ฟู่จาวหนิงหรี่ตาลงมา "ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน"คนเหล่านี้ในตระกูลหลี่ก่อนหน้า มีคนไหนบ้างที่มาหานางเองแบบนี้? คนไหนบ้างที่มาบอกว่าเป็นญาติกับนาง ก็มีแค่เซี่ยซื่อกับหลินอันห่าวเท่านั้น ฟู่จาวหนิงคิดมาตลอดว่าบ้านสองของตระกูลหลินมีแค่สองคนนี้ และคิดมาตลอดว่าหลินอันห่าวเป็นเด็กแค่คนเดียวแต่จู่ๆ ก็มีน้องชายโผล่ขึ้นมาเสียอย่างนั้น"สมัยก่อนท่านปู่กับย่าและพ่อของข้าบอกว่าพวกท่านตระกูลฟู่เป็นพวกซวยซ้ำซ้อน ยากจนข้นแค้น ห้ามให้ลูกหลานของพวกท่านมาข้องเกี่ยวด้วย ไม่เช่นนั้นจะสลัดไม่หลุด!"เฉินซานถลึงตาโตนี่มันเกินไปแล้วไหม?"แล้วตอนนี้เจ้ามาข้องเกี่ยวด้วยทำไมกัน?" ฟู่จาวหนิงไม่โมโหแต่กลับขำ"ตอนนี้ท่านไม่ใช่เป็นพระชายาหรอกหรือ?""ข้าตอนนี้เป็นพระชายา ไม่กลัวว่าข้องเกี่ยวกับข้าแล้วจะสลัดไม่หลุดหรือ?""พวกป้าๆ บอกว่า อ๋องเจวี้ยนมีเงินมีอำนาจ แล้วยังฟังคำพูดท่านอีก! ข้าเป็นน้องชายท่าน ท่านก็ต้องฟังข้า ข้าจะซื้อม้า! เพื่อของข้าพวกนั้นที่บ้านมีม้าตัวเล็กกันหมด ข้าเองก็อยากมีบ้าง! ท่านซื้อให้ข้าหน่อย! แล้วก็ ข้าอยากไปกินข้าวที่หอพูนสุข กับข้าวที่นั่นอร่อยมาก พวกเขาเอาแต่เย้ยหยันกัน
"ไปจัดของเหล่านั้นมาเร็ว หลินไท่ไท่ไม่ใช่ว่าเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวจนเติบใหญ่มาหรอกหรือ?" ฟู่จาวหนิงบอกกับสืออี "เอาไปป้อนนางเสียหน่อย"พรวด!"ฮ่าๆๆ!""พระชายาอ๋องเจวี้ยนนี่จะร้ายกาจไปหน่อยไหม?"คนที่มุงอยู่รอบๆ พ่นพรวดออกมา มีคนหัวเราะ และมีคนถลึงตาโต มีคนกลับรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงร้ายกาจเสียจริงและด้วยประโยคนี้ นางยังบิดไปทางด้านนั้นได้อีก?แต่ว่าคนส่วนใหญ่ก็ยังรุ้สึกว่าตระกูลหลินทำเกินไปแล้ว ฟู่หลินซื่อหายสาบสูญไปสิบกว่าปี เป็นหรือตายก็ไม่รู้ พูดได้ว่าในฐานะแม่แท้ๆ ไม่เคยได้มาดูแลฟู่จาวหนิงเลยสักวันฟู่จาวหนิงใช้ชีวิตอยู่กับท่านปู่ก็ลำบากอยู่แล้ว หลินไท่ไท่ในฐานะยาย ก็ไม่เคยจะมาช่วยเหลือนางแม้แต่น้อย ตระกูลหลินไม่เคยไปเยี่ยมเยือนตระกูลฟู่เลย เรื่องนี้ทุกคนล้วนรู้กันดีตอนนี้พอรู้ว่าคนในบ้านกลายเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน ก็คิดจะเอาบุญคุณที่ชุบเลี้ยงฟู่หลินซื่อมาคำนวณที่ตัวฟู่จาวหนิง หน้าไม่อายเสียเหลือเกิน?คนบางส่วนที่รู้ตื้นลึกหนาบางก็ยังพูดความใจดำกับความไร้ยางอายของคนตระกูลหลินให้คนข้างๆ ฟังด้วย"ข้าทำไมถึงจำได้ว่า เพราะก่อนหน้านี้แม่ของพระชายาอ๋องเจวี้ยนหน้าตางดงามมาก ดังน้นบ้านตร
