"คุณหนู" สืออีกลับยังกังวลมาก เขาเองก็อยากจะขวาง แต่ฟู่จาวหนิงไม่ฟังเขา นิ้วมือทาบลงไปบนชีพจรผู้นำตระกูลฮู่แล้วเขาทำได้แค่ปิดปากไว้เท่านั้นฟู่จาวหนิงจับชีพจรเขาอย่างละเอียด จากนั้นก็ตรวจสอบดวงตากับลิ้นของผู้นำตระกูลฮู่ กระทั่งยังมองที่หูของเขา และยังเคาะๆ ไปที่หัวใจของเขาด้วยตอนที่นางตรวจสอบอย่างละเอียด สืออีได้ยินเสียงเบาๆ ที่ด้านนอก เสียงแซ่กแซ่กดังขึ้นทีละเล็กละน้อย เหมือนเสียงเหยียบลงไปบนใบไผ่ที่ร่วงอยู่เต็มพื้นอย่างไรอย่างนั้น"่มีคนเข้ามาแล้ว"เสียงของสืออีกดต่ำ มือก็กำกระบี่ไว้แน่นผู้นำตระกูลฮู่ก็กระเสือกกระสนลุกขึ้นนั่ง ฟู่จาวหนิงยื่นมือกดลงไปบนบ่าของเขา "ท่านผู้นำตระกูลอย่าเพิ่งขยับตัว"นางเหมือนจะตรวจเจออะไรเข้าแล้วฟู่จาวหนิงหยิบเข็มเงินออกมา จากนั้นก็ล้วงขวดออกมาอีกใบหนึ่ง "ข่าจะไล่ตามรอยแมลงกู่ตัวนั้นสักหน่อย"ผู้นำตระกูลฮู่ตกตะลึง "ไล่ตามรอยแมลงกู่?"เขาก็เพิ่งจะเคยได้ยินวิธีเช่นนี้เป็นครั้งแรก ไล่ตามรอยแมลงกู่ ไล่ตามอย่างไร? นางรู้หรือว่าแมลงกู่ตัวนั้นซ่อนอยู่ที่ไหน?"บีบให้มันเคลื่อนไหวได้"ฟู่จาวหนิงหลังจากตรวจก็พบว่าร่างกายของผู้นำตระกูลแทบจะทนไม่ไหวแล
"ไม่ต้องรีบร้อน พวกเขาตอนนี้ยังไม่ลงมือแน่ เพราะว่าอีกฝ่ายจจะต้องอยากได้สิ่งยืนยันด้วยแน่นอน" ฟู่จาวหนิงขณะที่ลงเข็มอย่างรวดเร็วก็ยังเบนความสนใจมาคุยกับผู้นำตระกูลฮู่ได้อีกผู้นำตระกูลฮู่ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกหน่อยๆ เหมือนกันพระชายาอ๋องเจวี้ยนคนนี้ไม่ใช่หญิงสาวธรรมดาเลย"ท่านไม่กลัวหรือ?" เขาอดถามขึ้นมาไม่ได้นางตอนนี้มีทหารอยู่แค่คนเดียว และเขาก็มองออกแล้ว ว่านางไม่มีกำลังภายใน พูดว่าไม่มีวรยุทธ์เลยก็ได้ อีกฝ่ายถ้าโยนควันพิษเข้ามาในห้อง จะต้องเป็นพิษร้ายแรงอย่างแน่นอน"กลัวอะไร? พวกเขาไม่แน่ว่าจะต้องสังหารข้าเสียหน่อย" ฟู่จาวหนิงขณะที่ตอบคำถามนี้ก็ยังปักเข็มลงไปอีกหลายเข็มครั้งนี้ ผู้นำตระกูลฮู่รู้สึกว่าในมือของตนเองมีอะไรบางอย่างกำลังขยับตัวอยู่เขาไม่สนใจการเคลื่อนไหวภายนอกไปชั่วขณะ ร้องเสียงต่อขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ "อยู่ที่แขนขวาทางนี้!"ฟู่จาวหนิงไม่พูดพล่ามทำเพลง มีดผ่าตัดอยู่ในมือ พอกรีดวาดก็ตัดแขนเสื้อของเขาออก พอกระชาก แขนเสื้อทั้งแขนก็ถูกดึงลงมานางเห็นการกระโดดเคลื่อนไหวเล็กๆ บนแขนของผู้นำตระกูลฮู่ แทงเข็มหลายเล่มฉึกๆ เข้าไปตำแหน่งนั้นมีอะไรบางอย่างดิ้นขึ้นมาอีก ร
