ตระกูลหลินวุ่นวายเสียขนาดนี้ ฟู่จาวหนิงไม่สนใจที่นางเอาเรื่องนี้พูดออกมา ก็เพราะจะมาขีดเส้นอย่างชัดเจนกับตระกูลหลินญาติแบบนี้นางเองก้ไม่อยากจะมีหรอกกลับมาถึงบ้านตระกูลฟู่ นางกลับพบว่าเซี่ยซื่อกับหลินอันห่าวทั้งสองคน เดินวนเวียนอยู่ที่ประตู"น้าสะใภ้รอง"ฟู่จาวหนิงรีบลงรถม้า เดินตรงไปหาพวกนางเซี่ยซื่อพอเห็นนางดวงตาก็รื้นแดงขึ้นหลินอันห่าวเองก็มองนางอย่างน่าสงสาร "พี่หญิงจาวหนิง"ฟู่จาวหนิงเห็นพวกนางแต่ละคนหิ้วห่อผ้าเก่าๆ อยู่ใบหนึ่ง จึงเข้าไปจูงมือหลินอันห่าว "เข้ามาก่อนแล้วค่อยคุยกัน"เซี่ยซื่อเช็ดน้ำตาเดินเข้าไปในบ้านตระกูลฟู่ป้าจงส่งชาผลไม้มาให้พวกนาง"อันห่าว ลองชิมดู นี่คือชาผลไม้ที่ข้าทำเอง พวกเจ้าน่าจะยังไม่เคยดื่ม"หลินอันห่าวน่าจะกระหายแย่แล้ว ยกขึ้นดื่มลงไปอึกใหญ่ชาผลไม้อุ่นๆ มีรสชาติเปรี้ยวหวานหน่อยๆ อร่อยมาก แก้กระหายได้เป็นอย่างดี แตกต่างกับชาที่พวกนางเคยดื่มมาก่อนอย่างสิ้นเชิงดวงตาหลินอันห่าวเปล่งประกายขึ้นมาทันที "อร่อยจัง""ใช่ไหม?"ฟู่จาวหนิงยิ้มๆ ลูบหัวนางเซี่ยซื่อเองก็ดื่มไปแก้วหนึ่ง วางแก้วลงก็เอ่ยชมฟู่จาวหนิงขึ้นคำหนึ่ง "จาวหนิง เจ้านี่เก่ง
"ที่น่าโมโหดที่สุดคือพ่อของอันห่าว" เซี่ยซื่อสองตาแดงเถือก มองไปทางหลินอันห่าว "อันห่าว ให้เสี่ยวเถาพาเจ้าไปล้างหน้าล้างตาหน่อยดีไหม?"หลินอันห่าวลุกขึ้นยืน ก้มหน้าก้มตาเดินตามเสี่ยวเถาออกไปฟู่จาวหนิงมองแผ่นหลังนาง ใจเต้นขึ้นมา "น้าสะใภ้รอง อันห่าวทำไมถึงดูอารมณ์ไม่ดีเอาเสียเลย?""ข้าก็ไม่กล้าพูดเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ต่อหน้านาง! แต่คนคนนั้นคือพ่อแท้ๆ ของนาง!"เซี่ยซื่อปิดหน้าร้องไห้ขึ้นมา"จาวหนิง ข้าเองก็ไม่อยากจะพูดขึ้นมา เพราะพวกเขาคิดจะบีบให้ข้าส่งอันห่าวไปพักด้วยกันในจวนอ๋องเจวี้ยนกับเจ้า พวกเขาบอกว่าเจ้าดีกับอันห่าวมาก จะต้องรับปากแน่"ฟู่จาวหนิงตั้งตัวไม่ทันไปพักหนึ่ง "จะเข้าจวนอ๋องเจวี้ยนมาทำไมกัน?์"เพราะอะไรคิดจะเข้าเข้ามาพักในจวนอ๋องเจวี้ยน?เซี่ยซื่อสะอื้น "พวกเขายังสอนด้วยว่าหลังจากเข้าจวนอ๋องเจวี้ยนแล้วให้คิดหาวิธีเข้าใกล้อ๋องเจวี้ยน พวกเขาบอกว่าถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นคนนอก ให้เจ้ามาเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็ไม่มาสนใจตระกูลหลิน ถ้าให้อันห่าวกลายเป็นหญิงสาวของอ๋องเจวี้ยน พวกเขาก็จะกลายเป็นคนของอ๋องเจวี้ยนอย่างแท้จริงแล้ว อ๋องเจวี้ยนเองก็สามารถดูแลพวกเขาได้ บ้านตระกูลหลิน
