"ไปจัดของเหล่านั้นมาเร็ว หลินไท่ไท่ไม่ใช่ว่าเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวจนเติบใหญ่มาหรอกหรือ?" ฟู่จาวหนิงบอกกับสืออี "เอาไปป้อนนางเสียหน่อย"พรวด!"ฮ่าๆๆ!""พระชายาอ๋องเจวี้ยนนี่จะร้ายกาจไปหน่อยไหม?"คนที่มุงอยู่รอบๆ พ่นพรวดออกมา มีคนหัวเราะ และมีคนถลึงตาโต มีคนกลับรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงร้ายกาจเสียจริงและด้วยประโยคนี้ นางยังบิดไปทางด้านนั้นได้อีก?แต่ว่าคนส่วนใหญ่ก็ยังรุ้สึกว่าตระกูลหลินทำเกินไปแล้ว ฟู่หลินซื่อหายสาบสูญไปสิบกว่าปี เป็นหรือตายก็ไม่รู้ พูดได้ว่าในฐานะแม่แท้ๆ ไม่เคยได้มาดูแลฟู่จาวหนิงเลยสักวันฟู่จาวหนิงใช้ชีวิตอยู่กับท่านปู่ก็ลำบากอยู่แล้ว หลินไท่ไท่ในฐานะยาย ก็ไม่เคยจะมาช่วยเหลือนางแม้แต่น้อย ตระกูลหลินไม่เคยไปเยี่ยมเยือนตระกูลฟู่เลย เรื่องนี้ทุกคนล้วนรู้กันดีตอนนี้พอรู้ว่าคนในบ้านกลายเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน ก็คิดจะเอาบุญคุณที่ชุบเลี้ยงฟู่หลินซื่อมาคำนวณที่ตัวฟู่จาวหนิง หน้าไม่อายเสียเหลือเกิน?คนบางส่วนที่รู้ตื้นลึกหนาบางก็ยังพูดความใจดำกับความไร้ยางอายของคนตระกูลหลินให้คนข้างๆ ฟังด้วย"ข้าทำไมถึงจำได้ว่า เพราะก่อนหน้านี้แม่ของพระชายาอ๋องเจวี้ยนหน้าตางดงามมาก ดังน้นบ้านตร
"แล้วก็ ข้าเพิ่งตรวจสอบจนกระจ่าง แม่ของข้าไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของหลินไท่ไท่ ตอนนั้นนางพาลูกสาวกลับมาบ้านนาง ระหว่างทางเกิดเรื่องขึ้น จนลูกสาวหายไป จากนั้นนางจึงเก็บแม่ของข้ากลับไป ปลอมตัวเป็นลูกสาวของนาง หลายปีมานี้ คนตระกูลหลินเองก็น่าจะรู้เรื่องนี้แล้ว ไม่เช่นนั้นจะมาไม่สนใจเรื่องเป็นตายร้ายดีของแม่ข้าได้อย่างไรกัน?""อะไรนะ? ที่แท้แม่ของพระชายาอ๋องเจวี้ยนไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของหลินไท่หรือนี่? " มีคนร้องขึ้นมาอย่างตกตะลึง"เช่นนั้นก็ไม่แปลกแล้ว ถ้าเป็นญาติกันจริง จะปฏิบัติตัวเช่นนี้ด้วยได้อย่างไร?""ฟู่จาวหนิง" ฮูหยินใหญ่หลินหน้าเปลี่ยนสี สองมือเท้าสะเอวร้องขึ้นมา "เจ้าคนเนรคุณ! เจ้าไม่อยากจะเคารพบรรพบุรุษ ก็อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระ! ราชวงศ์เอาคนอย่างเจ้าไปเป็นพระชายาได้อย่างไรกัน? เจ้ามันกิ้งก่าได้ทอง หลังจากปีนขึ้นตัวอ๋องเจวี้ยนก็สะบัดญาติจนๆ ทิ้ง เจ้ามันไม่ซื่อสัตย์ พวกเราจะไปจวนทางการร้องเรียนเจ้า!""สืออี"ฟู่จาวหนิงเพิ่งร้องออกมา สืออีก็หิ้วหลินอันเล่อไปข้างหน้าฮูหยินใหญ่หลิน ยกมือตบฉาดไปที่นาง"ไม่เคารพต่อพระชายา กำเริบเสิบสานนัก!"และฝ่ามือนี้ก้ตบจนฮูหยินใหญ่หลินลงไปพับกับพื้น
