ฟู่จาวหนิงตอนนี้ก็ยืนยันความหมายของเซี่ยซื่อแล้ว"น้าสะใภ้รองท่านอย่าพูดเช่นนี้เลย ก่อนหน้านี้ข้ากับท่านปู่เองก็ได้รับความช่วยเหลือจากท่านมาเช่นกัน ท่านกับอันห่าวมาพักที่บ้านตระกูลฟู่ก่อนเถิด หลังจากคนพวกนั้นย้ายออกไป บ้านตระกูลฟู่ตอนนี้ก็ว่างเปล่าเสียเหลือเกิน ห้องหับเองก็มากมี ให้ท่านกับอันห่าวมาอยู่ด้วยก็ยังเหลือเฟือ""จริงหรือ?" เซี่ยซื่อคิดไม่ถึงเลยว่านางยังไม่ทันพูดออกมาอย่างชัดเจน ฟู่จาวหนิงก็เอ่ยปากให้พวกนางเข้ามาอยู่เสียแล้วนางดีใจจนน้ำตาหลั่งออกมาอีกครั้ง"แต่ว่าจาวหนิง พวกเราตอนนี้ไม่ได้เป็นญาติกันแล้วนะ""เอาอย่างนี้ เมื่อครู่ข้าก็พูดเรื่องนี้ที่บ้านตระกูลหลินไปแล้ว ข้าบอกเรื่องที่แม่ของข้าไม่ใช่คนตระกูลหลิน และขีดเส้นแบ่งกับบ้านตระกูลหลินไปแล้ว ดังนั้นข้ากับตระกูลหลินจึงไม่มีความเกี่ยวข้องใดกันอีก เขาไม่ใช่น้าเขยรองของข้า ท่านเองก็ไม่ใช่น้าสะใภ้รองของข้า ข้าก็จะมองอันหาวเป็น้องสาวคนหนึ่ง เปลี่ยนคำเรียกท่านเป็นน้าเซี่ยแล้วกัน""ตอนที่แม่ของข้าอยู่ที่ตระกูลหลินยังไม่ได้ออกเรือนท่านคงดีกับนางมากแน่ๆ ดังนั้นท่านก็เป็นพี่เลี้ยงของแม่ข้าเถิด น้าเซี่ยกับอันห่าวอยู่ที่บ้านต
เซี่ยซื่อปาดน้ำตาออกไปยืนอยู่ในเรือนตระกูลฟู่ นางรู้สึกว่าหมอกควันในใจล้วนสลายไปแล้วฟู่จาวหนิงช่วยชีวิตนางกับอันห่าวสองแม่ลูกไว้แล้วจริงๆผู้เฒ่าฟู่หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ก็อดก่นด่าตระกูลหลินขึ้นมาไม่ได้ ช่างไร้ค่าเสียจริง!เขาไม่ได้มีความเห็นอะไรกับการจัดวางของฟู่จาวหนิง ยิ่งไปกว่านั้นยังดีใจมากอีกด้วย ที่ในบ้านมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อยเขาจึงดีใจมากเซี่ยซื่อกับอันห่าวไม่เหมือนคนอกตัญญูละโมบโลภมากอย่างพวกของผู้เฒ่าฟู่รองเหล่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นจาวหนิงตอนเกิดมาก็ไม่มีพ่อแม่อยู่ข้างกาย น่าจะมีเรื่องผู้หญิงผู้หญิงอีกมากมายที่ไม่มีใครพูดได้ หลังจากนี้มีเซี่ยซื่ออยู่ก็คงดีขึ้นเยอะเซี่ยซื่อกับอันห่าวจึงพักอยู่ที่บ้านตระกูลฟู่สิ่งที่ทำให้คนตกตะลึงก็คือ อันห่าวกับเฮ่อเหลียนเฟยกลับเข้ากันได้ดี นางไม่กลัวเฮ่อเหลียนเฟยเลย แล้วยังพูดเรื่องน่าสนใจในเมืองหลวงให้เขาฟังอีกด้วย"ช่วงนี้คนของจวนทางการกำลังหาคนอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังหาคนแก่คนหนึ่งอยู่หรือเปล่า หลายวันก่อนข้าเห็นคนแก่ที่มาจากภายนอกคนหนึ่ง บาดเจ็บ แล้วมาเป็นลมล้มพับอยู่ที่ประตูหลังบ้านตระกูลหลิน ข้ายกน้ำมาให้เขาชามหนึ่ง แล
