"คุณหนู" สืออีกลับยังกังวลมาก เขาเองก็อยากจะขวาง แต่ฟู่จาวหนิงไม่ฟังเขา นิ้วมือทาบลงไปบนชีพจรผู้นำตระกูลฮู่แล้วเขาทำได้แค่ปิดปากไว้เท่านั้นฟู่จาวหนิงจับชีพจรเขาอย่างละเอียด จากนั้นก็ตรวจสอบดวงตากับลิ้นของผู้นำตระกูลฮู่ กระทั่งยังมองที่หูของเขา และยังเคาะๆ ไปที่หัวใจของเขาด้วยตอนที่นางตรวจสอบอย่างละเอียด สืออีได้ยินเสียงเบาๆ ที่ด้านนอก เสียงแซ่กแซ่กดังขึ้นทีละเล็กละน้อย เหมือนเสียงเหยียบลงไปบนใบไผ่ที่ร่วงอยู่เต็มพื้นอย่างไรอย่างนั้น"่มีคนเข้ามาแล้ว"เสียงของสืออีกดต่ำ มือก็กำกระบี่ไว้แน่นผู้นำตระกูลฮู่ก็กระเสือกกระสนลุกขึ้นนั่ง ฟู่จาวหนิงยื่นมือกดลงไปบนบ่าของเขา "ท่านผู้นำตระกูลอย่าเพิ่งขยับตัว"นางเหมือนจะตรวจเจออะไรเข้าแล้วฟู่จาวหนิงหยิบเข็มเงินออกมา จากนั้นก็ล้วงขวดออกมาอีกใบหนึ่ง "ข่าจะไล่ตามรอยแมลงกู่ตัวนั้นสักหน่อย"ผู้นำตระกูลฮู่ตกตะลึง "ไล่ตามรอยแมลงกู่?"เขาก็เพิ่งจะเคยได้ยินวิธีเช่นนี้เป็นครั้งแรก ไล่ตามรอยแมลงกู่ ไล่ตามอย่างไร? นางรู้หรือว่าแมลงกู่ตัวนั้นซ่อนอยู่ที่ไหน?"บีบให้มันเคลื่อนไหวได้"ฟู่จาวหนิงหลังจากตรวจก็พบว่าร่างกายของผู้นำตระกูลแทบจะทนไม่ไหวแล
"ไม่ต้องรีบร้อน พวกเขาตอนนี้ยังไม่ลงมือแน่ เพราะว่าอีกฝ่ายจจะต้องอยากได้สิ่งยืนยันด้วยแน่นอน" ฟู่จาวหนิงขณะที่ลงเข็มอย่างรวดเร็วก็ยังเบนความสนใจมาคุยกับผู้นำตระกูลฮู่ได้อีกผู้นำตระกูลฮู่ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกหน่อยๆ เหมือนกันพระชายาอ๋องเจวี้ยนคนนี้ไม่ใช่หญิงสาวธรรมดาเลย"ท่านไม่กลัวหรือ?" เขาอดถามขึ้นมาไม่ได้นางตอนนี้มีทหารอยู่แค่คนเดียว และเขาก็มองออกแล้ว ว่านางไม่มีกำลังภายใน พูดว่าไม่มีวรยุทธ์เลยก็ได้ อีกฝ่ายถ้าโยนควันพิษเข้ามาในห้อง จะต้องเป็นพิษร้ายแรงอย่างแน่นอน"กลัวอะไร? พวกเขาไม่แน่ว่าจะต้องสังหารข้าเสียหน่อย" ฟู่จาวหนิงขณะที่ตอบคำถามนี้ก็ยังปักเข็มลงไปอีกหลายเข็มครั้งนี้ ผู้นำตระกูลฮู่รู้สึกว่าในมือของตนเองมีอะไรบางอย่างกำลังขยับตัวอยู่เขาไม่สนใจการเคลื่อนไหวภายนอกไปชั่วขณะ ร้องเสียงต่อขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ "อยู่ที่แขนขวาทางนี้!"ฟู่จาวหนิงไม่พูดพล่ามทำเพลง มีดผ่าตัดอยู่ในมือ พอกรีดวาดก็ตัดแขนเสื้อของเขาออก พอกระชาก แขนเสื้อทั้งแขนก็ถูกดึงลงมานางเห็นการกระโดดเคลื่อนไหวเล็กๆ บนแขนของผู้นำตระกูลฮู่ แทงเข็มหลายเล่มฉึกๆ เข้าไปตำแหน่งนั้นมีอะไรบางอย่างดิ้นขึ้นมาอีก ร