เข็มเล่มนี้ก็ไล่ออกไปได้จริงๆคนชุดดำนั่นรีบร้อนสลายตัวทันที แต่ฟู่จาวหนิงยิงเข็มออกไปอีกเล่มอย่างรวดเร็ว เล่มเมื่อครู่เป็นแค่ลูกไม้หลอก เล่มนี้ในมือนางต่างหากที่เป็นของจริงเข็มแทงเข้าไปในผิวหนัง อีกฝ่ายดึงออกในพริบตา"ต่อให้เจ้าจะใช้เข็มพิษ" ดึงออกเร็วขนาดนี้ มันจะส่งผลออกมาได้หรือ?แต่สมองเขาตอนที่คิดประโยคนี้ได้ครึ่งเดียว ก็รู้สึกว่าจุดที่ถูกเข็มเข้าไปของตนเองสูญเสียความรู้สึกไปแล้วเสียงตุบดังขึ้น เขาร่วงลงกระแทกพื้นอย่างหนักผู้นำตระกูลฮู่เห็นฟู่จาวหนิงลงมือก็จัดการคนชุดดำที่มีวรยุทธ์ไปได้ถึงสามคน จึงตกตะลึงนิ่งงันไปแล้วใครบอกว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนไม่มีวรยุทธ์กัน?ร้ายกาจขนาดนี้ยังจะบอกว่าไม่มีวรยุทธ์หรือ?แค่ยาเหล่านี้ที่นางสกัด ใครบ้างที่ไม่อยากได้? พอฉาบลงไปที่อาวุธลับกับดาบกระบี่ พลังทำลายล้างก็น่าตกตะลึงขึ้นทันทีสืออีเองก็จัดการไปแล้วหลายคน เข้าขวางอยู่เบื้องหน้าฟู่จาวหนิงด้านนอกมีการเคลื่อนไหวอีก มีคนถูกฝ่ามือลมซัดจนร่วงหนักๆ ไปบนพื้น และยังมีคนชุดดำที่พร้อมจะพุ่งเข้ามาในห้องอีกสองคนถูกแทงกระบี่เข้าไป ล้มฟุบเข้ามา"จาวหนิง!"ด้านนอกมีเสียงร้องรนกังวลดังขึ้น
"ใช่แล้ว นางเป็น" เซียวหลันยวนจับมือฟู่จาวหนิงไว้แน่นฟู่จาวหนิงปากขยับเล็กน้อย แต่ไม่พูดอะไรนางคิดออกแล้ว ไท่ซ่างหวงให้เงื่อนไขการรับสิ่งยืนยันสามชิ้นนี้ไว้กับเซียวหลันยวนนั่นคือต้องอภิเษกแม้นางจะไม่ค่อยเข้าใจ ว่าเพราะอะไรจึงตั้งเงื่อนไขเช่นนี้ แต่ตอนนี้นางเองก็ต้องแบกความรับผิดชอบนี้ ให้ผู้นำตระกูลฮู่ส่งสิ่งยืนยันแก่เซียวหลันยวน"ข้ามองออกว่าพวกท่านรักกันอย่างลึกซึ้ง ไท่ซ่างหวงถ้ารู้ขึ้นมา ก็น่าจะชื่นชมอย่างมากแน่" ผู้นำตระกูลฮู่ตอนที่พูดประโยคนี้ก็ชื่นชมอย่างมากแล้วฟู่จาวหนิงอยากจะพูดมาก ว่าท่านมองจากตรงไหนว่าพวกเขารักกันอย่างลึกซึ้ง?"อ๋องเจวี้ยน พวกเราตระกูลฮู่ละอายต่อไท่ซ่างหวงเหลือเกิน ข้าไม่ได้สั่งสอนลูกหลานให้ดี จนเกือบจะทำสิ่งยืนยันหายไปเสียแล้ว ตอนนี้สิ่งของซ่อนอยู่ในตะกร้าถักทอของแม่นางน้อยคนหนึ่ง บ้านของแม่นางน้อยคนนั้นอยู่ที่"หลังจากที่ได้ยินตำแหน่งที่ผู้นำตระกูลฮู่แจ้งออกมาฟู่จาวหนิงก็ถลึงตาโต แทบอยากจะหมุนตัวออกไปทันทีเซียวหลันยวนรีบคว้าข้อมือไว้แน่น ฟังคำพูดของผู้นำตระกูลฮู่จบผู้นำตระกูลฮู่ฟังเรื่องนี้จบ รู้สึกว่าตนเองเสร็จสิ้นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว
หลินอันห่าวเก็บของอยู่ข้างๆ นางเปิดห่อผ้าของตนเองออก นำสิ่งของด้านในออกมาวางทีละชิ้นๆ"ท่านแม่ พี่เสี่ยวเฟยให้เงินข้ามาสองตำลึง" นางหยิบเศษเงินชิ้นหนึ่งออกมา เอ่ยกับเซี่ยซื่อเซี่ยซื่อมองเข้ามา ยิ้มๆ "ดูท่าเสี่ยวเฟยจะชอบอันห่าวของพวกเรามาก""ใช่แล้ว เขาบอกว่าข้าเป็นคนที่สามที่เขาชอบ คนแรกคือพี่หญิงจาวหนิง คนที่สองคือท่านผู้เฒ่าฟู่ ถัดมาก็คือข้าแล้ว"เซี่ยซื่อยิ้มขึ้นมาอีกครั้งตอนนี้ดูท่าหลินอันห่าวจะดีขึ้นมาแล้วจริงๆ นางรู้สึกซาบซึ้งในใจต่อฟู่จาวหนิงหลินอันห่าวหยิบสิ่งของม้วนหนึ่งออกมาจากของตรงหน้าเหล่านั้น "เอ๋? ท่านแม่ นี่คืออะไรน่ะ? นี่ไม่ใช่ของของข้า"เซี่ยซื่อมองไปยังของในมือนางนั่นเป็นถุงที่ถักขึ้นจากหนังเลียงผาใบหนึ่ง รูปทรงกระบอกนางรับเข้ามา พลิกไปพลิกมาแล้วก็ดูอย่างละเอียด และพบว่าถุงใบนี้ถูกเย็บไว้สนิท ใช้นิ้วบีบๆ ดูก็คิดว่าข้างในน่าจะมีของอยู่ แต่วิธีการเย็บนี้ยอดเยี่ยมมาก เป็นแบบเข็มอำพราง เย็บไว้ด้านใน เย็บไว้สนิทมาก มองผาดๆ ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มแกะจากตรงไหน"ของสิ่งนี้มาจากไหนกัน?"เซี่ยซื่อเองก็ยืนยันว่านี่ไม่ใช่สิ่งของของพวกนาง"ไม่รู้" หลินอันห่าวมองอย่าง
ฟู่จาวหนิงพอมาถึงก็เจอกับเซี่ยซื่อที่หยิบของออกมา"จาวหนิง เจ้ากลับมาแล้วหรือ? ไม่เป็นไรใช่ไหม?"พอเห็นฟู่จาวหนิง เซี่ยซื่อก็ถอนใจโล่งนางกังวลฟู่จาวหนิงมาตลอด สถานที่นั้นดูแล้วอึมครึมมาก นางพักอยู่ที่เรือนตระกูลหลินตั้งนานแต่ก็ไม่เคยไปสถานที่นั้นเลย ถ้าไม่ใช่หลินอันห่าวพูดขึ้นมานางเองก็ลืมสถานที่นั้นไปแล้วตอนนี้สีฟ้าก็มืดขนาดนี้แล้ว ฟู่จาวหนิงยังอยู่ที่นั่น ไม่รู้ว่าไปเจอกับอะไรเข้า"ใช่ น้าเซี่ย ข้าไม่เป็นไร แต่ว่าข้ามีเรื่องต้องถามอันห่าวเสียก่อน"ฟู่จาวหนิงพอพุดจบ ก็มองเห็นสิ่งของในมือเซี่ยซื่อ"จริงด้วย เจ้าสิ่งนี้ ไม่รู้ว่าทำไมมาอยู่ในถุงของอันห่าว"เซี่ยซื่อส่งของต่อไปให้ฟู่จาวหนิง บอกกับนางเรื่องที่อันห่าวเพิ่งจะรื้อของออกมาเมื่อครู่ฟู่จาวหนิงรับของชิ้นนี้มา รู้สึกว่าโลกของเราบางครั้งมันก็ช่างบังเอิญเสียเหลือเกิน"น้าเซี่ย นี่เป็นของของชายแก่ที่หลินอันห่าวช่วยไว้ครั้งที่แล้ว ข้าเมื่อครู่พอเห็นข้าเห็นเขา เขาก็พูดออกมาว่า ข้ากำลังจะไปหาอันห่าวเพื่อถามไถ่ คิดไม่ถึงว่านางจะเอาของมาที่บ้านตระกูลฟู่แล้ว""มิน่าเล่า ข้าก็ว่าทำไมถึงไม่เคยเห็นของชิ้นนี้เลย เป็นของนางหรือ? ถ
"เขาอยู่ที่นั่น?""กลับเรือนนอนแล้ว""ข้าจะไปดูเสียหน่อย" ฟู่จาวหนิงเพิ่งพูดจบ"พระชายายังไม่ได้กินข้าวเย็นใช่ไหม? ข้าน้อยจะไปเตรียมให้ ท่านอ๋องเองก็ยังไม่ได้กิน จะไปกินกับท่านอ๋องหรือว่ากลับไปเรือนเจียนเจียเจ้าคะ?"หงจั๋วแม้จะถามความเห็นนาง แต่ก็ทำตาแป๋ว เห็นได้ชัดว่าอยากให้นางไปกินกับเซียวหลันยวนฟู่จาวหนิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก"ส่งไปที่เขาทางนั้นเถอะ""เจ้าค่ะ!"