ฟู่จาวหนิงตอนนี้ก็ยืนยันความหมายของเซี่ยซื่อแล้ว"น้าสะใภ้รองท่านอย่าพูดเช่นนี้เลย ก่อนหน้านี้ข้ากับท่านปู่เองก็ได้รับความช่วยเหลือจากท่านมาเช่นกัน ท่านกับอันห่าวมาพักที่บ้านตระกูลฟู่ก่อนเถิด หลังจากคนพวกนั้นย้ายออกไป บ้านตระกูลฟู่ตอนนี้ก็ว่างเปล่าเสียเหลือเกิน ห้องหับเองก็มากมี ให้ท่านกับอันห่าวมาอยู่ด้วยก็ยังเหลือเฟือ""จริงหรือ?" เซี่ยซื่อคิดไม่ถึงเลยว่านางยังไม่ทันพูดออกมาอย่างชัดเจน ฟู่จาวหนิงก็เอ่ยปากให้พวกนางเข้ามาอยู่เสียแล้วนางดีใจจนน้ำตาหลั่งออกมาอีกครั้ง"แต่ว่าจาวหนิง พวกเราตอนนี้ไม่ได้เป็นญาติกันแล้วนะ""เอาอย่างนี้ เมื่อครู่ข้าก็พูดเรื่องนี้ที่บ้านตระกูลหลินไปแล้ว ข้าบอกเรื่องที่แม่ของข้าไม่ใช่คนตระกูลหลิน และขีดเส้นแบ่งกับบ้านตระกูลหลินไปแล้ว ดังนั้นข้ากับตระกูลหลินจึงไม่มีความเกี่ยวข้องใดกันอีก เขาไม่ใช่น้าเขยรองของข้า ท่านเองก็ไม่ใช่น้าสะใภ้รองของข้า ข้าก็จะมองอันหาวเป็น้องสาวคนหนึ่ง เปลี่ยนคำเรียกท่านเป็นน้าเซี่ยแล้วกัน""ตอนที่แม่ของข้าอยู่ที่ตระกูลหลินยังไม่ได้ออกเรือนท่านคงดีกับนางมากแน่ๆ ดังนั้นท่านก็เป็นพี่เลี้ยงของแม่ข้าเถิด น้าเซี่ยกับอันห่าวอยู่ที่บ้านต
เซี่ยซื่อปาดน้ำตาออกไปยืนอยู่ในเรือนตระกูลฟู่ นางรู้สึกว่าหมอกควันในใจล้วนสลายไปแล้วฟู่จาวหนิงช่วยชีวิตนางกับอันห่าวสองแม่ลูกไว้แล้วจริงๆผู้เฒ่าฟู่หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ก็อดก่นด่าตระกูลหลินขึ้นมาไม่ได้ ช่างไร้ค่าเสียจริง!เขาไม่ได้มีความเห็นอะไรกับการจัดวางของฟู่จาวหนิง ยิ่งไปกว่านั้นยังดีใจมากอีกด้วย ที่ในบ้านมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อยเขาจึงดีใจมากเซี่ยซื่อกับอันห่าวไม่เหมือนคนอกตัญญูละโมบโลภมากอย่างพวกของผู้เฒ่าฟู่รองเหล่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นจาวหนิงตอนเกิดมาก็ไม่มีพ่อแม่อยู่ข้างกาย น่าจะมีเรื่องผู้หญิงผู้หญิงอีกมากมายที่ไม่มีใครพูดได้ หลังจากนี้มีเซี่ยซื่ออยู่ก็คงดีขึ้นเยอะเซี่ยซื่อกับอันห่าวจึงพักอยู่ที่บ้านตระกูลฟู่สิ่งที่ทำให้คนตกตะลึงก็คือ อันห่าวกับเฮ่อเหลียนเฟยกลับเข้ากันได้ดี นางไม่กลัวเฮ่อเหลียนเฟยเลย แล้วยังพูดเรื่องน่าสนใจในเมืองหลวงให้เขาฟังอีกด้วย"ช่วงนี้คนของจวนทางการกำลังหาคนอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังหาคนแก่คนหนึ่งอยู่หรือเปล่า หลายวันก่อนข้าเห็นคนแก่ที่มาจากภายนอกคนหนึ่ง บาดเจ็บ แล้วมาเป็นลมล้มพับอยู่ที่ประตูหลังบ้านตระกูลหลิน ข้ายกน้ำมาให้เขาชามหนึ่ง แล