ตระกูลหลินวุ่นวายเสียขนาดนี้ ฟู่จาวหนิงไม่สนใจที่นางเอาเรื่องนี้พูดออกมา ก็เพราะจะมาขีดเส้นอย่างชัดเจนกับตระกูลหลินญาติแบบนี้นางเองก้ไม่อยากจะมีหรอกกลับมาถึงบ้านตระกูลฟู่ นางกลับพบว่าเซี่ยซื่อกับหลินอันห่าวทั้งสองคน เดินวนเวียนอยู่ที่ประตู"น้าสะใภ้รอง"ฟู่จาวหนิงรีบลงรถม้า เดินตรงไปหาพวกนางเซี่ยซื่อพอเห็นนางดวงตาก็รื้นแดงขึ้นหลินอันห่าวเองก็มองนางอย่างน่าสงสาร "พี่หญิงจาวหนิง"ฟู่จาวหนิงเห็นพวกนางแต่ละคนหิ้วห่อผ้าเก่าๆ อยู่ใบหนึ่ง จึงเข้าไปจูงมือหลินอันห่าว "เข้ามาก่อนแล้วค่อยคุยกัน"เซี่ยซื่อเช็ดน้ำตาเดินเข้าไปในบ้านตระกูลฟู่ป้าจงส่งชาผลไม้มาให้พวกนาง"อันห่าว ลองชิมดู นี่คือชาผลไม้ที่ข้าทำเอง พวกเจ้าน่าจะยังไม่เคยดื่ม"หลินอันห่าวน่าจะกระหายแย่แล้ว ยกขึ้นดื่มลงไปอึกใหญ่ชาผลไม้อุ่นๆ มีรสชาติเปรี้ยวหวานหน่อยๆ อร่อยมาก แก้กระหายได้เป็นอย่างดี แตกต่างกับชาที่พวกนางเคยดื่มมาก่อนอย่างสิ้นเชิงดวงตาหลินอันห่าวเปล่งประกายขึ้นมาทันที "อร่อยจัง""ใช่ไหม?"ฟู่จาวหนิงยิ้มๆ ลูบหัวนางเซี่ยซื่อเองก็ดื่มไปแก้วหนึ่ง วางแก้วลงก็เอ่ยชมฟู่จาวหนิงขึ้นคำหนึ่ง "จาวหนิง เจ้านี่เก่ง
"ที่น่าโมโหดที่สุดคือพ่อของอันห่าว" เซี่ยซื่อสองตาแดงเถือก มองไปทางหลินอันห่าว "อันห่าว ให้เสี่ยวเถาพาเจ้าไปล้างหน้าล้างตาหน่อยดีไหม?"หลินอันห่าวลุกขึ้นยืน ก้มหน้าก้มตาเดินตามเสี่ยวเถาออกไปฟู่จาวหนิงมองแผ่นหลังนาง ใจเต้นขึ้นมา "น้าสะใภ้รอง อันห่าวทำไมถึงดูอารมณ์ไม่ดีเอาเสียเลย?""ข้าก็ไม่กล้าพูดเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ต่อหน้านาง! แต่คนคนนั้นคือพ่อแท้ๆ ของนาง!"เซี่ยซื่อปิดหน้าร้องไห้ขึ้นมา"จาวหนิง ข้าเองก็ไม่อยากจะพูดขึ้นมา เพราะพวกเขาคิดจะบีบให้ข้าส่งอันห่าวไปพักด้วยกันในจวนอ๋องเจวี้ยนกับเจ้า พวกเขาบอกว่าเจ้าดีกับอันห่าวมาก จะต้องรับปากแน่"ฟู่จาวหนิงตั้งตัวไม่ทันไปพักหนึ่ง "จะเข้าจวนอ๋องเจวี้ยนมาทำไมกัน?์"เพราะอะไรคิดจะเข้าเข้ามาพักในจวนอ๋องเจวี้ยน?เซี่ยซื่อสะอื้น "พวกเขายังสอนด้วยว่าหลังจากเข้าจวนอ๋องเจวี้ยนแล้วให้คิดหาวิธีเข้าใกล้อ๋องเจวี้ยน พวกเขาบอกว่าถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นคนนอก ให้เจ้ามาเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็ไม่มาสนใจตระกูลหลิน ถ้าให้อันห่าวกลายเป็นหญิงสาวของอ๋องเจวี้ยน พวกเขาก็จะกลายเป็นคนของอ๋องเจวี้ยนอย่างแท้จริงแล้ว อ๋องเจวี้ยนเองก็สามารถดูแลพวกเขาได้ บ้านตระกูลหลิน
ฟู่จาวหนิงตอนนี้ก็ยืนยันความหมายของเซี่ยซื่อแล้ว"น้าสะใภ้รองท่านอย่าพูดเช่นนี้เลย ก่อนหน้านี้ข้ากับท่านปู่เองก็ได้รับความช่วยเหลือจากท่านมาเช่นกัน ท่านกับอันห่าวมาพักที่บ้านตระกูลฟู่ก่อนเถิด หลังจากคนพวกนั้นย้ายออกไป บ้านตระกูลฟู่ตอนนี้ก็ว่างเปล่าเสียเหลือเกิน ห้องหับเองก็มากมี ให้ท่านกับอันห่าวมาอยู่ด้วยก็ยังเหลือเฟือ""จริงหรือ?" เซี่ยซื่อคิดไม่ถึงเลยว่านางยังไม่ทันพูดออกมาอย่างชัดเจน ฟู่จาวหนิงก็เอ่ยปากให้พวกนางเข้ามาอยู่เสียแล้วนางดีใจจนน้ำตาหลั่งออกมาอีกครั้ง"แต่ว่าจาวหนิง พวกเราตอนนี้ไม่ได้เป็นญาติกันแล้วนะ""เอาอย่างนี้ เมื่อครู่ข้าก็พูดเรื่องนี้ที่บ้านตระกูลหลินไปแล้ว ข้าบอกเรื่องที่แม่ของข้าไม่ใช่คนตระกูลหลิน และขีดเส้นแบ่งกับบ้านตระกูลหลินไปแล้ว ดังนั้นข้ากับตระกูลหลินจึงไม่มีความเกี่ยวข้องใดกันอีก เขาไม่ใช่น้าเขยรองของข้า ท่านเองก็ไม่ใช่น้าสะใภ้รองของข้า ข้าก็จะมองอันหาวเป็น้องสาวคนหนึ่ง เปลี่ยนคำเรียกท่านเป็นน้าเซี่ยแล้วกัน""ตอนที่แม่ของข้าอยู่ที่ตระกูลหลินยังไม่ได้ออกเรือนท่านคงดีกับนางมากแน่ๆ ดังนั้นท่านก็เป็นพี่เลี้ยงของแม่ข้าเถิด น้าเซี่ยกับอันห่าวอยู่ที่บ้านต