เข็มเล่มนี้ก็ไล่ออกไปได้จริงๆคนชุดดำนั่นรีบร้อนสลายตัวทันที แต่ฟู่จาวหนิงยิงเข็มออกไปอีกเล่มอย่างรวดเร็ว เล่มเมื่อครู่เป็นแค่ลูกไม้หลอก เล่มนี้ในมือนางต่างหากที่เป็นของจริงเข็มแทงเข้าไปในผิวหนัง อีกฝ่ายดึงออกในพริบตา"ต่อให้เจ้าจะใช้เข็มพิษ" ดึงออกเร็วขนาดนี้ มันจะส่งผลออกมาได้หรือ?แต่สมองเขาตอนที่คิดประโยคนี้ได้ครึ่งเดียว ก็รู้สึกว่าจุดที่ถูกเข็มเข้าไปของตนเองสูญเสียความรู้สึกไปแล้วเสียงตุบดังขึ้น เขาร่วงลงกระแทกพื้นอย่างหนักผู้นำตระกูลฮู่เห็นฟู่จาวหนิงลงมือก็จัดการคนชุดดำที่มีวรยุทธ์ไปได้ถึงสามคน จึงตกตะลึงนิ่งงันไปแล้วใครบอกว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนไม่มีวรยุทธ์กัน?ร้ายกาจขนาดนี้ยังจะบอกว่าไม่มีวรยุทธ์หรือ?แค่ยาเหล่านี้ที่นางสกัด ใครบ้างที่ไม่อยากได้? พอฉาบลงไปที่อาวุธลับกับดาบกระบี่ พลังทำลายล้างก็น่าตกตะลึงขึ้นทันทีสืออีเองก็จัดการไปแล้วหลายคน เข้าขวางอยู่เบื้องหน้าฟู่จาวหนิงด้านนอกมีการเคลื่อนไหวอีก มีคนถูกฝ่ามือลมซัดจนร่วงหนักๆ ไปบนพื้น และยังมีคนชุดดำที่พร้อมจะพุ่งเข้ามาในห้องอีกสองคนถูกแทงกระบี่เข้าไป ล้มฟุบเข้ามา"จาวหนิง!"ด้านนอกมีเสียงร้องรนกังวลดังขึ้น
"ใช่แล้ว นางเป็น" เซียวหลันยวนจับมือฟู่จาวหนิงไว้แน่นฟู่จาวหนิงปากขยับเล็กน้อย แต่ไม่พูดอะไรนางคิดออกแล้ว ไท่ซ่างหวงให้เงื่อนไขการรับสิ่งยืนยันสามชิ้นนี้ไว้กับเซียวหลันยวนนั่นคือต้องอภิเษกแม้นางจะไม่ค่อยเข้าใจ ว่าเพราะอะไรจึงตั้งเงื่อนไขเช่นนี้ แต่ตอนนี้นางเองก็ต้องแบกความรับผิดชอบนี้ ให้ผู้นำตระกูลฮู่ส่งสิ่งยืนยันแก่เซียวหลันยวน"ข้ามองออกว่าพวกท่านรักกันอย่างลึกซึ้ง ไท่ซ่างหวงถ้ารู้ขึ้นมา ก็น่าจะชื่นชมอย่างมากแน่" ผู้นำตระกูลฮู่ตอนที่พูดประโยคนี้ก็ชื่นชมอย่างมากแล้วฟู่จาวหนิงอยากจะพูดมาก ว่าท่านมองจากตรงไหนว่าพวกเขารักกันอย่างลึกซึ้ง?"อ๋องเจวี้ยน พวกเราตระกูลฮู่ละอายต่อไท่ซ่างหวงเหลือเกิน ข้าไม่ได้สั่งสอนลูกหลานให้ดี จนเกือบจะทำสิ่งยืนยันหายไปเสียแล้ว ตอนนี้สิ่งของซ่อนอยู่ในตะกร้าถักทอของแม่นางน้อยคนหนึ่ง บ้านของแม่นางน้อยคนนั้นอยู่ที่"หลังจากที่ได้ยินตำแหน่งที่ผู้นำตระกูลฮู่แจ้งออกมาฟู่จาวหนิงก็ถลึงตาโต แทบอยากจะหมุนตัวออกไปทันทีเซียวหลันยวนรีบคว้าข้อมือไว้แน่น ฟังคำพูดของผู้นำตระกูลฮู่จบผู้นำตระกูลฮู่ฟังเรื่องนี้จบ รู้สึกว่าตนเองเสร็จสิ้นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว
หลินอันห่าวเก็บของอยู่ข้างๆ นางเปิดห่อผ้าของตนเองออก นำสิ่งของด้านในออกมาวางทีละชิ้นๆ"ท่านแม่ พี่เสี่ยวเฟยให้เงินข้ามาสองตำลึง" นางหยิบเศษเงินชิ้นหนึ่งออกมา เอ่ยกับเซี่ยซื่อเซี่ยซื่อมองเข้ามา ยิ้มๆ "ดูท่าเสี่ยวเฟยจะชอบอันห่าวของพวกเรามาก""ใช่แล้ว เขาบอกว่าข้าเป็นคนที่สามที่เขาชอบ คนแรกคือพี่หญิงจาวหนิง คนที่สองคือท่านผู้เฒ่าฟู่ ถัดมาก็คือข้าแล้ว"เซี่ยซื่อยิ้มขึ้นมาอีกครั้งตอนนี้ดูท่าหลินอันห่าวจะดีขึ้นมาแล้วจริงๆ นางรู้สึกซาบซึ้งในใจต่อฟู่จาวหนิงหลินอันห่าวหยิบสิ่งของม้วนหนึ่งออกมาจากของตรงหน้าเหล่านั้น "เอ๋? ท่านแม่ นี่คืออะไรน่ะ? นี่ไม่ใช่ของของข้า"เซี่ยซื่อมองไปยังของในมือนางนั่นเป็นถุงที่ถักขึ้นจากหนังเลียงผาใบหนึ่ง รูปทรงกระบอกนางรับเข้ามา พลิกไปพลิกมาแล้วก็ดูอย่างละเอียด และพบว่าถุงใบนี้ถูกเย็บไว้สนิท ใช้นิ้วบีบๆ ดูก็คิดว่าข้างในน่าจะมีของอยู่ แต่วิธีการเย็บนี้ยอดเยี่ยมมาก เป็นแบบเข็มอำพราง เย็บไว้ด้านใน เย็บไว้สนิทมาก มองผาดๆ ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มแกะจากตรงไหน"ของสิ่งนี้มาจากไหนกัน?"เซี่ยซื่อเองก็ยืนยันว่านี่ไม่ใช่สิ่งของของพวกนาง"ไม่รู้" หลินอันห่าวมองอย่าง
ฟู่จาวหนิงพอมาถึงก็เจอกับเซี่ยซื่อที่หยิบของออกมา"จาวหนิง เจ้ากลับมาแล้วหรือ? ไม่เป็นไรใช่ไหม?"พอเห็นฟู่จาวหนิง เซี่ยซื่อก็ถอนใจโล่งนางกังวลฟู่จาวหนิงมาตลอด สถานที่นั้นดูแล้วอึมครึมมาก นางพักอยู่ที่เรือนตระกูลหลินตั้งนานแต่ก็ไม่เคยไปสถานที่นั้นเลย ถ้าไม่ใช่หลินอันห่าวพูดขึ้นมานางเองก็ลืมสถานที่นั้นไปแล้วตอนนี้สีฟ้าก็มืดขนาดนี้แล้ว ฟู่จาวหนิงยังอยู่ที่นั่น ไม่รู้ว่าไปเจอกับอะไรเข้า"ใช่ น้าเซี่ย ข้าไม่เป็นไร แต่ว่าข้ามีเรื่องต้องถามอันห่าวเสียก่อน"ฟู่จาวหนิงพอพุดจบ ก็มองเห็นสิ่งของในมือเซี่ยซื่อ"จริงด้วย เจ้าสิ่งนี้ ไม่รู้ว่าทำไมมาอยู่ในถุงของอันห่าว"เซี่ยซื่อส่งของต่อไปให้ฟู่จาวหนิง บอกกับนางเรื่องที่อันห่าวเพิ่งจะรื้อของออกมาเมื่อครู่ฟู่จาวหนิงรับของชิ้นนี้มา รู้สึกว่าโลกของเราบางครั้งมันก็ช่างบังเอิญเสียเหลือเกิน"น้าเซี่ย นี่เป็นของของชายแก่ที่หลินอันห่าวช่วยไว้ครั้งที่แล้ว ข้าเมื่อครู่พอเห็นข้าเห็นเขา เขาก็พูดออกมาว่า ข้ากำลังจะไปหาอันห่าวเพื่อถามไถ่ คิดไม่ถึงว่านางจะเอาของมาที่บ้านตระกูลฟู่แล้ว""มิน่าเล่า ข้าก็ว่าทำไมถึงไม่เคยเห็นของชิ้นนี้เลย เป็นของนางหรือ? ถ
"เขาอยู่ที่นั่น?""กลับเรือนนอนแล้ว""ข้าจะไปดูเสียหน่อย" ฟู่จาวหนิงเพิ่งพูดจบ"พระชายายังไม่ได้กินข้าวเย็นใช่ไหม? ข้าน้อยจะไปเตรียมให้ ท่านอ๋องเองก็ยังไม่ได้กิน จะไปกินกับท่านอ๋องหรือว่ากลับไปเรือนเจียนเจียเจ้าคะ?"หงจั๋วแม้จะถามความเห็นนาง แต่ก็ทำตาแป๋ว เห็นได้ชัดว่าอยากให้นางไปกินกับเซียวหลันยวนฟู่จาวหนิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก"ส่งไปที่เขาทางนั้นเถอะ""เจ้าค่ะ!"