หงจั๋วหมุนตัวออกไปเตรียมอย่างยินดีฟู่จาวหนิงเดินตรงไปที่เรือนนอนเซียวหลันยวน ตอนนี้ไม่มีคนมาขวางนางแล้วเพียงแต่ตอนเข้าไปก็เห็นชิงอีรออยู่นอกประตูห้องหลัก นางยังรู้สึกแปลกหน่อยๆเพราะประตูปิดอยู่"พระชายา ท่านถามหาสิ่งยืนยันได้แล้วหรือไม่?" ชิงอีพอเห็นนางก็ตาเป็นประกาย รีบถามออกมา"ถามมาได้แล้ว"ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ประตูแล้วถามขึ้น"ท่านอ๋องเดิมทีซุ่มอยู่บ้านตระกูลหลิน คิดไม่ถึงว่าบ้านที่หลินอันห่าวพักอยู่แต่เดิมตอนนี้มีคนย้ายเข้าไปอยู่เสียแล้ว"ชิงอีเองก็กดเสียงลงต่ำอย่างลึกลับ "พระชายา ท่านรู้ไหมว่าคนที่เข้าไปอยู่คือใคร?"ฟู่จาวหนิงนึกถึงสิ่งที่หงจั๋วบอก ความผิดปกติหลังจากเซียวหลันยวนกลับมา ใจก็สั่นกึก "หรือ
ชิงอีปรับสีหน้าจริงจังในพริบตา ยืดหลังตรง "ข้าน้อยไม่ได้ว่าง!"พูดจบเขาก็วิ่งแล้ว "พระชายา ข้าน้อยจะไปยกข้าวปลามาให้พวกท่าน!"เขาวิ่งเร็วกว่าบินเสียอีกเซียวหลันยวนเปิดประตูเดินออกมา ฟู่จาวหนิงได้กลิ่นหอมวูบหนึ่ง กลั้นขำถามขึ้น "ที่นี่อาบน้ำแล้วด้วยหรือ?"เดิมทีพอเขากินข้าวเย็นเสร็จจึงจะอาบน้ำ นี่ออกมาจากบ้านตระกูลหลินถึงกับทนไม่ไหวจนต้องอาบก่อนเลยหรือ?เซียวหลันยวนเหลือบมองผาดหนึ่ง ไม่พูดอะไร"ท่านคงไม่ได้ ถูกคนเสียมารยาทมาหรอกกระมัง?" ฟู่จาวหนิงอยากจะขำขึ้นมาเสียให้ได้ "ถูกแม่นางตระกูลหลินกอดเอาหรือ? หอมเอา? หรือว่าลูบคลำเอา?"เซียวหลันยวนสีหน้าแย่ไปแล้วตอนนั้นหลินอี๋เจินเห็นเขาปรากฎตัวในห้อง ปฏิกิริยาแรกกลับไม่ใช่หวาดกลัวลนลาน แต่เป็นตกตะลึง จากนั้นก็ร้องเรียกพี่เขยมาคำหนึ่ง ถัดมาก็โถมตัวเข้าหาเขา ท่าทางพุ่งเข้าโอบกอดนั่น ตื่นเต้นเสียจนแก้มหน้าแดงเถือกไปหมด ทำให้เซียวหลันยวนรู้สึกแย่ไปหมดทั้งตัวจังหวะนั้นเขารู้สึกว่าตนเองเหมือนเป็นกระดูกชุ่มน้ำจิ้มท่อนหนึ่ง ส่วนหลินอี๋เจินคือสุนัขที่หิวโหยตัวหนึ่งเขาตอนนั้นจึงเลี่ยงตัวออกมาทันที แต่หลินอี๋เจินกลับหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่ง
พอเห็นสีหน้าเฉินฮ่าวปิง ใจของต่งฮ่วนจือก็เย็นลงมาทันทีทั้งที่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟู่จาวหนิงแล้วแท้ๆ แต่ว่าตอนนี้ เฉินฮ่าวปิงก็ยังใช้ประโยชน์จากเขา คิดจะให้เขาขัดขวางศิษย์น้องหญิงต่อให้เป็นเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้ นางก็ยังพูดออกมาโดยไม่หนักใจ แล้วขอให้เขาทำตามสิ่งที่นางต้องการต่งฮ่วนจือมองไปทางฮูหยินเฉิน เขายังดูคาดหวังอยู่ถึงอย่างไรฮูหยินเฉินก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว น่าจะรู้จักขอบเขตบ้างกระมัง?"เจ้าเองก็คิดแบบนี้หรือ? จะให้ข้าเก็บวัตถุดิบยาไว้จนกว่าฮ่าวปิงจะรวมเงินได้?"