เซี่ยซื่อปาดน้ำตาออกไปยืนอยู่ในเรือนตระกูลฟู่ นางรู้สึกว่าหมอกควันในใจล้วนสลายไปแล้วฟู่จาวหนิงช่วยชีวิตนางกับอันห่าวสองแม่ลูกไว้แล้วจริงๆผู้เฒ่าฟู่หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ก็อดก่นด่าตระกูลหลินขึ้นมาไม่ได้ ช่างไร้ค่าเสียจริง!เขาไม่ได้มีความเห็นอะไรกับการจัดวางของฟู่จาวหนิง ยิ่งไปกว่านั้นยังดีใจมากอีกด้วย ที่ในบ้านมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อยเขาจึงดีใจมากเซี่ยซื่อกับอันห่าวไม่เหมือนคนอกตัญญูละโมบโลภมากอย่างพวกของผู้เฒ่าฟู่รองเหล่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นจาวหนิงตอนเกิดมาก็ไม่มีพ่อแม่อยู่ข้างกาย น่าจะมีเรื่องผู้หญิงผู้หญิงอีกมากมายที่ไม่มีใครพูดได้ หลังจากนี้มีเซี่ยซื่ออยู่ก็คงดีขึ้นเยอะเซี่ยซื่อกับอันห่าวจึงพักอยู่ที่บ้านตระกูลฟู่สิ่งที่ทำให้คนตกตะลึงก็คือ อันห่าวกับเฮ่อเหลียนเฟยกลับเข้ากันได้ดี นางไม่กลัวเฮ่อเหลียนเฟยเลย แล้วยังพูดเรื่องน่าสนใจในเมืองหลวงให้เขาฟังอีกด้วย"ช่วงนี้คนของจวนทางการกำลังหาคนอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังหาคนแก่คนหนึ่งอยู่หรือเปล่า หลายวันก่อนข้าเห็นคนแก่ที่มาจากภายนอกคนหนึ่ง บาดเจ็บ แล้วมาเป็นลมล้มพับอยู่ที่ประตูหลังบ้านตระกูลหลิน ข้ายกน้ำมาให้เขาชามหนึ่ง แล
ฟู่จาวหนิงพาเซี่ยซื่อ พาสืออีสือซานไปยังสถานที่นั้นถ้าหากไม่มีเซี่ยซื่อนำทาง ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ว่าใกล้ๆ บ้านตระกูลหลินจะมีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วย ดูแล้วเหมือนสถานที่รกร้างแห่งหนึ่งที่ถูกบ้านของผู้คนบางส่วนล้อมเอาไว้ ต้นไผ่หลายกอเองก็แน่นขนัดมาก มีถนนหินแตกๆ ที่ตะไคร่น้ำยื่นเข้ามาอีกด้วยด้านในมีบ่อน้ำบ่อหนึ่ง ข้างบ่อน้ำมีแผ่นหินปูไว้ระเกะระกะ ดูแล้วลื่นๆ มันๆ แต่ก่อนน่าจะมีหญิงสาวมาซักเสื้อผ้ากันที่นี่บ่อยครั้ง"แต่ก่อนมีคนไม่น้อยที่มาที่นี่ตักน้ำกับซักล้างสิ่งของ แต่ว่าสองปีมานี้ บ่อน้ำนี้ก็แห้งไปอย่างประหลาด จะตักน้ำก็เปลืองแรง ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีใครมาแล้ว" เซี่ยซื่อตอบ"น้าเซี่ย ท่านอยู่บนรถไม่ต้องลงมา เฉินซานรออยู่ที่นี่ ถ้ามีเรื่องอะไรไม่ถูกต้องเจ้าก็ขับรถม้าออกไปเลย"ช่วงสายัณห์แล้ว ที่นี่มีป่าไผ่ ดังนั้นแสงจึงค่อนข้ามมืดทึม ด้านในดูแล้วก็ครึ้มขึ้นไปอีกฟู่จาวหนิงไม่ได้เตรียมให้เซี่ยซื่อตามเข้าไป"จาวหนิง เจ้าจะเข้าไปเองหรือ?" เซี่ยซื่อกังวลหน่อยๆ ถ้าอันห่าวบอกว่าชายชราคนนั้นซ่อนตัวอยู่ในนี้จริง ก็อธิบายได้ว่าเขาอาจจะไม่ใช่คนที่จวนทางการตามหาอยู่ แล้วจะเป็นคนเลวหรือไม่กัน?