"แล้วก็ ข้าเพิ่งตรวจสอบจนกระจ่าง แม่ของข้าไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของหลินไท่ไท่ ตอนนั้นนางพาลูกสาวกลับมาบ้านนาง ระหว่างทางเกิดเรื่องขึ้น จนลูกสาวหายไป จากนั้นนางจึงเก็บแม่ของข้ากลับไป ปลอมตัวเป็นลูกสาวของนาง หลายปีมานี้ คนตระกูลหลินเองก็น่าจะรู้เรื่องนี้แล้ว ไม่เช่นนั้นจะมาไม่สนใจเรื่องเป็นตายร้ายดีของแม่ข้าได้อย่างไรกัน?""อะไรนะ? ที่แท้แม่ของพระชายาอ๋องเจวี้ยนไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของหลินไท่หรือนี่? " มีคนร้องขึ้นมาอย่างตกตะลึง"เช่นนั้นก็ไม่แปลกแล้ว ถ้าเป็นญาติกันจริง จะปฏิบัติตัวเช่นนี้ด้วยได้อย่างไร?""ฟู่จาวหนิง" ฮูหยินใหญ่หลินหน้าเปลี่ยนสี สองมือเท้าสะเอวร้องขึ้นมา "เจ้าคนเนรคุณ! เจ้าไม่อยากจะเคารพบรรพบุรุษ ก็อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระ! ราชวงศ์เอาคนอย่างเจ้าไปเป็นพระชายาได้อย่างไรกัน? เจ้ามันกิ้งก่าได้ทอง หลังจากปีนขึ้นตัวอ๋องเจวี้ยนก็สะบัดญาติจนๆ ทิ้ง เจ้ามันไม่ซื่อสัตย์ พวกเราจะไปจวนทางการร้องเรียนเจ้า!""สืออี"ฟู่จาวหนิงเพิ่งร้องออกมา สืออีก็หิ้วหลินอันเล่อไปข้างหน้าฮูหยินใหญ่หลิน ยกมือตบฉาดไปที่นาง"ไม่เคารพต่อพระชายา กำเริบเสิบสานนัก!"และฝ่ามือนี้ก้ตบจนฮูหยินใหญ่หลินลงไปพับกับพื้น
ตระกูลหลินวุ่นวายเสียขนาดนี้ ฟู่จาวหนิงไม่สนใจที่นางเอาเรื่องนี้พูดออกมา ก็เพราะจะมาขีดเส้นอย่างชัดเจนกับตระกูลหลินญาติแบบนี้นางเองก้ไม่อยากจะมีหรอกกลับมาถึงบ้านตระกูลฟู่ นางกลับพบว่าเซี่ยซื่อกับหลินอันห่าวทั้งสองคน เดินวนเวียนอยู่ที่ประตู"น้าสะใภ้รอง"ฟู่จาวหนิงรีบลงรถม้า เดินตรงไปหาพวกนางเซี่ยซื่อพอเห็นนางดวงตาก็รื้นแดงขึ้นหลินอันห่าวเองก็มองนางอย่างน่าสงสาร "พี่หญิงจาวหนิง"ฟู่จาวหนิงเห็นพวกนางแต่ละคนหิ้วห่อผ้าเก่าๆ อยู่ใบหนึ่ง จึงเข้าไปจูงมือหลินอันห่าว "เข้ามาก่อนแล้วค่อยคุยกัน"เซี่ยซื่อเช็ดน้ำตาเดินเข้าไปในบ้านตระกูลฟู่ป้าจงส่งชาผลไม้มาให้พวกนาง"อันห่าว ลองชิมดู นี่คือชาผลไม้ที่ข้าทำเอง พวกเจ้าน่าจะยังไม่เคยดื่ม"หลินอันห่าวน่าจะกระหายแย่แล้ว ยกขึ้นดื่มลงไปอึกใหญ่ชาผลไม้อุ่นๆ มีรสชาติเปรี้ยวหวานหน่อยๆ อร่อยมาก แก้กระหายได้เป็นอย่างดี แตกต่างกับชาที่พวกนางเคยดื่มมาก่อนอย่างสิ้นเชิงดวงตาหลินอันห่าวเปล่งประกายขึ้นมาทันที "อร่อยจัง""ใช่ไหม?"ฟู่จาวหนิงยิ้มๆ ลูบหัวนางเซี่ยซื่อเองก็ดื่มไปแก้วหนึ่ง วางแก้วลงก็เอ่ยชมฟู่จาวหนิงขึ้นคำหนึ่ง "จาวหนิง เจ้านี่เก่ง