ฟังเอาเถอะ เขาพูดซ้ำออกมาอีกรอบหนึ่งก็ยังรู้สึว่าเป็นเรื่องไร้สาระเลยฮูหยินเฉินขมวดคิ้ว มองนางด้วยสายตาเศร้าๆแต่ก่อนพอเห็นสีหน้าเช่นนี้ของนาง ต่งฮ่วนจือก็จะรู้สึกปวดใจ อยากจะปกป้องนางขึ้นมา เขารู้ ว่านางเป็นผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง มีลูกสาวติดหนึ่งคน คอยหนีคนตามล่าอยู่ตลอด มันลำบากแค่ไหนถ้าหากเป็นไปได้ เขาเองก็อยากจะยืนบังลมบังฝนให้นาง เพราะแรกสุดเขารู้สึกชื่นชมนาง ชื่นชมความแข็งแกร่งและความรักของแม่จากตัวนางแต่สีหน้าต่อตัวเขาของฮูหยินเฉินตอนนี้ ต่งฮ่วนจือจู่ๆ ก็คิดขึ้นมาว่า อ๋องฉยงถึงอย่างไรก็หาพวกนางเจอแ
เฉินฮ่าวปิงมองต่งฮ่วนจือนางสามารถใช้วัตถุดิบยาของพันธมิตรโอสถทำการกุศลต่อได้ และยังพังแผนการของฟู่จาวหนิงได้อีก ทำให้นางไม่ได้รับวัตถุดิบยาหลังจากเฉินฮ่าวปิงกลับมาพูดเรื่องวันนี้กับฮูหยินเฉิน ฮูหยินเฉินโกรธมากดังนั้นนางจึงคิดวิธีนี้ออกมา รู้สึกว่าพวกนางตอนนี้รับมือฟู่จาวหนิงไม่ไหว แต่ถ้าลงแรงกับต่งฮ่วนจือทางนี้สักหน่อย สร้างความลำบากให้กับฟู่จาวหนิงได้บ้างก็ยังดีมีสิทธิ์อะไรที่จะยอมให้ฟู่จาวหนิงทำทุกอย่างได้ราบรื่นขนาดนั้น?ต่งฮ่วนจือถ้าหากขัดฟู่จาวหนิงได้ ไม่ใช่แค่ฟู่จาวหนิงจะไม่ชอบใจ แต่ผู้อาวุโสจี้ก็จะโกรธด้วย ถ้าผู้อาวุโสจี้โกรธ ฟู่จาวหนิงก็จะอารมณ์ไม่ดีดังนั้น ขอแค่กล่อมต่งฮ่วนจือ ก็จะทำได้ฟู่จาวหนิงอึดอัดได้ ดีจะตาย?ดังนั้น จึงได้เห็นเฉินฮ่าวปิงที่มาแสดงความอ่อนแอออดอ้อนต่งฮ่วนจือในตอนนี้นางรู้สึกว่า ความรักทีต่งฮ่วนจือมีให้นาง เรื่องนี้ไม่ใช่จะทำไม่สำเร็จแต่ตอนได้ยินคำพูดของนาง ต่งฮ่วนจือก็งงงันไปครู่หนึ่ง"ลุงต่ง..." เฉินฮ่าวปิงดึงแขนเสื้อของเขา "ได้ไหม?"ต่งฮ่วนจือดึงแขนเสื้อในมือนางกลับมา"เรื่องนี้ไม่ได้""ทำไมล่ะ?""อันดับแรก วัตถุดิบยาที่เจ้าคิดจะเอาไ
หลายปีก่อนที่เขาช่วยพวกนางแม่ลูกไว้ เฉินฮ่าวปิงยังเป็นเด็กสาวร่างผ่อนอ่อนแอ หลายปีนี้ยังถือว่าเขาเลี้ยงดูมาจนโต เขาแทบจะมองเฉินฮ่าวปิงเป็นลูกสาวตนเองไปแล้วแม้ตอนนี้นางเจอกับพ่อแท้ๆ แล้ว แต่พ่อแท้ๆ คนนั้นก็ไม่ใช่จะได้เรื่องกระมัง ต่งฮ่วนจือยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่เขาคิดคิด ยังคิดจะไปบ้านเล็กในซอยนั่นเพื่อหาเฉินฮ่าวปิงหลายวันนี้เฉินฮ่าวปิงก็ไม่ยอมพบเขา ทุกครั้งที่เขามา คนใช้ก็จะบอกว่าท่านหญิงไม่อยู่วันนี้เขามา แต่เฉินฮ่าวปิงกลับอยู่ และยังยอมพบเขาด้วยพอเข้ามาในบ้าน มาถึงเรือนหน้า ฮูหยินเฉินก็อยู่ด้วยแม่ลูกหันมามองนางพร้อมกัน สายตาของคนทั้งคู่ล้วนแดงก่ำ ดูแล้วน่าสงสารมาก เฉินฮ่าวปิงพอเห็นเขาก็ร้องไห้โฮออกมา"ลุงต่ง!"นางพุ่งเข้ามาหาต่งฮ่วนจือ สองมือดึงแขนเสื้อเขา ร้องไห้ตัวโยน "ท่านมาได้เสียที!"