สืออีกับสือซานสบตากันผาดหนึ่ง ทั้งสองคนดูตกตะลึงหน่อยๆ พวกเขาถึงแม้จะคาดเดาไว้บ้างแล้ว รู้สึกว่าคนที่ซ่อนอยู่ที่นี่จะต้องเป็นผู้นำตระกูลฮู่ แต่ก็ยังยืนยันไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าฟู่จาวหนิงจะร้องเรียกขึ้นมาตรงๆ"ข้าคือฟู่จาวหนิง พระชายาของเซียวหลันยวน"ฟู่จาวหนิงขานตัวตนฐานะตนเองออกมาด้านในไม่มีการเคลื่อนไหวใด"ก่อนหน้านี้ท่านพบกับสาวน้อยคนหนึ่ง นางส่งยาให้กับท่าน ยานั้นคือยาที่ข้าสกัดมาเอง ถ้าหากท่านบาดเจ็บ ยาวันนั้นถ้ากินหมดก็น่าจะดีขึ้นมากแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ตอนนี้จะยังไออยู่ แต่เมื่อครู่ข้าได้ยินท่านข่มอาการไอเสียงต่ำ น่าจะเพราะบาดเจ็บไปไม่น้อย"พอสิ้นเสียงคำพูดฟู่จาวหนิง ด้านในก็มีเสียงไอออกมาเป็นชุดตอนนี้น่าจะข่มไม่อยู่แล้ว"ท่าน ท่าน แค่กๆๆ""ผู้นำตระกูลฮู่ ถ้าหากไม่ว่าอะไร ข้าจะเข้าไปแล้ว แค่ข้าคนเดียว"ฟู่จาวหนิงยกเท้าเดินเข้าไปในห้องมีเตียงไม้ตัววหนึ่ง ด้านบนวางป้ายสุสานหลายป้ายวางไว้ด้านในมุม มีคนชราพิงกำแพงอยู่ ด้านล่างมีเสื้อฟางอยู่สามผืนเขาพิงอยู่ตรงนั้นตัวสั่นระริก ใบหน้ามีแต่ฝุ่นธูป มองหน้าตาไม่ออก แต่เส้นผมขาวโพลน ดูแล้วน่าจะอายุอานามไม่น้อยเสื้อผ้าของเขาย
พอเห็นสีหน้าเฉินฮ่าวปิง ใจของต่งฮ่วนจือก็เย็นลงมาทันทีทั้งที่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟู่จาวหนิงแล้วแท้ๆ แต่ว่าตอนนี้ เฉินฮ่าวปิงก็ยังใช้ประโยชน์จากเขา คิดจะให้เขาขัดขวางศิษย์น้องหญิงต่อให้เป็นเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้ นางก็ยังพูดออกมาโดยไม่หนักใจ แล้วขอให้เขาทำตามสิ่งที่นางต้องการต่งฮ่วนจือมองไปทางฮูหยินเฉิน เขายังดูคาดหวังอยู่ถึงอย่างไรฮูหยินเฉินก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว น่าจะรู้จักขอบเขตบ้างกระมัง?"เจ้าเองก็คิดแบบนี้หรือ? จะให้ข้าเก็บวัตถุดิบยาไว้จนกว่าฮ่าวปิงจะรวมเงินได้?"ฟังเอาเถอะ เขาพูดซ้ำออกมาอีกรอบหนึ่งก็ยังรู้สึว่าเป็นเรื่องไร้สาระเลยฮูหยินเฉินขมวดคิ้ว มองนางด้วยสายตาเศร้าๆแต่ก่อนพอเห็นสีหน้าเช่นนี้ของนาง ต่งฮ่วนจือก็จะรู้สึกปวดใจ อยากจะปกป้องนางขึ้นมา เขารู้ ว่านางเป็นผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง มีลูกสาวติดหนึ่งคน คอยหนีคนตามล่าอยู่ตลอด มันลำบากแค่ไหนถ้าหากเป็นไปได้ เขาเองก็อยากจะยืนบังลมบังฝนให้นาง เพราะแรกสุดเขารู้สึกชื่นชมนาง ชื่นชมความแข็งแกร่งและความรักของแม่จากตัวนางแต่สีหน้าต่อตัวเขาของฮูหยินเฉินตอนนี้ ต่งฮ่วนจือจู่ๆ ก็คิดขึ้นมาว่า อ๋องฉยงถึงอย่างไรก็หาพวกนางเจอแ