"ที่น่าโมโหดที่สุดคือพ่อของอันห่าว" เซี่ยซื่อสองตาแดงเถือก มองไปทางหลินอันห่าว "อันห่าว ให้เสี่ยวเถาพาเจ้าไปล้างหน้าล้างตาหน่อยดีไหม?"หลินอันห่าวลุกขึ้นยืน ก้มหน้าก้มตาเดินตามเสี่ยวเถาออกไปฟู่จาวหนิงมองแผ่นหลังนาง ใจเต้นขึ้นมา "น้าสะใภ้รอง อันห่าวทำไมถึงดูอารมณ์ไม่ดีเอาเสียเลย?""ข้าก็ไม่กล้าพูดเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ต่อหน้านาง! แต่คนคนนั้นคือพ่อแท้ๆ ของนาง!"เซี่ยซื่อปิดหน้าร้องไห้ขึ้นมา"จาวหนิง ข้าเองก็ไม่อยากจะพูดขึ้นมา เพราะพวกเขาคิดจะบีบให้ข้าส่งอันห่าวไปพักด้วยกันในจวนอ๋องเจวี้ยนกับเจ้า พวกเขาบอกว่าเจ้าดีกับอันห่าวมาก จะต้องรับปากแน่"ฟู่จาวหนิงตั้งตัวไม่ทันไปพักหนึ่ง "จะเข้าจวนอ๋องเจวี้ยนมาทำไมกัน?์"เพราะอะไรคิดจะเข้าเข้ามาพักในจวนอ๋องเจวี้ยน?เซี่ยซื่อสะอื้น "พวกเขายังสอนด้วยว่าหลังจากเข้าจวนอ๋องเจวี้ยนแล้วให้คิดหาวิธีเข้าใกล้อ๋องเจวี้ยน พวกเขาบอกว่าถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นคนนอก ให้เจ้ามาเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็ไม่มาสนใจตระกูลหลิน ถ้าให้อันห่าวกลายเป็นหญิงสาวของอ๋องเจวี้ยน พวกเขาก็จะกลายเป็นคนของอ๋องเจวี้ยนอย่างแท้จริงแล้ว อ๋องเจวี้ยนเองก็สามารถดูแลพวกเขาได้ บ้านตระกูลหลิน
ฟู่จาวหนิงตอนนี้ก็ยืนยันความหมายของเซี่ยซื่อแล้ว"น้าสะใภ้รองท่านอย่าพูดเช่นนี้เลย ก่อนหน้านี้ข้ากับท่านปู่เองก็ได้รับความช่วยเหลือจากท่านมาเช่นกัน ท่านกับอันห่าวมาพักที่บ้านตระกูลฟู่ก่อนเถิด หลังจากคนพวกนั้นย้ายออกไป บ้านตระกูลฟู่ตอนนี้ก็ว่างเปล่าเสียเหลือเกิน ห้องหับเองก็มากมี ให้ท่านกับอันห่าวมาอยู่ด้วยก็ยังเหลือเฟือ""จริงหรือ?" เซี่ยซื่อคิดไม่ถึงเลยว่านางยังไม่ทันพูดออกมาอย่างชัดเจน ฟู่จาวหนิงก็เอ่ยปากให้พวกนางเข้ามาอยู่เสียแล้วนางดีใจจนน้ำตาหลั่งออกมาอีกครั้ง"แต่ว่าจาวหนิง พวกเราตอนนี้ไม่ได้เป็นญาติกันแล้วนะ""เอาอย่างนี้ เมื่อครู่ข้าก็พูดเรื่องนี้ที่บ้านตระกูลหลินไปแล้ว ข้าบอกเรื่องที่แม่ของข้าไม่ใช่คนตระกูลหลิน และขีดเส้นแบ่งกับบ้านตระกูลหลินไปแล้ว ดังนั้นข้ากับตระกูลหลินจึงไม่มีความเกี่ยวข้องใดกันอีก เขาไม่ใช่น้าเขยรองของข้า ท่านเองก็ไม่ใช่น้าสะใภ้รองของข้า ข้าก็จะมองอันหาวเป็น้องสาวคนหนึ่ง เปลี่ยนคำเรียกท่านเป็นน้าเซี่ยแล้วกัน""ตอนที่แม่ของข้าอยู่ที่ตระกูลหลินยังไม่ได้ออกเรือนท่านคงดีกับนางมากแน่ๆ ดังนั้นท่านก็เป็นพี่เลี้ยงของแม่ข้าเถิด น้าเซี่ยกับอันห่าวอยู่ที่บ้านต