หงจั๋วหมุนตัวออกไปเตรียมอย่างยินดีฟู่จาวหนิงเดินตรงไปที่เรือนนอนเซียวหลันยวน ตอนนี้ไม่มีคนมาขวางนางแล้วเพียงแต่ตอนเข้าไปก็เห็นชิงอีรออยู่นอกประตูห้องหลัก นางยังรู้สึกแปลกหน่อยๆเพราะประตูปิดอยู่"พระชายา ท่านถามหาสิ่งยืนยันได้แล้วหรือไม่?" ชิงอีพอเห็นนางก็ตาเป็นประกาย รีบถามออกมา"ถามมาได้แล้ว"ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ประตูแล้วถามขึ้น"ท่านอ๋องเดิมทีซุ่มอยู่บ้านตระกูลหลิน คิดไม่ถึงว่าบ้านที่หลินอันห่าวพักอยู่แต่เดิมตอนนี้มีคนย้ายเข้าไปอยู่เสียแล้ว"ชิงอีเองก็กดเสียงลงต่ำอย่างลึกลับ "พระชายา ท่านรู้ไหมว่าคนที่เข้าไปอยู่คือใคร?"ฟู่จาวหนิงนึกถึงสิ่งที่หงจั๋วบอก ความผิดปกติหลังจากเซียวหลันยวนกลับมา ใจก็สั่นกึก "หรือ
ชิงอีปรับสีหน้าจริงจังในพริบตา ยืดหลังตรง "ข้าน้อยไม่ได้ว่าง!"พูดจบเขาก็วิ่งแล้ว "พระชายา ข้าน้อยจะไปยกข้าวปลามาให้พวกท่าน!"เขาวิ่งเร็วกว่าบินเสียอีกเซียวหลันยวนเปิดประตูเดินออกมา ฟู่จาวหนิงได้กลิ่นหอมวูบหนึ่ง กลั้นขำถามขึ้น "ที่นี่อาบน้ำแล้วด้วยหรือ?"เดิมทีพอเขากินข้าวเย็นเสร็จจึงจะอาบน้ำ นี่ออกมาจากบ้านตระกูลหลินถึงกับทนไม่ไหวจนต้องอาบก่อนเลยหรือ?เซียวหลันยวนเหลือบมองผาดหนึ่ง ไม่พูดอะไร"ท่านคงไม่ได้ ถูกคนเสียมารยาทมาหรอกกระมัง?" ฟู่จาวหนิงอยากจะขำขึ้นมาเสียให้ได้ "ถูกแม่นางตระกูลหลินกอดเอาหรือ? หอมเอา? หรือว่าลูบคลำเอา?"เซียวหลันยวนสีหน้าแย่ไปแล้วตอนนั้นหลินอี๋เจินเห็นเขาปรากฎตัวในห้อง ปฏิกิริยาแรกกลับไม่ใช่หวาดกลัวลนลาน แต่เป็นตกตะลึง จากนั้นก็ร้องเรียกพี่เขยมาคำหนึ่ง ถัดมาก็โถมตัวเข้าหาเขา ท่าทางพุ่งเข้าโอบกอดนั่น ตื่นเต้นเสียจนแก้มหน้าแดงเถือกไปหมด ทำให้เซียวหลันยวนรู้สึกแย่ไปหมดทั้งตัวจังหวะนั้นเขารู้สึกว่าตนเองเหมือนเป็นกระดูกชุ่มน้ำจิ้มท่อนหนึ่ง ส่วนหลินอี๋เจินคือสุนัขที่หิวโหยตัวหนึ่งเขาตอนนั้นจึงเลี่ยงตัวออกมาทันที แต่หลินอี๋เจินกลับหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่ง
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ
"หวานจัง"องค์หญิงนานฉือกินไปคำหนึ่ง ตาก็เป็นประกายขึ้นมา"ลูกชิ้นนี่เหนียวหนึบหนับดี เด้งและอ่อนนุ่ม น้ำแกงก็หวาดดี อร่อยจัง""ลูกชิ้นนี้ต้องใช้น้ำอุ่นที่อุณหภูมิพอดีมานวด ส่วนเวลาและแรงตอนที่นวดก็ต้องพิถีพิถันด้วย ท่านพี่เองก็ชอบกิน พีสะใภ้กินเยอะหน่อยๆ"องค์หญิงหนานฉือชอบกิน อันชิงจึงดีใจมากนางนั่งอยู่ตรงข้ามมององค์หญิงหนานฉือ รู้สึกว่านางดุมีเสน่ห์กว่าก่อนที่แต่งงานเสียอีก สวยจับใจจริงๆ"พี่ชายของเจ้า..."องค์หญิงหนานฉือหน้าร้อนขึ้นมาเดิมทีนางก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย แต่พอเจอกับเรื่องนี้ก็อดเขินอายขึ้นมาไม่ได้เหมือนักนพูดพูดถึงผู้ตรวจการอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือก็รู้สึกปากร้อนขึ้นมาหน่อยๆ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ตรวจการอันที่มีหน้าตางดงามอ่อนโยนมีการศึกษา จะเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์หนักหน่วงคนหนึ่งแบบนี้!