ก่อนหน้านี้เขาเข้ามาตั้งหลายครั้ง ก็ไม่ยอมออกมาเจอ ไม่ได้ว่าเขาไม่เคยมาเสียหน่อยแต่ต่งฮ่วนจือก็ไม่ได้พูดออกมา มองสภาพเฉินฮ่าวปิงแล้วเขาก็ยังคงปวดใจอยู่"ทำไมหรือ? เกิดอะไรขึ้น? อ๋อง อ๋องฉยงไม่ได้ช่วยเจ้าหรือ?"พอพูดถึงอ๋องฉยง เฉินฮ่าวปิงก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาเพราะวันนี้อ๋อง
ก่อนค่ำวันเดียวกันฟู่จาวหนิงให้สืออีไปเก็บตั๋วเงินพวกนี้มาแล้วกระทั่งองค์หญิงเจ็ดก็ยังไม่กล้าที่จะไม่ให้หลังจากให้สามพันตำลึงมาแล้ว คนเหล่านี้ก็ล้วนรู้สึกเหมือนเสียปราณชี่ขนานใหญ่ไป ไม่มีทั้งหน้าไม่มีทั้งเงิน แล้วยังหวาดผวา ไม่รู้หลังจากนี้จะมีเรื่องอะไรอีกถ้าเผื่อพระชายาอ๋องเจวี้ยนเอาเรื่องนี้ไปฟ้องอ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนมาหาเรื่องบ้านพวกเขาอีกจะทำอย่างไร?โดยเฉพาะคุณหนูสี่หลิน หลังจากกลับมาก็ได้ยินพี่สาวคนโตกับคนรองพูดถึงเฉินฮ่าวปิง จึงได้รู้ว่าพวกนางเดิมทีก็ดูถูกท่านหญิงปิงอวี้อยู่แล้วพ่อของนางกับพี่สาวนางเองก็กำลังเดาว่าอ๋องฉยงทำไมจึงยังอยู่ในเมืองหลวง ยังพูดอีกว่า ไม่ว่าจะเพราะเรื่องอะไร การที่องค์จักรพรรดิให้อ๋องฉยงอยู่ในเมืองต่อโดยไม่สนกฏ ต้องไม่ใช่เรื่องดี พวกเขากำลังพูดว่า หลังจากนี้จะต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่อ๋องฉยงอาจจะก่อความวุ่นวายอะไรขึ้น ไม่ต้องพูดถึงลูกสาวบ้านน้อยของเขาคนนั้นเลย?ในคำพูด คืออ๋องฉยงทำเรื่องไม่ถูกต้อง ลูกสาวบ้านน้อย ยังไม่ได้ทำเรื่องอะไรดีดีเลย แต่ดันไปขอยศท่านหญิงมาองค์จักรพรรดิก็ยังรับปากอีก ดูจะเลอะเลือนหน่อยๆแน่นอน พวกเขาแอบคุยเรื่องน
เซียวหลันยวนพูดพลางหัวเราะเสียงต่ำฟู่จาวหนิงเองก็ตกตะลึงไป "ผู้ตรวจการอันไปคุกคามองค์จักรพรรดิหรือ?"ถ้าหากผู้ประสบภัยทะลักเข้าเมืองหลวง เมืองหลวงก็จะวุ่นวาย องค์จักรพรรดิไม่อยากจะสนใจก็คงต้องสนใจแล้วแค่โรคระบาด องค์จักรพรรดิก็ยังกลัวจนไม่ประชุมเช้า ไม่ต้องพูดเรื่องผู้ประสบภัยนับหมื่นเลย? เขาได้ตกใจจนตายกันพอดี"ก็จริงนั่นล่ะ แต่นี่ก็เป็นเรื่องจริง แต่รายละเอียดด้านในที่นำไปปฏิบัติได้ก็มีเยอะมาก""แล้วองค์จักรพรรดิให้เงินบรรเทาภัยมาเท่าไร?""หนึ่งหมื่นตำลึง""ขี้เหนียว" ฟู่จาวหนิงเบ้ปากนางเองก็ยอมแล้ว ผู้ประสบภัยนับหมื่น แต่ให้เงินบรรเทาภัยมาหมื่นตำลึง? นางเค้นจากตัวพวกองค์หญิงเจ็ดยังได้มาตั้งสามหมื่นตำลึง"คลังหลวงว่างเปล่าแล้วจริงๆ""เอาเถะ พวกเราเองก็ลองไปเตรียมตัวดูก่อน ถ้าเงินไม่พอจริง ค่อยให้ผู้ตรวจการชิงกลับไปปล้นองค์จักรพรรดิอีก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นถ้ายังไม่เห็นสถานการณ์เมืองเจ้อกับตา ใต้เท้าอันหากคิดจะปล้นก็ปล้นลำบาก"อันเหนียนบอกว่าสามวันนั้นรีบไปหน่อย ขอเลื่อนไปวันหนึ่ง ข้าส่งคนไปดูลาดเลาก่อน ตอนพวกเจ้าไปถึงจะมีคนรอรับอยู่"เอาของไปด้วยตั้งมากมาย ตอนไปถึงต้อง