เซี่ยซื่อปาดน้ำตาออกไปยืนอยู่ในเรือนตระกูลฟู่ นางรู้สึกว่าหมอกควันในใจล้วนสลายไปแล้วฟู่จาวหนิงช่วยชีวิตนางกับอันห่าวสองแม่ลูกไว้แล้วจริงๆผู้เฒ่าฟู่หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ก็อดก่นด่าตระกูลหลินขึ้นมาไม่ได้ ช่างไร้ค่าเสียจริง!เขาไม่ได้มีความเห็นอะไรกับการจัดวางของฟู่จาวหนิง ยิ่งไปกว่านั้นยังดีใจมากอีกด้วย ที่ในบ้านมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อยเขาจึงดีใจมากเซี่ยซื่อกับอันห่าวไม่เหมือนคนอกตัญญูละโมบโลภมากอย่างพวกของผู้เฒ่าฟู่รองเหล่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นจาวหนิงตอนเกิดมาก็ไม่มีพ่อแม่อยู่ข้างกาย น่าจะมีเรื่องผู้หญิงผู้หญิงอีกมากมายที่ไม่มีใครพูดได้ หลังจากนี้มีเซี่ยซื่ออยู่ก็คงดีขึ้นเยอะเซี่ยซื่อกับอันห่าวจึงพักอยู่ที่บ้านตระกูลฟู่สิ่งที่ทำให้คนตกตะลึงก็คือ อันห่าวกับเฮ่อเหลียนเฟยกลับเข้ากันได้ดี นางไม่กลัวเฮ่อเหลียนเฟยเลย แล้วยังพูดเรื่องน่าสนใจในเมืองหลวงให้เขาฟังอีกด้วย"ช่วงนี้คนของจวนทางการกำลังหาคนอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังหาคนแก่คนหนึ่งอยู่หรือเปล่า หลายวันก่อนข้าเห็นคนแก่ที่มาจากภายนอกคนหนึ่ง บาดเจ็บ แล้วมาเป็นลมล้มพับอยู่ที่ประตูหลังบ้านตระกูลหลิน ข้ายกน้ำมาให้เขาชามหนึ่ง แล
ฟู่จาวหนิงพาเซี่ยซื่อ พาสืออีสือซานไปยังสถานที่นั้นถ้าหากไม่มีเซี่ยซื่อนำทาง ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ว่าใกล้ๆ บ้านตระกูลหลินจะมีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วย ดูแล้วเหมือนสถานที่รกร้างแห่งหนึ่งที่ถูกบ้านของผู้คนบางส่วนล้อมเอาไว้ ต้นไผ่หลายกอเองก็แน่นขนัดมาก มีถนนหินแตกๆ ที่ตะไคร่น้ำยื่นเข้ามาอีกด้วยด้านในมีบ่อน้ำบ่อหนึ่ง ข้างบ่อน้ำมีแผ่นหินปูไว้ระเกะระกะ ดูแล้วลื่นๆ มันๆ แต่ก่อนน่าจะมีหญิงสาวมาซักเสื้อผ้ากันที่นี่บ่อยครั้ง"แต่ก่อนมีคนไม่น้อยที่มาที่นี่ตักน้ำกับซักล้างสิ่งของ แต่ว่าสองปีมานี้ บ่อน้ำนี้ก็แห้งไปอย่างประหลาด จะตักน้ำก็เปลืองแรง ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีใครมาแล้ว" เซี่ยซื่อตอบ"น้าเซี่ย ท่านอยู่บนรถไม่ต้องลงมา เฉินซานรออยู่ที่นี่ ถ้ามีเรื่องอะไรไม่ถูกต้องเจ้าก็ขับรถม้าออกไปเลย"ช่วงสายัณห์แล้ว ที่นี่มีป่าไผ่ ดังนั้นแสงจึงค่อนข้ามมืดทึม ด้านในดูแล้วก็ครึ้มขึ้นไปอีกฟู่จาวหนิงไม่ได้เตรียมให้เซี่ยซื่อตามเข้าไป"จาวหนิง เจ้าจะเข้าไปเองหรือ?" เซี่ยซื่อกังวลหน่อยๆ ถ้าอันห่าวบอกว่าชายชราคนนั้นซ่อนตัวอยู่ในนี้จริง ก็อธิบายได้ว่าเขาอาจจะไม่ใช่คนที่จวนทางการตามหาอยู่ แล้วจะเป็นคนเลวหรือไม่กัน?