หลายวันนี้ ทุกวันตอนกลางคืนเขาก็จะมาทรมานนางสองครั้ง หลังจากเสร็จประชุมเช้า เขาก็ยังกลับมาทรมานนางอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งก็ยังใช้เวลานาน นี่ทำเอานางหลายวันนี้มึนๆ งงๆ ร่างกายเมื่อยขบนอนไม่พอ ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยทุกมื้อล้วนมีคนส่งอาหารเข้ามาในห้อง นางเองก็ขี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนใจว่าองค์จักรพรรดิจะถามพวกอวิ๋นจูอย่างไรนางกลับมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง ครั้งนี้ย้ายของไปมากกว่าเดิม ถึงกับตกแต่งห้องขังนั้นขึ้นมาแล้วประตูห้องขังยังแขวนม่านเอาไว้ด้วย บนพื้นปูพรม บนเตียงยังมีฉากกั้นลมสูงครึ่งตัวคนอีก แล้วยังกั้นเป็นห้องเล็กๆ สามารถวางถังปลดทุกข์ใบหนึ่งได้ด้วยที่มุมยังมีแจกันดอกไม้ บนกำแพงติดเชิงเทียนเอาไว้ แล้วยังแขวนเครื่องหอมไว้อีกย้ายโต๊ะมาหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว แล้วยังมีเบาะรองนั่งอีกพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกก็ยังติดมา แล้วยังมีเตาเล็กสำหรับอุ่นชาอุ่นสุราอีกชุดหนึ่ง วางเครื่องลายครามที่ประณีตสวยงามเอาไว้องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนหลังจากย้ายของพวกนี้เข้ามาจัดวางแล้ว ห้องขังนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวหน้าคุกกับผู้คุมมองจนตาตั้งพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้ห้ามปราม แต่ฟู่จาวหนิงพูดมาคำเดียวว่า "ข้าบอกกับองค์จักรพรรดิแล้วว่ามาอยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋อง" พวกเขาก็ต้องก้มหน้ากลับไปหัวหน้าคุกรู้สึกว่าผิดปกติไปจริงๆ วิ่งไปรายงานกับหัวหน้า ตอนกลับมายังคิดจะรื้อของเหล่านี้ของฟู่จาวหนิงออก"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิให้อ๋องเจวี้ยนมาทบทวนตนเองให้
"ที่แท้การขังเอาไว้ในคุกใหญ่ก็ไม่เรียกว่าการลงโทษสินะ?""ฟู่จาวหนิง วันนี้เจ้าคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ข้ามีงานการอีกตั้งมาก ไม่มีเวลามาเสวนาไร้สาระกับเจ้านะ!" องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าแค่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็ปวดหัวเสียแล้วเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรนางจริงๆวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงสูงส่งมาก! ในใจเขายังรู้สึกว่าโชคดีมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของแคว้นเจา