เฉินฮ่าวปิงมองต่งฮ่วนจือนางสามารถใช้วัตถุดิบยาของพันธมิตรโอสถทำการกุศลต่อได้ และยังพังแผนการของฟู่จาวหนิงได้อีก ทำให้นางไม่ได้รับวัตถุดิบยาหลังจากเฉินฮ่าวปิงกลับมาพูดเรื่องวันนี้กับฮูหยินเฉิน ฮูหยินเฉินโกรธมากดังนั้นนางจึงคิดวิธีนี้ออกมา รู้สึกว่าพวกนางตอนนี้รับมือฟู่จาวหนิงไม่ไหว แต่ถ้าลงแรงกับต่งฮ่วนจือทางนี้สักหน่อย สร้างความลำบากให้กับฟู่จาวหนิงได้บ้างก็ยังดีมีสิทธิ์อะไรที่จะยอมให้ฟู่จาวหนิงทำทุกอย่างได้ราบรื่นขนาดนั้น?ต่งฮ่วนจือถ้าหากขัดฟู่จาวหนิงได้ ไม่ใช่แค่ฟู่จาวหนิงจะไม่ชอบใจ แต่ผู้อาวุโสจี้ก็จะโกรธด้วย ถ้าผู้อาวุโสจี้โกรธ ฟู่จาวหนิงก็จะอารมณ์ไม่ดีดังนั้น ขอแค่กล่อมต่งฮ่วนจือ ก็จะทำได้ฟู่จาวหนิงอึดอัดได้ ดีจะตาย?ดังนั้น จึงได้เห็นเฉินฮ่าวปิงที่มาแสดงความอ่อนแอออดอ้อนต่งฮ่วนจือในตอนนี้นางรู้สึกว่า ความรักทีต่งฮ่วนจือมีให้นาง เรื่องนี้ไม่ใช่จะทำไม่สำเร็จแต่ตอนได้ยินคำพูดของนาง ต่งฮ่วนจือก็งงงันไปครู่หนึ่ง"ลุงต่ง..." เฉินฮ่าวปิงดึงแขนเสื้อของเขา "ได้ไหม?"ต่งฮ่วนจือดึงแขนเสื้อในมือนางกลับมา"เรื่องนี้ไม่ได้""ทำไมล่ะ?""อันดับแรก วัตถุดิบยาที่เจ้าคิดจะเอาไ
หลายปีก่อนที่เขาช่วยพวกนางแม่ลูกไว้ เฉินฮ่าวปิงยังเป็นเด็กสาวร่างผ่อนอ่อนแอ หลายปีนี้ยังถือว่าเขาเลี้ยงดูมาจนโต เขาแทบจะมองเฉินฮ่าวปิงเป็นลูกสาวตนเองไปแล้วแม้ตอนนี้นางเจอกับพ่อแท้ๆ แล้ว แต่พ่อแท้ๆ คนนั้นก็ไม่ใช่จะได้เรื่องกระมัง ต่งฮ่วนจือยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่เขาคิดคิด ยังคิดจะไปบ้านเล็กในซอยนั่นเพื่อหาเฉินฮ่าวปิงหลายวันนี้เฉินฮ่าวปิงก็ไม่ยอมพบเขา ทุกครั้งที่เขามา คนใช้ก็จะบอกว่าท่านหญิงไม่อยู่วันนี้เขามา แต่เฉินฮ่าวปิงกลับอยู่ และยังยอมพบเขาด้วยพอเข้ามาในบ้าน มาถึงเรือนหน้า ฮูหยินเฉินก็อยู่ด้วยแม่ลูกหันมามองนางพร้อมกัน สายตาของคนทั้งคู่ล้วนแดงก่ำ ดูแล้วน่าสงสารมาก เฉินฮ่าวปิงพอเห็นเขาก็ร้องไห้โฮออกมา"ลุงต่ง!"นางพุ่งเข้ามาหาต่งฮ่วนจือ สองมือดึงแขนเสื้อเขา ร้องไห้ตัวโยน "ท่านมาได้เสียที!"ก่อนหน้านี้เขาเข้ามาตั้งหลายครั้ง ก็ไม่ยอมออกมาเจอ ไม่ได้ว่าเขาไม่เคยมาเสียหน่อยแต่ต่งฮ่วนจือก็ไม่ได้พูดออกมา มองสภาพเฉินฮ่าวปิงแล้วเขาก็ยังคงปวดใจอยู่"ทำไมหรือ? เกิดอะไรขึ้น? อ๋อง อ๋องฉยงไม่ได้ช่วยเจ้าหรือ?"พอพูดถึงอ๋องฉยง เฉินฮ่าวปิงก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาเพราะวันนี้อ๋อง