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ
"หวานจัง"องค์หญิงนานฉือกินไปคำหนึ่ง ตาก็เป็นประกายขึ้นมา"ลูกชิ้นนี่เหนียวหนึบหนับดี เด้งและอ่อนนุ่ม น้ำแกงก็หวาดดี อร่อยจัง""ลูกชิ้นนี้ต้องใช้น้ำอุ่นที่อุณหภูมิพอดีมานวด ส่วนเวลาและแรงตอนที่นวดก็ต้องพิถีพิถันด้วย ท่านพี่เองก็ชอบกิน พีสะใภ้กินเยอะหน่อยๆ"องค์หญิงหนานฉือชอบกิน อันชิงจึงดีใจมากนางนั่งอยู่ตรงข้ามมององค์หญิงหนานฉือ รู้สึกว่านางดุมีเสน่ห์กว่าก่อนที่แต่งงานเสียอีก สวยจับใจจริงๆ"พี่ชายของเจ้า..."องค์หญิงหนานฉือหน้าร้อนขึ้นมาเดิมทีนางก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย แต่พอเจอกับเรื่องนี้ก็อดเขินอายขึ้นมาไม่ได้เหมือนักนพูดพูดถึงผู้ตรวจการอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือก็รู้สึกปากร้อนขึ้นมาหน่อยๆ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ตรวจการอันที่มีหน้าตางดงามอ่อนโยนมีการศึกษา จะเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์หนักหน่วงคนหนึ่งแบบนี้!หลายวันนี้ ทุกวันตอนกลางคืนเขาก็จะมาทรมานนางสองครั้ง หลังจากเสร็จประชุมเช้า เขาก็ยังกลับมาทรมานนางอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งก็ยังใช้เวลานาน นี่ทำเอานางหลายวันนี้มึนๆ งงๆ ร่างกายเมื่อยขบนอนไม่พอ ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยทุกมื้อล้วนมีคนส่งอาหารเข้ามาในห้อง นางเองก็ขี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนใจว่าองค์จักรพรรดิจะถามพวกอวิ๋นจูอย่างไรนางกลับมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง ครั้งนี้ย้ายของไปมากกว่าเดิม ถึงกับตกแต่งห้องขังนั้นขึ้นมาแล้วประตูห้องขังยังแขวนม่านเอาไว้ด้วย บนพื้นปูพรม บนเตียงยังมีฉากกั้นลมสูงครึ่งตัวคนอีก แล้วยังกั้นเป็นห้องเล็กๆ สามารถวางถังปลดทุกข์ใบหนึ่งได้ด้วยที่มุมยังมีแจกันดอกไม้ บนกำแพงติดเชิงเทียนเอาไว้ แล้วยังแขวนเครื่องหอมไว้อีกย้ายโต๊ะมาหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว แล้วยังมีเบาะรองนั่งอีกพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกก็ยังติดมา แล้วยังมีเตาเล็กสำหรับอุ่นชาอุ่นสุราอีกชุดหนึ่ง วางเครื่องลายครามที่ประณีตสวยงามเอาไว้องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนหลังจากย้ายของพวกนี้เข้ามาจัดวางแล้ว ห้องขังนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวหน้าคุกกับผู้คุมมองจนตาตั้งพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้ห้ามปราม แต่ฟู่จาวหนิงพูดมาคำเดียวว่า "ข้าบอกกับองค์จักรพรรดิแล้วว่ามาอยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋อง" พวกเขาก็ต้องก้มหน้ากลับไปหัวหน้าคุกรู้สึกว่าผิดปกติไปจริงๆ วิ่งไปรายงานกับหัวหน้า ตอนกลับมายังคิดจะรื้อของเหล่านี้ของฟู่จาวหนิงออก"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิให้อ๋องเจวี้ยนมาทบทวนตนเองให้