ผู้อาวุโสจี้รู้ว่า จะเตือนไม่ให้ฟู่จาวหนิงไปเมืองเจ้อนั้นเป็นไปไม่ได้การตัดสินใจที่นางพูดออกมา ไม่มีทางเปลี่ยนยิ่งไปวก่านั้น วิชาหมอของนางเองก็ดีขนาดนี้ ไปสถานที่แบบนั้นจะต้องช่วยเหลือชีวิตได้มากมายแน่นอน ผู้อาวุโสจี้ที่ทั้งใจเต็มไปด้วยความดีงามก็ไม่กล้าที่จะห้ามปรามแต่เขาเองก็ยังเป็นห่วงฟู่จาวหนิง"เมืองเจ้อทางนั้นผู้ประสบภัยมากเกินไป จะต้องวุ่นวายแน่นอน เจ้าไปที่นั่นความปลอดภัยเป็นปัญหา ต้องระวังหน่อย แล้วอ๋องเจวี้ยนจัดแจงให้แล้วหรือยัง? เจ้าคงต้องพาองครักษ์ไปมากหน่อย"ถึงแม้ถ้าผู้ประสบภัยก่อจราจลขึ้นมา ต่อให้มีองครักษ์มากแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้ แต่พาไปหน่อยก็ยังดีกว่าไม่พาไป"เจ้ามีของแปลกๆ ตอนสกัดยาเยอะไม่ใช่หรือ? ทำยาที่เอาไว้ทำให้คนล้มวงกว้างๆ ไว้เยอะหน่อย ถ้าถึงเวลาต้องใช้จริง เจ้าก็ไม่ต้องสนอะไร สาดยาออกไปเลย รักษาตัวเองไว้ก่อนเป็นสำคัญ""ฮ่าๆ ท่านอาจารย์ สอนลูกศิษย์แบบนี้ได้เหรอ?"ฟู่จาวหนิงอดขำขึ้นมาไม่ได้ ผู้อาวุโสจี้สอนให้นางใช้ยาสลบกับผู้ประสบภัยเนี่ยนะผู้อาวุโสจี้ถลึงตา "แค่นี้จะเป็นอะไรไป? ทำอะไรก็ต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อน ความปลอดภัยของเจ้าสำคัญที่สุด!""ข้าย
"ศิษย์น้องหญิงเจ้าไปงานรับบริจาคของฮ่าวปิงมาหรือ?" ต่งฮ่วนจือเงยหน้ามองนาง"เปล่า ข้าตบนางไปฉาดหนึ่งด้วยซ้ำ"ฟู่จาวหนิงไม่ไว้หน้าเขาเลย เอาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ตั้งแต่ต้นจนจบเล่าออกมาอย่างละเอียดรอบหนึ่ง"ดังนั้น ศิษย์พี่รอง ข้าตอนนี้ข้าจะเน้นกับท่านอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เข้าไม่ถูกกับเฉินฮ่าวปิง ถ้านางยังคิดจะมาทำอะไรต่อหน้าข้าอีกจะไม่จบแค่ตบหน้าแล้ว เรื่องที่นางทำมันโง่เง่ามาก ยิ่งไปกว่นั้นนางยังโกรธแค้นแล้วมองข้าเป็ฯศัตรูอีก"ฟู่จาวหนิงกดเสียงต่ำ "ก่อนหน้านี้ศิษย์พี่เป็นอะไรกับพวกนางข้าไม่สนใจ แต่หลังจากนี้ ถ้าหากศิษย์พี่ยังยืนยันจะยืนอยู่ฝั่งนางทางนั้น ยังคิดจะปกป้องนาง เช่นนั้นข้าก็จะขีดเส้นกั้นกับศิษย์พี่แล้ว"ผู้อาวุโสจี้มองต่งฮ่วนจือหน้าขรึม"หลายปีนี้เจ้าเอาแต่ปกป้องแม่ลูกอย่างพวกนาง แล้วมองไม่ออกถึงความใจร้ายของนังเด็กนั่นเลยหรือ? หลังจากนางถูกแต่งตั้งเป็นท่านหญิงก็ไม่มาสนใจเจ้าอีก เจ้าคิดว่านางยังจำบุญคุณของเจ้าได้ไหม? เจ้าคิดว่าตนเองกับนางมีความสัมพันธ์ฉันท์ครอบครัว แต่นางก็แค่หลอกใช้เจ้า""ถึงอย่างไรคนที่โง่แบบเจ้าก็มีไม่เยอะ! ต่งฮ่วนจือ ศิษย์น้องหญิงของเจ้าพู