ฟู่จาวหนิงพาเซี่ยซื่อ พาสืออีสือซานไปยังสถานที่นั้นถ้าหากไม่มีเซี่ยซื่อนำทาง ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ว่าใกล้ๆ บ้านตระกูลหลินจะมีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วย ดูแล้วเหมือนสถานที่รกร้างแห่งหนึ่งที่ถูกบ้านของผู้คนบางส่วนล้อมเอาไว้ ต้นไผ่หลายกอเองก็แน่นขนัดมาก มีถนนหินแตกๆ ที่ตะไคร่น้ำยื่นเข้ามาอีกด้วยด้านในมีบ่อน้ำบ่อหนึ่ง ข้างบ่อน้ำมีแผ่นหินปูไว้ระเกะระกะ ดูแล้วลื่นๆ มันๆ แต่ก่อนน่าจะมีหญิงสาวมาซักเสื้อผ้ากันที่นี่บ่อยครั้ง"แต่ก่อนมีคนไม่น้อยที่มาที่นี่ตักน้ำกับซักล้างสิ่งของ แต่ว่าสองปีมานี้ บ่อน้ำนี้ก็แห้งไปอย่างประหลาด จะตักน้ำก็เปลืองแรง ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีใครมาแล้ว" เซี่ยซื่อตอบ"น้าเซี่ย ท่านอยู่บนรถไม่ต้องลงมา เฉินซานรออยู่ที่นี่ ถ้ามีเรื่องอะไรไม่ถูกต้องเจ้าก็ขับรถม้าออกไปเลย"ช่วงสายัณห์แล้ว ที่นี่มีป่าไผ่ ดังนั้นแสงจึงค่อนข้ามมืดทึม ด้านในดูแล้วก็ครึ้มขึ้นไปอีกฟู่จาวหนิงไม่ได้เตรียมให้เซี่ยซื่อตามเข้าไป"จาวหนิง เจ้าจะเข้าไปเองหรือ?" เซี่ยซื่อกังวลหน่อยๆ ถ้าอันห่าวบอกว่าชายชราคนนั้นซ่อนตัวอยู่ในนี้จริง ก็อธิบายได้ว่าเขาอาจจะไม่ใช่คนที่จวนทางการตามหาอยู่ แล้วจะเป็นคนเลวหรือไม่กัน?
สืออีกับสือซานสบตากันผาดหนึ่ง ทั้งสองคนดูตกตะลึงหน่อยๆ พวกเขาถึงแม้จะคาดเดาไว้บ้างแล้ว รู้สึกว่าคนที่ซ่อนอยู่ที่นี่จะต้องเป็นผู้นำตระกูลฮู่ แต่ก็ยังยืนยันไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าฟู่จาวหนิงจะร้องเรียกขึ้นมาตรงๆ"ข้าคือฟู่จาวหนิง พระชายาของเซียวหลันยวน"ฟู่จาวหนิงขานตัวตนฐานะตนเองออกมาด้านในไม่มีการเคลื่อนไหวใด"ก่อนหน้านี้ท่านพบกับสาวน้อยคนหนึ่ง นางส่งยาให้กับท่าน ยานั้นคือยาที่ข้าสกัดมาเอง ถ้าหากท่านบาดเจ็บ ยาวันนั้นถ้ากินหมดก็น่าจะดีขึ้นมากแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ตอนนี้จะยังไออยู่ แต่เมื่อครู่ข้าได้ยินท่านข่มอาการไอเสียงต่ำ น่าจะเพราะบาดเจ็บไปไม่น้อย"พอสิ้นเสียงคำพูดฟู่จาวหนิง ด้านในก็มีเสียงไอออกมาเป็นชุดตอนนี้น่าจะข่มไม่อยู่แล้ว"ท่าน ท่าน แค่กๆๆ""ผู้นำตระกูลฮู่ ถ้าหากไม่ว่าอะไร ข้าจะเข้าไปแล้ว แค่ข้าคนเดียว"ฟู่จาวหนิงยกเท้าเดินเข้าไปในห้องมีเตียงไม้ตัววหนึ่ง ด้านบนวางป้ายสุสานหลายป้ายวางไว้ด้านในมุม มีคนชราพิงกำแพงอยู่ ด้านล่างมีเสื้อฟางอยู่สามผืนเขาพิงอยู่ตรงนั้นตัวสั่นระริก ใบหน้ามีแต่ฝุ่นธูป มองหน้าตาไม่ออก แต่เส้นผมขาวโพลน ดูแล้วน่าจะอายุอานามไม่น้อยเสื้อผ้าของเขาย
