่างไรตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีรากฐานอะไร ดังนั้นตอนที่เขาต้องการนางจริงๆ เขายังมั่นใจว่าตนเองจะบีบจุดอ่อนของนาง แล้วนำนางมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเองได้ใครให้วิชาแพทย์ต้องมาเจอกับหายนะเข้าในใต้หล้านี้กัน ปัจจุบันพวกหมอเก่งๆ ล้ำค่าจะตายไปก่อนหน้านี้แคว้นเจามีหมอเทวดาหลี่ พวกเขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอยู่ แต่พอเทียบกับฟู่จาวหนิง วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่กลับห่างชั้นอยู่ไกลโขเลยทีเดียวเพื่อวิชาแพทย์ของนาง ขอแค่นางไม่มาเหยียบเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำ องค์จักรพรรดิก็ยังมีความอ่อนข้อให้สูงลิบอยู่เพียงแต่ว่า นางนี่มันน่าโมโหเสียจริงองค์จักรพรรดิรู้สึกว่ายิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงมากแค่ไหนชีวิตเขาก็สั้นลงไปอีกหลายปี"แค่อยากจ
องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำของฟู่จาวหนิง หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดตึงขึ้นมา"อายวนเขามีอะไรต้องทุกข์ใจกัน? ไม่พอใจข้าที่ให้เขาไปนั่งทบทวนตนเองในคุกหรือ?"ถ้านางกล้าบอกว่าไม่พอใจล่ะก็...ในใจองค์จักรพรรดิยังกำลังคิด ว่าตอนที่นางพูดว่าไม่พอใจแล้วจะตอกนางกลับไปอย่างไร ก็ได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดออกมาคำหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ ใครบ้างที่ยินดีจะอยู่ในคุก?"องค์จักรพรรดิ: นี่ยังจะย้อนถามมาอีกหรือ?"แต่ต่อให้ไม่ยินดีก็มิอาจขัดราชโองการได้" ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ดูจำใจอย่างมาก "เขาเป็นทุกข์ก็คือพวกสาวงามที่องค์จักรพรรดิยัดเข้ไาปข้างกายนั่นมันน่าโมโหมาก องค์จักรพรรรดิให้พวกนางไปดูแลเขา ผลลัพธ์คือพวกนางทั้งหมดก็หนีไปกันเกลี้ยง!""หนีหรือ?"องค์จักรพรรดิเองก็เดินตามแนวคิดของนางโดยไม่รู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเลียนเสียงนางขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเขาจึงได้สติกลับมา อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ"ใช่ไหมล่ะ เกินไปจริงๆ องค์จักรพรรดิ อายวนอยู่ในคุำำใหญ่ออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเข้าวังมาบอกกับองค์จักรพรรดิ จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ต้อนรับสาวงามพวกนี้ แต่เจอเรื่องครั้งนี้เข้าไปก็ส่งผลกระทบกั