เข็มเล่มนี้ก็ไล่ออกไปได้จริงๆคนชุดดำนั่นรีบร้อนสลายตัวทันที แต่ฟู่จาวหนิงยิงเข็มออกไปอีกเล่มอย่างรวดเร็ว เล่มเมื่อครู่เป็นแค่ลูกไม้หลอก เล่มนี้ในมือนางต่างหากที่เป็นของจริงเข็มแทงเข้าไปในผิวหนัง อีกฝ่ายดึงออกในพริบตา"ต่อให้เจ้าจะใช้เข็มพิษ" ดึงออกเร็วขนาดนี้ มันจะส่งผลออกมาได้หรือ?แต่สมองเขาตอนที่คิดประโยคนี้ได้ครึ่งเดียว ก็รู้สึกว่าจุดที่ถูกเข็มเข้าไปของตนเองสูญเสียความรู้สึกไปแล้วเสียงตุบดังขึ้น เขาร่วงลงกระแทกพื้นอย่างหนักผู้นำตระกูลฮู่เห็นฟู่จาวหนิงลงมือก็จัดการคนชุดดำที่มีวรยุทธ์ไปได้ถึงสามคน จึงตกตะลึงนิ่งงันไปแล้วใครบอกว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนไม่มีวรยุทธ์กัน?ร้ายกาจขนาดนี้ยังจะบอกว่าไม่มีวรยุทธ์หรือ?แค่ยาเหล่านี้ที่นางสกัด ใครบ้างที่ไม่อยากได้? พอฉาบลงไปที่อาวุธลับกับดาบกระบี่ พลังทำลายล้างก็น่าตกตะลึงขึ้นทันทีสืออีเองก็จัดการไปแล้วหลายคน เข้าขวางอยู่เบื้องหน้าฟู่จาวหนิงด้านนอกมีการเคลื่อนไหวอีก มีคนถูกฝ่ามือลมซัดจนร่วงหนักๆ ไปบนพื้น และยังมีคนชุดดำที่พร้อมจะพุ่งเข้ามาในห้องอีกสองคนถูกแทงกระบี่เข้าไป ล้มฟุบเข้ามา"จาวหนิง!"ด้านนอกมีเสียงร้องรนกังวลดังขึ้น
"ใช่แล้ว นางเป็น" เซียวหลันยวนจับมือฟู่จาวหนิงไว้แน่นฟู่จาวหนิงปากขยับเล็กน้อย แต่ไม่พูดอะไรนางคิดออกแล้ว ไท่ซ่างหวงให้เงื่อนไขการรับสิ่งยืนยันสามชิ้นนี้ไว้กับเซียวหลันยวนนั่นคือต้องอภิเษกแม้นางจะไม่ค่อยเข้าใจ ว่าเพราะอะไรจึงตั้งเงื่อนไขเช่นนี้ แต่ตอนนี้นางเองก็ต้องแบกความรับผิดชอบนี้ ให้ผู้นำตระกูลฮู่ส่งสิ่งยืนยันแก่เซียวหลันยวน"ข้ามองออกว่าพวกท่านรักกันอย่างลึกซึ้ง ไท่ซ่างหวงถ้ารู้ขึ้นมา ก็น่าจะชื่นชมอย่างมากแน่" ผู้นำตระกูลฮู่ตอนที่พูดประโยคนี้ก็ชื่นชมอย่างมากแล้วฟู่จาวหนิงอยากจะพูดมาก ว่าท่านมองจากตรงไหนว่าพวกเขารักกันอย่างลึกซึ้ง?"อ๋องเจวี้ยน พวกเราตระกูลฮู่ละอายต่อไท่ซ่างหวงเหลือเกิน ข้าไม่ได้สั่งสอนลูกหลานให้ดี จนเกือบจะทำสิ่งยืนยันหายไปเสียแล้ว ตอนนี้สิ่งของซ่อนอยู่ในตะกร้าถักทอของแม่นางน้อยคนหนึ่ง บ้านของแม่นางน้อยคนนั้นอยู่ที่"หลังจากที่ได้ยินตำแหน่งที่ผู้นำตระกูลฮู่แจ้งออกมาฟู่จาวหนิงก็ถลึงตาโต แทบอยากจะหมุนตัวออกไปทันทีเซียวหลันยวนรีบคว้าข้อมือไว้แน่น ฟังคำพูดของผู้นำตระกูลฮู่จบผู้นำตระกูลฮู่ฟังเรื่องนี้จบ รู้สึกว่าตนเองเสร็จสิ้นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว
หลินอันห่าวเก็บของอยู่ข้างๆ นางเปิดห่อผ้าของตนเองออก นำสิ่งของด้านในออกมาวางทีละชิ้นๆ"ท่านแม่ พี่เสี่ยวเฟยให้เงินข้ามาสองตำลึง" นางหยิบเศษเงินชิ้นหนึ่งออกมา เอ่ยกับเซี่ยซื่อเซี่ยซื่อมองเข้ามา ยิ้มๆ "ดูท่าเสี่ยวเฟยจะชอบอันห่าวของพวกเรามาก""ใช่แล้ว เขาบอกว่าข้าเป็นคนที่สามที่เขาชอบ คนแรกคือพี่หญิงจาวหนิง คนที่สองคือท่านผู้เฒ่าฟู่ ถัดมาก็คือข้าแล้ว"เซี่ยซื่อยิ้มขึ้นมาอีกครั้งตอนนี้ดูท่าหลินอันห่าวจะดีขึ้นมาแล้วจริงๆ นางรู้สึกซาบซึ้งในใจต่อฟู่จาวหนิงหลินอันห่าวหยิบสิ่งของม้วนหนึ่งออกมาจากของตรงหน้าเหล่านั้น "เอ๋? ท่านแม่ นี่คืออะไรน่ะ? นี่ไม่ใช่ของของข้า"เซี่ยซื่อมองไปยังของในมือนางนั่นเป็นถุงที่ถักขึ้นจากหนังเลียงผาใบหนึ่ง รูปทรงกระบอกนางรับเข้ามา พลิกไปพลิกมาแล้วก็ดูอย่างละเอียด และพบว่าถุงใบนี้ถูกเย็บไว้สนิท ใช้นิ้วบีบๆ ดูก็คิดว่าข้างในน่าจะมีของอยู่ แต่วิธีการเย็บนี้ยอดเยี่ยมมาก เป็นแบบเข็มอำพราง เย็บไว้ด้านใน เย็บไว้สนิทมาก มองผาดๆ ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มแกะจากตรงไหน"ของสิ่งนี้มาจากไหนกัน?"เซี่ยซื่อเองก็ยืนยันว่านี่ไม่ใช่สิ่งของของพวกนาง"ไม่รู้" หลินอันห่าวมองอย่าง
ฟู่จาวหนิงพอมาถึงก็เจอกับเซี่ยซื่อที่หยิบของออกมา"จาวหนิง เจ้ากลับมาแล้วหรือ? ไม่เป็นไรใช่ไหม?"พอเห็นฟู่จาวหนิง เซี่ยซื่อก็ถอนใจโล่งนางกังวลฟู่จาวหนิงมาตลอด สถานที่นั้นดูแล้วอึมครึมมาก นางพักอยู่ที่เรือนตระกูลหลินตั้งนานแต่ก็ไม่เคยไปสถานที่นั้นเลย ถ้าไม่ใช่หลินอันห่าวพูดขึ้นมานางเองก็ลืมสถานที่นั้นไปแล้วตอนนี้สีฟ้าก็มืดขนาดนี้แล้ว ฟู่จาวหนิงยังอยู่ที่นั่น ไม่รู้ว่าไปเจอกับอะไรเข้า"ใช่ น้าเซี่ย ข้าไม่เป็นไร แต่ว่าข้ามีเรื่องต้องถามอันห่าวเสียก่อน"ฟู่จาวหนิงพอพุดจบ ก็มองเห็นสิ่งของในมือเซี่ยซื่อ"จริงด้วย เจ้าสิ่งนี้ ไม่รู้ว่าทำไมมาอยู่ในถุงของอันห่าว"เซี่ยซื่อส่งของต่อไปให้ฟู่จาวหนิง บอกกับนางเรื่องที่อันห่าวเพิ่งจะรื้อของออกมาเมื่อครู่ฟู่จาวหนิงรับของชิ้นนี้มา รู้สึกว่าโลกของเราบางครั้งมันก็ช่างบังเอิญเสียเหลือเกิน"น้าเซี่ย นี่เป็นของของชายแก่ที่หลินอันห่าวช่วยไว้ครั้งที่แล้ว ข้าเมื่อครู่พอเห็นข้าเห็นเขา เขาก็พูดออกมาว่า ข้ากำลังจะไปหาอันห่าวเพื่อถามไถ่ คิดไม่ถึงว่านางจะเอาของมาที่บ้านตระกูลฟู่แล้ว""มิน่าเล่า ข้าก็ว่าทำไมถึงไม่เคยเห็นของชิ้นนี้เลย เป็นของนางหรือ? ถ