ฟู่จาวหนิงพาเซี่ยซื่อ พาสืออีสือซานไปยังสถานที่นั้นถ้าหากไม่มีเซี่ยซื่อนำทาง ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ว่าใกล้ๆ บ้านตระกูลหลินจะมีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วย ดูแล้วเหมือนสถานที่รกร้างแห่งหนึ่งที่ถูกบ้านของผู้คนบางส่วนล้อมเอาไว้ ต้นไผ่หลายกอเองก็แน่นขนัดมาก มีถนนหินแตกๆ ที่ตะไคร่น้ำยื่นเข้ามาอีกด้วยด้านในมีบ่อน้ำบ่อหนึ่ง ข้างบ่อน้ำมีแผ่นหินปูไว้ระเกะระกะ ดูแล้วลื่นๆ มันๆ แต่ก่อนน่าจะมีหญิงสาวมาซักเสื้อผ้ากันที่นี่บ่อยครั้ง"แต่ก่อนมีคนไม่น้อยที่มาที่นี่ตักน้ำกับซักล้างสิ่งของ แต่ว่าสองปีมานี้ บ่อน้ำนี้ก็แห้งไปอย่างประหลาด จะตักน้ำก็เปลืองแรง ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีใครมาแล้ว" เซี่ยซื่อตอบ"น้าเซี่ย ท่านอยู่บนรถไม่ต้องลงมา เฉินซานรออยู่ที่นี่ ถ้ามีเรื่องอะไรไม่ถูกต้องเจ้าก็ขับรถม้าออกไปเลย"ช่วงสายัณห์แล้ว ที่นี่มีป่าไผ่ ดังนั้นแสงจึงค่อนข้ามมืดทึม ด้านในดูแล้วก็ครึ้มขึ้นไปอีกฟู่จาวหนิงไม่ได้เตรียมให้เซี่ยซื่อตามเข้าไป"จาวหนิง เจ้าจะเข้าไปเองหรือ?" เซี่ยซื่อกังวลหน่อยๆ ถ้าอันห่าวบอกว่าชายชราคนนั้นซ่อนตัวอยู่ในนี้จริง ก็อธิบายได้ว่าเขาอาจจะไม่ใช่คนที่จวนทางการตามหาอยู่ แล้วจะเป็นคนเลวหรือไม่กัน?
สืออีกับสือซานสบตากันผาดหนึ่ง ทั้งสองคนดูตกตะลึงหน่อยๆ พวกเขาถึงแม้จะคาดเดาไว้บ้างแล้ว รู้สึกว่าคนที่ซ่อนอยู่ที่นี่จะต้องเป็นผู้นำตระกูลฮู่ แต่ก็ยังยืนยันไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าฟู่จาวหนิงจะร้องเรียกขึ้นมาตรงๆ"ข้าคือฟู่จาวหนิง พระชายาของเซียวหลันยวน"ฟู่จาวหนิงขานตัวตนฐานะตนเองออกมาด้านในไม่มีการเคลื่อนไหวใด"ก่อนหน้านี้ท่านพบกับสาวน้อยคนหนึ่ง นางส่งยาให้กับท่าน ยานั้นคือยาที่ข้าสกัดมาเอง ถ้าหากท่านบาดเจ็บ ยาวันนั้นถ้ากินหมดก็น่าจะดีขึ้นมากแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ตอนนี้จะยังไออยู่ แต่เมื่อครู่ข้าได้ยินท่านข่มอาการไอเสียงต่ำ น่าจะเพราะบาดเจ็บไปไม่น้อย"พอสิ้นเสียงคำพูดฟู่จาวหนิง ด้านในก็มีเสียงไอออกมาเป็นชุดตอนนี้น่าจะข่มไม่อยู่แล้ว"ท่าน ท่าน แค่กๆๆ""ผู้นำตระกูลฮู่ ถ้าหากไม่ว่าอะไร ข้าจะเข้าไปแล้ว แค่ข้าคนเดียว"ฟู่จาวหนิงยกเท้าเดินเข้าไปในห้องมีเตียงไม้ตัววหนึ่ง ด้านบนวางป้ายสุสานหลายป้ายวางไว้ด้านในมุม มีคนชราพิงกำแพงอยู่ ด้านล่างมีเสื้อฟางอยู่สามผืนเขาพิงอยู่ตรงนั้นตัวสั่นระริก ใบหน้ามีแต่ฝุ่นธูป มองหน้าตาไม่ออก แต่เส้นผมขาวโพลน ดูแล้วน่าจะอายุอานามไม่น้อยเสื้อผ้าของเขาย