ก่อนค่ำวันเดียวกันฟู่จาวหนิงให้สืออีไปเก็บตั๋วเงินพวกนี้มาแล้วกระทั่งองค์หญิงเจ็ดก็ยังไม่กล้าที่จะไม่ให้หลังจากให้สามพันตำลึงมาแล้ว คนเหล่านี้ก็ล้วนรู้สึกเหมือนเสียปราณชี่ขนานใหญ่ไป ไม่มีทั้งหน้าไม่มีทั้งเงิน แล้วยังหวาดผวา ไม่รู้หลังจากนี้จะมีเรื่องอะไรอีกถ้าเผื่อพระชายาอ๋องเจวี้ยนเอาเรื่องนี้ไปฟ้องอ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนมาหาเรื่องบ้านพวกเขาอีกจะทำอย่างไร?โดยเฉพาะคุณหนูสี่หลิน หลังจากกลับมาก็ได้ยินพี่สาวคนโตกับคนรองพูดถึงเฉินฮ่าวปิง จึงได้รู้ว่าพวกนางเดิมทีก็ดูถูกท่านหญิงปิงอวี้อยู่แล้วพ่อของนางกับพี่สาวนางเองก็กำลังเดาว่าอ๋องฉยงทำไมจึงยังอยู่ในเมืองหลวง ยังพูดอีกว่า ไม่ว่าจะเพราะเรื่องอะไร การที่องค์จักรพรรดิให้อ๋องฉยงอยู่ในเมืองต่อโดยไม่สนกฏ ต้องไม่ใช่เรื่องดี พวกเขากำลังพูดว่า หลังจากนี้จะต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่อ๋องฉยงอาจจะก่อความวุ่นวายอะไรขึ้น ไม่ต้องพูดถึงลูกสาวบ้านน้อยของเขาคนนั้นเลย?ในคำพูด คืออ๋องฉยงทำเรื่องไม่ถูกต้อง ลูกสาวบ้านน้อย ยังไม่ได้ทำเรื่องอะไรดีดีเลย แต่ดันไปขอยศท่านหญิงมาองค์จักรพรรดิก็ยังรับปากอีก ดูจะเลอะเลือนหน่อยๆแน่นอน พวกเขาแอบคุยเรื่องน
เซียวหลันยวนพูดพลางหัวเราะเสียงต่ำฟู่จาวหนิงเองก็ตกตะลึงไป "ผู้ตรวจการอันไปคุกคามองค์จักรพรรดิหรือ?"ถ้าหากผู้ประสบภัยทะลักเข้าเมืองหลวง เมืองหลวงก็จะวุ่นวาย องค์จักรพรรดิไม่อยากจะสนใจก็คงต้องสนใจแล้วแค่โรคระบาด องค์จักรพรรดิก็ยังกลัวจนไม่ประชุมเช้า ไม่ต้องพูดเรื่องผู้ประสบภัยนับหมื่นเลย? เขาได้ตกใจจนตายกันพอดี"ก็จริงนั่นล่ะ แต่นี่ก็เป็นเรื่องจริง แต่รายละเอียดด้านในที่นำไปปฏิบัติได้ก็มีเยอะมาก""แล้วองค์จักรพรรดิให้เงินบรรเทาภัยมาเท่าไร?""หนึ่งหมื่นตำลึง""ขี้เหนียว" ฟู่จาวหนิงเบ้ปากนางเองก็ยอมแล้ว ผู้ประสบภัยนับหมื่น แต่ให้เงินบรรเทาภัยมาหมื่นตำลึง? นางเค้นจากตัวพวกองค์หญิงเจ็ดยังได้มาตั้งสามหมื่นตำลึง"คลังหลวงว่างเปล่าแล้วจริงๆ""เอาเถะ พวกเราเองก็ลองไปเตรียมตัวดูก่อน ถ้าเงินไม่พอจริง ค่อยให้ผู้ตรวจการชิงกลับไปปล้นองค์จักรพรรดิอีก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นถ้ายังไม่เห็นสถานการณ์เมืองเจ้อกับตา ใต้เท้าอันหากคิดจะปล้นก็ปล้นลำบาก"อันเหนียนบอกว่าสามวันนั้นรีบไปหน่อย ขอเลื่อนไปวันหนึ่ง ข้าส่งคนไปดูลาดเลาก่อน ตอนพวกเจ้าไปถึงจะมีคนรอรับอยู่"เอาของไปด้วยตั้งมากมาย ตอนไปถึงต้อง