"เขาอยู่ที่นั่น?""กลับเรือนนอนแล้ว""ข้าจะไปดูเสียหน่อย" ฟู่จาวหนิงเพิ่งพูดจบ"พระชายายังไม่ได้กินข้าวเย็นใช่ไหม? ข้าน้อยจะไปเตรียมให้ ท่านอ๋องเองก็ยังไม่ได้กิน จะไปกินกับท่านอ๋องหรือว่ากลับไปเรือนเจียนเจียเจ้าคะ?"หงจั๋วแม้จะถามความเห็นนาง แต่ก็ทำตาแป๋ว เห็นได้ชัดว่าอยากให้นางไปกินกับเซียวหลันยวนฟู่จาวหนิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก"ส่งไปที่เขาทางนั้นเถอะ""เจ้าค่ะ!"หงจั๋วหมุนตัวออกไปเตรียมอย่างยินดีฟู่จาวหนิงเดินตรงไปที่เรือนนอนเซียวหลันยวน ตอนนี้ไม่มีคนมาขวางนางแล้วเพียงแต่ตอนเข้าไปก็เห็นชิงอีรออยู่นอกประตูห้องหลัก นางยังรู้สึกแปลกหน่อยๆเพราะประตูปิดอยู่"พระชายา ท่านถามหาสิ่งยืนยันได้แล้วหรือไม่?" ชิงอีพอเห็นนางก็ตาเป็นประกาย รีบถามออกมา"ถามมาได้แล้ว"ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ประตูแล้วถามขึ้น"ท่านอ๋องเดิมทีซุ่มอยู่บ้านตระกูลหลิน คิดไม่ถึงว่าบ้านที่หลินอันห่าวพักอยู่แต่เดิมตอนนี้มีคนย้ายเข้าไปอยู่เสียแล้ว"ชิงอีเองก็กดเสียงลงต่ำอย่างลึกลับ "พระชายา ท่านรู้ไหมว่าคนที่เข้าไปอยู่คือใคร?"ฟู่จาวหนิงนึกถึงสิ่งที่หงจั๋วบอก ความผิดปกติหลังจากเซียวหลันยวนกลับมา ใจก็สั่นกึก "หรือ
ชิงอีปรับสีหน้าจริงจังในพริบตา ยืดหลังตรง "ข้าน้อยไม่ได้ว่าง!"พูดจบเขาก็วิ่งแล้ว "พระชายา ข้าน้อยจะไปยกข้าวปลามาให้พวกท่าน!"เขาวิ่งเร็วกว่าบินเสียอีกเซียวหลันยวนเปิดประตูเดินออกมา ฟู่จาวหนิงได้กลิ่นหอมวูบหนึ่ง กลั้นขำถามขึ้น "ที่นี่อาบน้ำแล้วด้วยหรือ?"เดิมทีพอเขากินข้าวเย็นเสร็จจึงจะอาบน้ำ นี่ออกมาจากบ้านตระกูลหลินถึงกับทนไม่ไหวจนต้องอาบก่อนเลยหรือ?เซียวหลันยวนเหลือบมองผาดหนึ่ง ไม่พูดอะไร"ท่านคงไม่ได้ ถูกคนเสียมารยาทมาหรอกกระมัง?" ฟู่จาวหนิงอยากจะขำขึ้นมาเสียให้ได้ "ถูกแม่นางตระกูลหลินกอดเอาหรือ? หอมเอา? หรือว่าลูบคลำเอา?"เซียวหลันยวนสีหน้าแย่ไปแล้วตอนนั้นหลินอี๋เจินเห็นเขาปรากฎตัวในห้อง ปฏิกิริยาแรกกลับไม่ใช่หวาดกลัวลนลาน แต่เป็นตกตะลึง จากนั้นก็ร้องเรียกพี่เขยมาคำหนึ่ง ถัดมาก็โถมตัวเข้าหาเขา ท่าทางพุ่งเข้าโอบกอดนั่น ตื่นเต้นเสียจนแก้มหน้าแดงเถือกไปหมด ทำให้เซียวหลันยวนรู้สึกแย่ไปหมดทั้งตัวจังหวะนั้นเขารู้สึกว่าตนเองเหมือนเป็นกระดูกชุ่มน้ำจิ้มท่อนหนึ่ง ส่วนหลินอี๋เจินคือสุนัขที่หิวโหยตัวหนึ่งเขาตอนนั้นจึงเลี่ยงตัวออกมาทันที แต่หลินอี๋เจินกลับหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่ง