พอกลืนยาลงไป ฟู่จาวหนิงก็เก็บเข็มลงไปผู้นำตระกูลฮู่รู้สึกว่าช่วงปอดมีกระแสเย็นๆ ไหลผ่าน อาการหายใจไม่ออกแต่เดิมก็ราวกับถูกขจัดทิ้งออกไปอย่างไรอย่างนั้นหลายวันมานี้ เขาสัมผัสถึงความผ่อนคลายเบาสบายได้ขึ้นเป็นครั้งแรกเขาถอนหายใจยาว ตอนนี้จึงเพิ่งได้พิจารณาตัวฟู่จาวหนิง"เอาล่ะ ยาเม็ดนี้กับเข็มเมื่อครู่น่าจะสามารถระงับไว้ด้วยระดับหนึ่ง ข้าจะจับชีพจรให้ท่านอีกก็แล้ว""ท่านกับอ๋องเจวี้ยน ตอนนี้ยังเป็นสามีภรรยากันหรือ?" ผู้นำตระกูลฮู่ตอนนี้เพิ่งพูดได้"ตอนนี้ใช่อยู่" ฟู่จาวหนิงพยักหน้า "กำลังรอให้ท่านนำสิ่งยืนยันไปมอบให้อยู่ตลอด""สิ่งยืนยัน" ผู้นำตระกูลฮู่เสียงขมฝาดขึ้นมา "ต้องเจอกับอ๋องเจวี้ยนเสียก่อนจึงจะมอบให้ได้""เข้าใจ เช่นนั้นตอนนี้ข้าพาท่านกลับไปจวนอ๋องเจวี้ยนเป็นอย่างไร?"ฟู่จาวหนิงจับชีพจรเขา ในใจก็ดำดิ่งเล็กน้อย"ถ้าออกไปแล้ว จะตกไปอยู่ในมือพวกเขาไหม?""พวกเขา?""คนของวังหลวง แล้วก็เจ้าพวกลูกหลานอกตัญญูของตระกูลข้าเหล่านั้น""ยังมีคนอื่นอีกกระมัง?""ยังมีขั้วอำนาจไม่ชัดเจนอีกกลุ่มหนึ่งกำลังหาตัวข้า ข้าถูกพวกเขาเล่นงานจนบาดเจ็บ อาวุธพวกเขามีพิษ ข้าสงสัยว่าน่าจะเป็น
"กู่?"สืออีดึงฟู่จาวหนิงถอยถอยออกมาหลายก้าวทันทีพิษกู่ ในสายตาพวกเขานั้นน่ากลัวมาก เพราะตอนที่ติดพิษกู่หมอธรรมดานั้นรักษาไม่ได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้นคนผู้นี้ยังอาจจะถูกควบคุมด้วย ใครเองก็ไม่รู้ว่าก้าวต่อไปของเขาจะทำอะไรออกมามีพิษกู่บางส่วนที่สามารถย้ายไปอยู่บนคนข้างๆ ในพริบตาอีกด้วย ป้องกันไม่ได้"ดังนั้นข้าเพิ่งพูดว่าอาจจะเป็นสาวกของลัทธิเทพทำลายล้าง พอข้าขยับตัว พิษกู่กำเริบ แม่กู่ของพวกเขาทางนั้นก็จะมีปฏิกิริยาจนหาตัวข้าเจอ ข้าเองก็ไม่อยากล่อคนอันตรายพวกนี้มาอยู่ข้างกายอ๋องเจวี้ยน"ผู้นำตระกูลฮู่ถอนหายใจ "พระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านมีความกล้า วิชาแพทย์ก็เยี่ยมยอด ข้าเองก็ไม่อยากฉุดท่านมาด้วย "ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว เดินออกมาจากด้านหลังสืออี จากนั้นก็เดินไปหาผู้นำตระกูลฮู่ "สือซาน ให้เฉินซานพาน้าเซี่ยออกไปก่อน จากนั้นก็ไปเรียกเซียวหลันยวนเข้ามา""ขอรับ"สือซานวิ่งออกไปทันทีเซี่ยซื่อพอรู้ว่าฟู่จาวหนิงยังอยู่ที่นี่เพื่อรอ ก็กังวลขึ้นมาพอสมควร"ทำไมถึงยังไม่ไปล่ะ? นี่ฟ้าก็จะมืดอยู่แล้ว ที่นี่มันมืดทึมมากเลยนะ""คุณหนูยังมีธุระอยู่ พวกเรารีบไปจวนอ๋องเจวี้ยนกันก่อน แล้วเฉินซานก็บอกตำ