ผู้อาวุโสจี้รู้ว่า จะเตือนไม่ให้ฟู่จาวหนิงไปเมืองเจ้อนั้นเป็นไปไม่ได้การตัดสินใจที่นางพูดออกมา ไม่มีทางเปลี่ยนยิ่งไปวก่านั้น วิชาหมอของนางเองก็ดีขนาดนี้ ไปสถานที่แบบนั้นจะต้องช่วยเหลือชีวิตได้มากมายแน่นอน ผู้อาวุโสจี้ที่ทั้งใจเต็มไปด้วยความดีงามก็ไม่กล้าที่จะห้ามปรามแต่เขาเองก็ยังเป็นห่วงฟู่จาวหนิง"เมืองเจ้อทางนั้นผู้ประสบภัยมากเกินไป จะต้องวุ่นวายแน่นอน เจ้าไปที่นั่นความปลอดภัยเป็นปัญหา ต้องระวังหน่อย แล้วอ๋องเจวี้ยนจัดแจงให้แล้วหรือยัง? เจ้าคงต้องพาองครักษ์ไปมากหน่อย"ถึงแม้ถ้าผู้ประสบภัยก่อจราจลขึ้นมา ต่อให้มีองครักษ์มากแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้ แต่พาไปหน่อยก็ยังดีกว่าไม่พาไป"เจ้ามีของแปลกๆ ตอนสกัดยาเยอะไม่ใช่หรือ? ทำยาที่เอาไว้ทำให้คนล้มวงกว้างๆ ไว้เยอะหน่อย ถ้าถึงเวลาต้องใช้จริง เจ้าก็ไม่ต้องสนอะไร สาดยาออกไปเลย รักษาตัวเองไว้ก่อนเป็นสำคัญ""ฮ่าๆ ท่านอาจารย์ สอนลูกศิษย์แบบนี้ได้เหรอ?"ฟู่จาวหนิงอดขำขึ้นมาไม่ได้ ผู้อาวุโสจี้สอนให้นางใช้ยาสลบกับผู้ประสบภัยเนี่ยนะผู้อาวุโสจี้ถลึงตา "แค่นี้จะเป็นอะไรไป? ทำอะไรก็ต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อน ความปลอดภัยของเจ้าสำคัญที่สุด!""ข้าย
"ศิษย์น้องหญิงเจ้าไปงานรับบริจาคของฮ่าวปิงมาหรือ?" ต่งฮ่วนจือเงยหน้ามองนาง"เปล่า ข้าตบนางไปฉาดหนึ่งด้วยซ้ำ"ฟู่จาวหนิงไม่ไว้หน้าเขาเลย เอาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ตั้งแต่ต้นจนจบเล่าออกมาอย่างละเอียดรอบหนึ่ง"ดังนั้น ศิษย์พี่รอง ข้าตอนนี้ข้าจะเน้นกับท่านอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เข้าไม่ถูกกับเฉินฮ่าวปิง ถ้านางยังคิดจะมาทำอะไรต่อหน้าข้าอีกจะไม่จบแค่ตบหน้าแล้ว เรื่องที่นางทำมันโง่เง่ามาก ยิ่งไปกว่นั้นนางยังโกรธแค้นแล้วมองข้าเป็ฯศัตรูอีก"ฟู่จาวหนิงกดเสียงต่ำ "ก่อนหน้านี้ศิษย์พี่เป็นอะไรกับพวกนางข้าไม่สนใจ แต่หลังจากนี้ ถ้าหากศิษย์พี่ยังยืนยันจะยืนอยู่ฝั่งนางทางนั้น ยังคิดจะปกป้องนาง เช่นนั้นข้าก็จะขีดเส้นกั้นกับศิษย์พี่แล้ว"ผู้อาวุโสจี้มองต่งฮ่วนจือหน้าขรึม"หลายปีนี้เจ้าเอาแต่ปกป้องแม่ลูกอย่างพวกนาง แล้วมองไม่ออกถึงความใจร้ายของนังเด็กนั่นเลยหรือ? หลังจากนางถูกแต่งตั้งเป็นท่านหญิงก็ไม่มาสนใจเจ้าอีก เจ้าคิดว่านางยังจำบุญคุณของเจ้าได้ไหม? เจ้าคิดว่าตนเองกับนางมีความสัมพันธ์ฉันท์ครอบครัว แต่นางก็แค่หลอกใช้เจ้า""ถึงอย่างไรคนที่โง่แบบเจ้าก็มีไม่เยอะ! ต่งฮ่วนจือ ศิษย์น้องหญิงของเจ้าพู