"ที่แท้การขังเอาไว้ในคุกใหญ่ก็ไม่เรียกว่าการลงโทษสินะ?""ฟู่จาวหนิง วันนี้เจ้าคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ข้ามีงานการอีกตั้งมาก ไม่มีเวลามาเสวนาไร้สาระกับเจ้านะ!" องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าแค่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็ปวดหัวเสียแล้วเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรนางจริงๆวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงสูงส่งมาก! ในใจเขายังรู้สึกว่าโชคดีมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของแคว้นเจา ถึงอย่างไรนางก็ยังมีญาติอยู่ที่เมืองหลวง ถึงอย่างไรตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีรากฐานอะไร ดังนั้นตอนที่เขาต้องการนางจริงๆ เขายังมั่นใจว่าตนเองจะบีบจุดอ่อนของนาง แล้วนำนางมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเองได้ใครให้วิชาแพทย์ต้องมาเจอกับหายนะเข้าในใต้หล้านี้กัน ปัจจุบันพวกหมอเก่งๆ ล้ำค่าจะตายไปก่อนหน้านี้แคว้นเจามีหมอเทวดาหลี่ พวกเขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอยู่ แต่พอเทียบกับฟู่จาวหนิง วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่กลับห่างชั้นอยู่ไกลโขเลยทีเดียวเพื่อวิชาแพทย์ของนาง ขอแค่นางไม่มาเหยียบเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำ องค์จักรพรรดิก็ยังมีความอ่อนข้อให้สูงลิบอยู่เพียงแต่ว่า นางนี่มันน่าโมโหเสียจริงองค์จักรพรรดิรู้สึกว่ายิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงมากแค่ไหนชีวิตเขาก็สั้นลงไปอีกหลายปี"แค่อยากจ
องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำของฟู่จาวหนิง หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดตึงขึ้นมา"อายวนเขามีอะไรต้องทุกข์ใจกัน? ไม่พอใจข้าที่ให้เขาไปนั่งทบทวนตนเองในคุกหรือ?"ถ้านางกล้าบอกว่าไม่พอใจล่ะก็...ในใจองค์จักรพรรดิยังกำลังคิด ว่าตอนที่นางพูดว่าไม่พอใจแล้วจะตอกนางกลับไปอย่างไร ก็ได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดออกมาคำหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ ใครบ้างที่ยินดีจะอยู่ในคุก?"องค์จักรพรรดิ: นี่ยังจะย้อนถามมาอีกหรือ?"แต่ต่อให้ไม่ยินดีก็มิอาจขัดราชโองการได้" ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ดูจำใจอย่างมาก "เขาเป็นทุกข์ก็คือพวกสาวงามที่องค์จักรพรรดิยัดเข้ไาปข้างกายนั่นมันน่าโมโหมาก องค์จักรพรรรดิให้พวกนางไปดูแลเขา ผลลัพธ์คือพวกนางทั้งหมดก็หนีไปกันเกลี้ยง!""หนีหรือ?"องค์จักรพรรดิเองก็เดินตามแนวคิดของนางโดยไม่รู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเลียนเสียงนางขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเขาจึงได้สติกลับมา อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ"ใช่ไหมล่ะ เกินไปจริงๆ องค์จักรพรรดิ อายวนอยู่ในคุำำใหญ่ออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเข้าวังมาบอกกับองค์จักรพรรดิ จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ต้อนรับสาวงามพวกนี้ แต่เจอเรื่องครั้งนี้เข้าไปก็ส่งผลกระทบกั