สืออีเองก็เหลือบมองผาดหนึ่ง แต่กลับไม่เข้าใจว่านี่เกี่ยวข้องอะไรกับพิษกู่"พวกท่านตอนนี้ยังมองไม่เห็น แต่ว่า พอถึงตอนกลางคืนเส้นเลือดหลังฝ่ามือนี้จะเหมือนมีอะไรมุดอยู่ ดิ้นไปดิ้นมา"ผู้นำตระกูลฮู่ถอนหายใจ วางมือลงมา"ข้าปีนี้อายุเจ็ดสิบแปดแล้ว ใช้ชีวิตมานานเกินพอ เดิมทีครั้งนี้พวกเขาล้วนพูดว่าอย่ามาส่งมอบสิ่งยืนยันด้วยตนเองเลย ระยะทางก็ยาวไกล ข้าอายุมากขนาดนี้ใครก็ไม่รู้ว่าจะยังทนไหวได้หรือไม่? แต่ข้ารู้สึกว่าถ้าตนเองไม่มาเองก็ไม่วางใจ หลานชายคนเล็กของข้าคนนั้นก็ยังพอไหวอยู่ แต่ถึงอย่างไรก็ยังอายุน้อย ไม่ค่อยจะมีประสบการณ์นัก ข้าเองก็อยากจะพาเขาออกมาเสียรอบหนึ่ง ใครจะรู้ว่าบิดาของเขากลับมีปัญหาขึ้นมา""หลานชายคนเล็กของท่าน?""ใช่ ตอนนี้เขาน่าจะยังออกค้นหาตัวข้าไปทั่วอยู่" ผู้นำตระกูลฮู่ถอนหายใจ "และก็ไม่รู้ว่าข้าจะได้พบเขาอีกสักครั้งไหม"สืออีมองฟู่จาวหนิงพวกเขาฟังออกแล้ว ผู้นำตระกูลฮู่น่าจะรู้สึกว่าตนเองคงอยู่ได้อีกไม่นาน เขาตอนนี้คงกำลังฝืนตัวคิดจะส่งมอบสิ่งยืนยันให้ท่านอ๋องด้วนตนเองอยู่กระมัง?"ข้าจะไปดูว่าท่านอ๋องมาแล้วหรือยัง"สืออีคิดจะออกไปสูดอากาศ และอยากให้ให้ฟู่จาวห
"คุณหนู" สืออีกลับยังกังวลมาก เขาเองก็อยากจะขวาง แต่ฟู่จาวหนิงไม่ฟังเขา นิ้วมือทาบลงไปบนชีพจรผู้นำตระกูลฮู่แล้วเขาทำได้แค่ปิดปากไว้เท่านั้นฟู่จาวหนิงจับชีพจรเขาอย่างละเอียด จากนั้นก็ตรวจสอบดวงตากับลิ้นของผู้นำตระกูลฮู่ กระทั่งยังมองที่หูของเขา และยังเคาะๆ ไปที่หัวใจของเขาด้วยตอนที่นางตรวจสอบอย่างละเอียด สืออีได้ยินเสียงเบาๆ ที่ด้านนอก เสียงแซ่กแซ่กดังขึ้นทีละเล็กละน้อย เหมือนเสียงเหยียบลงไปบนใบไผ่ที่ร่วงอยู่เต็มพื้นอย่างไรอย่างนั้น"่มีคนเข้ามาแล้ว"เสียงของสืออีกดต่ำ มือก็กำกระบี่ไว้แน่นผู้นำตระกูลฮู่ก็กระเสือกกระสนลุกขึ้นนั่ง ฟู่จาวหนิงยื่นมือกดลงไปบนบ่าของเขา "ท่านผู้นำตระกูลอย่าเพิ่งขยับตัว"นางเหมือนจะตรวจเจออะไรเข้าแล้วฟู่จาวหนิงหยิบเข็มเงินออกมา จากนั้นก็ล้วงขวดออกมาอีกใบหนึ่ง "ข่าจะไล่ตามรอยแมลงกู่ตัวนั้นสักหน่อย"ผู้นำตระกูลฮู่ตกตะลึง "ไล่ตามรอยแมลงกู่?"เขาก็เพิ่งจะเคยได้ยินวิธีเช่นนี้เป็นครั้งแรก ไล่ตามรอยแมลงกู่ ไล่ตามอย่างไร? นางรู้หรือว่าแมลงกู่ตัวนั้นซ่อนอยู่ที่ไหน?"บีบให้มันเคลื่อนไหวได้"ฟู่จาวหนิงหลังจากตรวจก็พบว่าร่างกายของผู้นำตระกูลแทบจะทนไม่ไหวแล