ฟู่จาวหนิงถอนหายใจ"ศิษย์พี่ พวกเราจะซื้อวัตถุดิบยาในราคาเดิม ไม่ต้องลดราคา แค่นี้ได้ไหม?""ถ้าอย่างนี้ก็ได้อยู่...""ต่ง ! ฮ่วน ! จือ!"ผู้อาวุโสจี้โกรธเป็นฟืนไฟแล้วจริงๆ"ท่านอาจารย์ สงบลงก่อน" ฟู่จาวหนิงรีบเดินไปอยู่ข้างๆ ผู้อาวุโสจี้ รินน้ำชาให้กับเขา "ศิษย์พี่ทำงานอย่างเข้มงวด เข้าต้องทำตามกฏการทำงานของพันธมิตรโอสถ อย่าทำให้เขาลำบากใจเลย""อาจารย์ เรื่องนี้ไม่ได้จะคุยกันลกบาก ข้าแค่ต้องใช้เวลาไปคำนวณต้นทุนของวัตถุดิบยาชนิดต่างๆ หน่อย ถึงตอนนั้นก็จะคำนวณส่วนลดลงมาได้"ต่งฮ่วนจือลุกขึ้นยืน ไม่กล้านั่งลงมา"แต่ถ้าศิษย์น้องหญิงไม่ต้องการลดต้นทุนสี่ส่วนล่ะก็ ข้าทางนี้จะหักกำไรทั้งหมดออกได้ ยิ่งไปกว่นั้น พวกเรายังสามารถบริจาควัตถุดิบยาที่ค่อนข้างพิเศษบางอย่างได้นิดหน่อยด้วย ข้าทางนี้ยังมีส่วนที่เหลืออยู่ เพราะสาขาย่อยเมืองเจ้อทางนั้นไม่มีวัตถุดิบยาชนิดนี้ ดังนั้นสิ่งนี้ข้ามอบให้ได้..."ต่งฮ่วนจือพยายามจะอธิบาย"ตัวข้าเองก็ยังบริจาคเงินช่วยได้ เงินพวกนี้เอาไปเพิ่มกับเงินที่ซื้อวัตถุดิบยาก็พอแล้ว ท่านอาจารย์ ข้าไม่ได้ตระหนี่ถี่เหนียวเสียหน่อย""เฮอะ" ผู้อาวุโสจี้โมโหจนหัวเราะ "
ต่งฮ่วนจือหลายวันนี้ดูผ่านไปแบบซึมเศร้าอยู่ ตอนนี้สีหน้าก็ยังไม่ค่อยดีนัก พูดจาเองก็ยังไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเขาพยายามอธิบายจุดนี้"วัตถุดิบยาชุดใหญ่ที่อ๋องเจวี้ยนต้องการ ก็ล้วนเป็นวัตถุดิบยารักษาหวัดหรืออาการบาดเจ็บภายนอกทั้งนั้น เป็นของที่หาได้ทั่วไป แล้วก็เป็นพวกที่ราคาถูกำไรน้อยพวกนั้น หลายอย่างพวกเราเก็บกำไรแค่หนึ่งถึงสองส่วน รักษาไม่ให้พันธมิตรโอสถต้องขาดทุน ถ้าหากวัตถุดิบยาเหล่านี้ลดราคาต้นทุนไปสี่ส่วน บัญชีของพันธมิตรก็จะมีช่องว่างเบ้อเร่อเลย"ต่งฮ่วนจือบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างจนใจ "ศิษย์น้องหญิง ถ้าแบบนี้บัญชีที่ข้าต้องส่งให้พันธมิตรสาขาตอนครึ่งปีจะอธิบายลำบากเอา"เข้าใจ ก็คือ ขาดทุนนั่นล่ะฟู่จาวหนิงยังไม่ทันพูด ผู้อาวุโสจี้ก็ร้องเชอะขึ้นมา "นี่มีอะไรพูดลำบากกัน? ข้าบอกให้เจ้าโยนทั้งหมดมาที่ตัวข้าแล้ว""ท่านอาจารย์ นี่มันทำได้ที่ไหนกัน? ถึงอย่างไรข้าก็ดูแลสาขาของเมืองหลวงนะ เป็นข้าที่ต้องรับผิดชอบ" ต่งฮ่วนจือเองก็ทำเรื่องอย่างการผลักภาระทุกอย่างไปให้อาจารย์หมดไม่ได้"เจ้าเอาแต่กลัวนั่นกลัวนี่ กล้าๆ กลัวๆ ก็แค่เพราะเจ้าเพิ่งมารับช่วงดูแลที่นี่ กลัวจะทำเรื่องโดดเด่นออกมาไม่ได้