ฟู่จาวหนิงชะงักไป คิดถึงอะไรได้ขึ้นมา เชิดคางขึ้นมาทันที "ท่านทำไมไม่ลองคิดดูหน่อยว่าเพราะอะไรข้าถึงไป!"สิ่งยืนยันสามชิ้นนี้ยังอยู่กับนางทางนี้นะ ยังจะเอาอีกไหมเนี่ย?เซียวหลันยวนไม่สนใจสิ่งยืนยันแล้วจริงๆ หรือว่าปฏิกิริยาเชื่องช้าเกินไป หลังจากนางมาถึงเขาก็ไม่ถามเรื่องสิ่งยืนยันมาโดยตลอด และไม่ให้นางรีบไปดูผู้นำตระกูลฮู่ก่อนอีกด้วย"ได้มาแล้วหรือ?"เซียวหลันยวนตอนนี้จึงมองนาง ดูแล้วไม่ลนไม่ลานอะไร ไม่ร้อนรนเลยจริงๆ"ผู้อาวุโสฮู่เป็นอย่างไรบ้าง?""อยู่ที่จวนอ๋อง นอนหลับไปแล้ว ไม่เป็นอะไรแล้ว""เช่นนั้นพวกเรากินข้าวกันก่อน ข้าหิวแล้ว" ฟู่จาวหนิงผ่อนคลายลงทันที นางหิวจนไม่ไหวแล้วคำตอบที่เซียวหลันยวนให้กับนางคือตักน้ำแกงให้นางชามหนึ่ง วางไว้ตรงหน้านางหงจั๋วกับเฝิ่นซิงถอยไปอยู่ข้างๆ พวกนางเองก็พบแล้ว ว่าตอนที่ท่านอ๋องกับพระชายากินข้าวด้วยกันพวกนางทั้งสองก็ไม่มีหน้าทีอะไรแล้ว เรื่องตักกับข้าวตักน้ำแกงพวกนี้ แน่นอนว่ามีท่านอ๋องมาจัดการให้พวกนางสบตากันผาดหนึ่ง เม้มริมฝีปากแอบหัวเราะขึ้นมาพอเห็นท่าทางเช่นนี้ของท่านอ๋องและพระชายาแล้วจะไม่มีอารมณ์รักใครกันได้อย่างไร? พวกเขาน่าจะไ
"ขาดวัตถุดิบยาน่ะ ถ้ามีวัตถุดิบยาก็สกัดออกมาได้ เป็นเหมือนกับยาไล่งูเลย มีวัตถุดิบยาบางอย่างสามารถทำให้พวกยุงงูแมลงรังเกียจได้อยู่"ดังนั้นนางจึงไม่รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องไม่น่าเชื่ออะไรโดยเฉพาะหลังจากที่ช่วยลูกพี่ที่อยู่ในโลกวิชาแพทย์สองคนนั้นในอดีต นางก็ยังแลกเปลี่ยนกับพวกเขาอยู่ไม่น้อย พวกเขาเองก็สอนนางมาไม่น้อยเหมือนกันฟู่จาวหนิงตอนนั้นก็เคยค้นคว้ามาแล้วแต่เพราะในวันปกติก็แทบจะสัมผัสไม่ถึงคนป่วยกลุ่มนี้เลย นางเองจึงไม่ได้ตั้งอกตั้งใจสกัดยาในด้านนี้ต่อนางถึงกับเอายาที่รับมือกับแมลงกู่ไปเทียบกับยาไล่งูเนี่ยนะ?เซียวหลันยวนได้ยินก็อดขำไม่ได้"เจ้าไม่ใช่คนของพันธมิตรโอสถใต้หล้าหรอกหรือ? ลองไม่พึ่งผู้อาวุโสจี้แล้วไปออกรวบรวมวัตถุดิบยาที่ต้องการมาสร้างถุงยาดู"เขาเองไม่ได้กังวลเท่าไรเลย แต่กลับกังวลนางอยู่หน่อยๆ"ไว้ข้าจะไปถามท่านอาจารย์ดู" ฟู่จาวหนิงพยักหน้า"ผู้อาวุโสฮู่ทางนี้""ช่วยออกมาได้แล้ว แม้จะค่อนข้างยุ่งยาก แต่ก็ช่วยไว้ได้แล้ว""ระหว่างทางที่ผู้อาวุโสฮู่กลับมาก็มอบคำสั่งเสียไว้ไม่น้อยเลย มองออกว่าเขารู้สึกว่าตนเองช่วยไว้ไม่ได้แล้วจริงๆ คงจะรอดได้ไม่กี่วัน" เซียว
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้