ฟู่จาวหนิงถอนหายใจ"ศิษย์พี่ พวกเราจะซื้อวัตถุดิบยาในราคาเดิม ไม่ต้องลดราคา แค่นี้ได้ไหม?""ถ้าอย่างนี้ก็ได้อยู่...""ต่ง ! ฮ่วน ! จือ!"ผู้อาวุโสจี้โกรธเป็นฟืนไฟแล้วจริงๆ"ท่านอาจารย์ สงบลงก่อน" ฟู่จาวหนิงรีบเดินไปอยู่ข้างๆ ผู้อาวุโสจี้ รินน้ำชาให้กับเขา "ศิษย์พี่ทำงานอย่างเข้มงวด เข้าต้องทำตามกฏการทำงานของพันธมิตรโอสถ อย่าทำให้เขาลำบากใจเลย""อาจารย์ เรื่องนี้ไม่ได้จะคุยกันลกบาก ข้าแค่ต้องใช้เวลาไปคำนวณต้นทุนของวัตถุดิบยาชนิดต่างๆ หน่อย ถึงตอนนั้นก็จะคำนวณส่วนลดลงมาได้"ต่งฮ่วนจือลุกขึ้นยืน ไม่กล้านั่งลงมา"แต่ถ้าศิษย์น้องหญิงไม่ต้องการลดต้นทุนสี่ส่วนล่ะก็ ข้าทางนี้จะหักกำไรทั้งหมดออกได้ ยิ่งไปกว่นั้น พวกเรายังสามารถบริจาควัตถุดิบยาที่ค่อนข้างพิเศษบางอย่างได้นิดหน่อยด้วย ข้าทางนี้ยังมีส่วนที่เหลืออยู่ เพราะสาขาย่อยเมืองเจ้อทางนั้นไม่มีวัตถุดิบยาชนิดนี้ ดังนั้นสิ่งนี้ข้ามอบให้ได้..."ต่งฮ่วนจือพยายามจะอธิบาย"ตัวข้าเองก็ยังบริจาคเงินช่วยได้ เงินพวกนี้เอาไปเพิ่มกับเงินที่ซื้อวัตถุดิบยาก็พอแล้ว ท่านอาจารย์ ข้าไม่ได้ตระหนี่ถี่เหนียวเสียหน่อย""เฮอะ" ผู้อาวุโสจี้โมโหจนหัวเราะ "
ต่งฮ่วนจือหลายวันนี้ดูผ่านไปแบบซึมเศร้าอยู่ ตอนนี้สีหน้าก็ยังไม่ค่อยดีนัก พูดจาเองก็ยังไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเขาพยายามอธิบายจุดนี้"วัตถุดิบยาชุดใหญ่ที่อ๋องเจวี้ยนต้องการ ก็ล้วนเป็นวัตถุดิบยารักษาหวัดหรืออาการบาดเจ็บภายนอกทั้งนั้น เป็นของที่หาได้ทั่วไป แล้วก็เป็นพวกที่ราคาถูกำไรน้อยพวกนั้น หลายอย่างพวกเราเก็บกำไรแค่หนึ่งถึงสองส่วน รักษาไม่ให้พันธมิตรโอสถต้องขาดทุน ถ้าหากวัตถุดิบยาเหล่านี้ลดราคาต้นทุนไปสี่ส่วน บัญชีของพันธมิตรก็จะมีช่องว่างเบ้อเร่อเลย"ต่งฮ่วนจือบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างจนใจ "ศิษย์น้องหญิง ถ้าแบบนี้บัญชีที่ข้าต้องส่งให้พันธมิตรสาขาตอนครึ่งปีจะอธิบายลำบากเอา"เข้าใจ ก็คือ ขาดทุนนั่นล่ะฟู่จาวหนิงยังไม่ทันพูด ผู้อาวุโสจี้ก็ร้องเชอะขึ้นมา "นี่มีอะไรพูดลำบากกัน? ข้าบอกให้เจ้าโยนทั้งหมดมาที่ตัวข้าแล้ว""ท่านอาจารย์ นี่มันทำได้ที่ไหนกัน? ถึงอย่างไรข้าก็ดูแลสาขาของเมืองหลวงนะ เป็นข้าที่ต้องรับผิดชอบ" ต่งฮ่วนจือเองก็ทำเรื่องอย่างการผลักภาระทุกอย่างไปให้อาจารย์หมดไม่ได้"เจ้าเอาแต่กลัวนั่นกลัวนี่ กล้าๆ กลัวๆ ก็แค่เพราะเจ้าเพิ่งมารับช่วงดูแลที่นี่ กลัวจะทำเรื่องโดดเด่นออกมาไม่ได้