พอกลืนยาลงไป ฟู่จาวหนิงก็เก็บเข็มลงไปผู้นำตระกูลฮู่รู้สึกว่าช่วงปอดมีกระแสเย็นๆ ไหลผ่าน อาการหายใจไม่ออกแต่เดิมก็ราวกับถูกขจัดทิ้งออกไปอย่างไรอย่างนั้นหลายวันมานี้ เขาสัมผัสถึงความผ่อนคลายเบาสบายได้ขึ้นเป็นครั้งแรกเขาถอนหายใจยาว ตอนนี้จึงเพิ่งได้พิจารณาตัวฟู่จาวหนิง"เอาล่ะ ยาเม็ดนี้กับเข็มเมื่อครู่น่าจะสามารถระงับไว้ด้วยระดับหนึ่ง ข้าจะจับชีพจรให้ท่านอีกก็แล้ว""ท่านกับอ๋องเจวี้ยน ตอนนี้ยังเป็นสามีภรรยากันหรือ?" ผู้นำตระกูลฮู่ตอนนี้เพิ่งพูดได้"ตอนนี้ใช่อยู่" ฟู่จาวหนิงพยักหน้า "กำลังรอให้ท่านนำสิ่งยืนยันไปมอบให้อยู่ตลอด""สิ่งยืนยัน" ผู้นำตระกูลฮู่เสียงขมฝาดขึ้นมา "ต้องเจอกับอ๋องเจวี้ยนเสียก่อนจึงจะมอบให้ได้""เข้าใจ เช่นนั้นตอนนี้ข้าพาท่านกลับไปจวนอ๋องเจวี้ยนเป็นอย่างไร?"ฟู่จาวหนิงจับชีพจรเขา ในใจก็ดำดิ่งเล็กน้อย"ถ้าออกไปแล้ว จะตกไปอยู่ในมือพวกเขาไหม?""พวกเขา?""คนของวังหลวง แล้วก็เจ้าพวกลูกหลานอกตัญญูของตระกูลข้าเหล่านั้น""ยังมีคนอื่นอีกกระมัง?""ยังมีขั้วอำนาจไม่ชัดเจนอีกกลุ่มหนึ่งกำลังหาตัวข้า ข้าถูกพวกเขาเล่นงานจนบาดเจ็บ อาวุธพวกเขามีพิษ ข้าสงสัยว่าน่าจะเป็น
"กู่?"สืออีดึงฟู่จาวหนิงถอยถอยออกมาหลายก้าวทันทีพิษกู่ ในสายตาพวกเขานั้นน่ากลัวมาก เพราะตอนที่ติดพิษกู่หมอธรรมดานั้นรักษาไม่ได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้นคนผู้นี้ยังอาจจะถูกควบคุมด้วย ใครเองก็ไม่รู้ว่าก้าวต่อไปของเขาจะทำอะไรออกมามีพิษกู่บางส่วนที่สามารถย้ายไปอยู่บนคนข้างๆ ในพริบตาอีกด้วย ป้องกันไม่ได้"ดังนั้นข้าเพิ่งพูดว่าอาจจะเป็นสาวกของลัทธิเทพทำลายล้าง พอข้าขยับตัว พิษกู่กำเริบ แม่กู่ของพวกเขาทางนั้นก็จะมีปฏิกิริยาจนหาตัวข้าเจอ ข้าเองก็ไม่อยากล่อคนอันตรายพวกนี้มาอยู่ข้างกายอ๋องเจวี้ยน"ผู้นำตระกูลฮู่ถอนหายใจ "พระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านมีความกล้า วิชาแพทย์ก็เยี่ยมยอด ข้าเองก็ไม่อยากฉุดท่านมาด้วย "ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว เดินออกมาจากด้านหลังสืออี จากนั้นก็เดินไปหาผู้นำตระกูลฮู่ "สือซาน ให้เฉินซานพาน้าเซี่ยออกไปก่อน จากนั้นก็ไปเรียกเซียวหลันยวนเข้ามา""ขอรับ"สือซานวิ่งออกไปทันทีเซี่ยซื่อพอรู้ว่าฟู่จาวหนิงยังอยู่ที่นี่เพื่อรอ ก็กังวลขึ้นมาพอสมควร"ทำไมถึงยังไม่ไปล่ะ? นี่ฟ้าก็จะมืดอยู่แล้ว ที่นี่มันมืดทึมมากเลยนะ""คุณหนูยังมีธุระอยู่ พวกเรารีบไปจวนอ๋องเจวี้ยนกันก่อน แล้วเฉินซานก็บอกตำ
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้