ถึงอย่างไรนางก็ยังมีญาติอยู่ที่เมืองหลวง ถึงอย่างไรตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีรากฐานอะไร ดังนั้นตอนที่เขาต้องการนางจริงๆ เขายังมั่นใจว่าตนเองจะบีบจุดอ่อนของนาง แล้วนำนางมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเองได้ใครให้วิชาแพทย์ต้องมาเจอกับหายนะเข้าในใต้หล้านี้กัน ปัจจุบันพวกหมอเก่งๆ ล้ำค่าจะตายไปก่อนหน้านี้แคว้นเจามีหมอเทวดาหลี่ พวกเขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอยู่ แต่พอเทียบกับฟู่จาวหนิง วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่กลับห่างชั้นอยู่ไกลโขเลยทีเดียวเพื่อวิชาแพทย์ของนาง ขอแค่นางไม่มาเหยียบเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำ องค์จักรพรรดิก็ยังมีความอ่อนข้อให้สูงลิบอยู่เพียงแต่ว่า นางนี่มันน่าโมโหเสียจริงองค์จักรพรรดิรู้สึกว่ายิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงมากแค่ไหนชีวิตเขาก็สั้นลงไปอีกหลายปี"แค่อยากจ
องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำของฟู่จาวหนิง หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดตึงขึ้นมา"อายวนเขามีอะไรต้องทุกข์ใจกัน? ไม่พอใจข้าที่ให้เขาไปนั่งทบทวนตนเองในคุกหรือ?"ถ้านางกล้าบอกว่าไม่พอใจล่ะก็...ในใจองค์จักรพรรดิยังกำลังคิด ว่าตอนที่นางพูดว่าไม่พอใจแล้วจะตอกนางกลับไปอย่างไร ก็ได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดออกมาคำหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ ใครบ้างที่ยินดีจะอยู่ในคุก?"องค์จักรพรรดิ: นี่ยังจะย้อนถามมาอีกหรือ?"แต่ต่อให้ไม่ยินดีก็มิอาจขัดราชโองการได้" ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ดูจำใจอย่างมาก "เขาเป็นทุกข์ก็คือพวกสาวงามที่องค์จักรพรรดิยัดเข้ไาปข้างกายนั่นมันน่าโมโหมาก องค์จักรพรรรดิให้พวกนางไปดูแลเขา ผลลัพธ์คือพวกนางทั้งหมดก็หนีไปกันเกลี้ยง!""หนีหรือ?"องค์จักรพรรดิเองก็เดินตามแนวคิดของนางโดยไม่รู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเลียนเสียงนางขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเขาจึงได้สติกลับมา อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ"ใช่ไหมล่ะ เกินไปจริงๆ องค์จักรพรรดิ อายวนอยู่ในคุำำใหญ่ออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเข้าวังมาบอกกับองค์จักรพรรดิ จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ต้อนรับสาวงามพวกนี้ แต่เจอเรื่องครั้งนี้เข้าไปก็ส่งผลกระทบกั